13/6/54

FF7 (AU) advent children: ตามหาพี่ชาย....ยยยยยยย! (End)


Shonen ai Warning : รังสีอัลตราไวโอเล็ตรุนแรงเล็กน้อย (คิดว่านะ) แต่รับรองว่ายังปลอดภัยต่อสุขภาพ


Title : ตามหาพี่ชาย....ยยยยยยย!


Author : jes

Pairing :
ไม่มี๊...ไม่มี (จริงเร้อ!)

Disclaimer :
ตัวละครเป็นลิขสิทธิ์ของ square enix ค่ะ ไอเดียนี้เกิดขึ้นเพราะความเซ็งตอนฟังสัมมนา เพื่อถ่วงหนังตาไว้ไม่ให้หลับคาโต๊ะเลยขีดๆ เขียนๆ ฟิคมันแก้เบื่อ เลยได้ฟิคนี้ออกมา

Intro : เขียนตามใจอยากค่ะ เนื้อหาเลยไม่ตรงเนื้อเรื่องหลักและค่อนข้างไร้สาระ คิดว่าอ่านเอาสนุกแล้วกันนะเจ้าคะ ตามพล็อตเรื่องคราวนี้ตัวละครหลักจะเป็นฝ่ายชินระทั้งหมด เซฟจัง แซคกี้ แองจีล และเจเนซิสเลยได้มีบทกะเค้าบ้างหลังโดนเจสดองเก็บไว้ไม่เห็นหน้าค่าตาในฟิค brother เลยสักคน (เปลี่ยนมาดองบทเอริธ ทีฟ่า แบร์เร็ต และพวกพ้องคนอื่นๆ แทน -*-)  

แต่แค่อ่านชื่อเรื่องก็รู้แล้วใช่มะว่า...หนีไม่พ้นคลาวด์คุงกับแก๊ง 3 หนุ่มผมเงินตามเคย

ปล. เจสเป็นแม่ยกคลาวด์ค่ะ (หรือจะพูดให้ถูกคือ เซฟี่คลาวด์) อย่าว่าคลาวด์กันเลยนะ ถึงจะยอมรับว่าหมอนี่พึ่งไม่ค่อยได้จริงๆ ก็เหอะ!

-----------------------------------------------------------------------


ความรู้สึกของเมื่อวานกับวันนี้ช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

...เมื่อวาน พวกเขาเจอพี่ชาย เจอ ญาติ เพียงคนเดียวที่ยังเหลืออยู่ ทางพี่ชายเอง..แม้จะดูกึ่งกังวลกึ่งสับสนไม่น้อยแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร พาให้โล่งใจว่าพี่ชายคงเปิดใจยอมรับพวกเขาได้ไม่ยาก

...เมื่อวาน เป็นค่ำคืนแรกที่นอนหลับได้อย่างสนิทใจนับแต่มาอยู่ที่มิดการ์ ฝันหวานถึงวันพรุ่งนี้และวันต่อๆ ไปที่จะได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา 4 คนพี่น้อง

แต่

...วันนี้ ความเชื่อ ความฝันที่มีมาพังทลาย ...ความสุขสมหวัง ความสบายใจที่เพิ่งจะได้รับลบเลือนหายไม่ต่างอะไรกับสายหมอกยามเช้าต้องแสงอาทิตย์

...วันนี้ไม่มีแม่ ไม่มีพี่ชาย ไม่มี..แม้ตัวตนของตัวเอง

เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่จู่ๆ ประตูห้องก็เปิดออก ตามมาด้วยแสงไฟสว่างจ้าจนคน 3 คนที่นั่งซุกตัวเบียดกันอยู่ที่มุมห้องต้องรีบหลับตาลงพลางก้มหน้าหลบ

เสียงคุยกันดังขึ้นไม่กี่ประโยคก่อนที่เสียงกลิ่นอาหารร้อนๆ หอมกรุ่นจะโชยมาแตะจมูกที่สื่อความไปไม่ถึงสมอง จากนั้นก็มีเสียงเปิดปิดประตูห้องดังขึ้นอีกรอบ

ใครสักคนเดินเข้ามาใกล้แล้วทรุดตัวลงนั่งกับพื้นตามพวกเขา

คาดาจ ยาซู ลอซ

แค่ได้ยินเสียงกระซิบเรียกชื่อเบาๆ ดังขึ้นใกล้ๆ ...ความสับสน ความเสียใจที่อวลอยู่ในอก ความหวาดกลัว ความผิดหวังที่ผสมปนเปอยู่ในหัวใจก็รวมตัวกันเป็นน้ำตาที่ไหลพรากอย่างไม่อายใคร แต่แล้วแขนที่ยกขึ้นเตรียมจะเกาะเกี่ยวคนตรงหน้าไว้เสมือนเป็นที่พึ่งสุดท้ายกลับชะงักค้าง...

แต่ร่างนั้นกลับยิ่งขยับเข้าจนชิด อ้าแขนออกโอบกอดเด็กๆ ตรงหน้าไว้ แล้วใช้ปลายนิ้วปาดน้ำตาให้เบาๆ พลางกระซิบว่า

จะร้องไห้ทำไม ไม่เอาน่า...เพิ่งไปเที่ยวกลับมาแท้ๆ

“ขอโทษ ขอโทษนะ”

ลอซที่ทนไม่ไหวคว้าแขนข้างนึงของคลาวด์มากอดไว้เป็นคนแรก

“จะขอโทษทำไม ไม่มีใครทำอะไรผิดซะหน่อย”

“ขอโทษที่ทำให้ไม่สบายใจ ขอโทษที่แย่งแม่ไป ขอโทษที่ตู่เอาเองว่าเป็นพี่”

คาดาจสะอื้นจนตัวโยนพลางซบหน้าลงกับไหล่คนตรงหน้า ปล่อยให้น้ำตาเม็ดโตๆ ไหลซึมลงไปเปียกเสื้ออีกฝ่าย

...เพราะยึดติดกับ แม่และ พี่ชายมากกว่าใคร เมื่อทุกสิ่งกลายเป็นภาพลวงตาก็ย่อมเสียใจมากที่สุดเป็นธรรมดา

ฝ่ายปลอบยังคงปลอบต่อไป

“เรื่องมันนานมาแล้ว รื้อฟื้นไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา แล้วทุกคนก็ไม่ได้อยากให้เรื่องเป็นแบบนี้สักหน่อย”

“ก็..ก็...” ยาซูที่ขยับเข้ามากอดแขนข้างที่ยังว่างอยู่ไว้บ้างพูดตะกุกตะกัก “เพราะเรา...เอ่อ...ถึงไม่ได้อยู่กับแม่”  

“เรียก พี่ เหมือนเดิมก็ได้” คลาวด์หัวเราะเบาๆ “ถ้าเรียกแม่ว่า แม่ ก็ต้องเรียกฉันว่า พี่ ด้วยสิ ถึงจะถูก...”

พี่..พี่..ชาย...

แม้จะยังเรียกได้ไม่สนิทปากเหมือนเดิม แต่น้ำเสียงทุกคนก็ดีขึ้น สดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

“นั่นล่ะ ดีมาก” พี่ชายยิ้มกว้าง พลางยืนขึ้นแล้วดึงให้แต่ละคนลุกขึ้นตาม “ไปล้างหน้าก่อนแล้วมากินข้าวกัน ท่านรองฯ สั่งรูมเซอร์วิสไว้ให้ ป่านนี้คงเย็นหมดแล้ว เดี๋ยวเรากินไปคุยไปด้วยก็ได้”

......

“ทีนี้จะเอายังไงต่อไป”

“ไม่กลับบ้านได้มั้ย ฉันอยากอยู่กับพี่ชายที่นี่”

“กลับดีกว่า...แต่ต้องเอาพี่ชายกลับไปด้วย”

เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นท่ามกลางความมืด พยายามให้ค่อยอย่างยิ่ง เบาอย่างที่สุด เพื่อไม่ให้อีกคนที่กำลังหลับสนิทอยู่บนโซฟายาวมุมห้องได้ยินหรือตื่นขึ้นมา

“ดีจัง ที่พี่ชายไม่โกรธ ไม่เกลียด” ลอซคุงถอนใจเฮือก นึกไปถึงตอนที่กินข้าวด้วยกัน

“ที่แม่ทำแบบนั้น..คงเพราะทนเห็นพวกนายมีชีวิตและเติบโตขึ้นมาในห้องทดลองไม่ได้...เหมือนเซฟิรอธ...แม่เจ็บปวดทุกครั้งเวลาเห็นเซฟิรอธถูกปฏิบัติไม่ต่างอะไรกับสัตว์ทดลองที่เลี้ยงไว้เพื่อการวิจัย”

พี่ชายยิ้มเฝื่อนพลางวางช้อนลงทั้งๆ ที่ยังกินไปได้ไม่ถึงครึ่ง

“แล้วที่แม่ไม่พาไปด้วย...คิดดูแล้วถึงตอนนั้นจะไม่ได้ติดอยู่ในห้องทดลอง แม่ก็พาไปด้วยไม่ได้อยู่ดี เพราะถ้าหายไปทั้ง 2 คนแม่ลูก คนอื่นก็ต้องประติดประต่อเรื่องราวได้ว่าจริงๆ แล้วเกิดอะไรขึ้น ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียวน่ะ..รับมือพวกทาส์กกับโซลเยอร์ที่ออกตามล่าไม่ไหวหรอก”

...คลาวด์ยอมรับการตัดสินใจของแม่ แม้..มันไม่ต่างอะไรกับการแลกความสุขของตัวเองและลูกชายคนเดียวกับอิสรภาพของโคลนทดลอง 3 ชีวิตก็ตาม

“อยู่ที่นี่” คาดาจตัดสินใจแน่วแน่ “ถ้าเรา 3 คนเป็นโคลนอะไรนั่นจริง ก็ถือเป็น 1 ในความลับสุดยอดของชินระ ไอบริษัทบ้านี่..ยังไงซะก็ต้องเก็บพวกเรา..เก็บความลับเอาไว้ไม่ให้รั่วไหลออกไป แต่หลังจากนี้...คงต้องรับสภาพสัตว์ทดลองให้ได้”

“พี่ชายอยู่ไหน ฉันก็อยู่นั่น” คาดาจว่าไงลอซก็ว่าตามกัน “ก่อนหน้านี้เราทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เจอพี่ชาย ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรถ้าหลังจากนี้จะต้องทำอีกหลายๆ อย่างให้ได้อยู่ด้วยกัน”

“แล้ว....” ยาซูทำหน้าเบ้ “ฉันหมายถึง..โซลเยอร์ที่ดีที่สุดของชินระขณะนี้และเท่าที่เคยมีมา”

...เพราะไม่ค่อยถูกชะตา เลยจะอยากจะทำเป็นลืมๆ ไปซะว่า เซฟิรอธผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นต่างหากคือพี่ชายตัวจริง แต่ก็ทำไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะ...

...ลึกลงไปในแววตาเย็นชา อะไรสักอย่างภายใต้ใบหน้าปราศจากความรู้สึกนั่นยืนยันชัดเจนว่า

คนๆ นี้ไม่มีทางปล่อยมือจาก พี่ชายคนใหม่ ของพวกเขา

“ก็แย่งมาสิ” คาดาจยิ้มร้ายก่อนจะซุกหน้าลงกับหมอนแล้วหลับตา “เด็ก 3 ต่อผู้ใหญ่ 1 สมน้ำสมเนื้อดีออก”

เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นเป็นการยอมรับการตัดสินใจ สักพัก..ทั้งห้องก็มีแต่ความเงียบ

แต่...ทั้ง 3 คนหารู้ไม่ว่า......

...................

....................

“นี่...อะไรกันครับ”

หลังจากพาน้องๆ ผมเงินเข้าไปพบรูฟัสที่ห้องทำงานชั้นบนสุดตามคำสั่ง คลาวด์ก็ไปรับแฟ้มภารกิจของเซฟิรอธจากหน่วยกลางแล้วเอาขึ้นไปให้ที่ห้องพักเหมือนทุกที แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นนึกไม่ถึงเลยว่า...

“ปฏิบัติการตรวจสภาพเตาปฏิกรณ์ของชินระนอกพื้นที่ตามรายชื่อที่แนบมา ให้เวลาทั้งหมดไม่เกิน 3 เดือน ทั้งนี้ให้เริ่มออกเดินทางในอีก 3 วันข้างหน้า และต้องกลับมาที่หน่วยกลางทันทีหากมีคำสั่งเรียกตัวฉุกเฉิน”

คลาวด์มองไล่รายชื่อสถานที่ตั้งเตาปฏิกรณ์ตัวปัญหาจำนวนไม่น้อยแถมบางที่ยังเป็นพื้นที่มีปัญหาที่พวกทาส์กเองก็ยังสะสางไม่จบแล้วทำหน้านิ่ว แต่พอเงยหน้าขึ้นจากแฟ้มก็สบเข้ากับนัยน์ตาคมกริบแสนเย็นชาที่จ้องตรงมานิ่งๆ ไม่สะดุ้งสะเทือนกับภารกิจที่ได้รับมอบหมายเลยสักนิด

“ไม่อยากไป ? ”

“ปละ..เปล่าครับ” นัยน์ตาสีฟ้าเบิกกว้างพลางละล่ำละลักตอบด้วยความตกใจ “แค่คิดว่า...คือ..มันไม่ยุติธรรมที่ชินระให้คุณรับภารกิจนอกสถานที่มากแล้วก็นานขนาดนั้น”

...ถ้าเขาตาไม่ฝาด ในดวงตาสีเขียวใบไม้มีรอยความพอใจเล็กๆ ปรากฏขึ้นชั่วแวบก่อนจะเลือนหายไปในเวลาไม่กี่วินาที

“รูฟัสคงกินอะไรผิดสำแดงเข้าไปละมัง ถึงได้ประเคนงานนอกสถานที่ของเฟิร์สคลาสคนอื่นให้เซฟิรอธทำแทนหมด” แองจีลที่นั่งเอนๆ อยู่แถวโซฟารับแขกกระดกตัวลุกขึ้นนั่งพลางเหล่มองเจ้าของห้องอย่างรู้ทัน “คราวนี้ลำบากนายหน่อยล่ะ...ที่ต้องถูกผูกติดอยู่กับหมอนี่แทบจะตลอดเวลาแบบนี้”

“ไม่เป็นไรครับ ผมยินดี” คลาวด์ส่งยิ้มจริงใจให้พร้อมๆ กับลบความงุนงงสงสัยออกไปจากสมอง

...จะทำไมหรือเพราะอะไรก็ช่างเถอะ ขอแค่เซฟิรอธยอมให้เขาเดินตามหลังแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ก็พอ

แค่นี้...คลาวด์ สไตรฟ์ก็มีความสุขที่สุดแล้ว

............................

เซฟิรอธมองภาพที่แสนคุ้นตาตรงหน้าด้วยอาการนิ่งสงบ

...แน่นอน เต็มไปด้วยความสบายใจอย่างที่นานๆ ครั้งจะรู้สึก

คนตัวเล็กกำลังวุ่นวายตรวจสอบสัมภาระที่จะเอาติดตัวไปอีกครั้งให้แน่ใจว่าครบถ้วนและพร้อมจะออกเดินทางในวันรุ่งขึ้น

แม้จะไม่พอใจอยู่บ้างที่ต้องเริ่มต้นภารกิจแรกด้วยการพาเด็ก 3 คนนั่นไปศูนย์ฝึกโซลเยอร์ในจูน่อนเพื่อให้เรียนรู้วิถีการใช้ชีวิตแบบชินระก็ตาม แต่เวลาที่เหลือหลังจากแยกกันที่นั่นก็น่าจะยาวนานเพียงพอที่จะทำให้เด็กพวกนั้นยอมรับและเข้าใจว่า... ของของเขา ยังไงก็ต้องเป็นของเขาอยู่วันยังค่ำ

ต้องขอบคุณแองจีล หมอนั่นช่วยกระตุ้นให้เขาคิดหาคำตอบ

...ว่าทำไมเด็กหนุ่มตัวเล็กๆ แสนธรรมดา ที่ไม่มีอะไรพิเศษเลยคนนี้จึงกลายเป็น ของสำคัญ ไปได้

ทุกวันนี้...ชินระเห็นเขาเป็น อาวุธมีชีวิตที่เรียกใช้งานได้ตามสะดวก ทุกครั้งที่วาดมาซามุเนะออกสะบัดใส่คู่ต่อสู้ตามคำสั่งที่ได้รับมาก็ยิ่งรู้สึกว่าเขากำลังสูญเสียตัวตนที่มีอยู่ไปทีละน้อย เมื่อถึงวันที่ความเป็นตัวของตัวเองหมดไป ร่างกายนี้คงไม่ต่างอะไรกับสัตว์ประหลาดที่ทรงอำนาจและบ้าคลั่ง

แต่...ทุกครั้งที่เหลือบมองไปข้างหลัง ดวงตาสีฟ้าที่สดใสและซื่อตรงนั่นจะจับจ้องมาที่เขาเสมอ เมื่อจ้องลึกลงไป ภาพ เด็กหนุ่มผมเงินที่โอบกอดเด็กชายผมบลอนด์ตัวน้อยไว้ในอ้อมแขนที่เก็บซ่อนไว้ในส่วนลึกของหัวใจก็เหมือนจะปรากฏขึ้นตรงหน้า ความอบอุ่นและความรู้สึกในครั้งนั้นทำให้เขารู้สึกตัวและไม่เสียสติไปเสียก่อน


 “พี่ชาย”

ประตูห้องเปิดออกอย่างไม่มีเสียงเคาะอะไรทั้งนั้น ตามด้วยกลุ่มเด็กผมเงิน 3 คนที่เดินพาเหรดกันเข้ามาโดยไม่สนใจจะขออนุญาตผู้เป็นเจ้าของ

ร่างสูงพยักหน้ารับเมื่อร่างเล็กหันมามองเป็นเชิงขออนุญาต และเมื่อประตูปิดลงริมฝีปากของเซฟิรอธก็ประดับด้วยรอยยิ้มบางๆ

...เขาเลือกวิธีแกล้งทิ้งระยะห่างเพื่อล่อให้คลาวด์เป็นฝ่ายหลงเดินเข้ามาหา เด็กพวกนั้นยังต้องเรียนรู้อีกมากว่าการมุ่งแต่จะกระโจนเข้าใส่มีแต่จะทำให้ เป้าหมายวิ่งหนี

แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม

...คลาวด์ สไตรฟ์น่ะ

... ฉันไม่ยกให้หรอกนะ


………………………………


                                                                                                          Fin.
                                                                                                    12/06/2011


โอ้เย...จบแล้วค่ะ ในที่สุดก็จบจนได้ ^^ สารภาพว่าจริงๆ แล้วจบไม่ลงล่ะ พอคลายปมทั้งหลายที่ขมวดไว้หมดแล้วว่าใครเป้นใคร ใครน้องใครพี่ แล้วมันเกิดอะไรขึ้น ฯลฯ ก็ไม่รู้จะเขียนอะไรต่อดี เลยสรุปจบดีกว่า (จะได้ไปเขียนเรื่องอื่นต่อไง)

เนื้อเรื่องช่วงท้ายอาจอ่านไม่ค่อยเข้าใจนิดนึงนะคะ เพราะมาจากเนื้อหาใน side story 1 ตอนจบที่กำลังจะเขียนต่อไป ถ้าอ่านเรื่องนั้นแล้วจะเข้าใจยิ่งขึ้น

ตอบเมนต์ + ขอบคุณสำหรับทุกๆ คอมเมนต์ที่เป็นกำลังใจให้ค่ะ

คุณ wind_wander : TT^TT ไหดองมันทั้งหนาทั้งแข็งนะคะ จะทุบไหแต่ละทีมันแสนจะยากเย็น แต่ก็จะพยายามค่า ส่วน immortal eden นี่..ไม่ได้เข้าไปแวะเวียนนานแล้วเหมือนกันค่ะ แต่เท่าที่รู้ว่าช่วงหลังๆ สมาชิกหลายๆ คนว่างน้อยลงและส่วนใหญ่ก็เขียนนิยายแบบออริของตัวเองมากกว่าฟิคค่ะ ยังไงถ้าเจอสมาชิกที่เป็นผู้ดูแลเวบก็จะถามไถ่ข่าวคราวมาฝากค่ะ ส่วนที่คอมเมนต์ไม่ขึ้นนี่...จริงๆ ได้รับแล้วค่ะ แต่ไม่รู้ทำไมระบบถึงจัดเก็บว่าเป็นสแปมซะงั้น แต่ก็ย้ายกลับมาที่ช่องคอมเมนต์ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา

คุณคลาวด์ผู้โมเอ้ : จะบอกหลายทีแล้วว่าชอบชื่อนี้จัง ^^ เอ่อ..ให้คลาวด์เป็นว่าที่พี่สะใภ้นี่จะดีเหรอคะ แค่นี้ก็รู้สึกว่าพี่ชายตัวจริงมันไม่แยแสน้องเลยซักกะนิดนะน่ะ แบบนี้มันน่าจะเปิดศึกชิงนางกันมากกว่า 555+ แน่นอนว่ายังไงซะเซฟจังก็ต้องชนะวันยังค่ำ (คนเขียนมันลำเอียงนิ) ส่วนเรื่อง blue bonding ถ้าไม่บอกนี่ลืมไปแล้วนะนี่ เขียนค่ะเขียน แต่หลังจาก side story ของเรื่องนี้นะ