27/6/56

Fiction Saint Seiya : Flowers


Pairing : อัลบาฟีก้า x ชิออน ....ขอเล่นของสูง(อายุ)อีกสักครั้ง

Intro : เรื่องนี้เป็น side story ของ Before&After นะคะ หรือจะอ่านย้อนไปถึง Don’t you know, what’s I think. เลยก็ได้

-----------------------------------------------------------------------


แซงค์ทัวรี่ยามสาย....


“เฮ้อ!

เสียงถอนหายใจยาวดังมาจากร่างสูงโปร่งของโกลด์เซนต์พิชเชส อัลบาฟิก้าที่ยืนสงบนิ่งอยู่หน้าวิหาร นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มกวาดมองไปรอบๆ ตัว ขณะหยิบสารพัดสารพันอุปกรณ์ดูแลตกแต่งต้นไม้ออกจากถุงใบใหญ่ด้วยอารมณ์ที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูกว่าจะรู้สึกอย่างไรดี


ที่เห็นอยู่ไกลๆ คือ สวนกุหลาบพิษ....

...สถานที่ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของพิษร้าย

...คน สัตว์ แมลง ต้นไม้ชนิดอื่น ไหนเลยจะทนมีชีวิตอยู่ได้

ยกเว้นพิชเชส อัลบาฟิก้าผู้นี้ และเป็นหน้าที่ของโกลด์เซนต์ราศีมีนทุกคนที่ต้องฝึกฝนร่างกายให้ทนต่อพิษเพื่อจะได้อยู่กับกุหลาบพันธุ์พิเศษพวกนี้ได้ตลอดเวลา


“เฮ้อ!

เสียงถอนหายใจยาวดังขึ้นอีกครั้ง

...กุหลาบพิษคงต้องรอไว้ก่อน

เพราะเป็นกับดักล่อหลอกศัตรูที่หากผ่านวิหารทั้งสิบสองมาจนถึงวิหารเคียวโกได้ให้ตายใจ กุหลาบที่ปลูกล้อมวิหารพิชเชสและส่วนหน้าของทุ่งกุหลาบกว้างที่คั่นกลางระหว่างสิบสองวิหารศักดิ์สิทธิ์กับวิหารเคียวโกจึงยังเป็นกุหลาบธรรมดา แต่เมื่อผ่านเข้าไปแล้วสักระยะกลิ่นหอมของกุหลาบพิษที่เบ่งบานแฝงอยู่ด้านในก็จะกำจัดศัตรูชนิดไม่ให้รู้เนื้อรู้ตัว

...วันนี้ต้องจัดการพวกกุหลาบด้านนอกให้เสร็จ พรุ่งนี้..มะรืนนี้จะได้ดูแลกุหลาบพิษได้เต็มที่


แต่....

งานดูแลดอกไม้ง่ายๆ แค่นี้ควรจะเสร็จไปตั้งนานแล้ว ถ้าไม่มี แกะมาป่วน

เจ้าแกะตัวปัญหาที่วันนี้ไม่มีธุระที่วิหารเคียวโกสักนิด แถมวิหารก็อยู่ห่างกันเป็นรอบกลับเสนอหน้ามาให้เห็นตั้งแต่ไก่ยังไม่ตื่น ปากก็บอกว่าจะมาช่วยทำงาน เอาเข้าจริงก็ได้แต่เดินเตร่ไปเตร่มา ดูต้นไม้ดอกไม้เพลิน เกะกะคนทำงานจนทนรำคาญไม่ไหวต้องเหน็บไปให้รู้สำนึกซะบ้าง

“มีความสุขจังนะ”

เจ้าแกะกลับฉีกยิ้มระรื่นส่งคืนมาให้

“แน่ล่ะ ก็ชื่อฉันเป็นชื่อเดียวกับดอกไม้นี่นา ชื่อใครไม่รู้แถวๆ นี้ก็แปลว่าดอกไม้เหมือนกันล่ะ”

...อึ่กกกก...มันย้อน

...มันน่าจับไปปล่อยกลางดงกุหลาบพิษซะทีดีมั้ย


หนักเข้าก็เริ่มอยู่ไม่สุข เจ้าแกะวายร้ายเริ่มดึงนั่นถอนนี่ หยิบนี่ใส่นั่นสนุกสนาน หารู้ไม่ว่าเป็นการเพิ่มงานของเขาให้มากขึ้น ไอที่ควรจะเสร็จก็ต้องกลับมาทำใหม่ เป็นใครจะไม่โมโห เสียงห้ามจึงไม่ต่างอะไรจากเสียงตวาด

“ชิออน หยุดเดี๋ยวนี้ เลิกวุ่นวายแล้วกลับวิหารแอเรียสไปซะ”

จากนั้นทุกอย่างรอบตัวก็เงียบสงบ ทำให้ตั้งสมาธิจดจ่ออยู่กับงานได้อีกครั้ง แต่พอทำไปได้สักพักใหญ่ๆ อัลบาฟิก้าก็เงยหน้าขึ้นเหลียวมองไปรอบๆ

...ชิออนหายไปไหนแล้ว

ไม่เหมือนทุกครั้งที่ขับไล่ไสส่งคนรอบข้างให้ไกลห่าง ครั้งนี้ในอกกลับวูบไหวจนเหมือนจะหายใจไม่ออก

...หรือจะโกรธที่โดนต่อว่าเอาเมื่อกี้ แล้วเลยกลับวิหารไปจริงๆ


จากหางตาไกลๆ อะไรสักอย่างกำลังขยับพลิ้วไหวไปมาตามแรงลม

พอเขม้นมองดูให้รู้ชัดถึงเห็นว่าเป็นเจ้าแกะจอมวุ่นวายกำลังปีนขึ้นไปบนเสาหินสูงลิบ ในมือมีเถากุหลาบเลื้อยที่คงหลุดหล่นลงมากองที่พื้น อารามตกใจเลยทำให้ไม่ทันระวัง..เสียงเรียกจึงดังสนั่น

“ชิออน ทำอะไรน่ะ”

คงเพราะตกใจเสียงเขา เจ้าแกะสะดุ้งโหยงสุดตัวแล้วหันมามองก่อนเสียหลักหล่นโครมลงไปบนแปลงกุหลาบข้างล่าง

น้ำหนักตัวกับแรงกระแทกทำให้ต้นกุหลาบทั้งแปลงเสียหายกลีบดอกกระจายปลิวว่อน แต่แทนที่คนปลูกจะมีน้ำโหเหมือนเคย...อัลบาฟิก้ากลับถลาพรวดเดียวถึงตัวแกะเคราะห์ร้าย เพราะรู้ดีว่าพอไม่มีกลีบดอกช่วยรองรับแล้ว สิ่งที่รออยู่ข้างล่างคือ หนาม ยิ่งชิออนไม่ได้สวมคลอธ หนามกุหลาบแหลมคมก็ยิ่งอันตรายไม่ต่างอะไรจากใบมีด

เจ้าแกะทำตาโตก่อนจะนิ่วหน้า คงเจ็บที่ถูกหนามตำ แต่ไม่ร้องสักแอะ จากนั้นก็พยายามตะเกียกตะกายจะลุกขึ้นให้ได้

“อยู่นิ่งๆ” เสียงตวาดดังซ้ำ “เดี๋ยวหนามจะตำลึกยิ่งกว่านี้”  

เป็นครั้งแรกในชีวิตที่คนอย่างพิชเชส อัลบาฟิก้าทำอะไรไม่ถูก ยิ่งเห็นเจ้าแกะตัวปัญหาทำหน้าเหยเก ใจก็ยิ่งเจ็บแปลบ รู้แต่ว่า...ต้องรีบหาใครสักคนมาช่วยปลดหนามกุหลาบให้ชิออน แต่จะมีใครอยู่แถวนี้บ้าง...เดเจล? เอลซิด? แล้วเจ้าสองคนนั่นจะทำเป็นมั้ย ...

แต่ถ้าเป็น เขาล่ะ

...ไม่ ไม่เด็ดขาด ชิออนมีบาดแผลแน่นอนอยู่แล้ว ถ้าเขาพลาดถูกหนามตำขึ้นมาแล้วเลือดหยดโดนเข้าล่ะ...

...ไม่...ไม่ได้...ยังไงก็ไม่ได้

...แล้วจะต้องทำยังไง

...ทำยังไงดี

“อัลบาฟิก้า” เจ้าแกะที่กัดฟันทนเจ็บเสียงสั่น “ขอโทษนะ ฉันทำแปลงกุหลาบของนายพังหมดแล้ว”


...รู้สึกเหมือนหมัดลุ่นๆ ของเจ้าแกะพุ่งเข้ากระแทกหน้าอย่างจัง


“หลับตาซะ”

“หา?”

เจ้าของเลือดพิษไม่พูดอะไรอีกก่อนทรุดตัวลงคุกเข่า วางมือข้างหนึ่งปิดตาอีกฝ่ายไว้ อีกมือค่อยๆ ปลดหนามกุหลาบออกเบามือ...ระมัดระวัง

...ถ้าใช้สองมือปลดหนามกุหลาบจะยิ่งพันกันยุ่ง

ชิออนเองก็เหมือนเข้าใจ ยกมือข้างที่ยังขยับได้ขึ้นจับมืออุ่นที่ปิดตาตนเองอยู่อยู่ แล้วยอมอยู่นิ่งๆ ตามคำสั่งแต่โดยดี แม้จะสะดุ้งหรือเกร็งตัวอยู่เป็นระยะขณะดึงหนามแหลมที่ตำลึกออกจากเนื้อก็ตาม

“เอาล่ะ หมดแล้ว”

เสียงคนปลดหนามกุหลาบบอกเบาๆ ด้วยความโล่งใจ แต่พอเห็น แกะบาดเจ็บลุกไม่ขึ้นก็ส่ายหน้าก่อนคลี่ผ้าคลุมผืนใหญ่ออกห่มให้แล้วช้อนตัวชิออนที่กำลังชาไปทั้งร่างกลับวิหารปลาคู่

...อยากจะบอก สมน้ำหน้า ใจจะขาด แต่พอเห็นสภาพกะรุ่งกะริ่งแถมจ๋อยสนิทของแกะตรงหน้าแล้วก็พูดไม่ออก   

...งานการไม่ต้องทำให้เสร็จกันล่ะวันนี้

...................................


การดูแล แกะ เป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะ แกะหัวดื้อแบบนี้

เสื้อผ้าขาดเป็นริ้วเปรอะรอยคราบเลือดจางๆ ไปทั่วบอกชัดว่าชิออนโดนหนามกุหลาบเกี่ยวไม่น้อย ที่ตำทะลุเข้าเนื้อก็มาก แม้ไม่ใช่กุหลาบพิษ แต่กุหลาบธรรมดาก็ใช่ว่าจะไร้พิษเสียทีเดียว

แต่...ไม่ว่าจะพูดก็แล้วดุก็แล้วขู่เข็ญก็แล้ว เจ้าตัวก็ไม่ยอมอาบน้ำง่ายๆ ลงท้ายก็ต้องใช้กำลังบังคับจับโยนลงไปในอ่างอาบน้ำที่ผสมสมุนไพรช่วยขับพิษและสมานแผลไว้ แล้วก็ได้ยินเสียงร้องลั่นเพราะแสบแผลของเจ้าแกะสมใจ

จากนั้นชิออนก็เอาแต่นอนมุดคุดคู้อยู่ใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ในห้องนอนสำรองเพราะพิษไข้

อัลบาฟิก้ามองยาลดไข้ในมือสลับกับแกะตรงหน้าอย่างปวดใจ

...ร่างกายกำลังขับพิษ

...ยังไงก็ต้องทำให้กินยาเข้าไปให้ได้ ถึงต้องจับกรอกก็เถอะ


ชิออนลืมตาขึ้นมองเมื่อรู้สึกถึงน้ำหนักที่กดลงมาข้างๆ จากนั้นถ้วยใบเล็กก็จ่อเข้าถึงปาก

“ยา อ้าปาก”

คราวนี้แกะหัวดื้อกลับว่าง่ายกว่าที่คาด ด้วยการยอมลุกขึ้นนั่งแล้วรับยาไปกินเองแต่โดยดี

แต่พอลุกขึ้นจะเดินกลับออกไป มือบางๆ ข้างหนึ่งก็คว้าแขนรั้งไว้ก่อนจะพยายามลุกขึ้นตาม แต่เพราะอาการชาตามตัวยังไม่หายสนิท ถ้าเขาหมุนตัวกลับไปช่วยประคองไว้ไม่ทันคงได้เห็นเจ้าแกะกลิ้งตกเตียงไปให้เจ็บตัวเพิ่ม

“ขอบใจ” ชิออนในอ้อมแขนส่งยิ้มเซียวๆ มาให้ “ฉันไม่เคยกลัวเลือดพิษของนาย วันนี้ฉันสะเพร่าเอง อย่าโทษตัวเองนะ”

...แล้วจะให้ตอบว่าอะไรได้

ผ่านไปอึดใจใหญ่ๆ ชิออนก็หลับสนิทเพราะฤทธิ์ยา ร่างสูงค่อยๆ วางอีกฝ่ายลงบนเตียงเบาๆ ค่อยๆ แกะนิ้วมืออุ่นๆ ที่แม้ยามหลับก็ยังไม่ยอมปล่อยมือเขา

อดไม่ไหว...ต้องใช้ปลายนิ้วพันเส้นผมสีอ่อนที่ทั้งยาวทั้งฟูเล่น...หัวใจเหมือนถูกบีบอัดจนลีบเล็ก

ทั้งๆ ที่พยายามหลีกเลี่ยงคนรอบข้างมาตลอด...ไม่เฉพาะแต่คนที่กำลังหลับปุ๋ยตรงหน้า บางครั้งเกือบลืมไปแล้วว่าร่างกายมนุษย์อบอุ่นอย่างไร

...พิษเล็กน้อยแค่นี้ ยังทำให้นายบาดเจ็บได้

...พิษในเลือดของฉันน่ะ ร้ายแรงยิ่งกว่าไม่รู้กี่พันเท่า


หลังจากนั้นชิออนก็หายหน้าไปพักใหญ่ รู้มาว่าพอแผลที่โดนหนามเกี่ยวเป็น แกะลายอยู่หลายวันค่อยยังชั่ว หมอนั่นก็ต้องวุ่นวายกับภารกิจใหม่ที่ได้รับ ส่วนเขาก็ยุ่งอยู่กับงานของตัวเอง

ชื่อฉันเป็นชื่อเดียวกับดอกไม้นี่นา

เพราะประโยคนั้นแท้ๆ ที่จุดความสนใจให้ค้นหาจนได้พบ ดอกชิออน

ดอกไม้เล็กๆ แสนอ่อนโยน เกสรสีเหลือง กลีบดอกละเอียดสีม่วง...เหมือนสีตาเจ้าของชื่อ

...ก็สมกับนายดี

ทีนี้...พอหันไปเห็นกระถางดอกกุหลาบขาวที่ตั้งอยู่ข้างๆ เข้าก็อดยิ้มออกมาไม่ได้

นั่นสินะ จริงอย่างที่เจ้าแกะพูดไว้

...ชื่อใครไม่รู้แถวๆ นี้ก็แปลว่าดอกไม้เหมือนกันล่ะ

...ชิออน หมายถึง ดอกไม้สีม่วง

...ส่วนอัลบาฟิก้า หมายถึง ดอกไม้สีขาว


แล้วแกะจอมป่วนที่หายหน้าหายตาไปนานก็แวะเวียนมา

มาถึงก็ตรงไปชงชากุหลาบของโปรดดื่มเหมือนทุกที ก่อนจะหันไปสนอกสนใจ ของเล่น ใหม่ในกระถางที่วางอยู่ข้างหน้าต่าง

กุหลาบต้นเล็ก แต่ออกดอกบานสะพรั่ง ส่งกลิ่นหอมระรวย

“สวยจัง” เจ้าแกะทึ่งจัดก่อนจะยิ้มแป้น ค่อยๆ ยื่นปลายนิ้วแตะกลีบดอกเนื้อละเอียดแผ่วเบา ท่าทางจะชอบใจเอามากๆ “กุหลาบสีม่วง ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”

aster tataricus” เจ้าของต้นไม้บอกเสียงเรียบ “นายจะรับฝากมั้ยล่ะ”

“เห...” ชิออนมองลึกเข้าไปในตาคนพูด นิ่งไปนาน...ก่อนยิ้มรับ “ได้สิ ไม่ยักรู้ว่านายรู้ภาษาจามิลด้วย”

“ถ้าฉันตาย แล้วโชคดีเอาศพกลับมาได้” พิชเชส อัลบาฟิก้าหัวเราะเบาๆ “อย่าลืมปลูกเจ้านี่บนหลุมศพให้ด้วยแล้วกัน”

“อย่าพูดอะไรแบบนั้น” ชิออนทำหน้าตึงใส่ ก่อนทำไม่รู้ไม่ชี้คว้ากระถางกุหลาบมาถือไว้ “ฉันเอาเจ้าหนูนี่ไปไว้ที่วิหารแอเรียสล่ะ ขอบใจนะ”

นัยน์สีน้ำเงินเข้มจัดด้วยความรู้สึกในใจมองตามหลัง แกะที่รีบเดินลิ่วๆ กลับวิหาร เพราะกลัวจะถูกทวงต้นไม้คืนก่อนจะแย้มรอยยิ้มที่หาได้ยากออกมา

...รู้สึกเหมือนหัวใจฟูฟ่องพองคับอก

... ชิออนคงเดาได้ไม่ยากว่า aster tataricus แปลว่า ฝากความภูมิใจไว้ที่เธอ หรืออีกความความหมายหนึ่ง... ฝากหัวใจไว้ที่เธอ

...จะความหมายไหนก็ช่าง แค่นายรับฝาก ก็พอใจแล้ว

                  

                                                                                                Fin

                                                                                                Jes
                                     
                                                                                          27/06/56

....................................


เขียนขึ้นจากความโมเอ้ชื่อของฟีก้าจังกับท่านชิ (เรียกฉันว่าจัง แต่เรียกชิออนว่าท่าน ปั้ดเสยด้วยบลัดดี้โรส/อัลบาฟิก้า) ที่แปลว่าดอกไม้ทั้งคู่

ในเรื่องซ่อนความนัยอะไรบางอย่างไว้ ใครหาเจอมั่งคะ....กลัวว่าจะลึกไปจนขุดไม่ขึ้น 555+ เดี๋ยวไปเฉลยในตอนจบของ Before & After ละกันนะ

ส่วนมากจะเจอฟิคมีนอส+อัลบาฟิก้า มานิกอลด์+อัลบาฟิก้า ซะเยอะ แต่ไม่มีอัลบาฟิก้า+ชิออน???? (หรือเราจะรสนิยมแปลกประหลาด)...โอเค งั้นเขียนเองก็ได้ ในเมื่อปาวารณาตัวเป็นแม่ยกท่านชิแบบทุ่มสุดตัว

ปล. เวลาจิ้นท่านชิ คนเขียนจิ้นท่านชิภาคฮาเดสค่ะ ชอบออร่าราชินีแบบนั้นมากกว่าแกะใจร้อนใน lc อะ

ปล.. ยังยืนยันจะเป็นแม่ยกคู่อัลบาฟิก้า+ชิออน และมู+ชิออนต่อไป ใครเจอฟิคของสองคู่นี้เมตตาบอกต่อด้วยเถอะ หรือถ้าเขียนให้อ่านบ้างจะขอบคุณยิ่ง

ปล... ชื่อ aster tataricus เป็นชื่อทางพฤกษศาสตร์ของดอกชิออน (คิดว่านะคะ) ลองเซิร์ชดูรูปในกูเกิ้ล แล้วคุณจะโมเอ้เหมือนคนเขียน อิอิ


2 ความคิดเห็น:

  1. แง งั้นลงตอนจบของ before'n after ด้วยสิคะ อยากเห็นตอนที่ชิออนกับมูเจออัลบาฟิก้า(อโฟรดิเต้ดูเงียบๆนะ อย่าขัด 555)

    ตอบลบ
  2. อยากให้มีเป็นฟิคตอนๆยาวๆง่ะ=w= ฟินแปบ คู่ไม่แปลกหรอกฮะผมก็หาอ่านอยู่เหมือนกัน555

    ตอบลบ