24/3/56

FF7’s AU fic : Kisses under the mistletoe


Author : jes

Pairing :
เซฟจัง+คลาวด์คุง

Disclaimer :
ตัวละครเป็นลิขสิทธิ์ของ square enix ค่ะถ้าลำดับเรื่องตามเวลาแล้วเรื่องนี้จะเกิดก่อน secret present (ฟิควันวาเลนไทน์ ที่มีของขวัญประหลาดส่งถึงเซฟิรอธ) และ cloud & lightening (ฟิคที่จับคลาวด์ไปแปลงร่างเป็นเจ๊ไลต์นิ่ง) เป็นฟิครับเทศกาลคริสมาสต์ที่เขียนไปครึ่งนึงแล้วไฟล์หาย เลยเกิดอาการเซ็งไม่เขียนมันใหม่ซะงั้น เปลี่ยนไปเขียน secret present แทน แต่ตอนนี้ไม่รู้ทำไมเกิดอาการอยากเขียนขึ้นมา.....

Intro :  “ในช่วงคริสมาสต์ หากสาวน้อยคนใดยืนอยู่ใต้ช่อมิสเซิลโทว์แบบไม่ได้ตั้งใจแล้ว จะไม่อาจปฏิเสธจุมพิตจากชายหนุ่มที่อยู่เคียงข้างได้”

ปล. เท่าที่เขียนมา ฟิคนี้คลาวด์คุงบทน้อยสุดแล้วล่ะ แถมไม่ต้องพูดอะไรสักคำอีกตะหาก (แต่บทดีนะ ^^)

ชี้แจงแถลงไข  ฟิคมันต่อกันเป็นซีรีย์นะคะ เวลาอ่านขอให้เริ่มจาก

1.    Kisses under the mistletoe  (ฟิควันคริสต์มาส)
2.    Secret present (ฟิควันวาเลนไทน์)
3.    Cloud & Lightening (ตอนต่อมาเฉยๆ เพราะคนเขียนเกิดอาการไลต์นิ่งฟีเวอร์)

-----------------------------------------------------------------------
                              

...ไร้สาระ

...ไร้สาระ

...นี่มันเป็นเรื่องไร้สาระอย่างที่สุด

คำๆ เดียวที่ดังก้องซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัวของสุดยอดโซลเยอร์แห่งชินระที่เอาแต่นั่งแปะอยู่บนเก้าอี้นวมตัวโตในห้องพักจิบกาแฟพร้อมถอนใจยาวเหยียด ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะยอมเสียสละเวลาพักผ่อนอันแสนจะหายากไปกับเรื่องราวไร้เหตุผล ไม่ได้เรื่องได้ราว และสุดแสนจะ “ไร้สาระ” ชนิดยากจะหาอะไรมาเปรียบแบบนี้ได้

............

..........

.......





....ไอซีเคิล

ดินแดนที่เต็มไปด้วยแผ่นน้ำแข็งและกองหิมะขาวโพลนไกลสุดลูกหูลูกตา สายลมเย็นยะเยียบกระโชกรุนแรงหอบพาเอาความหนาวเหน็บกรีดลึกเข้าไปถึงเนื้อในของกระดูก แถมท้ายด้วยบรรดาสัตว์ร้ายกระหายเลือดอีกจำนวนมหาศาลที่พร้อมจะบุกเข้าโจมตีได้ทุกเมื่อ  ทำให้ไม่แปลกอะไรที่โซลเยอร์คนไหนๆ ต่างก็พากันหลีกเลี่ยง ......ไม่ใช่เพราะเปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงจะเอาชีวิตไปทิ้งสูงกว่าที่อื่น แต่เป็นเพราะสภาพอากาศอันทารุณโหดร้ายที่พร้อมจะกัดกร่อนอารมณ์และความรู้สึกให้ผิดแปลกไปจากปรกติได้อย่างไม่น่าเชื่อ จนชินระถึงกับตั้งกฎเหล็กไว้ว่า...ใครก็ตามที่กลับจากไอซีเคิลต้องได้หยุดพักไม่ต่ำกว่า 3 วันเพื่อปรับสภาพจิตใจ

...แม้แต่กับ โซลเยอร์ผู้ยิ่งใหญ่อย่างเซฟิรอธก็ไม่ได้รับการยกเว้น

ภารกิจที่ไอซีเคิลของเขาและแซคเสร็จสิ้นลงและกลับมาถึงมิดการ์เมื่อสองวันก่อน แม้จะโล่งใจว่างานที่ได้รับมอบหมายเสร็จสิ้นลงด้วยดี แต่การประเมินผลทดสอบความสมดุลของจิตใจกลับระบุชัดเจนว่า ภาวะอารมณ์ของเขาไม่คงที่

...ความหงุดหงิด ความเบื่อหน่าย และความรู้สึกอื่นๆ อีกมากมายนับไม่ถ้วนล้วนสับสนปนเปกันจนไม่อาจทำความเข้าใจได้ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรกันแน่

มันช่าง....แตกต่างกันเหลือเกินกับอีกคนหนึ่งซึ่งยังคงสภาพเริงรื่นชื่นบานอยู่ได้ แถมตั้งแต่กลับมานี่...ดูจะยิ่งเฮฮาปาร์ตี้กระดี๊กระด๊ามากขึ้นกว่าเก่าอีกหลายเท่าตัว

นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่เซฟิรอธไม่เข้าใจ....ว่าเพราะอะไรผลประเมินสภาพอารมณ์ของแซคจึงอยู่ในระดับ “ปรกติ” จนเจ้าตัวต้องร้องโอดโอยโหยหวนครวญคร่ำร่ำไห้ขอความเห็นใจเป็นการใหญ่จนท้ายที่สุดก็ได้หยุดงานยาว 1 สัปดาห์เหมือนกันกับเขาจนได้

....ทำไม มันเป็นเพราะอะไร


“แซค นั่น....”

เซฟิรอธหรี่ตามองพืชแปลกๆ ที่ดูยังไงก็ไม่ต่างอะไรจากกิ่งเถาวัลย์สีเขียวอ่อนขนาดเล็กหลายกิ่งมัดรวมกันเป็นช่อแล้วผูกด้วยริบบิ้นสีแดงสดสลับกับสีทองในมืออีกฝ่ายอย่างไม่ค่อยไว้ใจ

....จู่ๆ ไม่รู้อะไรดลใจให้เจ้าเม่นจอมตืดยอมลงทุนควักกระเป๋าซื้อของไม่เข้าท่าในราคาสูงกว่าห้าพันกิลได้หน้าตาเฉย ซ้ำยังบรรจงจัดลงกล่องกันกระแทกเสียดิบดีก่อนหอบหิ้วเอาติดตัวกลับมามิดการ์ด้วยความทะนุถนอมอย่างที่สุด  

“ถ้านายคิดจะวางยาใครสักคนในชินระล่ะก็” เซฟิรอธเม้มริมฝีปากนิดๆ ขณะพยายามคิดหาความเป็นไปได้ที่สมเหตุสมผลมากกว่านี้ “ฉันขอแนะนำว่า....”

“ม่ายช่ายยยยย” แซคหัวเราะก๊ากพลางโบกไม้โบกมือไปมา แต่ก็ยังอุบไต๋ไว้ไม่ยอมอธิบายอะไรต่อ

“หรือจะเป็นตัวอย่างทดลองพิเศษของแผนกพัฒนาเวชภัณฑ์”

“เนี่ยเหรอ” เจ้าหัวเม่นยิ้มกริ่ม นัยน์ตาที่ทอดลงมอง ช่อกิ่งไม้ในมือเป็นประกายสดใสระคนเจ้าเล่ห์ผิดปรกติ “ก็ไม่ใช่อีกน่ะแหละ”

“งั้นก็...” คนถามพยายามระงับจิตระงับใจ ระงับโทสะที่เริ่มจะแผ่ออกมาเป็นริ้วๆ แต่ดูเหมือนแซคจะรู้สึกตัวเข้าซะก่อน เลยไม่ยั่วน้ำโหเขามากไปกว่านี้

“นี่มัน..มิสเซิลโทว์”

“หือ?”

คิ้วเรียวสีเงินขมวดมุ่นด้วยความงุนงง แต่แซคกลับฉีกยิ้มกว้างจนปากแทบจะถึงรูหู

“ได้หยุดยาวช่วงวันคริสมาสต์ทั้งทีแบบนี้ ก็ต้องมีอะไรพิเศษหน่อยสิ เอาน่า...พรุ่งนี้ ฉันจะเอาเจ้านี่ไปผูกไว้ที่ห้องพักกินกาแฟ ถ้าอยากเห็นอะไรดีๆ ก็ตามมาดู โอเคมะ”

ว่าแล้วโซลเยอร์รุ่นน้องก็ค่อยๆ เก็บช่อมิสเซิลโทว์ลงกล่องเบามือแล้วเดินฮัมเพลงหงุงๆ หงิงๆ ออกไปอย่างอารมณ์ดีสุดๆ ทิ้งให้โซลเยอร์รุ่นพี่มองตามหลังไปด้วยความรำคาญปนหงุดหงิด


...มิสเซิลโทว์กับวันคริสต์มาส

ทำไมเขาจะไม่รู้ ว่า....ในวันคริสต์มาส หากสาวน้อยคนใดบังเอิญยืนอยู่ใต้ช่อมิสเซิลโทว์โดยไม่ได้ตั้งใจแล้ว เธอคนนั้นจะไม่สามารถปฏิเสธจุมพิตจากชายหนุ่มที่ยืนอยู่เคียงข้างได้”

แต่ที่นี่...ชินระ

ผู้หญิงมีไม่ถึง 3 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือเป็นผู้ชายทั้งหมด

...เจ้าเม่นคิดจะเล่นอะไรแผลงๆ อีกแล้วสิท่า



กรุ๊งกริ๊งๆ

เสียงใสๆ ของกระดิ่งวันคริสต์มาสที่แซคเพิ่งเอาไปติดไว้หลังบานพับประตูห้องพักดังขึ้นเมื่อประตูถูกดึงจากด้านนอก

“มีเหยื่อเข้ามาติดกับแล้ว”

น้ำเสียงตื่นเต้นของแซคกระซิบบอกเซฟิรอธที่หลวมตัวจับพลัดจับผลูมาเป็นผู้สังเกตการณ์ (หรือผู้ร่วมขบวนการในความคิดของแซค) ก่อนจะยักคิ้วแผล็บแล้วก้าวยาวๆ ไปนั่งบนเก้าอี้นวมข้างโต๊ะวางสารพัดอุปกรณ์การชงกาแฟ

(เหยื่อ)สองคนแรกที่เดินเข้ามาข้างในคือพาลเมอร์กับรีฟ และเป็นรีฟที่เมื่อได้ยินเสียงกระดิ่งก็ยืนชะงักนิ่งหน้าประตูอยู่หลายอึดใจ สัญชาตญาณระวังภัยเตือนให้ระวังตัวว่าอาจมีสิ่งผิดปรกติเกิดขึ้น แต่สุดท้ายก็ไม่เห็นอะไร....

ขณะเดินตรงมายังโต๊ะตัวใหญ่กลางห้องที่วางสารพัดอุปกรณ์การชงการแฟไว้ นัยน์ตาสีเข้มที่เต็มไปด้วยความหวาดระแวงแบบไม่ปิดบังเหลือบมองไปทางเซฟิรอธที่นั่งทำหน้าไร้อารมณ์อยู่บนเก้าอี้นวมตัวใหญ่มุมห้องก่อนจะย้ายมาทางแซคที่นั่งยิ้มเผล่ทักทายอยู่บนเก้าอี้ข้างเคาท์เตอร์วางกระติกน้ำร้อนตรงหน้า แต่ทันทีที่เอื้อมมือไปหยิบถ้วยกาแฟ เงาไหวๆ ของอะไรบางอย่างที่ห้อยลงมาจากโคมไฟกลางห้องเหนือกองซองกาแฟสารพัดชนิดก็เตะลูกตาเข้าให้ พอเงยหน้าขึ้นไปมองชัดๆ ก็เล่นเอาเจ้าตัวถึงกับขนลุกซู่ด้วยความสยดสยอง

สีหน้าของรีฟขณะนี้ไม่รู้ว่าจะเรียกอะไรดี ระหว่างตกใจ ผะอืดผะอม และหวาดผวา มือที่ถือถ้วยกาแฟอยู่สั่นสะท้านจนต้องใช้อีกมือรองไว้ก่อนค่อยๆ เหลือบมองไปข้างๆ เมื่อเห็นตาอ้วนพาลเมอร์เอาแต่ชงกาแฟง่วนชนิดไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นก็รีบวางถ้วยกาแฟคืนที่แล้วชิ่งหนีให้พ้นรัศมีอันตรายทันที

...แบบนี้ถ้าต้อง จูบหรือ ถูกจูบล่ะก็ ขอกลั้นใจตายดีกว่า

“คุณรีฟไม่ดื่มกาแฟเหรอคร๊าบ....บ  โอ๊ย! อย่าน้า......”

เจ้าหัวเม่นที่ยังกลั้นเสียงหัวเราะได้ไม่สนิทดีส่งเสียงแซวแล้วก็ต้องเปลี่ยนเป็นร้องโวยวายยกใหญ่เมื่อรีฟที่เผ่นเข้ามายืนอยู่ใกล้ๆ แล้วพยายามจะหายใจให้ทั่วท้องอีกครั้งตั้งท่าจะประเคนแฟ้มหนาเตอะในมือใส่หัว

“โซลเยอร์เฟิร์สคลาสอย่างแซค แฟร์ จะชงกาแฟให้ฉันสักถ้วยได้มั้ยล่ะ จะถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง” รีฟยิ้มเย็นเมื่อเห็นพาลเมอร์เงยหน้าขึ้นมองโคมไฟแล้วเหลียวมองรอบตัวหาผู้โชคร้ายพร้อมรอยยิ้มประหลาดชวนเสียวไส้บนใบหน้า

“ไม่ดีมังฮะ เดี๋ยวไม่อร่อยขึ้นมาจะหาว่าผมไร้ฝีมือ” เจ้าเม่นตัวดีตีฝีปากกลับไปแล้วรีบโบ้ยภาระต่อให้อีกคนแถวนั้นทันที ไม่มีแยแสมาซามุเนะที่ถืออยู่ในมือเลยสักนิด

“เซฟิรอธแน่ะ ขอกาแฟให้........”


ยังไม่ทันพูดจบ เสียงพูดคุยดังลั่นอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของทาส์กหนุ่มผมแดงก็แว่วมาให้ได้ยินก่อนเห็นตัว จากนั้นชั่วอึดใจใหญ่ๆ เสียงกระดิ่งหน้าประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง


กรุ๊งกริ๊งๆ


“โอ๊ะโอ๋ มิสเซิลโทว์ ! ! ! !


แทบจะในทันทีที่ประตูเปิดออก เรโน่ก็ตาไวมองเห็นของที่ห้อยลงมาจากโคมไฟได้แบบไม่ต้องใช้เวลามาก ตามมาด้วยการก้าวยาวๆ เข้าไปกระตุกชายเสื้อสูทสุดเนี้ยบของคู่หูที่เดินนำหน้าเข้าไปยืนชงกาแฟอยู่ก่อนแล้ว

“เฮ้ย! รู้ด เขยิบเข้ามาใกล้ๆ ฉันอีกหน่อยเซ่ ยืนตรงนั้นมันไกล ไม่มีมู้ด” นัยน์ตาเจ้าหนุ่มผมแดงเป็นประกายปิ๊งปั๊งด้วยความถูกอกถูกใจที่จะได้แกล้งคน ผิดกับรู้ดที่พยายามปั้นหน้าให้นิ่งสงบหวังสยบทุกความวุ่นวาย

แต่...มันใช้ไม่ได้ผลกับคนอย่างเรโน่

“นายไม่มางั้นฉันไป มามะ มามะ มานี่....มาให้ป๋าจุ๊บสักทีน่ะ คัมมอน เบ่บี๊ ...เฮ้ย! แกนี่ อย่าหนีสิฟะ”

วินาทีต่อมา ทั่วทั้งห้องก็มีแต่เสียงโหวกเหวกโวยวายโว้กว้ากดังลั่นของเรโน่ที่ไม่สนใจตำแหน่งของมิสเซิลโทว์แต่สนุกสนานกับการวิ่งไล่ตะครุบรู้ดที่ต้องจิบกาแฟไปพลางวิ่งหนีเพื่อนซี้ที่ส่อเจตนาประทุษร้ายไปรอบๆ ห้อง ผสานไปกับเสียงหัวเราะของแซคและเสียงตะโกนเชียร์ของพาลเมอร์

เซฟิรอธเม้มริมฝีปากแน่น ไม่สนุกไปด้วยเลยสักนิด


กรุ๊งกริ๊งๆ


เสียงกระดิ่งหน้าประตูดังขึ้นอีกครั้ง....แต่ไม่ยักมีใครได้ยิน

จนมีเสียงรัวกำปั้นทุบผนังห้องแรงๆ ดังขึ้นเท่านั้นแหละเสียงเฮฮาสนั่นก็พลันเงียบกริบ ก่อนเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มแหยๆ ของเกือบทุกคนที่เหลือ 


“โอ๊ะโอ๋....ท่านรองฯ”

พอหันไปเห็นว่าใครคือผู้เข้ามาใหม่ เรโน่ก็รีบปล่อยคอเสื้อของรู้ดที่เพิ่งคว้าไว้ได้ทันที เล่นเอารู้ดที่ยังพยายามตะเกียกตะกายดิ้นหนีสุดชีวิตยั้งตัวไว้ไม่อยู่..ร่วงแผละลงไปนั่งกับพื้น

ข้างประตู...หัวหน้ากลุ่มทาส์กยืนอยู่  ...เสียงทุบผนังห้องเมื่อกี้คงเป็นฝีมือเส็ง

กลางห้อง....ชายหนุ่มผมทองในชุดสูทสีขาวล้วนยืนเท้าเอวนิ่งอยู่ใต้ช่อมิสเซิลโทว์พอดี ใบหน้านั้นแหงนเงยขึ้นนิดๆ นัยน์ตาสีเทาอมฟ้าเพ่งมองไปยัง ตัวก่อปัญหา ที่แขวนลงมาจากโคมไฟ พลันมือขวาที่เท้าเอวอยู่ก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ตามมาด้วยเสียงขึ้นไกปืนช็อตกันคู่ใจดัง......กริ๊ก

“เหวอ กาแฟครับท่านรองฯ กาแฟดำไม่ใส่น้ำตาลเหมือนเดิมนะครับ”

เมื่อเห็นว่าเป้ากระสุนคงไม่แคล้วช่อมิสเซิลโทว์แสนรัก แซคก็รีบถลาเข้าไปคว้าถ้วยกาแฟแล้วลงมือชงทันที (หวังเบี่ยงเบนความสนใจ)

“ได้แล้ว...ครับ”

พอกดน้ำร้อนเสร็จแล้วหมุนตัวมาส่งถ้วยกาแฟให้เท่านั้น รอยยิ้มแหะๆ แกมประจบของแซค แฟร์ ก็มีอันจืดเจื่อนเมื่อรู้ว่ารูฟัสยังคงยืนอยู่ที่เดิม และตัวเองก็อยู่ใกล้ชนิดห่างออกไปไม่ถึงก้าว ที่แย่ที่สุดคือ...นัยน์ตาคมกริบของอีกฝ่ายกำลังจับจ้องตรงมาพร้อมรอยยิ้มบางๆ เหยียดๆ ราวกับตัวเองเป็นเจ้าของโลกทั้งใบนี่สิ!

....แบบนี้ก็ แบบนี้มันก็.....โอ๊ย! ไม่ ไม่เอานะ

หนุ่มผมเม่นใจหายวาบ หลับตาปี๋ ทำหน้าย่นยู่บู้บี้ราวเด็กน้อยจอมซนที่กำลังจะถูกคนแปลกหน้ากระทำมิดีมิร้าย ในหัวเร่งคำนวณด่วนจี๋ว่าระหว่างการหลับหูหลับตายอมถูกจูบสักทีแลกกับการได้เป็นโซลเยอร์ต่อไป กับการกระแทกหน้ารองประธานบริษัทออกไปห่างๆ เพื่อรักษาของสำคัญเอาไว้(ให้คนอื่น) อย่างไหนจะเป็นประโยชน์ต่อชีวิตมากกว่ากัน

“หึ”

เสียงหัวเราะเบาๆ แบบสะใจจริงๆ ของรูฟัสดังขึ้นขณะละมือจากไกปืนแล้วยื่นมาดึงถ้วยกาแฟที่คนชงถือค้าง มือเรียวอีกข้างเสยปอยผมที่ตกลงมาระหน้าผากแล้วปัดขึ้นไปไว้ด้านหลังตามความเคยชินก่อนจะรั้งไหล่คนยืนใกล้เข้ามากระซิบ

“ปีนี้จะยอมให้สักครั้ง แต่ปีหน้าถ้าจะเล่นอะไรแบบนี้...หาคนหน้าตาดีๆ แบบที่ฉันชอบเตรียมไว้ด้วยแล้วกัน ...เอาคนที่นายหมายตาอยู่นั่นก็ได้”

ว่าแล้วก็ตบไหล่คนที่ยืนอึ้งไปแล้วสองสามป้าบหนักๆ ก่อนสะบัดหน้าเดินฉับๆ เข้าไปนั่งจิบกาแฟในมุมส่วนตัว ปล่อยให้แซคถอยกรูดกลับไปนั่งบนเก้าอี้ตัวเดิม ส่วนเส็งแยกออกไปนั่งรวมกลุ่มกับรู้ดและเรโน่ที่โซฟาตัวใหญ่ไม่ไกลจากที่นั่งของเซฟิรอธเท่าไหร่ พลางตีหน้าไม่รู้ไม่ชี้พยายามไม่ใส่ใจกับออร่าหงุดหงิดรำคาญใจที่โซลเยอร์ผู้ยิ่งใหญ่แผ่รัศมีออกมา


กรุ๊งกริ๊งๆ

อีกไม่กี่นาทีถัดมา เสียงกระดิ่งหน้าประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง

คราวนี้เป็น....

“อ้าว! คนสวย ไม่ดื่มกาแฟสักหน่อยเหรอจ๊ะ”

พาลเมอร์หน้าชื่นขึ้นมาทันทีที่เห็นสมาชิกกลุ่มทาส์กคนล่าสุดเปิดประตูเดินตรงเข้ามา แต่ทว่าเป้าหมายกลับไม่หยุดยืนตรงบริเวณสำคัญซะนี่

“ไม่ล่ะ ไม่ได้อยากกินกาแฟ” สาวน้อยเอเลน่าเชิดใส่แล้วเดินตรงไปหาคนที่หมายตาไว้ “แค่มีเรื่องมาปรึกษาพวกรุ่นพี่นิดหน่อย”

“งั้น ช่วยชงกาแฟให้ฉันสักถ้วยสิ ได้มะ....นะนะ” ตาอ้วนที่ค่อยๆ ขยับไปอยู่ใกล้ชนิดก้าวเดียวประชิดตัวส่งเสียงเซ้าซี้แบบไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ก่อนจะฝันสลายจากคำตอบที่ได้รับ

“ไม่ว่าง อยากกินก็ชงเอาเองแล้วกัน”


...ช่างทำร้ายจิตใจเหลือทน

แสนจะแตกต่างจาก.....


“ใครอยากได้ก็มาเอา”

กลางห้อง  สการ์เล็ต...เจ้าแม่ฝ่ายพัฒนาอาวุธยืนอยู่อย่างมาดมั่นพร้อมถ้วยกาแฟชงเสร็จใหม่ๆ เต็มสองมือ

...สาว(เหลือ)น้อยพร้อม! ขาดแต่ชายหนุ่มสักคนที่จะยอมเสียสละตัวเองด้วยการยืนใต้ช่อมิสเซิลโทว์เดียวกันกับเธอเท่านั้น

...ถ้ามันจะมีน่ะนะ

“เอ้า! ไหน ใครบ่นอยากกินกาแฟ รีบๆ มาเอาไปซะทีสิยะ”

พอไม่ได้ดั่งใจ สการ์เล็ตก็ตวาดแว้ดแบบเหลืออดเหลือทนระคนหงุดหงิด เพราะกวาดตามองไปทั่วห้องแล้วเห็นว่าแทบทุกคนที่ยังไม่มีถ้วยกาแฟในมือเกิดอาการหูหนวกขึ้นมากะทันหัน ส่วนคนที่มีกาแฟแล้วก็แกล้งหูทวนลมก้มหน้าก้มตาค่อยๆ ละเลียดเพราะกลัวว่าถ้าจิบมากเกินไปแล้วกาแฟอันมีค่าที่มีเหลืออยู่เพียงน้อยนิดจะหมดถ้วยเอาง่ายๆ

...เว้นก็แต่

“ฉันเอาถ้วยนึง”

อยู่ๆ ไม่รู้ไฮเดกเกอร์โผล่พรวดมาจากไหน มาถึงปุ๊บหัวฝ่ายการทหารของชินระก็ตรงรี่เข้ามาหวังจะเอาคว้าถ้วยกาแฟไปง่ายๆ ท่ามกลางเสียงกรีดร้องด้วยความเข้าใจผิดของสาว(เหลือ)น้อยที่พยายามจะขยับหนีออกไปห่างๆ

“ม๊าย...ออกไปห่างๆ เลยนะแก อย่าเข้าม๊า.....อ๊าย ได้ยินม๊าย”

“อ่าว ก็ไหนบอกว่าได้ไงล่ะ” คนอยากได้กาแฟแต่ขี้เกียจชงโวยวาย

“ได้น่ะมันได้ แต่ไม่ใช่แก เข้าใจมั้ย ห้ะ” สาว(เหลือ)น้อยโวยวาย “คนอื่นมีเยอะแยะ ทำไมต้องเป็นคิงคองแก่ๆ หนวดเฟิ้ม แถมชอบเอาแต่ใจ บ้าอำนาจก็เท่านั้น แล้วยังไร้เสน่ห์อย่างที่สุดแบบนี้ด้วย”

“พูดอะไรไม่รู้เรื่อง เอากาแฟมาให้ฉันถ้วยนึงเร็วๆ” ไฮเดกเกอร์ที่เข้ามายืนซะชิดตะคอกเสียงใส่พลางยื่นมือมากระชากถ้วยกาแฟออกจากมืออีกฝ่าย

“จะ...จะทำอะไรน่ะ!!! คิดว่าฉันจะยอมง่ายๆ เหรอ นี่แน่ะ~~~

ทันทีที่ถ้วยกาแฟถูกแย่งเอาไป มือข้างที่ว่างก็ยกขึ้นสะบัดใส่เป้าหมายทันที เสียงฝ่ามือกระทบเนื้อดังลั่นไปทั่วห้อง

ทุกคนกลั้นหายใจ มองรอยนิ้วแดงเป็นปื้นที่ประทับบนใบหน้าอย่างไม่รู้ว่าควรจะสงสารหรือช่วยสมน้ำหน้าถึงจะดี

“ยัยบ้า สมองกลับรึไง” หลังจากตะลึงไปนิด พอรู้สึกเจ็บจี๊ดๆ ที่แก้ม ไฮเดกเกอร์ก็ตั้งท่าอาละวาดทันที “ไหนว่าชงกาแฟเผื่อ พอจะเอาแล้วกลับไม่ให้ เพี้ยนรึไงเจ๊”

“จะแต๊ะอั๋งฉัน รอไปชาติหน้าบ่ายๆ โน่นเถอะย่ะ” สการ์เล็ตยักไหล่(และยังเข้าใจผิดต่อไป) “แล้วใครเจ๊ พูดดีๆ นะเดี๋ยวแม่.....


...ปัง!


“เงียบ ทั้งสองคน”


เริ่มแรกเสียงมาซามุเนะกระแทกลงกับพื้นดังสนั่น ตามด้วยเสียงรองประธานฯ ทีรีบชิงออกคำสั่งยุติความวุ่นวายทั้งหลายแหล่โดยเร็วก่อนจะเกิดเหตุการณ์นองเลือดกลางบริษัท

สักพัก...เหตุการณ์ก็กลับเข้าสู่สภาพปรกติ เมื่อสการ์เล็ตกับไฮเดกเกอร์แยกย้ายกันไปนั่งดื่มกาแฟกันคนละมุมห้อง


..เฮ้อ!

พ่อเม่นตัวต้นเรื่องถึงกับถอนใจยาวด้วยความโล่งอกก่อนจะลุกขึ้นไปชงกาแฟบ้าง แต่แค่หยิบถ้วยใบสวยออกมาสองใบ..แซคก็ต้องเซถลาไปสองสามก้าวตามแรงตบป้าบใหญ่ที่ไหล่ พอตั้งหลักได้ก็เห็นคนที่เพิ่งเข้ามาใหม่ยืนหน้าตึงอยู่ใกล้ๆ

“รีฟโทรมาฟ้องฉันว่านายเล่นอะไรพิเรนทร์ๆ อีกแล้ว”

“อะ..อะ...แองจีล” แซคยิ้มแหยเมื่อเจอโซลเยอร์ที่เป็นทั้งรุ่นพี่และคนคอยฝึกซ้อมเทคนิคการฟันดาบให้จังๆ

“เอาน่าๆ” อีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ยิ้มขำๆ พลางเหล่มองไปยังคนที่เอาแต่เงียบตลอดเวลา แถมตอนนี้หน้าตาก็บึ้งตึงไปด้วยความหงุดหงิดชนิดไม่ปิดบัง “ไอเรื่องสนุกๆ แบบนี้ทำไมไม่บอกฉันห้ะ เจ้าหนูแซคกี้ บอกเซฟิรอธแล้วมันจะสนุกตรงไหน”

“เจเนซิส” แองจีลหันไปกะว่าจะเอ็ดคู่หูที่เข้าข้าง แต่กลับรู้สึกถึงริมฝีปากแตะลงที่ข้างแก้มเบาๆ

“เจ...เจ...เจเนซิส”

“วันคริสต์มาสทั้งที แล้วฉันกับนายก็อยู่ใต้ช่อมิสเซิลโทว์พอดีเลยด้วย” เจเนซิสยักคิ้วให้แล้วคว้าถ้วยกาแฟมากดน้ำร้อนก่อนถอยไปนั่งจิบบนเก้าอี้ใกล้ๆ ปล่อยให้แองจีลหันขวับกลับไปจ้องเจ้าเม่นต้วดี

“แบบนี้ถูกต้องแล้วใช่มั้ยหา พอใจรึยัง เลิกเล่นไม่เข้าเรื่องแล้วรีบเก็บเอาลงมาจากโคมไฟเดี๋ยวนี้”

“มันก็ใช่ แต่...คือ...” เสียงแซคอิดๆ ออดๆ ชอบกล “รออีกแปบนึงน่า เดี๋ยวก็ได้เวลาที่...”


กรุ๊งกริ๊งๆ

เสียงกระดิ่งดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้เหมือนจะดังกว่าทุกครั้งที่ได้ยินมา แต่ในเมื่อความอดทนที่สะสมไว้เกินขีดลิมิตเบรก สุดยอดโซลเยอร์แห่งชินระก็ไม่สนใจใครหน้าไหนหรืออะไรทั้งสิ้นนอกเหนือจากรีบกลับห้องพักให้เร็วที่สุด

...พอ พอกันที เขาสุดจะทนแล้วกับเรื่องวุ่นวาย ไร้สาระแบบนี้

แต่จังหวะที่ขยับตัวลุกขึ้นยืน เซฟิรอธก็ชนเข้ากับใครสักคนที่ซุ่มซ่ามเดินสะดุดเอาปลายดาบมาซามุเนะเข้าจนเสียหลักเซถลาพุ่งเข้ามาหา....ดีว่าได้มือใหญ่แข็งแรงช่วยยึดต้นแขนไว้ทันไม่อย่างนั้นคงได้เจ็บตัวกันบ้าง

อีกฝ่ายเป็นเพียงการ์ดตัวเล็กๆ ในมือถือซองคล้ายๆ ซองบัตรอวยพรวันคริสต์มาสอยู่ด้วย ...คงเป็นเวรส่งเอกสารประจำวันนี้

จากเส้นผมนุ่มสีบลอนด์สว่างกับนัยน์ตาสีฟ้าใสที่อยู่ใกล้เสียจนเห็นเงาของตัวเองสะท้อนภาพอยู่ข้างในทำให้เซฟิรอธจำได้ว่าเป็นคนเดียวกับที่เห็นไปไหนมาไหนกับแซคอยู่บ่อยๆ

...น่าแปลก ความหงุดหงิดที่มีอยู่พลันละลายหายไปกว่าครึ่งเมื่อได้สัมผัสความนุ่มนวลอบอุ่นจากร่างในอ้อมแขน

... เมื่อนัยน์ตาสีฟ้าใสกระจ่างเงยขึ้นมองสบ ในนั้นมีทั้งความชื่นชม ความโหยหา หรือแม้แต่ความหวาดกลัว สับสนปะปนกันวุ่นวาย แต่ก็ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมาจากริมฝีปากสีชมพูซีดที่สั่นระริก วินาทีต่อมาเด็กหนุ่มก็ก้มหน้าหลบ

...กระแสอะไรบางอย่างที่เซฟิรอธไม่เคยรู้จักไหลปราดเข้าสู่หัวใจ จนอบอุ่นไปทั้งร่าง

“คลาวด์ เป็นไงบ้าง ฉันอยู่ทางนี้” เสียงเรียกแสนน่ารำคาญของเจ้าหัวเม่นจอมป่วนดังมาจากข้างๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียงอ้อนวอนคล้ายคนใกล้จะขาดใจเต็มที “แองจีล ช่วยขยับไปหน่อยนึงได้มั้ย นะ นะ แองจีลนะ ได้โปรดขยับตัวนิดนึง สักนิ้วนึงก็พอ นะ”

“ไม่” เสียงสุดยอดรุ่นพี่กัดฟันกรอด “ฉันจะยืนตรงนี้ ใต้เจ้ากิ่งไม้ตัวปัญหานี่ นายจะได้เลิกเล่นอะไรพิเรนทร์ๆ แบบนี้ซะที”

หนุ่มน้อยในอ้อมแขนเขาขยับตัวตามเสียงเรียกชื่อ เซฟิรอธจึงเห็นซองบัตรอวยพรคริสต์มาสในมือที่คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นที่ไหน กระทั่งเห็นลายมือที่จ่าหน้าซองถึงแซค แฟร์ นั่นแหละ ทุกอย่างก็กระจ่างขึ้นมาในหัว

เขาเห็นแซคซื้อบัตรใบนี้ที่ไอซีเคิลพร้อมกับกิ่งมิสเซิลโทว์ พอกลับมาถึงมิดการ์เจ้าเม่นก็คงลงมือจ่าหน้าซองส่งถึงตัวเองแล้วเอามาส่งที่หน่วยกลางในวันที่เด็กคนนี้เป็นเวรส่งของ จากนั้นก็เอามิสเซิลโทว์ที่ซื้อไว้มาห้อย

....เป้าหมายของทุกสิ่งที่ทำก็คือ เด็กคนนี้

...นี่สินะ ความลับที่ทำให้ความว้าเหว่ โดดเดียวของไอซีเคิลทำอะไรแซค แฟร์ไม่ได้

ไม่ทันรู้ตัว อ้อมแขนแข็งแรงก็ตวัดรัดร่างเล็กที่กำลังจะผละออกกลับเข้าไปหา ก้มหน้าลงต่ำ หลับตา แล้วทาบริมฝีปากลงไป

....กลิ่นและรสหวานหอมของผลไม้สุกอบอวลไปทั่ว

....ในอกรู้สึกแปลกๆ เหมือนมีผีเสื้อนับร้อยๆ ตัวพร้อมใจกันขยับปีกเบาๆ


ทั่วทั้งห้องเงียบงัน...ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้

เด็กหนุ่มในอ้อมแขนจากที่ยืนตัวแข็งทื่อค่อยๆ อ่อนลงจนต้องพิงเขาไว้ นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนแสงแต่ยังเจือไว้ด้วยความตกตะลึง

จนพอใจ เซฟิรอธค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกช้าๆ ค่อยๆ วางร่างเล็กลงบนเก้าอี้ นิ้วเรียวไล้เบาๆ ไปตามเรียวปากนุ่มก่อนจะแนบริมฝีปากลงไปอีกครั้ง คราวนี้ทั้งร้อนแรงและเรียกร้อง พร้อมกันนั้น....อะไรสักอย่างที่แขวนไว้เหนือศีรษะของคนทั้งคู่ก็ถูกมาซามุเนะตวัดขาดตกลงมา

มิสเซิลโทว์อีกช่อหนึ่ง

“ขอบใจนะแซค มันดีจริงๆ อย่างที่นายบอกเลย” สุดยอดโซลเยอร์ส่งยิ้มที่หาดูได้ยากยิ่งให้พ่อเม่นขณะลุกขึ้นยืน มือใหญ่ลูบเส้นผมนุ่มๆ ของคลาวด์ที่ทำท่าเหมือนใกล้จะเป็นลมเต็มทีเบาๆ แล้วเดินจากห้องไป

..........

......

...


ผลประเมินการทดสอบความสมดุลของจิตใจหลังจากได้พักเต็มที่แล้วระบุชัดเจนว่า ปรกติ

...ไม่หรอก....อาจจะยัง “ไม่ปรกติ” ดีนักก็ได้

เซฟิรอธอมยิ้มจางๆ เมื่อมองลงไปจากระเบียงห้องพัก......การ์ดตัวเล็กๆ ผมสีบลอนด์ ตาสีฟ้ากำลังวิ่งวุ่นกับการส่งเอกสาร



Fin

24/03/2013

Merry Christmas แบบซูเปอร์เลทถึงผู้อ่านทุกท่านนะคะ


1 ความคิดเห็น:

  1. อ๊ายยยยยยยยยย ป๋าเซฟี่ลวนลามเด็ก!!!!!!!!!!!!

    เรื่องนี้น่ารักมากเลยค่ะ อ่านแล้วยิ้มไม่หุบเลย สงสารปนสะใจแซ็คพิลึก ฮ่าๆๆ ดีแค่ไหนแล้วที่ไม่ต้แงจูบกับแองจีลน่ะ (ถึงจะแอบลุ้นอยู่หน่อยๆก็เถอะ)

    ถึงฟิคนี้น้องโบะจะไร้บทพูดแต่ออร่าความโมเอะก็ยังแผ่ซ่านออกมาอยู่ดี /เพ้อ

    ขอบคุณสำหรับฟิคค่ะ >x<

    ตอบลบ