14/10/55

Kuroko no basket’s fic : The sun’ n The moon


Author : jes

Pairing :
Aomine daiki x sakurai ryou

Disclaimer :
ตัวละครเป็นลิขสิทธิ์ของ อ.Fujimaki Tadatoshi ค่ะ .....ฟิคนี้เป็นรีเควสต์พิเศษของเพื่อนสนิทที่ดองข้ามปี (เขียนช้ายังดีกว่าไม่เขียนเลยนะ) ที่ขอฟิควันเกิดของซากุรากิ เรียว จาก koroko no basket (วันที่ 9 เดือน 9) ไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว ตอนแรกจะพยายามเขียนให้ทันวันเกิดปีนี้ (เพราะโดนทวง) แต่...มันก็เสร็จไม่ทันจนได้
อีกอย่างสารภาพตามตรงว่าไม่ได้อ่านคอมิคหรือดูอนิเมก่อนเขียนแต่ประการใด (เค้าไม่ชอบการ์ตูนแนวกีฬานี่นา) เลยหาข้อมูลแค่ค้นรูปมาดูกับอ่านรีวิวเนื้อเรื่องและตัวละครในวิกิฯ นิดหน่อย เลยค่อนข้างแน่ใจเกินร้อยว่านิสัยหรือบุคลิกตัวละครต้องไม่ตรงกับต้นฉบับแน่ เพราะงั้นถ้าใครอ่านแล้วพานหงุดหงิดอารมณ์เสียก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ

Intro :  แบ่งออกเป็น 2 ตอน The Sun เป็น POV ของ อาโอมิเนะ ที่ต้องพาคนเมาไม่รู้เรื่องกลับบ้าน ส่วน The moon เป็น POV ของ ซากุราอิ ที่จับพลัดจับผลูมาเป็นคนรับใช้ของคนเอาแต่ใจ

ปล. เพิ่งเขียน The sun เสร็จ The moon ยังไม่ได้เริ่ม TT^TT

-----------------------------------------------------------------------
                              

Part 1  The sun


“เดินดีๆ”

อาโอมิเนะ ไดกิ เอสของทีมบาสเกตบอลโทโอที่กำลังอารมณ์เสียสุดยอดทำเสียงรอดไรฟันข่มขู่ร่างเล็กๆ ที่ถ้าไม่ได้เขาช่วยพยุงไว้คงได้เดินโซซัดโซเซเป๋ไปเป๋มาพานเอาหน้าทิ่มพื้นเอาง่ายๆ

“ขอโทษ ขอโทษด้วยครับ....”

ซากุราอิ เรียว ทำหน้าจ๋อยพลางพึมพำคำพูดติดปากของตัวเองซ้ำๆ ซากๆ ราวแผนเสียงตกร่องก่อนจะเซวูบเพราะสะดุดขาอันไร้เรี่ยวแรงของตัวเองที่พันกันยุ่งจนทำให้ร่างสูงข้างๆ เกือบสะดุดล้มตามไปด้วย

“เรียว ฉันบอกให้เดินดีๆ ไงล่ะ ซุ่มซ่ามทำฉันหกล้มอีกทีล่ะก็ นายโดนแน่”

พอทรงตัวได้เสียงตวาดก็ดังลั่น แขนแข็งแรงกระชากคนตัวเล็กบางกว่ามากเข้าหาตัว จำใจใช้ตัวเองเป็นหลักยึดให้อีกฝ่าย

“ขอโทษครับ ขอโทษจริงๆ อาโอมิเนะคุง ฮืออออออออ.....ผมขอโทษ ขอโทษ”



ได้ยินเสียงคร่ำครวญไม่ต่างอะไรกับเด็กถูกดุดังขึ้นพร้อมเสียงสะอื้นแผ่วๆ คนตัวสูงใหญ่กว่าก็อดใจอ่อน(นิดหน่อย)ไม่ได้ แต่แล้วพอเดินต่อไปได้อีกสักพัก....อยู่ๆ แขนเล็กๆ ก็รวบหมับเข้าที่เอวหนา ยืดตัววางคางเกยบนบ่าก่อนจะซุกหน้าลงกับลาดไหล่แข็งแรงแล้วโถมน้ำหนักลงไปทั้งตัว ตามด้วยเสียงหัวเราะคิกคัก

“คุณหมี คุณหมี ออกมาจากกล่องข้าวได้ด้วยเหรอ”

หมี?  …กล่องข้าว?

...จะบอกว่าเขาหน้าตาเหมือนเจ้าหมีงี่เง่าในกล่องข้าวนั่นน่ะเหรอ

...มันน่าฆ่านัก

คนถูกกอดกัดฟันกรอด ในใจนึกอยากกระชากร่างเล็กเขย่าให้หัวสั่นหัวคลอนหรือไม่ก็ซัดซักเปรี้ยงสองเปรี้ยงให้หาย.....เมา


………………………………………


เมื่อเย็น....หลังการแข่งอินเตอร์ไฮเสร็จสิ้น แม้ชมรมบาสเกตบอลโทโอจะไม่ได้ตำแหน่งชนะเลิศ เพราะได้คะแนนเสมอกับทีมคู่แข่ง แต่ผลงานที่ทำได้ก็นับว่ายอดเยี่ยม เพื่อเป็นรางวัลตอบแทนความเหนื่อยยาก....ทุกคนจึงเฮละโลไปเลี้ยงฉลองกันในร้านอาหารสุดหรูข้างสนามแข่งที่โมโมอิผู้จัดการทีมจองเตรียมไว้ให้ แต่เจ้าตัวกลับติดธุระจนต้องขอตัวกลับก่อน

ถ้าไม่ใช่เพราะโค้ชและกัปตันทีมรุมบังคับ...ถึงขนาดขู่จะพิจารณาไม่ให้เขาลงเล่นในการแข่งรอบหน้าข้อหาเป็นผู้มีมนุษยสัมพันธ์ยอดแย่แล้วล่ะก็.....

....ถึงตาย คนอย่างอาโอมิเนะ ไดกิก็ไม่คิดอยากจะมา

แรกๆ ทุกคนก็นั่งกันเกร็งๆ ตัวแข็งทื่อ อาหารที่กินเข้าไปก็ทำท่าว่าจะติดคอกันหมด แต่พอเหล้าเข้าปากเท่านั้น พลันความอึดอัดก็สูญสลายถูกสายลมพัดหายออกไปนอกหน้าต่างจนหมดสิ้น

พอใกล้เวลาปิดร้านแต่ละคนก็ล้มกลิ้งล้มหงายกองกันเป็นขยะ.....เมาแอ๋ไปตามๆ กัน

...เชอะ สมน้ำหน้า


“เอ้า! ทุกคน ใครยังไหวก็ลุกขึ้นแยกย้ายกันกลับบ้านได้แล้ว”

เสียงโค้ชดังขึ้นเป็นสัญญาณเลิกงาน คนที่ยังฟังรู้เรื่องก็ทะยอยลุกเดินโงนเงนกันออกไป สักพักก็เหลือไว้แต่พวกศพไร้สภาพ

...น่าสมเพชชะมัด


แต่พอจะเดินออกประตูไปอีกคน กัปตันอิมาโยชิที่มึนๆ แต่ยังพอรู้เรื่องอยู่บ้างก็ดึงชายเสื้อไว้แล้วผลักร่างของชูตติงการ์ดประจำทีมที่เมาจนยืนแทบไม่อยู่มาให้ พอขาดคนช่วยประคอง ซากุราอิก็เซถลาเข้าหาคนที่อยู่ใกล้ที่สุดทันที ดีว่าเอสของทีมไวพอจะรวบร่างเล็กๆ นั่นไว้ทันก่อนจะคว่ำไปกองกับพื้น

“นายไปส่งซากุราอิด้วย โค้ชกับฉันจะช่วยกันพาเจ้าพวกที่เหลือไปส่งบ้าน”

พอเห็นเขาชักสีหน้า อิมาโยชิก็หาญกล้าชี้นิ้วออกคำสั่ง

“อย่ามีปัญหา อาโอมิเนะ ดูแลเพื่อนให้ดี”


“อืออออ”

เสียงครางจากร่างเล็กๆ ในอ้อมแขนดังขึ้นเบาๆ ดึงความสนใจของอาโอมิเนะให้กลับมา


...อย่าให้รู้นะว่าใครมอมเหล้าเจ้านี่ พ่อจะไม่ไว้ชีวิตมัน


“เรียว” มือใหญ่ตบรัวลงไปแถวข้างแก้มแบบไม่เบานัก “ตื่น ไอขี้เมา ตื่น ฉันบอกให้ตื่น”

“พวกเธอ” เสียงโค้ชของทีมซึ่งเป็นคนเดียวที่ยังไม่เมาเข้มจัด “ใครทำอะไรซากุราอิ ฉันอุตส่าห์กำชับไม่ว่าใครก็ห้ามผสมเหล้าให้เขาแล้วใช่มั้ย ทำไมไม่ฟังกันบ้าง”

“เหล้าที่ไหน” วาคามัตสึที่เมาหัวราน้ำจนกัปตันทีมต้องจับยืนพิงประตูไว้หัวเราะลั่น “เบียร์ต่างหาก แต่สีมันดันเหมือนจิงเจอร์เอล หมอนั่นเลยยกซดหมดแก้วเพราะนึกว่าเป็นจิง—เจอร์—เอ---ล---ไงล่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ .....โอ๊ย!

โดนอัดหลังมือเข้าไปทีเดียววาคามัตสึก็หงายหลังล้มตึง...สลบเหมือด

“แย่จัง” อาโอมิเนะยิ้มโหด “ฉันตาลาย เห็นหัวเจ้านี่เป็นลูกบาสได้ไงไม่รู้” 


..............................


“อาโอมิเนะคุง ขอโทษครับ ขอโทษ ผมมันแย่ ฮืออออ แย่.... แย่ที่สุดเลย...”

ขณะเดินตัดสวนสาธารณะเล็กๆ มุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟ ร่างนุ่มๆ อุ่นๆ ที่โอบประคองอยู่
ก็ส่งเสียงโยเยงอแง ร้องไห้คร่ำครวญชวนรำคาญ ไม่ยอมแล้วไม่ยอมเลิก

...นึกแปลกใจตัวเองอยู่ไม่น้อย ว่าทำไมถึงยอมลากเอา “เจ้าหมอนี่” ติดมือมาด้วยง่ายๆ

...ตั้งแต่เกิดมา วันนี้คงเป็นวันที่อาโอมิเนะ ไดกิ ต้องใช้ความอดทนมากกกกก.......ถึงมากที่สุด มากกว่าที่เคยใช้มาในชีวิตรวมกัน


“เรียว บ้านนายอยู่ไหน” ถามด้วยน้ำเสียงกึ่งคำรามไม่แม้แต่จะพยายามปิดบังความหงุดหงิด

รอยยิ้มหวานหยดถูกส่งมาให้แทนคำตอบ

“ฮะๆๆ ทำไมวันนี้อาโอมิเนะคุงใจดีจังครับ ใจดี ใจดีมากๆ เลย”

“เออ...ช่างฉัน บอกมาซะทีว่าบ้านอยู่ไหน หา”

“แข่งวันนี้ยอดเยี่ยมไปเลยนะครับ ถึงจะเจ็บใจที่เสมอ แต่ก็....”

“หุบปาก”

ตวาดสวนกลับไปเพราะความลืมตัวแท้ๆ เรียกเสียงร้องไห้โฮให้ดังขึ้น

“ฮือออออ ขอโทษครับ ขอโทษ ผมขอโทษ ผมโดนอาโอมิเนะคุงดุอีกแล้ว ผมขอโทษ” คนตอบไม่ตรงคำถามปล่อยโฮออกมาเต็มเหนี่ยวพลางสะอื้นฮักไม่ต่างอะไรจากเด็กสามขวบ


“โธ่โว้ย!


เสียงสบถตะโกนดังสนั่น .....ความรู้สึกอยากบีบคอคนให้ตายคามือมันเป็นอย่างนี้นี่เอง


พ้นเขตสวนสาธารณะก็เป็นทางเข้าสถานีรถไฟฟ้า รถเที่ยวสุดท้ายกำลังจะออกในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า

“ช่วยไม่ได้ งั้นกลับบ้านฉัน”

อาโอมิเนะถอนฉุน พยายามสงบสติอารมณ์สุดชีวิตไม่ให้ออกแรงกระแทกหน้าจอเครื่องขายตั๋วจนมันพังคามือไปซะก่อน สลับกับเหลือบมองคนตัวเล็กที่ยืนเอนอิงพิงไหล่สบายอยู่ข้างๆ ตอนนี้ซากุราอิกำลังสลึมสลือได้ที่ นัยน์ตากลมโตสีน้ำผึ้งเลื่อนลอยหลุบต่ำ เคลิ้มจนใกล้จะหลับไม่หลับแหล่เต็มที

แต่พอซื้อตั๋วเสร็จจะพาเดินลงบันไดเข้าไปในสถานีเท่านั้นแหละ เจ้าตัวปัญหาก็ผวาเฮือกทำหน้าตาตื่นตระหนกตกใจขึ้นมาทันที อย่างกับกลัวจะถูกลักพาตัวไปทำมิดีมิร้ายยังไงยังงั้น

“ไปไหน อาโอมิเนะคุง จะพาผมไปไหน ไปไหน.....”

...เห็นตัวเล็กๆ แค่นี้ แต่ความที่เป็นนักกีฬา เวลาเอะอะขึ้นมาก็เอาเรื่องอยู่ ดีว่าเมาเลยไม่มีสติสตังพอจะออกแรงเต็มที่

...โชคดีอีกอย่าง อีกฝ่ายคืออาโอมิเนะที่ตัวใหญ่กว่ากันเกือบเท่านึง

“เออน่า มานี่”

อย่างใจเย็นอย่างที่สุด (เท่าที่จะทำได้).... ร่างสูงพยายามรวบร่างที่กำลังดิ้นรนไว้ในอ้อมแขน รัดแน่นชนิดสะบัดไม่หลุด ก่อนจะดึงตัวหลบเข้าไปในมุมที่ตั้งตู้กดน้ำดื่ม

“นิ่ง เรียว เงียบเดี๋ยวนี้ อย่าทำให้ฉันโมโห”   

เสียงกระซิบกระซาบดังอยู่ใกล้ๆ หู แม้เบาแต่เฉียบขาด

“ไม่ ไม่ ไม่ไป ผมจะกลับบ้าน จะกลับบ้านผม เจ็บบบบบ.... อาโอมิเนะคุง ผมเจ็บครับ” ซากุราอิที่ความกลัวในจิตใต้สำนึกยังคงทำงานตลอด 24 ชั่วโมงยอมอยู่นิ่งๆ แต่โดยดี แม้เสียงประท้วงอู้อี้อย่างไม่ยอมแพ้ง่ายๆ จะยังมีอยู่ พอๆ กับน้ำตาที่ไหลพรากอย่างสุดกลั้น

...โว้ย! มันจะอะไรนักหนา ท่าจะต้องใช้ไม้ตายขั้นเด็ดขาดซะแล้ว

อ้อมแขนที่รัดแน่นจนเจ็บคลายออกเล็กน้อยพอให้ร่างเล็กพอขยับตัวได้ ไม่อึดอัด จากนั้นมือใหญ่ หนัก แต่อบอุ่นนักก็วางลงบนหัว ก่อนจะไล้ไปตามเส้นผมสีอ่อนนุ่มมือเบาๆ

“เรียว อยากกินขนมอร่อยๆ มั้ยล่ะ ดีมั้ย”

“ขนม...อร่อย...อืมมมม....” อีกฝ่ายที่ยังหยุดสะอื้นไม่สนิทดีทวนคำแล้วพยักหน้ารับหงึกๆ

“ดี ตามมา หลับตาซะ”


....เฮ้อ!


ทุกทีรถไฟเที่ยวสุดท้ายจะไม่ค่อยมีผู้โดยสาร แต่วันนี้ฟ้ากลับบันดาลให้มีคนหนาตากว่าทุกวัน ภาพลูกหมีไซส์เอ็มที่นั่งซบจนแทบจะซ้อนตักพ่อหมีไซส์เอ็กซ์แอลก็ไม่ค่อยจะมีให้เห็นกันบ่อยๆ ซะด้วย ทำเอาพ่อหมีทำหน้าไม่ค่อยจะถูก ที่สำคัญเจ้าตัวปัญหาที่พูดจากันไม่รู้เรื่องกลับมาหัวเราะเริงร่า นัยน์ตาเป็นประกายพราวระยับ แถมกราดยิ้มระรื่นชื่นบานแจกชาวบ้านชาวช่องเขาแบบไม่บันยะบันยัง ถูกอกถูกใจบรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ที่กำลังกลับบ้านเพราะออฟฟิศเพิ่งเลิกงานเข้าจังเบ้อเร่อ

โดยเฉพาะพวกที่นั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเยื้องไปทางขวานั่น จากแรกๆ ที่แค่แอบมอง...มาเป็นมองตรงๆ.....จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นจ้องแล้วหัวเราะกันคิกคัก

แม้อากาศเย็นในรถทำให้กลิ่นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่หกรดลงบนเสื้อผ้าโชยกรุ่น...บวกกับท่าทางเมาจนไม่ได้สติขนาดนี้ แต่เพราะหมอนี่คือ ซากุรากิ เรียวสินะ ลองถ้าเป็นคนอื่นทำท่าทางอย่างเดียวกันนี่ เห็นทีพวกผู้หญิงคงร้องโวยวายเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตกันให้ลั่น

อาโอมิเนะหลับตาลง ....ไร้ประโยชน์จะให้ความสนใจ

สักพักเสียงฉีกอะไรสักอย่างก็ดังขึ้นใกล้ๆ พร้อมกับกลิ่นหอมอ่อนๆ ของผ้าเย็นเช็ดหน้า พอลืมตาก็เห็นผู้หญิงคนนึง คงเป็นหนึ่งในกลุ่มเมื่อกี้นี้แหละที่ใจกล้าขยับเข้ามานั่งใกล้ๆ แล้วกำลังจะเอื้อมมือไปเช็ดหน้าเช็ดตาให้เจ้าคนที่เคลิ้มหลับไปแต่ยังไม่วายส่งยิ้มเรี่ยราด

ร่างกายมีปฏิกิริยาตอบสนองเร็วทันใจ..ไวยิ่งกว่าเวลาที่ใช้แย่งลูกบาสในสนามแข่งเสียอีก มือใหญ่ปัดมือที่กำลังยื่นเข้ามาทันที

“อย่ายุ่ง ตื่นแล้วอาละวาด”

ไม่รู้เพราะหน้าตาแตกยับที่ต้องไปให้หมอรับเย็บหรือว่านัยน์ตาสีน้ำเงินที่ลุกวาวราวกับจะฆ่าคนได้คู่นั้นกันแน่ สาวออฟฟิศหน้าเสียก่อนจะรีบถอยกรูดกลับไปพานให้ทั้งกลุ่มที่คอยเอาใจช่วยลุ้นอยู่พากันนั่งก้มหน้าเงียบ

ร่างสูงเมินหน้าไปอีกทาง ค่อยๆ โอบบ่าเล็ก รั้งเจ้าคนนั่งสับปะหงกคอพับคออ่อนให้เอนตัวลงมาบนตัก แต่แล้วก็เปลี่ยนใจหันกลับมาก้มลงกระซิบใส่หูเบาๆ

“นายเป็นหนี้ฉัน เรียว ต้องเอาข้าวกล่องมาใช้หนี้ 1 เดือน จำเอาไว้ให้ดีล่ะ”

มือใหญ่แข็งแรงแทรกเข้าไปในกลุ่มผมสีอ่อน เอานิ้วพันไปมาเล่น.....ปัดความรู้สึกแปลกๆ ที่ทำให้หวนนึกถึงสายไหมหวานนุ่มที่เคยกินสมัยยังเด็กออกไป

.....

.....


พักใหญ่ๆ รถไฟฟ้าก็ถึงสถานีปลายทาง รอจนคนอื่นๆ ลุกออกไปหมด อาโอมิเนะค่อยเขย่าปลุกก่อนจะดึงแขนซากุราอิให้ลุกเดินตามออกไป....พอได้หลับซักงีบ ร่างเล็กก็เหมือนจะฟังภาษาคนรู้เรื่องมากขึ้น แม้จะยังเดินโซเซไม่ตรงทาง นัยน์ตาสีอ่อนหรี่ปรือแทบปิดด้วยความง่วงงุน แต่ก็ไม่งอแงโยเยน่ารำคาญอีก แต่พอเดินไปใกล้ทางออก นัยน์ตาสีน้ำผึ้งกลับเบิกโตแล้วจ้องหน้าเขาเขม็ง จ้องเป๋งเสียจนคนถูกมองแปลกใจ

“อะไร”

ซากุราอิไม่ตอบ ริมฝีปากสีชมพูอ่อนจางเผยอขยับไหวแต่กลับไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา อาโอมิเนะมองลึกลงไปในลูกแก้วสีน้ำผึ้งคู่นั้นชั่วอึดใจ ถอนใจเฮือกใหญ่แล้วกวาดสายตามองหาเก้าอี้นั่งว่างๆ

“ขนม? ก็ได้ นายนั่งรอตรงนี้ เข้าใจมั้ย ขยับ 1 ก้าว ...อด

ขู่ไปงั้นแหละ กันอีกฝ่ายเดินสะเปะสะปะหลงหายไปไหนให้ต้องลำบากออกตามหา ...จำได้ว่า...ใกล้ๆ ทางออกสถานีมีร้านขายขนมอบ ซื้อขนมปังกับนมเผื่อไว้มื้อเช้าก็ดี ...แต่ถ้าจะให้ดีที่สุด..ต้องใช้(ให้) “เจ้าตัวปัญหา” นี่แหละ ทำกับข้าว(ให้)กิน

พอกลับมาที่เก้าอี้นั่ง เอสแห่งโทโอก็ต้องถอนใจอีกหลายเฮือกใหญ่

เปล่า....

เพื่อนร่วมทีมไม่ได้เดินหลงทางหายไปไหน แต่เพราะความที่ตัวเล็ก ซากุราอิเลยล้มตัวลงนอนเหยียดยาวบนแถวเก้าอี้นั่งได้สบาย

“เรียว ตื่น ลุกขึ้น”

แขนเล็กถูกกระชากไม่เบานักจนจำต้องลืมตาขึ้นมองผู้ขัดขวางการนอนที่ยืนทำหน้าถมึงทึงค้ำหัวอยู่

“ขอโทษครับ อาโอมิเนะคุง” เจ้าตัวเล็กใช้ยิ้มหวานรับหน้าก่อนจะค่อยๆ หลับตาลงอีกรอบ “ราตรีสวัสดิ์ครับ ง่วงจัง ง่วงมากๆ เลย”

“ที่นี่สถานีรถ ไม่ใช่ที่นอน ลุก ฉันสั่งให้ลุกเดี๋ยวนี้ เรียว...”

“อือ....ง่วง”

“ขนมไง ไม่กิน.....”

ไร้การตอบรับใดๆ จากร่างเล็ก ซากุราอิหลับสนิทไปมันง่ายๆ แบบนั้น

เสียงนาฬิกาตีบอกเวลาเที่ยงคืนดังก้องไปทั่วสถานี

“เอางั้นก็ได้” อาโอมิเนะที่คงจะทำใจได้บ้างวางถุงขนมลงบนเก้าอี้ตัวข้างๆ แล้ว......

.........

.........

.........

........

ช้อนร่างที่หลับสนิทไม่รู้เรื่องรู้ราวขึ้นพาดไหล่ มือหนึ่งโอบบั้นเอวบางไว้ก่อนยื่นอีกมือไปคว้าถุงขนม ก้าวเร็วๆ ไปยังช่องทางออกอย่างไม่หนักเรี่ยวกินแรงเท่าไหร่


...ตัวเล็กกว่าที่คิดไว้แล้วก็เบาชะมัด

...วันๆ กินอะไรบ้าง หรือมัวแต่ทำกับข้าวให้คนอื่นกิน ไม่มีเวลากินเอง

...ต้องชั่ง “ถุงขนม” กี่ถุงถึงจะหนักเท่า? 10 ถุง? 20 ถุง?

จากสถานีรถ อาโอมิเนะเดินเลาะไปตามถนนใหญ่ต่ออีกราว 15 นาที ก่อนจะเปิดประตูรั้วหน้าบ้านสองชั้นขนาดกลางที่ไฟมืดสนิท

ขณะเดินผ่านสวนญี่ปุ่นเล็กๆ ก็ค่อยๆ ขยับร่างที่อุ้มอยู่เล็กน้อยให้มือข้างขวาว่างแล้วแตะนิ้วชี้ลงไปบนหน้าจออุปกรณ์รักษาความปลอดภัยที่ติดอยู่ข้างประตู รอจนมีเสียงดังกริ๊กแล้วจึงค่อยดันบานประตูเข้าไป

...ไม่มีใครอยู่บ้าน ป่านนี้คงกำลังเที่ยวอยู่แถวประเทศไหนสักประเทศ เห็นว่าเป็นโบนัสของบริษัทที่พ่อทำงานอยู่

ไฟที่โถงกลางสว่างขึ้นโดยอัตโนมัติ อาโอมิเนะเมินชั้นวาง..สะบัดรองเท้าที่ใส่กองไว้ด้านหน้าแต่ยังมีแก่ใจดึงรองเท้าผ้าใบคู่เก่งของคนในอ้อมแขนออกโยนไว้อีกมุมนึง จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น วางร่างเล็กๆ ไว้บนโซฟาตัวใหญ่ เดินเข้าครัวเอานมกับขนมไปใส่ไว้ในตู้เย็นก่อนเลือกหยิบน้ำอัดลมออกมาเปิดดื่ม

แต่ก่อนจะเดินผ่านห้องนั่งเล่นขึ้นบันไดไปชั้นสอง นัยน์ตาสีน้ำทะเลก็อดชำเลืองมองไปทาง กอง อะไรสักอย่างที่นอนงอก่องอขิงอยู่บนโซฟาไม่ได้ ลงท้ายก็เดินเข้าไปหา เอาก้นกระป๋องน้ำเย็นเฉียบวางลงบนหน้าผาก

ร่างเล็กสะดุ้งตื่น แต่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นในสภาพสลึมสลือสุดขีด

“ไปนอนข้างบน ตามมา”

ปฏิกิริยาตอบสนองเชื่องช้าเสียจนอีกฝ่ายตัดรำคาญด้วยการช้อนร่างเล็กขึ้นอุ้มตัวลอยแบบเดิม ขณะเดินขึ้นบันไดก็รู้สึกถึงแขนเล็กที่โอบรอบคอ ลมหายใจอุ่นที่กระทบใบหู และคำพูดแว่วๆ

“ขอโทษ อา..มิเนะ...ผมขอโทษ”

ร่างสูงยักยิ้มที่ดูยังไงก็คล้ายกับแยกเขี้ยวใส่มากว่าแล้วกระซิบตอบ

“นายเป็นหนี้ฉัน เรียว ต้องเอาข้าวกล่องมาใช้หนี้ 1 เดือน...ไม่สิ 3 เดือนเลยดีกว่า จำไว้ให้ดี ถ้าผิดสัญญา ฉันจะกินนายแทนข้าวกล่อง”


ห้องส่วนตัวของอาโอมิเนะอยู่ชั้นสองด้านในสุดทางขวามือ ขนาดค่อนข้างกว้างพอใช้เพราะเจ้าของห้องเป็นคนตัวใหญ่ ทำให้เมื่อวางโต๊ะเขียนหนังสือ ชั้นหนังสือ ตู้เสื้อผ้า และเตียงลงไปแล้วก็ยังมีพื้นที่ว่างด้านหน้าเหลือพอให้นั่งเล่นนอนเล่นบนพื้นได้อีก

“ไปล้างหน้าล้างมือแล้วค่อยนอน อ้อ ถอดเสื้อเหม็นเบียร์หึ่งนั่นออกด้วย”

เจ้าของห้องวาง ผู้บุกรุกให้ยืนพิงกำแพงถัดจากประตูห้องน้ำไปสองสามก้าว รุนหลังอีกฝ่ายให้เดินเข้าไป แล้วย้ายมาเปิดตู้เสื้อผ้าควานหาหมอนกับผ้าห่มสำรองที่เหมือนจะเคยมี กระทั่งได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิดออก

“เรียว ไม่มีหมอนกับผ้าห่ม เดี๋ยวฉัน....เฮ้ย!

จะไม่ให้โวยลั่นได้ไงล่ะ ในเมื่อหันหน้ากลับมาปุ๊บก็เห็นซากุราอิที่ออกจากห้องน้ำได้ปั๊บก็ถลาเข้าหาเตียง มุดตัวเข้าใต้ผ้าห่มแล้วตะเกียกตะกายขึ้นไปนอนหน้าตาเฉย

“ลงมา เรียว ไปนอนบนพื้น จะลงมาเองดีๆ หรือจะให้ฉันโยนนายลงมา” คนถูกแย่งเตียงขู่ฟ่อพลางปราดเข้าไปหา มือใหญ่กระชากผ้าห่มออกเตรียมจะขยุ้มคอเสื้อร่างเล็กแล้วลากลงมาที่พื้นอย่างปากว่า

“อืมมม...” คนแย่งเตียงส่งเสียงครางเบาๆ พลางขยับตัวถอยไปนอนตะแคงชิดริมเตียง ยื่นไม้ยื่นมือออกมาทำท่าเหมือนกำลังกอดตุ๊กตาหมีล่องหนตัวโตอยู่ ก่อนจะซุกหัวให้จมลงในหมอนเพราะรำคาญเสียงหนวกหู

อาโอมิเนะหรี่ตามอง หดมือกลับ ในสมองคิดตีความจากภาพตรงหน้า แม้ขนาดเตียงจะใหญ่กว่าเตียงเดี่ยวปรกติ แต่ก็ไม่ใหญ่พอสำหรับผู้ชาย 2 คนจะแบ่งกันนอนได้

“เรียว แน่ใจนะ”

“อือออออออ”

เสียงอืออาที่ไม่ได้มีความหมายอะไรเป็นพิเศษ แต่คนได้ยินทึกทักเอาเองว่าเป็นคำตอบรับ

“ตามใจ นายเสนอเองนะ”

แปลกใจไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไหร่ อาโอมิเนะถอนใจ ตลบผ้าห่มกลับขึ้นมาให้คลี่คลุมร่างเล็ก ถอดแจกเก็ตตัวนอกออกโยนไว้ข้างๆ แล้วแทรกตัวเข้าไปใต้ผ้าห่ม ยอมทำตัวเป็นตุ๊กตาหมีอย่างว่าง่าย

ร่างเล็กที่เบียดซุกเข้าหา จากเปลือกตาที่หลับพริ้มจนแพขนตาสีอ่อนยาวทอดเป็นเงาบนโหนกแก้มกับลมหายใจเข้าออกแผ่วเบาแต่สม่ำเสมอ แค่ดูก็รู้ว่าเจ้าตัวหลับลึกและกำลังฝันดี

อาโอมิเนะค่อยๆ ผ่อนลมหายใจแล้วหลับตาลง ปล่อยให้ความนุ่มนวลอันแสนอบอุ่นเข้าโอบล้อม

....

....

...เอาน่ะ นอนกอดหมอนข้างแบบนี้ก็สบายดีเหมือนกัน


...........................................................


จบพาร์ทแรก TT^TT เพราะไม่มีข้อมูลพอ เขียนยังไงก็เหมือนมีเงาของเซฟิรอธ(ขี้โมโห)กับคลาวด์(แบบไม่ซึน)ซ้อนทับอยู่ จากที่อ่านในวิกิฯ อิมเมจอาโอมิเนะชัดมากว่าน่าจะขี้หงุดหงิด เอาแต่ใจตัวเองเป็นหลัก และน่าจะชอบใช้กำลังด้วย แต่ซากุราอิจะออกเด็กๆ ใสๆ ซื่อๆ หน่อย น่าแกล้ง(ใช่มั้ย) แล้วก็น่าจะทำกับข้าวเก่งด้วย เพราะมีรูปทำข้าวห่อไข่กับข้าวกล่องรูปคุณหมี ....คิดว่างั้นนะคะ ฟิคเลยออกมาแบบนี้แหละ

ใครเคยอ่านคอมิคหรือดูอนิเมก็บอกหน่อยเถอะค่ะว่ามันต่างจากคาแรกเตอร์ต้นฉบับขนาดไหน ยังไงบ้าง

ปล. The moon กำลังจะตามมา แต่พอหมด 2 ตอนนี้คงไม่เขียนฟิคคุโรโกะแล้วล่ะ (ก็นี่เป็นฟิครีเควสต์พิเศษนี่นา) เพราะไม่มีข้อมูลเลยจิ้นไม่ออก กลับไปต่อฟิคไฟนอลกับเซย่าเหมือนเดิมดีกว่า

2 ความคิดเห็น:

  1. น่ารักมากๆเลยค่ะ!!! >w< วันนี้กะจะเข้ามาอ่าน เซฟคลาวด์ต่อ หลังจากห่างหายไปนาน ต้องขอโทษเป็นอย่างมาก ที่ไม่ได้มาเยี่ยมเยียนเลย


    คู่นี้ตอนแรกไม่ได้คิดจิ้นเล เพราะหนูเรียวไม่ค่อยมีบทซักเท่าไหร่ แถมคู่ฟ้าเหลืองก็มีกระแสฟีเวอร์อย่างหนัก!! ข้อย้ำอีกครั้ง หนัก!!!
    เพราะงั้นก็เลยเห็นแต่อาโฮ่กะอิเคมงซะส่วนมาก แม้จะชอบคู่นี้อยู่บ้าง แต่โดยส่วนตัวแล้วรู้สึกว้ามันเยอะเกิน บางเรื่องก็โหดซะจนไม่นึกถึงจิตใจเคะน้อยเลยทีเดียว


    ทีนี้กลับมาเรื่องนี้ก่อนจะหลุดออกไปไกล เรียวจังก็คงจะมีสภาพไม่ต่างไปจากคิเสะจิ้นแน่นอน พ่อเมะโหดได้โล่ซะขนาดนี้ = =" แต่พอมาเทียบเป็นพ่อหมีนี่โหดติดลบเลยทีเดียว 555+


    อันนี้ยังไม่ได้คบกันใช่มั้ยคะ? หรือใกล้แล้วเอ่ย ยังไงก็จะรอลุ้นนะคะ

    ตอบลบ
  2. อ่ะ! ลืมบอกไปค่ะ ถ้าคาแรกเตอร์สองคนนี้ จะมังงะหรืออนิเมก็ไม่มีส่วนต่างนักหรอกค่ะ ถ้าเป็นมังงะตอนใกล้เคียงกับอนิเม อาโฮ่ก็ยังเป็นอาโฮ่อยู่เหมือนเดิมล่ะค่ะ =3= 'คนที่จะชนะฉันได้ ก็คือตัวฉันเท่านั้น' <<<คำคมของพี่แกก็ยังเป็นแบบนี้เหมือนเดิม

    แต่ถ้าเป็นช่วงwinter cupแล้วเนี่ย หลังจากแพ้น้องดำไป ดำกิเป็นคนดีขึ้นจมเลยนะคะ อาจารย์วาดหล่อขึ้นเยอะเลย(แต่โดยส่วนตัวแล้วไม่ชอบผู้ชายตัวแทน ถึง ตัวดำ อยู่ดี)

    ก็คือดีขึ้นบ้างอ่ะนะคะ เพราะงั้นจะเป็นยังไงก็ยังเป็นดำกิคนเดิม เขียนได้ไร้กังวลค่ะ ขอรับประกัน ^ ^

    ยังไงก็เขียนต่อเถอะนะค้า อยากอ่านมากมาย คู่นี้มันแรร์จริงๆค่ะ!!!!!!!

    ตอบลบ