14/10/55

Kuroko no basket’s fic : The sun’ n The moon


Author : jes

Pairing :
Aomine daiki x sakurai ryou

Disclaimer :
ตัวละครเป็นลิขสิทธิ์ของ อ.Fujimaki Tadatoshi ค่ะ .....ฟิคนี้เป็นรีเควสต์พิเศษของเพื่อนสนิทที่ดองข้ามปี (เขียนช้ายังดีกว่าไม่เขียนเลยนะ) ที่ขอฟิควันเกิดของซากุรากิ เรียว จาก koroko no basket (วันที่ 9 เดือน 9) ไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว ตอนแรกจะพยายามเขียนให้ทันวันเกิดปีนี้ (เพราะโดนทวง) แต่...มันก็เสร็จไม่ทันจนได้
อีกอย่างสารภาพตามตรงว่าไม่ได้อ่านคอมิคหรือดูอนิเมก่อนเขียนแต่ประการใด (เค้าไม่ชอบการ์ตูนแนวกีฬานี่นา) เลยหาข้อมูลแค่ค้นรูปมาดูกับอ่านรีวิวเนื้อเรื่องและตัวละครในวิกิฯ นิดหน่อย เลยค่อนข้างแน่ใจเกินร้อยว่านิสัยหรือบุคลิกตัวละครต้องไม่ตรงกับต้นฉบับแน่ เพราะงั้นถ้าใครอ่านแล้วพานหงุดหงิดอารมณ์เสียก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ

Intro :  แบ่งออกเป็น 2 ตอน The Sun เป็น POV ของ อาโอมิเนะ ที่ต้องพาคนเมาไม่รู้เรื่องกลับบ้าน ส่วน The moon เป็น POV ของ ซากุราอิ ที่จับพลัดจับผลูมาเป็นคนรับใช้ของคนเอาแต่ใจ

ปล. เพิ่งเขียน The sun เสร็จ The moon ยังไม่ได้เริ่ม TT^TT

-----------------------------------------------------------------------
                              

Part 1  The sun


“เดินดีๆ”

อาโอมิเนะ ไดกิ เอสของทีมบาสเกตบอลโทโอที่กำลังอารมณ์เสียสุดยอดทำเสียงรอดไรฟันข่มขู่ร่างเล็กๆ ที่ถ้าไม่ได้เขาช่วยพยุงไว้คงได้เดินโซซัดโซเซเป๋ไปเป๋มาพานเอาหน้าทิ่มพื้นเอาง่ายๆ

“ขอโทษ ขอโทษด้วยครับ....”

ซากุราอิ เรียว ทำหน้าจ๋อยพลางพึมพำคำพูดติดปากของตัวเองซ้ำๆ ซากๆ ราวแผนเสียงตกร่องก่อนจะเซวูบเพราะสะดุดขาอันไร้เรี่ยวแรงของตัวเองที่พันกันยุ่งจนทำให้ร่างสูงข้างๆ เกือบสะดุดล้มตามไปด้วย

“เรียว ฉันบอกให้เดินดีๆ ไงล่ะ ซุ่มซ่ามทำฉันหกล้มอีกทีล่ะก็ นายโดนแน่”

พอทรงตัวได้เสียงตวาดก็ดังลั่น แขนแข็งแรงกระชากคนตัวเล็กบางกว่ามากเข้าหาตัว จำใจใช้ตัวเองเป็นหลักยึดให้อีกฝ่าย

“ขอโทษครับ ขอโทษจริงๆ อาโอมิเนะคุง ฮืออออออออ.....ผมขอโทษ ขอโทษ”


20/5/55

FF7’s AU fic : กระรอกตาสีฟ้ากับหมาป่าขนสีเงิน


Author : jes

Pairing :
หมาป่า x กระรอก (ชื่อเรื่องก็บอกอยู่โต้งๆ ^^)

Disclaimer :
ตัวละครเป็นลิขสิทธิ์ของ square enix ค่ะ ที่เขียนเพราะอยากเขียน ไม่มีเหตุผลหรือแรงบันดาลใจอื่นทั้งนั้น คิดว่าเป็นฟิคที่หลุดโลกที่สุดแล้วล่ะ

ปล. ขอโทษที่หายไปนานนะคะ โดนเกณฑ์ไปราชการต่างประเทศ 2 อาทิตย์ค่ะ TT^TT ในที่สุดก็ได้กลับบ้านสักที คิดถึงคอมแทบใจจะขาด 

Intro :  อ่านเอาเองเหอะ ท่านผู้โช้มมมมม.....

-----------------------------------------------------------------------
                              

...ถ้าการพบกันครั้งแรก เป็นเพียง “ความบังเอิญ” 

...พบกันครั้งที่สองเรียกว่า “โชคชะตา”

แล้ว

....ถ้ายังพบกันอีกเป็นครั้งที่สามล่ะ มันคืออะไร......... 



บ่ายวันหนึ่ง.....

ท้องฟ้าเป็นประกายสีครามใสกระจ่าง แลเห็นปุยเมฆสีขาวสะอาดแต่งแต้มอยู่เป็นระยะๆ แสงแดดอุ่นๆ ยามบ่ายและสายลมเย็นที่พัดพลิ้วไปมาพาให้หมาป่าสีเงินเพลิดเพลินไปกับการนอนกลางวันอันแสนสุขใต้ต้นไม้ใหญ่

...ไร้วี่แววเจ้าเม่นจอมป่วนที่ชอบหาเรื่องวุ่นวายมาให้ปวดหัวอยู่เสมอ

...ช่างดีเหลือเกิน


13/4/55

FF7 ‘s AU Fic : Blue Bonding (p5)

มาเร็วรับสงกรานต์ค่ะ ^^ สุขสันต์วันสงกรานต์นะคะทุกๆ คน อ้ะ.....สาดน้ำ

ปล. คนเขียนโลว์เทคฮ่ะ เขียนโค้ด+ใส่รูปอีโมสาดน้ำมะเป็น


ตอบเม้นต์ก่อน

คุณชิน : คลาวด์คุงเป็นสัตว์เลี้ยงรึเปล่า...งืมมมม ก็แบบว่า...ตัวเล็กๆ ซื่อๆ จะกอดก็ได้จะกดก็ดี เอ้ย...555+ เลี้ยงเอาไว้ใกล้ๆ ตัวก็น่ารักดีนี่นา จริงมะ ว่ากันตามจริงสัตว์เลี้ยงเนี่ยเจ้าของรักแบบถวายชีวิตเลยนะคะ เหมือนแมวเคยเลี้ยงไว้ หายไปวันึงเล่นเอากินไม่ได้นอนไม่หลับ ป่วยก็ต้องคอยเฝ้า เวลาดีๆ ก็อุ้มเอามาเล่น เห็นมะเป็นสัตว์เลี้ยงสิดีจะตาย (/โดนคลาวด์คุงเอาดาบฟัน)

สำหรับที่ถามว่าจะมีใครมาเป็นคู่แข่งเซฟจังมั้ย อันนี้แน่นอนค่ะ จะค่อยเพิ่มขึ้นแบบตอนละคนสองคนเลย  วินซ์มาแล้ว (เดี๋ยวจะมีบทมากขึ้นตอนหลัง)  ทิฟ่าตามติดมา (แต่คงได้บทไม่มากเท่าไหร่) 3 น้องผมเงินยังไม่ถึงคิวออกโรง แต่ตอนนี้มีก้างชิ้นใหญ่โผล่มาขวางคอเซฟจังแบบเป็นตัวเป็นตน แถมรุกเร็ว (?) กว่าด้วย

ที่คุณชินเคยบอกว่า all คลาวด์ น่ะ ใช่เลยค่ะ

ตอนนี้อาจสั้น+ไม่ค่อยมีอะไรไปหน่อยนะคะ ต้องขอโทษด้วย

ไปอ่านฟิคกันเห้อะ

.......................................................................


Chap 5 : Zack


เซฟิรอธขมวดคิ้ว

เช้าวันนี้...

เสียงน้ำฝักบัวเงียบไปนานแล้ว แต่ทำไมไม่มีเสียงอุปกรณ์การครัวดังตามมาเหมือนทุกที

...ทุกอย่างเงียบสนิทอยู่พักใหญ่ก่อนที่เสียงตึงตังโครมครามจะดังขึ้นแล้วก็เงียบลงไปอีก

...แบบนี้มันผิดปรกติอย่างถึงที่สุด


7/4/55

FF7 ‘s AU Fic : Blue Bonding (p4)


Chap 4 : Tifa


เซฟิรอธกระชับผ้าห่มให้แนบตัวอีกนิด...

เสียงฝักบัวในห้องน้ำที่ดังแว่วๆ กลายเป็นเสียงนาฬิกาปลุกรุ่นล่าสุดที่บอกเขาว่าถึงเวลาเริ่มต้นเช้าวันใหม่

สักพักเสียงน้ำก็ค่อยๆ เบาลง ตามด้วยเสียงกุกกักหยิบโน่นจัดนี่อีกนิดหน่อยก่อนจะเงียบไปพักใหญ่ๆ จากนั้นอีกชั่วอึดใจเสียงเปิดปิดตู้เย็น เสียงกระทะ จาน ชาม ช้อน กระทบกันเบาๆ ก็พร้อมบรรเลง

แม้มีนิสัยตื่นแต่เช้าเป็นทุนเดิม...และเมื่อตื่นแล้วก็จะลุกจากเตียงทันทีก็ตาม แต่เกือบอาทิตย์ที่ผ่านมา..หลังจากตื่นตามเวลาปรกติ เซฟิรอธกลับยังนอนหลับตาเหมือนแมวหนุ่มจอมขี้เกียจที่เพลินเพลินกับการคอยเงี่ยหูฟังว่าเจ้าหนูตัวน้อยจอมวุ่นวายข้างนอกห้องกำลังทำอะไรอยู่

...เสียงมีดกับเขียงกระทบกัน คงหั่นอะไรสักอย่าง

...เสียงตั้งกระทะบนเตา

...เสียงน้ำเดือด

ชายหนุ่มยิ้มจางๆ สนุกสนานไปกับจินตนาการยามเช้า

...กลิ่นนี้....อืมมมมม......ข้าวต้มเครื่อง

รอจนได้ยินเสียงหยิบถ้วยชาม ช้อน แก้วน้ำ ดังกรุ๊กกริ๊กนั่นล่ะถึงค่อยลุกขึ้นไปอาบน้ำ พอแต่งตัวเสร็จออกมากาแฟหอมๆ ที่ส่งกลิ่นอวลไปทั่วห้องก็พร้อมเสิร์ฟ...ช่างเป็นยามเช้าที่แสนดีอีกวัน

...อะไรบางอย่างย้ำเตือนว่าระเบียบชีวิตของเขากำลังจะเปลี่ยนไป แต่เซฟิรอธกลับไม่คิดว่ามันจะสร้าง ปัญหาตรงไหน

…………………………….


“วันนี้มีงานถ่ายโฆษณาที่สตูดิโอ A ตอนสิบโมงเช้าแค่งานเดียวครับ แต่รูปแบบกับรายละเอียดของงานยังไม่ลงตัว คงต้องไปตกลงกันที่นั่นอีกที”

หลังจบมื้อเช้า ผู้ดูแลมือใหม่ที่คอยเช็คตารางงานของเขาล่วงหน้าก็จะเริ่มรายงานสิ่งที่ต้องทำประจำวัน

“โฆษณาอะไร” นายแบบหมายเลขหนึ่งถอนใจยาวอย่างไม่ค่อยจะสบอารมณ์เท่าไหร่

“เครื่องเพชรฮะ ชิ้นหลักคือแหวนเพชรสีชมพูหนักสิบกะรัตที่ผมว่าสวยดี แต่คุณว่าก็อย่างงั้นๆ ไง”


23/3/55

FF7 (AU)’s fic : Memory of tree (p2)

ก่อนอื่นก็ต้องตอบเมนต์

คุณชิน : (ขอตอบรวมทุกคอมเมนต์เลยนะคะ) ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณและคารวะให้กับความพยายามคอมเมนต์มากๆ ค่ะ ดีใจมากๆ เลยรีบปั่นตอนจบออกมาแบบไม่ให้ค้างคานานๆ (เกือบครึ่งเดือน--ขนาดมันรีบแล้วนะเนี่ย)
          ที่เมนต์ไม่ขึ้นเพราะเวลามีข้อความคอมเมนต์ที่ยาวมากๆ บลอกเกอร์จะจัดให้เป็นสแปม (สงสัยจะป้องกันพวกเมนต์ขายของ หรือเมนต์ลูกโซ่น่ะ) แต่อ่านได้นะคะ แล้วก็ย้ายกลับมาขึ้นในส่วนคอมเมนต์ได้ด้วย เพราะงั้นถ้าเมนต์ยาวๆ (ชอบค่ะ อ่านไปยิ้มไป เพลิน....) แล้วไม่ขึ้นก็รอแป้บนะคะ เดี๋ยวมาจัดการย้ายให้ ^^
          กลับมาที่ฟิคกันดีกว่า...จริงๆ คลาวด์คุงเข้าใจว่าเซฟจังเป็นเด็ก 10 ขวบไปเองค่ะ เพราะตอนที่ถามอายุเซฟก็บอกแล้วว่า 41 จริงๆ นะ ไม่เชื่อกลับไปดูตอนแรกได้ แต่บอก “สี่” เบาๆ “สิบเอ็ด” ดังกว่าเท่านั้นเอ๊ง....แล้ว “สี่” กับ “สิบ” น่ะเสียงมันใกล้กัน ไม่แปลกที่คลาวด์จะฟังผิด เพราะงั้นอายุ 41 เนี่ยไม่เด็กแล้ว แต่เพราะต้นไม้ไม่โต เวลาเป็นคนเลยต้องตัวเล็กไปด้วย 555+ ถึงบอกว่าเซฟ (แอ๊บ) เด็ก แต่ความที่เป็นภูติต้นไม้แล้วมาอยู่ในโลกของมนุษย์เลยออกงงๆ ทำอะไรไม่ถูกบ้าง คลาวด์คุงเลยยิ่งเข้าเข้าผิดไปใหญ่ เพราะงั้น...จริงๆ แล้วพล็อตเรื่องนี้ไม่ใช่เด็กจะงาบผู้ใหญ่ แต่เป็นผู้ใหญ่แอ๊บเด็กคิดจะเลี้ยงต้อยต่างหาก 666+ (คนเขียนมันทำไปได้)
          ส่วนมุกเจ้าหญิงนิทรานี่เอาไอเดียมาจากแมวที่บ้านค่ะ มันนอนอยู่ปลายเตียง เวลาจะออกจากห้องเค้าจะเอาจมูกมาจิ้มแก้มเราเป็นการปลุกน่ะ (แต่ตอนนี้ไปย้ายนอนอยู่ก้นหลุมแทนแล้ว) คิดถึงมากเลยเอามาเขียนฟิคค่ะ แล้วเท่าที่เขียนฟิคมาเหมือนจะเป็นการเซอร์วิสคนอ่านที่มากที่สุดแล้วมั้งนะ เพราะส่วนมากจะเขียนให้กอดกันเฉยๆ
          ว่าแต่...สงสัยเหมือนกันค่ะว่า ฟิคเซฟคลาวด์มันหายากจริงๆ (ไม่งั้นคงไม่ลงทุนเขียนเอง) มันเพราะอะไรคะ ทั้งๆ ที่ออร่าคู่นี้มันออกจะเหนือม่วงชัดเจนขนาด หรือเพราะคลาวด์ต้นฉบับมันง้องแง้งเกินไป คนเลยไม่ค่อยชอบ หรือส่วนใหญ่จะจับคู่แบบนอร์มอล คลาวด์-เอริธ/ทิฟ่า อย่างนั้นรึเปล่า หรือจะแพ้ความดีของแซคกี้เลยยกให้เป็น “แซคคลาวด์” ??? เห็นบ่อยๆ คือฟิคเซฟวินซ์ งงเหมือนกันว่าคู่นี้มันจูนกันติดได้ไง แค่เซฟเป็นลูกแม่ลูเครเซีย (อดีต) สุดที่รักของป๋าวินซ์แค่นั้นอะ...ไม่เข้าใจ แล้วตามที่รู้สึก..ถึงวินซ์จะหน้าดี (น้อยกว่าคลาวด์นิดหน่อย ^^) แต่ไม่น่าเป็นฝ่ายรับค่ะ คิดว่าเป็นฝ่ายรุกแบบนิ่งๆ แต่มั่นคง พึ่งพิงได้ อย่างใน blue bonding ก็จะมีวินซ์คลาวด์เป็นไอแผ่วๆ อยู่บ้าง (แค่วินซ์คลาวด์นี่...นึกภาพไม่ออก) ตรงนี้ใครรู้ว่าเพราะอะไรก็วานบอกหน่อยค่า

          เวิ่นเว้อมาเยอะ ไปอ่านฟิคกันเหอะ.......


.................................................................


นัยน์ตาสีฟ้าค่อยๆ ลืมขึ้นช้าๆ ความง่วงงุนยังคงห้อมล้อมครอบครองสติเกือบทั้งหมดไว้ รู้สึกแต่อะไรหนักๆ บางอย่างกำลังวางพาดทับอยู่บนลำตัว หากความสะลึมสะลือที่มีอยู่ไม่น้อยก็จำยอมให้ต้องปล่อยเอาไว้อย่างนั้น

รอสักพักจนตื่นเต็มตา คลาวด์ก็รู้ว่าเจ้าสิ่งหนักๆ ชวนอึดอัดที่รบกวนการนอนของเขาคือแขนเล็กบางของคนที่นอนซุกอยู่ข้างๆ


11/3/55

FF7 (AU)’s fic : Memory of tree (P1)

Author : jes

Pairing :
เซฟจัง+คลาวด์คุง เอ....หรือจะคลาวด์คุง+เซฟจังล่ะนี่ 5555+

Disclaimer :
ตัวละครเป็นลิขสิทธิ์ของ square enix แค่อยาก (วอนหาเรื่อง) ลองเขียนสลับอายุกันบ้าง เพราะงั้นฟิคนี้ คลาวด์คุงอายุ 21-22 เซฟจังก็ 10 ขวบล่ะนะ

Intro :  คลาวด์เดินทางมางานเลี้ยงรุ่นที่โรงแรมหรูนอกเขตเมือง แต่ระหว่างทางมีเด็กชายผมสีเงิน นัยน์ตาสีใบไม้วิ่งตัดหน้ารถ...(แม๊...ยังกะพล็อตละครหลังข่าว...^^)

-----------------------------------------------------------------------


นัยน์ตาสีใบไม้ค่อยๆ ลืมขึ้นช้าๆ ภาพเบื้องหน้าพร่ามัวจนต้องกะพริบตาถี่ๆ ขับไล่ความรู้สึกสะลึมสะลือระคนมึนงงที่ห้อมล้อมอยู่ออกไป ทั่วทั้งร่างเจ็บระบมไปทั่ว แต่พอแข็งใจจะขยับตัวลุกขึ้น...ร่างอุ่นๆ ของใครสักคนก็ขยับเข้ามาใกล้ มือแข็งแรงตรงเข้าช้อนแผ่นหลังไว้แล้วใช้ท่อนแขนโอบประคองร่างเล็กให้ค่อยๆ เอนมาพิงบ่า

ความรู้สึกจากในอดีตที่ลางเลือนจนแทบจำไม่ได้กลับอุ่นวาบขึ้นมาในอกอีกครั้งอย่างน่าประหลาด

...แม่ ??

...ไม่ใช่

ภาพที่มัวเบลอค่อยๆ ชัดเจนขึ้นทีละนิดจนเห็นใบหน้าของคนที่อยู่ห่างออกไปไม่ถึงคืบได้ถนัด...ผมสีบลอนด์สว่างดูอ่อนนุ่ม นัยน์ตาสีฟ้าสด ผิวขาวสะอาด กับรูปร่างผอมบางนั่นยังคงเหมือนเดิม แต่ในวันนี้...เด็กชายตัวจ้อยที่แอบหลบพวกผู้ใหญ่มาเล่นซนอยู่ในสวนหลังบ้านได้เติบโตเป็นชายหนุ่มอายุ 20 ต้นๆ เสียแล้ว

...ไม่ผิดตัวแน่


23/2/55

Fiction Saint Seiya : Sanc top !!! (p2)

Author : jes


Pairing : ไม่มี๊...ไม่มี เล่นขนกันมาหมดทั้งแซงค์ มันจะมีได้ไงล่ะ ธ่อ.........

Disclaimer : ตัวละครเป็นผลงานของ อ.คุโรมาดะ นะคะ

Intro : ฟิคนี้ได้ไอเดียตอนไปงานแสดงสินค้า o-top ที่เมืองทองธานี เลยคิดไปว่าถ้าเหล่าเซนต์ต้องมาหารายได้พิเศษตามคำบัญชาของอาเธน่า แต่ละคนจะทำอะไรกันมั่งนะ

-----------------------------------------------------------------------



ก่อนอื่น...ตอบเมนต์ (ขอตอบแบบรวมเลยนะคะ เพราะมีที่ไม่ได้ระบุชื่อหลายท่าน และเนื้อความก็ใกล้เคียงกัน)

แฟนฟิคเซนต์เซย่าที่เมนต์ให้กำลังใจ : ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์และกำลังใจค่ะ เลยไฟลุกจนเขียนแซงค์ทอปจนจบได้ (ตอนแรกนึกว่าจะดองยาวซะแล้ว) ทีนี้พอเขียนจบไฟเลยมอด (อีกแล้ว)...คือมันหมดมุกอะค่ะ ถ้าใครมีแหล่งพลังงานให้คนเขียนมีอะไรกรี๊ดกร๊าดก็บอกกันหน่อยนะคะ เพราะมีพล็อตเหลืออีกเรื่องนึง แต่ไม่มีมุกเขียน -*-


สำหรับที่ถามมาว่า ทำไมเขียนฟิค ff7 ได้เยอะ เขียนเอาๆ แต่ไม่เขียนฟิคเซย่า...ก็.....เหตุผลเดิมค่ะ คือ หมดไฟ พอรู้สึกนิ่งๆ เลยเขียนไม่ออก แต่ฟิค ff7 นี่ ถ้าไฟเริ่มริบหรี่ก็เปิดเพลง one winged angel ไม่ก็เปิด acc ดู ก็กรี๊ดเซฟจังได้แล้วค่ะ ยิ่งได้ยินเสียงโมริโมริซามะพากษ์ด้วยเนี่ย เขียนได้เขียนดี (ตามเวลาจะอำนวยเลยล่ะ)

ยังไม่เลิกเขียนฟิคเซย่านะคะ แต่อาจทิ้งช่วงสักหน่อย หรือถ้าใครมีไอเดียดีๆ แนะนำมาได้เลยค่ะ

ไปอ่านฟิคกันเต๊อะ..........


...............................................................................



“พร้อมนะ”

ทัตสึมิให้สัญญาณถ่ายทำอีกครั้ง เมื่อพวกซิลเวอร์เซนต์เซ็ตฉากใหม่แล้วลากป้ายขนาดใหญ่เบ้อเริ่มมาแขวนไว้ข้างหน้าเสร็จเรียบร้อย


“วิหารสกอร์เปียน แอค~~~ชั่น


พอสั่งเดินกล้องปุ๊บ...เสียงดนตรีแสนสดใส ชวนให้ขยับแข้งขยับขาก็ดังขึ้นเรียกร้องความสนใจ ตามด้วยเสียงทักทายผู้ชมของพ่อแมงป่องมิโร่ในชุดเสื้อกางเกงผ้ายืดสีดำสนิทที่ยืนแอคท่าเท่อยู่ข้างโต๊ะตัวยาว

ใครว่าเล็บไม่สำคัญ อยากอวดเล็บสวยให้ใครๆ อิจฉา ตรงมาได้เลยที่ “เนลซาลอนของมีมี่” (Mimi’s nail Salon) เรามีลายเพ้นท์เล็บทันสมัย หลากสีหลายลายให้เลือกโดยไม่ต้องกลัวตกเทรนด์ อัพเดตกันได้ตลอดเวลา รับประกันคุณภาพโดยตระกูลช่างมืออาชีพที่สืบทอดเคล็ดวิชาการเพนต์เล็บและต่อเล็บติดต่อกันมายาวนานตั้งแต่สมัยอาเธน่ารุ่นแรก”

ระหว่างที่มิโร่บรรยายสรรพคุณสินค้าจ๋อยๆ กล้องก็ย้ายไปจับภาพป้ายชื่อร้านชัดๆ แล้วโคลสมาบนโต๊ะตัวใหญ่ที่มีสารพัดผลิตภัณฑ์วางเรียงกันให้เต็มพรืด ไม่ว่าจะเป็นยาทาเล็บเป็นร้อยๆ เฉดสี สีเพนต์เล็บ น้ำยาเคลือบ พู่กัน แอร์บรัช กากเพชร ลูกปัด เลื่อม ไปจนถึงน้ำยาล้างเล็บ ครีม โลชันบำรุงสุขภาพเล็บมือ ฯลฯ

พูดจบมิโร่ก็คว้าพู่กันขึ้นมาสะบัดปราดๆ วาดลวดลายผลึกหิมะสีชมพูลงบนเล็บมือข้างซ้ายให้ดูเป็นการโชว์เรียกน้ำลาย เอ้ย น้ำย่อย จากนั้นก็เลือกเล็บปลอมที่วาดลาย ลงสี ตกแต่งเรียบร้อยแล้วจากกล่องใสชนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ข้างๆ ออกมาต่อกับเล็บมืออีกนิ้ว

รอจนกล้องถ่ายเจาะที่เล็บมือจนพอใจแล้วแพนกลับมาจับภาพใบหน้าอีกครั้ง มิโร่บรรจงฉีกยิ้มที่พยายามให้ดู ร้ายเดียงสาสุดๆ เท่าที่จะทำได้ใส่กล้อง พร้อมท่องสโลแกนที่เตรียมไว้

“เพราะเราคือผู้นำตัวจริงเรื่องการทำเล็บ แต่....”

พ่อแมงป่องเริ่มทำหน้าโหด แสยะยิ้ม แล้วสะบัดมือข้างที่มีเล็บสีแดงยาวยื่นออกมารวดเร็วจนแทบเรียกได้ว่าเกือบทิ่มใส่เลนส์กล้อง

“จำไว้ให้ดี...ว่า....ของแท้แน่นอน เวอร์ชั่นออริจินอล ต้องเป็นเล็บที่มีนิ้วชี้สีแดงแบบนี้เท่านั้น”

“คะ คัท ค้าททททททททท”

อาเธน่าสั่งหยุดการถ่ายทำเสียงลั่น ใจหายแว้บไปกองอยู่แถวตาตุ่ม ในสมองคิดสะระตะคำนวณค่าความเสียหายไวชนิดความเร็วแสงยังเรียกแม่ แต่แล้วก็ถอนใจยาวออกมาด้วยความโล่งอก....โชคดีที่ชิออนมือไวลากทั้งช่างทั้งกล้องถอยหลังหลบออกไปได้ทันและมิโร่ก็ไม่ได้ลงมือซ้ำ กล้องที่ซื้อมาในราคาแพงดับจิตจึงยังอยู่ในสภาพดี..บัญชีธนาคารของแซงค์เลยรอดพ้นสภาพติดตัวแดงไปได้อย่างหวุดหวิด


“ต่อปาย......พร้อมยัง.....”

เสียงทัตสึมิสั่งเดินกล้องอีกครั้งเมื่อทีมงาน (ซิลเวอร์เซนต์) สำรวจกล้องซ้ำเป็นครั้งที่สามให้แน่ใจว่าไม่มีร่องรอยเสียหาย บุบสลายแต่ประการใด                                                    


“วิหารซาจิทาเรียส แอค~~~ชั่น”


คราวนี้จัดฉากเป็นเนิร์สเซอรี มีไอโอรอสใส่ชุดเอี๊ยมลูกหมีสีฟ้าแบบพี่เลี้ยงเด็กนั่งหน้าซื่อยิ้มแฉ่งอยู่กลางห้อง ข้างหลังเป็นเปลสีชมพูขนาดใหญ่ รอบตัวก็มีของเล่นเด็กวางกระจัดกระจาย

สักพักก็มีเสียง ปิ๊บ ดังขึ้นเบาๆ แล้วจอภาพด้านข้างก็ค่อยๆ ปรากฏภาพวิดีโอของมารีนกับไชน่าที่ถูกประกาศิตคำสั่งของอาเธน่าเกณฑ์มาเป็นตัวประกอบ ทั้งคู่แต่งตัวผูกผ้ากันเปื้อนแบบแม่บ้านแล้วอุ้มเด็กที่ไม่รู้ว่าไปขอยืมมาจากไหน แต่เสียงร้องไห้โยเยของเด็กเล็กๆ สองคนก็ทำเอาหนูชุนที่มือนึงถือขวดนมควบกับกระติกน้ำร้อนกับอีกมือที่ถือผ้าอ้อมแบบซักได้ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนยิ้มแหยเป็นกำลังใจอยู่ห่างๆ

“พี่รอสคะ” น้ำเสียง คุณแม่มารีนบอกชัดว่าแทบอยากมุดดินหนีอายไม่ก็ผูกคอตายใต้ต้นผักชีอยู่รอมร่อ “ทำยังไงลูกชายก็ไม่ยอมหยุดร้องไห้สักที ร้องได้ร้องดี ร้องทีก็นานเป็นชั่วโมงๆ”

“เหมือนกันค่ะพี่รอส” น้ำเสียงคุณแม่ไชน่าแตกต่างจากคุณแม่มารีนนิดหน่อย แบบว่า..ถ้าเปลี่ยนเสียงเป็นพลังคอสโม่ได้ สิ่งมีชีวิตในระยะ 10 เมตรคงตายเกลี้ยง “ลูกสาวก็เอาแต่งอแงไม่เลิก ต้องคอยอุ้มอยู่ตลอด กลางคืนแทบไม่ได้นอนเลย”

“ทำยังไงดีคะ” สองคุณแม่ประสานเสียงกันถาม

แล้วภาพวิดีโอก็ค่อยๆ หายไป พร้อมเสียง ปิ๊บ เบาๆ ที่ดังขึ้นอีกครั้ง

ไอโอรอสหันมาฉีกยิ้มให้กล้อง

“เพราะต้องเคารพสิทธิส่วนบุคคล ขอไม่เปิดเผยชื่อและหน้าตาของคุณแม่ทั้งสองนะครับ แต่ปัญหาเด็กๆ ร้องไห้งอแงกวนใจไม่ยอมเลิกที่ถามมา...แก้ได้ง่ายๆ ด้วยผ้าอ้อมสำเร็จรูป แนนนี่ รอสซี่

พูดจบก็เปิดตะกร้าบรรจุของใช้เด็กอ่อนหยิบผ้าอ้อมแบบธรรมดาที่ดูจากสภาพแล้ว..อายุการใช้งานน่าจะเกิน 10 ปีขึ้นไปมาวางคู่กับตัวอย่างผ้าอ้อมแบบใหม่ที่เพิ่งแกะห่อออกมาโชว์

“โบกมือลาผ้าอ้อมแบบเดิมที่เคยใช้อยู่...แล้วเปลี่ยนมาเป็น แนนนี่ รอสซี่ ผ้าอ้อมเด็กแบบใช้แล้วทิ้งที่คิดค้นขึ้นมาเพื่อให้สัมผัสที่นุ่มเป็นพิเศษ พร้อมชั้นล็อกความชื้นภายในให้เด็กน้อยใส่แล้วสบายตัว อารมณ์ดี หลับสบาย ไม่ตื่นมาร้องไห้งอแงให้หงุดหงิดกวนใจ ที่สำคัญไม่ต้องเปลืองแรงซัก แค่แกะห่อ...ใส่...เลอะเทอะแล้วก็ถอดทิ้งไปได้เลย ราคาก็ไม่แพงด้วย”

จอภาพข้างๆ มีภาพวิดีโอขึ้นอีกครั้ง เป็นภาพเด็กน้อยเจ้าเก่าสองคนที่ใส่ผ้าอ้อมแนนนี่ รอสซี่แล้วนอนหลับปุ๋ยอย่างมีความสุข จนเจ้าของผลิตภัณฑ์ยิ้มกว้างอย่างมั่นใจสุดๆ

แนนนี่ รอสซี่ ผ้าอ้อมสำเร็จรูปที่พี่เลี้ยง ขั้นเทพ เลือกใช้...มีทั้งสีฟ้าสำหรับเด็กชายและสีชมพูสำหรับเด็กหญิงให้เลือก”


“คะ...คัท อะ...โอ...โอเค เยี่ยมมาก”

อาเธน่าซาโอริสั่งเหมือนทุกที แต่คราวนี้เสียงฟังอึกๆ อักๆ ยังไงบอกไม่ถูก สงสัยอะไรสักอย่างคงกระตุกต่อมความหลังฝังใจให้คิดถึงเหตุการณ์เมื่อ 10 กว่าปีก่อนเข้า


“ไอโอรอส” ซางะเข้ามาเมียงๆ มองๆ กองผ้าอ้อมแล้วขมวดคิ้ว “มันคุ้นๆ ยังไงบอกไม่ถูก หรือว่า....”

“ดีใจจัง ไม่นึกว่า มายฮันนี่จะจำได้นะเนี่ย” สุดยอดพี่ (บุญ) ที่เลี้ยงทั้งน้องชายและอาเธน่า (รอด) มาแล้ว (แต่ตัวเองกลับเดี้ยง) หน้าบานยิ่งกว่าจานดาวเทียมยักษ์แฝด เมินสายตาพิฆาตของ มายฮันนี่แล้วหยิบผ้าอ้อมรุ่นเก๋าจากในตะกร้าออกมาวางโชว์อีกกองโต “ก็ของที่ไอโอเรียเคยใช้ไงล่ะ โชคดีที่ค้นเจอเลยเอามาเข้าฉากด้วย”

“พอเลยพี่รอส ” น้อง (บุญ) เท่าไหร่ที่ (เลี้ยง) จนรอดมาได้ร้องลั่นแล้วรีบคว้า สมบัติสมัยยังเด็ก ยัดกลับคืนเข้าไปในตะกร้าด้วยความขายหน้าเป็นกำลัง

“จริงเหรอ” เจ้ามี่เพื่อนยากที่พลัดพรากไปอยู่เกาะมิลอสตั้งแต่ยังเด็กรีบเสนอหน้ามาแจมด้วยทันที

“ก็แค่ผ้าอ้อม” หนูเรียที่หวังใช้น้ำโหดับเขินแต่ทำได้ไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่ทำหน้างอคล้ายเด็กอนุบาลที่ถูกแย่งของเล่นออกจากมือ “ตอนเด็กๆ ไม่ว่าใครก็ต้องเคยใส่ผ้าอ้อมเหมือนกันล่ะน่า ว่าแต่...แกจะขำอะไรนักหนาหา... ไอช่า

ท้ายประโยควกกลับไปเล่นงานคนที่ยืนกลั้นหัวเราะจนริมฝีปากกระตุกแถมเอาปลายนิ้วคีบตุ๊กตาเป็ดยางสีเหลืองอ๋อยก้นตะกร้าออกมาบีบเบาๆ ให้มีเสียงดังปี๊ดๆ

“ดีนะที่ไอโอรอสเลือกผลิตผ้าอ้อม..ไม่ใช่เจ้าตุ๊กตานี่” ผู้ใกล้เคียงพระเจ้าพึมพำเบาๆ แต่จงใจให้เข้าหูเจ้าของน้องเป็ด

“ทำไม” มือที่เอื้อมออกมาหวังคว้าน้องเป็ดคืนชะงัก

“เห็นได้ชัดว่าเด็กที่ชอบเล่นของเล่นแบบไม่ต้องใช้ความคิด...โตขึ้นมาความไวของสมองจะช้าและติดจะซื่อบื้อ”

“งืม...จริงของนาย ก็มันแค่ตุ๊กตายาง” เจ้าเหมียวพยักหน้าหงึกหงักพร้อมกับรับตุ๊กตาเป็ดมาถือไว้ “จะไปช่วยให้คิดอะไรมากมายได้ไงล่ะ เดี๋ยวก่อน!

ไอโอเรียตาโต อ้าปากค้าง แล้วหันขวับมองตามหลังหลวงพี่ที่เดินหนีไปอีกทางพลางหัวเราะเบาๆ อย่างสะอกสะใจซะไม่มี

“ว้าก.....แกหลอกด่าฉัน ไว้วันเกิดปีนี้ฉันจะให้ตุ๊กตาบาร์บี้ผมสีทอง ตาสีฟ้าแก คอยดู!!!!..รีบกลับมาขอโทษเดี๋ยวนี้เลยนะ ชากะ...”

น้องแมวเต้นผางพลางโวยลั่นสนั่นห้อง ในขณะที่เซนต์คนอื่นได้แต่มองหน้ากันแล้วถอนใจเฮือก...ก

....มันเพิ่งรู้ตัวว่าโดนด่า

....คงหัวช้าจริงๆ มังเนี่ย



ต่อไปเลยแล้วกัน...


“วิหารแคปริคอร์น แอค~~~ชั่น”


คราวนี้กล้องถ่ายเจาะไปบนยกพื้นกลางห้องที่มีแค่โต๊ะไม้ตัวใหญ่ตัวเดียว บนโต๊ะมีเขียงไม้กับผักผลไม้ชนิดต่างๆ วางกองอยู่เต็มไปหมด ข้างๆ โต๊ะเป็นชั้นวางเตาอบขนมขนาดเล็ก

จากนั้นแคปริคอร์น ชูร่า ในชุดพ่อครัวสีดำผูกผ้ากันเปื้อนสีแดงตัดกันดังฉับก็เดินเข้ามาที่มุมหนึ่งของโต๊ะ เอื้อมมือเปิดซองหนังแบนๆ สีขาว ขนาดเท่าซองใส่เอกสารที่วางอยู่แล้วหยิบอะไรบางอย่างออกมา

“ฉับ”

แค่บิดข้อมือเบาๆ เท่านั้น มะเขือเทศ ส้ม แตงโม ที่บังเอิญโชคร้ายไปวางอยู่แถวนั้นก็แยกออกเป็น 2 ซีกโดยไม่มีน้ำผลไม้ไหลออกมาเลอะเทอะเลยสักหยด

“มินิเอ็กคาลิเบอร์” ชูร่าที่สีหน้าเฉยสนิทขยับให้สปอตไลต์ส่องไปที่ของในมือชัดๆ “มีดทำครัวชั้นหนึ่ง ทำจากเหล็กกล้าชั้นดีเคลือบสแตนเลสคุณภาพเยี่ยม น้ำหนักเบา คมกริบ ไม่มีวันขึ้นสนิม”

ว่าแล้วก็รูดซิปซองหนังแบออกให้กล้องโคลสภาพสารพัดสารพันมีดที่อยู่ข้างใน ขณะที่เจ้าตัวก็พูดต่อไปด้วยเสียงเรียบๆ
 
“มินิเอ็กซ์คาลิเบอร์ 1 ชุด มีมีดขนาดต่างๆ ตั้งแต่มีดแล่เนื้อ มีดสับกระดูก มีดหั่นผัก มีดปอกผลไม้ มีดคว้าน ไปจนถึงมีดปาดเนย จะซื้อยกชุดหรือแยกซื้อก็ได้ ทุกเล่มรับประกันความคมนานจนลืมว่าซื้อเมื่อไหร่”

ติ๊ง!

เสียงเตาอบดังขึ้น แล้วถาดเล็กๆ ใส่ขนมที่อบจนเนื้อแป้งฟูเป็นสีน้ำตาลทองหอมกรุ่นก็เลื่อนออกมา ชูร่าพยักหน้าให้กล้องนิดๆ แล้วใช้มีดเล่มเล็กในมือค่อยๆ กรีดผิวแป้ง บีบครีมวานิลลาสีเหลืองอ่อนในกรวยกระดาษที่เตรียมไว้เข้าไป

“โปรโมชันพิเศษ แถมฟรี ชูครีม ครึ่งโหล เมื่อซื้อ มินิเอ็กซ์คาลิเบอร์ ครบชุด ตั้งแต่วันนี้....ไปจนกว่าคนทำจะไม่มีอารมณ์อบ”

กล้องเลื่อนมาจับภาพมีดที่เป็นประกายวาววับในซองหนังคู่กันกับจานใส่ชูครีม 6 ชิ้น จากนั้นเชฟชูร่าก็วางมีดที่ใช้กรีดขนมลงกับเขียงเบาๆ โดยจงใจเอาด้านคมลง

“ตึง”

เขียงไม้หนาเป็นนิ้วแยกออกเป็น 2 ส่วนอย่างสวยงามพร้อมๆ กับพรีเซนเตอร์ที่สะบัดหน้าเดินออกจากฉากไปแบบเท่ๆ แต่เล่นเอาอาเธน่าไม่กล้าสั่งคัท ใครหลายๆ คนในที่นั้นก็แทบกลืนน้ำลายไม่ลงคอ

แต่อาจจะเว้นไว้สักคน

“อา....หย่อย” ไอโอรอสยิ้มแย้มแก้มป่องเพราะเขมือบชูครีมเข้าไปคำเดียว 2 อันรวด “ไม่ยักรู้...สวีตตี้ชูจังทำขนมเป็นด้วย”

“ฉันทำไม่เป็น หมดนี่ท่านชิออนทำ” ชูร่ายักไหล่ไม่ว่าอะไรพ่อม้าที่กินเอาๆ โดยไม่ขออนุญาตสักคำก่อนดึงจานขนมที่เดธมาสก์แย่งมาถือไว้คืนไปให้ไอโอรอสตามเดิม จากนั้นก็หยิบขนมที่เพิ่งบีบครีมเสร็จใหม่ๆ ยัดใส่มือนายปูแช่มพร้อมกับส่งชูครีมจานใหญ่อีกจานให้บรรดาพรรคพวกที่ยืนจ้องกันตาเป็นประกาย

“แล้วเมื่อไหร่จะหมดโปรโมชันล่ะ” อันเดบารันที่เคี้ยวตุ้ยๆ ถาม นึกในใจว่าจะหาเหตุอะไรให้ได้ไปวิหารแกะบ่อยๆ ช่วงนี้ดีน้อ.....

“อย่างน้อยก็......4 เดือน...ได้มั้ยครับ” ชูร่าเหลือบไปมองจำนวนชูครีมที่ยังเหลืออยู่ในจานใบแรกก่อนหันไปขอความเห็นจากเจ้าของสูตรตัวจริง

“นานกว่าที่คาดไว้ไปหน่อย แต่ 4 เดือนก็ได้” เคียวโกที่กลายมาเป็นคนอบขนมพยักหน้ารับพลางทำหน้ายุ่ง “ไอโอรอส...ฉันขอแนะนำให้นายกินแค่นั้นพอแล้วล่ะ”

 “ครับ??” พี่ม้าของน้องแมวที่กำลังเอนจอยอีทติ้งสุดๆ ชะงักมือที่กำลังส่งขนมชิ้นที่ห้าเข้าปาก

“ฉันตกลงกับชูร่าว่าจะอบชูครีมให้ตลอดช่วงโปรโมชันแลกกับก้อนแร่ที่มูจะใช้ซ่อมอุปกรณ์ซ่อมคลอธ ส่วนระยะเวลาก็เท่ากับจำนวนชูครีมจานแรกที่คนๆ เดียวจะกินได้” ชิออนอธิบายพลางหยิบขนมออกจากมือไอโอรอสส่งต่อไปให้มู ส่วนตัวเองบิขนมอีกชิ้นที่เหลืออยู่ในจานออกดูไส้ขนม “ขนมพวกนี้ฉันเป็นคนอบก็จริง แต่..กลิ่นมันแปลกไปกว่าปรกติ”

“เพิ่มอะไรบางอย่างลงไปนิดหน่อยน่ะครับ ต้องขอโทษด้วย” แคปริคอร์น ชูร่าสารภาพความจริงมันง่ายๆ พลางหันไปยักคิ้วให้เจมินี่ ซางะที่เส้มผมเริ่มเปลี่ยนสีนิดหน่อยก่อนที่ทั้งคู่จะตบมือกันกลางอากาศดังแปะ

ภาพที่เห็นเล่นเอาไอโอรอสเสียวสันหลังวาบ

“ไส้ชูครีมเป็นกลิ่นหอมวานิลลาอ่อนๆ...เลยกลบกลิ่นยาถ่ายไม่ได้หมด” ดาร์ก ซางะยิ้มชั่วร้ายขณะมองดูแกะสองตัวที่ยืนตาโต ขนม 2 ชิ้นที่ถืออยู่หลุดมือลงไปกลิ้งคลุกฝุ่นบนพื้นข้างตัว ม้าหนึ่งตัวเอามือลูบท้อง ส่วนพลพรรคที่เหลือก็เกิดอาการขนมติดคอกันเป็นแถว “ไม่ต้องห่วง ฉันใส่ยาถ่ายไว้ในไส้ครีมสำหรับขนมที่อบออกอากาศ 6 ชิ้นแรกเท่านั้นแหละ ที่เหลือสบายใจได้”

...เพราะแบบนี้ ชูร่าเลยไม่ยอมให้ใครกินขนมแสนอันตรายจานนั้น จานเดียวกับที่...

“ว้ากกกก” เสียงร้องลั่นจากใครคงไม่ต้องเดา “ มายดาหลิงทั้งสองแกล้งเค้าทำมาย...เราไม่รักกันแล้วเหรอ แบบเค้าเสียจายย....ฮืออออ...”

“หุบปาก” ชูร่าขึ้นเสียงใส่ “เลิกเรียกพวกฉันสองคนด้วยชื่อเรียกปัญญาอ่อนนั่น ไม่งั้นฉันจะเอาขนมสองชิ้นบนพื้นยัดใส่ปากแก”

“ถ้าได้ยินอีกทีรับรองคราวหน้าจะไม่ใช่แค่ยาถ่าย” ซางะทำเสียงโหดพลางควงกระป๋องยาฆ่าแมลงเป็นการข่มขวัญ “ไอโอเรียอยู่ไหน...รีบเอาเจ้าม้าบ้านี่ออกไปไกลๆ ก่อนที่ยาจะออกฤทธิ์..เร็ว”



หลังจบเหตุการณ์ รุมสังหารม้าก็ได้เวลาถ่ายทำต่อ


“วิหารอควอเรียส แอค~~~ชั่น”


ตอนแรกในสตูดิโอดับไฟมืดตึ๊ดตื๋อ แต่พอเสียงดนตรีหวานๆ ค่อยๆ ดังขึ้น แสงไฟก็ค่อยๆ สว่างขึ้นๆ ทีละนิดๆ จนพอจะเห็นว่าฉากบนยกพื้นจัดเป็นร้านอะไรสักอย่างที่มีชุดโต๊ะเก้าอี้พลาสติกขนาดเล็กสีสดใสตั้งเรียงราย ตรงกลางเป็นตู้เก็บความเย็นขนาดใหญ่ ใกล้ๆ กันเป็นชั้นวางถ้วยขนาดต่างๆ กระป๋องวิปครีม กระปุกแยม และลูกเชอรี่สีแดงสด

เมื่อเสียงดนตรีเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น อควอเรียส คามิว ก็ก้าวออกมาในชุดเมดสีดำสนิทคาดผ้ากันเปื้อนและผ้าคลุมผมลูกไม้สีขาวสะอาด ในมือถือที่ตักไอศกรีมแทนไมโครโฟนขณะที่เจ้าตัวทั้งร้องทั้งเต้นให้เข้ากับจังหวะเพลงจนเส้นผมยาวสีน้ำทะเลปลิวกระจาย

ไอศกรีมเซเว่นเซนต์ ตำรับยุคกรีกโบราณ รสชาติเข้มข้น....รับรองคุณต้องโปรดปราน.....เซเว่นเซนต์

ระหว่างที่ทั้งร้องทั้งเต้น เจ้าของร้านคนสวยก็ฉีกยิ้มหวานกระชากใจใส่กล้องพลางเปิดตู้เก็บความเย็นตักไอศกรีมรสต่างๆ ออกใส่ถ้วยที่เฮียวกะศิษย์รักในชุดเด็กสิร์ฟเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกั๊กและกางเกงขายาวสีดำวางเรียงเป็นแถวไว้บนเคาท์เตอร์ด้านหน้า จากนั้นก็ช่วยกันเติมวิปครีมกับแยมนานาชนิดลงไปแล้วค่อยตกแต่งด้วยเชอรี่เป็นอันดับสุดท้าย รอจนกล้องโคลสภาพถังใส่ไอศกรีมเป็นสิบๆ รสในตู้เก็บกับถ้วยไอศกรีมพักใหญ่แล้วค่อยเลื่อนกลับมาหาพรีเซนเตอร์อีกครั้ง

“ไอศกรีมเซเว่นเซนต์” คามิวยังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ยิ้มไม่ยอมเลิกขณะใช้ช้อนยาวตักไอศกรีมคำโตเข้าปากตัวเองแล้วค่อยตักอีกคำป้อนให้เฮียวกะ “ไอศกรีมโฮมเมดไขมันต่ำสำหรับคนรักสุขภาพ ทำจากหิมะพันปีที่ไม่เคยละลายในไซบีเรีย และวัตถุดิบอื่นๆ จากธรรมชาติ รสชาติหวานหอม กลมกล่อม มีหลายรสชาติให้เลือก...ลองชิมสักคำรับรองว่าจะติดใจ”

สองศิษย์อาจารย์หันมายิ้มให้กันแล้วมองกล้องอีกครั้งก่อนจะร้องเพลงประสานเสียง

...........“รับรองคุณต้องโปรดปราน.....เซเว่นเซนต์”………….


“คัท”

ไม่ทันสิ้นเสียงผู้กำกับกิตติมศักดิ์ดี อุณหภูมิของอากาศรอบตัวที่กำลังสบายๆ ก็ลดฮวบฮาบจนทุกคนรู้สึกได้พร้อมกับรอยยิ้มของคามิวที่หุบฉับ นัยน์ตาเริ่มขวาง แถมสีหน้าขณะกำลังเดินลงจากยกพื้นพร้อมกระชากผ้ากันเปื้อนกับผ้าคลุมผมออกจากตัวไปด้วยนั่นก็น่ากลัวสุดบรรยาย

“หนาว แอร์เสียละมัง” ชูร่าพยายามทำหน้านิ่งสุดความสามารถขณะเหลือบตามองไปทางประตู “ฉันจะไปตามช่างไฟมาดูหน่อย...”

“ฉันไปด้วย จะไปช่วยไอโอเรียดูอาการของไอโอรอส” ท่าทางหลวงพี่ก็ได้กลิ่นอันตรายโชยมาเหมือนกันเลยพยายามจะรีบชิ่ง

“อ๊ะ แป้งทำชูครีมหมดพอดี ต้องรีบไปซื้อ อาจารย์กับกิกิไปด้วยกันนะ” แกะน้อยมูพยายามเอาตัวรอด

“ฉันก็...” อันเดบารันกลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่ แต่คิดยังไงก็คิดวิธีหนีตายไม่ออก

“ไม่ต้องมีใครไปไหนทั้งนั้น” คามิวที่สติแตกกระจายเพราะต้องจำใจยอมใส่ชุดเมดกระแทกตัวลงนั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้ข้างยกพื้นหันมาตวาดแว้ด “ทุกคนลุกมาเอาไอติมกันคนละถ้วย แล้วต้องกินให้หมดด้วยนะ”

ขณะที่เป็ดน้อยเฮียวกะกำลังแจกจ่ายถ้วยไอศกรีมตามคำสั่ง นัยน์ตาคมๆ ขวางๆ ของแม่เป็ดที่กำลังพาลเต็มทีก็มองไล่เรียงไปทีละคน

“เช็ดน้ำลายของแกเดี๋ยวนี้ ไอป่องมี่ ไม่งั้นแกได้ไปนอนยิ้มค้างในโลงน้ำแข็งแน่...ชูร่า ชากะ นายสองคนอย่าแม้แต่จะคิดหนีไปไหน แช่ม..รีบไปตามไอโอเรีย ไอโอรอสกลับมาเดี่ยวนี้เลย มู..แป้งเดี๋ยวค่อยไปซื้อพรุ่งนี้ก็ได้ ท่านชิออนก็กรุณาหุบยิ้มด้วยครับ”

...เอ่อ ยามโมโห คามิวเธอไม่เว้นใครแม้กระทั่งเคียวโก

“ใจเย็นน่าคามิว” รุ่นพี่ซางะเวอร์ชันปรกติพยายามปลอบ “ฉันยังใส่ผ้ากันเปื้อนสีชมพูลายคิตตี้เลย พวกเราก็ชะตากรรมเดียวกัน (เพราะมีเจ้านายคนเดียวกัน) ทั้งนั้นล่ะ”

“ก็ยังดีกว่าชุดบ้าๆ แบบนี้อยู่ดี ใครมันจะใจเย็นอยู่ได้” คามิวสะบัดหน้าพรืด แต่ดูจะอารมณ์ดีขึ้นนิดหน่อย

“โกรธคือโง่ โมโหคือบ้านะโยมนะ สงบจิตสงบใจไว้ อาตมาเองก็แกล้งแมววันละหลายๆ รอบ แต่ไม่เห็นจะโดนมันกัดตอบเลย” หลวงพี่ช่าได้ทีเทศน์ตามน้ำ มีน้องเหมียวไอโอเรียพยักหน้าคอนเฟิร์มหงึกๆ เพราะยังไม่รู้ตัวว่าถูกแกล้งหลอกด่าอีกรอบ

“ฮึ...” คามิวทำเสียงขึ้นจมูกแต่เริ่มยิ้มออก อากาศในห้องอุ่นขึ้นทันตาเห็น

“ไอนี่อร่อยดี” เสียงปู่โดโกดังขึ้นเดี่ยวๆ “ขอถ้วยโตๆ อีกถ้วยได้มั้ย”

“ไอศกรีมฟรีแถมกินสบายไม่ต้องใช้ฟัน” ชิออนแขวะเพื่อนร่วมรุ่นขณะทำเนียนยื่นถ้วยเปล่าให้เฮียวจังด้วยอีกใบ เป็นตัวอย่างให้ถ้วยอีกหลายๆ ใบถูกยื่นตามออกมาด้วย

จังหวะที่เกือบทุกคนกำลังเทความสนใจไปให้ไอศกรีม พ่อแมงป่องก็ได้โอกาสเดินมากระซิบกระซาบอะไรบางอย่างใกล้ๆ

“เขินที่ต้องใส่กระโปรงก็บอกมาตรงๆ ก็ได้ ไม่ต้องทำโมโหกลบเกลื่อนหรอกน่า” มิโร่บรรจงยิ้มใส่ตาแล้วตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ “นายใส่อะไรก็โอเคทั้งนั้นแหละ อย่าคิดมากน่า มั่นใจหน่อย”

คามิวนิ่งไปนิดก่อนหลับตาลง อึดใจต่อมาก็ลืมตาแล้วหยิบผ้ากันเปื้อนที่ยับยู่ยี่เล็กน้อยมาสวมทับชุดเมดสีดำ เดินกลับไปที่ตู้ใส่ไอศกรีม แล้วหยิบที่ตักขึ้นมาถือไว้

“เฮียวกะ” อาจารย์คามิวหันไปบอกศิษย์รักพลางลงมือตักไอศกรีมใส่ถ้วยนับสิบใบที่ยื่นออกมาตรงหน้า “จัดหนัก จัดเต็ม ใครอยากเติม..เติมได้เลยไม่ต้องยั้ง”

...ขอบใจนะ มิโร่



“ถึงวิหารสุดท้ายแล้ว” ทัตสึมิถอนใจเฮือก....

อีกนิดเดียวเดี๋ยวก็จะหมดเวรหมดกรรมกันซะที

เอาล่ะ.....


“วิหารพิชเชส แอค~~~ชั่น”


“อ๊าย ยังถ่ายไม่ได้นะย๊า” เสียงน้องตี้ดังมาจากห้องแต่งตัว “ต้องเติมรองพื้นกับตบแป้งอีกนิด เดี๋ยวหน้าไม่เด้ง ไม่ขึ้นกล้อง ใครจะรับผิดชอบ”

รออีกเกือบ 30 นาทีต่อมา พิชเชส อโฟรดิตี้ก็ปรากฏตัวพร้อมฉากที่จัดเป็นทุ่งกุหลาบไกลสุดลูกหูลูกตา กลีบกุหลาบสีแดงสดปลิวกระจายตามสายลมที่พัดโชย

“กุหลาบงามย่อมมีแมลงมารบกวน แถมแมลงพวกนี้จับก็ไม่ได้ ไล่ก็็็เไม่ทัน ตบก็ไม่โดน ตายก็ยาก หนังก็เหนียว” อโฟรดิตี้ยิ้มนิดๆ แอคท่าสวยเอามือระไปตามดอกกุหลาบที่อยู่รอบตัวแล้วยกมือขึ้นแตะริมฝีปาก “แต่กุหลาบก็มีหนามแหลม บางชนิดมีพิษร้าย แมลงใจกล้าหน้าไหนหรือจะอยากเสี่ยง”

ว่าแล้วก็ใช้ปลายนิ้วคีบขวดแก้วทรงสูงข้างในบรรจุน้ำใสๆ สีแดงอมชมพูที่วางซ่อนเอาไว้แถวๆ นั้นออกมาให้กล้องจับภาพใกล้ๆ

“วันนี้หมดปัญหาแมลงกวนใจ ด้วยน้ำหอมกำจัดแมลงกลิ่นกุหลาบ บิวตี้เอฟี่ ที่สกัดจากกุหลาบธรรมชาติสามารถกำจัดแมลงรบกวนได้ทุกชนิด กลิ่นหอมยั่วยวนหัวใจ แต่ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับคน เพียงฉีดให้ฟุ้งไปในอากาศหรือที่ที่มีแมลงเดินผ่านแล้วรอสักพักเท่านั้น”

พูดจบน้องตี้คนสวยก็พิสูจน์คุณภาพน้ำยาด้วยการลากเซย่าที่พยายามตะเกียกตะกายหนีสุดชีวิตออกมาจากหลังฉากแล้วจัดการฉีดน้ำหอมฟู้ดใหญ่เข้าให้เต็มหน้าในระยะเผาขน

“เห็นมั้ย” ตี้ยิ้มสวยสู้กล้องอีกครั้งพลางยักไหล่ใส่พ่อม้าบินที่ลงไปนอนหงายท้อง ขาชี้ฟ้า ชักแหง็กๆๆ น้ำลายฟูมปากอยู่กับพื้น

“ขนาดแมลงสาบยังตาย แล้วแมลงอย่างอื่นมันจะไปเหลืออะไร”

“คัท ดีมาก อโฟรดิตี้ ไหนขอดูหน่อย”

...ขนาดอาเธน่ายังสนใจอะไรก็ตามที่สามารถสยบแมลงสาบพันธุ์อมตะได้

“ตี้ยอดมาก” นายปูแช่มส่งเสียงเชียร์ออกหน้าออกตา

“แจ่ม” มูคว้าขวดน้ำหอมขึ้นมาพลิกซ้ายพลิกขวา “ชาตินี้นึกว่าจะไม่มีอะไรกำจัดแมลงสาบพันธุ์อึดขนาดนี้ได้แล้วนะเนี่ย”

“ของแค่นี้...มันน่าลองเหมือนกันนะ” คาน่อนเม้มริมฝีปากก่อนเล็งหัวฉีดไปทางคู่หูแมลงสาบที่ยังเหลืออยู่ เล่นเอาเฮียหริว เป็ดเฮียว ชุนจัง และพี่ไก่สะดุ้งเฮือก

“เอ้า! เลิกกองได้ วันนี้ขอบคุณทุกคนมาก จากนี้ไปก็ขอให้แต่ละวิหารขยันทำยอดขายกันด้วย” เสียงประกาศจากเทพีที่เคารพเรียกเสียงเฮจากเหล่าเซนต์ได้เสมอ

“แต่ถ้าวิหารไหนยอดขายไม่ถึงเป้าที่ตั้งไว้จะถูกหักเงินเดือนตามเปอร์เซ็นต์ที่หายไปนะคะ”

คิโดะ ซาโอริยิ้มหวานปานยาขมที่เคลือบน้ำตาลบังหน้าขณะประกาศประกาศิตคำสั่งแห่งอาเธน่าที่ไม่ว่าเซนต์คนไหนก็ไม่มีสิทธิบิดพลิ้ว จากนั้นก็ยุรยาตรกลับคฤหาสน์คิโดะไปง่ายๆ ไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น

...ปล่อยให้เหล่าเซนต์ทั้งหลายต้องกุมขมับกับการบริหารกิจการล้านแปดของตัวเองต่อไป

...แล้วจะรอดกันมั้ยเนี่ย

เฮ้อ!

         
         
                                                                   Fin (จบเหอะ ก่อนจะจบไม่ลงยิ่งไปกว่านี้)

                                                                             20/02/55   
                                                                             2.30 am.
                                                                            

อันนี้โฆษณาแถมท้าย.....


“พร้อมนะ” ทัตสึมิให้สัญญาณถ่ายทำอีกครั้ง เมื่อฉากที่จัดเป็นห้องนั่งเล่นแสนอบอุ่นเสร็จเรียบร้อย

“เอ้า! มิวสิค....มา”



“วิหารคนคู่ แอค~~~ชั่น”


....ความว่างเปล่ากับความเหงา ปนความเศร้าในตัวเรา....

น้องคาน่อนในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสามส่วนอยู่บ้านสบายๆ นั่งขดตัวกลมอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ ใบหน้าที่แนบอยู่กับหมอนเต็มไปด้วยความเหงา เศร้าซึม

... ชีวิตนี้คุ้นเคยกับการมีเขา เหลือเพียงเรากับความสับสนในใจ...

กล้องถ่ายไปยังโต๊ะตัวเล็กข้างๆ ที่มีกรอบใส่รูปแฝดเจมินี่ถ่ายคู่กันวางอยู่ จากนั้นก็กลับไปจับภาพคาน่อนที่เอาแต่นอนซุกตัวในกองหมอนบนโซฟาเหมือนเดิม

 ...ไม่เป็นไร มาเริ่มต้นใหม่ จะไม่ยอมให้วันใด ปล่อยให้ใจฉันต้องขาดเธอ จะผูกพันสองเราให้เป็นหนึ่งเดียว...

พี่ซางะในชุดเดินทางแบบมองปราดเดียวก็รู้ว่าเพิ่งกลับจากเมืองนอกเดินเข้าฉากมา พอมองไปเห็นน้องชายที่กำลังซึมจ๋อยอยู่ก็ยิ้มจางๆ เดินเลี่ยงออกไปอีกมุมนึง หยิบถุงกาแฟผงและคอฟฟี่เมทออกมาตักใส่ถ้วย เติมน้ำร้อน ก่อนจะยกถ้วยกาแฟเดินตรงไปหาน้องชาย

...กลับมาเป็น เหมือนเคย กลับมาเลย...

น้องคาน่อนลุกขึ้นนั่งพลางจ้องเป๋งไปยังแฝดพี่ที่มาหยุดยืนตรงหน้าแล้วยื่นถ้วยกาแฟมาให้ ก่อนจะโถมตัวเข้ากอดคอด้วยความดีใจ เล่นเอาซางะรีบวางถ้วยกาแฟไว้บนโต๊ะใกล้ๆ กรอบรูปแทบไม่ทัน ก่อนเอามือขยี้หัวน้องชายเบาๆ

....เพราะเรานั้นคู่กัน....

กล้องจับภาพสองพี่น้องที่นั่งจิบกาแฟด้วยกันอย่างมีความสุขก่อนจะค่อยๆ ถอยออกมาช้าๆ จากนั้นก็เปลี่ยนไปซูมที่ กาแฟผงมะขามคั่ว กับ คอฟฟี่เมทกากถั่วเหลือง ตรา “เจ๊มณี” ที่วางคู่กันอยู่บนเคาท์เตอร์



                                                                                      เอานะ คราวนี้จบจริงๆ แล้ว
                                                                                                jes