23/3/55

FF7 (AU)’s fic : Memory of tree (p2)

ก่อนอื่นก็ต้องตอบเมนต์

คุณชิน : (ขอตอบรวมทุกคอมเมนต์เลยนะคะ) ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณและคารวะให้กับความพยายามคอมเมนต์มากๆ ค่ะ ดีใจมากๆ เลยรีบปั่นตอนจบออกมาแบบไม่ให้ค้างคานานๆ (เกือบครึ่งเดือน--ขนาดมันรีบแล้วนะเนี่ย)
          ที่เมนต์ไม่ขึ้นเพราะเวลามีข้อความคอมเมนต์ที่ยาวมากๆ บลอกเกอร์จะจัดให้เป็นสแปม (สงสัยจะป้องกันพวกเมนต์ขายของ หรือเมนต์ลูกโซ่น่ะ) แต่อ่านได้นะคะ แล้วก็ย้ายกลับมาขึ้นในส่วนคอมเมนต์ได้ด้วย เพราะงั้นถ้าเมนต์ยาวๆ (ชอบค่ะ อ่านไปยิ้มไป เพลิน....) แล้วไม่ขึ้นก็รอแป้บนะคะ เดี๋ยวมาจัดการย้ายให้ ^^
          กลับมาที่ฟิคกันดีกว่า...จริงๆ คลาวด์คุงเข้าใจว่าเซฟจังเป็นเด็ก 10 ขวบไปเองค่ะ เพราะตอนที่ถามอายุเซฟก็บอกแล้วว่า 41 จริงๆ นะ ไม่เชื่อกลับไปดูตอนแรกได้ แต่บอก “สี่” เบาๆ “สิบเอ็ด” ดังกว่าเท่านั้นเอ๊ง....แล้ว “สี่” กับ “สิบ” น่ะเสียงมันใกล้กัน ไม่แปลกที่คลาวด์จะฟังผิด เพราะงั้นอายุ 41 เนี่ยไม่เด็กแล้ว แต่เพราะต้นไม้ไม่โต เวลาเป็นคนเลยต้องตัวเล็กไปด้วย 555+ ถึงบอกว่าเซฟ (แอ๊บ) เด็ก แต่ความที่เป็นภูติต้นไม้แล้วมาอยู่ในโลกของมนุษย์เลยออกงงๆ ทำอะไรไม่ถูกบ้าง คลาวด์คุงเลยยิ่งเข้าเข้าผิดไปใหญ่ เพราะงั้น...จริงๆ แล้วพล็อตเรื่องนี้ไม่ใช่เด็กจะงาบผู้ใหญ่ แต่เป็นผู้ใหญ่แอ๊บเด็กคิดจะเลี้ยงต้อยต่างหาก 666+ (คนเขียนมันทำไปได้)
          ส่วนมุกเจ้าหญิงนิทรานี่เอาไอเดียมาจากแมวที่บ้านค่ะ มันนอนอยู่ปลายเตียง เวลาจะออกจากห้องเค้าจะเอาจมูกมาจิ้มแก้มเราเป็นการปลุกน่ะ (แต่ตอนนี้ไปย้ายนอนอยู่ก้นหลุมแทนแล้ว) คิดถึงมากเลยเอามาเขียนฟิคค่ะ แล้วเท่าที่เขียนฟิคมาเหมือนจะเป็นการเซอร์วิสคนอ่านที่มากที่สุดแล้วมั้งนะ เพราะส่วนมากจะเขียนให้กอดกันเฉยๆ
          ว่าแต่...สงสัยเหมือนกันค่ะว่า ฟิคเซฟคลาวด์มันหายากจริงๆ (ไม่งั้นคงไม่ลงทุนเขียนเอง) มันเพราะอะไรคะ ทั้งๆ ที่ออร่าคู่นี้มันออกจะเหนือม่วงชัดเจนขนาด หรือเพราะคลาวด์ต้นฉบับมันง้องแง้งเกินไป คนเลยไม่ค่อยชอบ หรือส่วนใหญ่จะจับคู่แบบนอร์มอล คลาวด์-เอริธ/ทิฟ่า อย่างนั้นรึเปล่า หรือจะแพ้ความดีของแซคกี้เลยยกให้เป็น “แซคคลาวด์” ??? เห็นบ่อยๆ คือฟิคเซฟวินซ์ งงเหมือนกันว่าคู่นี้มันจูนกันติดได้ไง แค่เซฟเป็นลูกแม่ลูเครเซีย (อดีต) สุดที่รักของป๋าวินซ์แค่นั้นอะ...ไม่เข้าใจ แล้วตามที่รู้สึก..ถึงวินซ์จะหน้าดี (น้อยกว่าคลาวด์นิดหน่อย ^^) แต่ไม่น่าเป็นฝ่ายรับค่ะ คิดว่าเป็นฝ่ายรุกแบบนิ่งๆ แต่มั่นคง พึ่งพิงได้ อย่างใน blue bonding ก็จะมีวินซ์คลาวด์เป็นไอแผ่วๆ อยู่บ้าง (แค่วินซ์คลาวด์นี่...นึกภาพไม่ออก) ตรงนี้ใครรู้ว่าเพราะอะไรก็วานบอกหน่อยค่า

          เวิ่นเว้อมาเยอะ ไปอ่านฟิคกันเหอะ.......


.................................................................


นัยน์ตาสีฟ้าค่อยๆ ลืมขึ้นช้าๆ ความง่วงงุนยังคงห้อมล้อมครอบครองสติเกือบทั้งหมดไว้ รู้สึกแต่อะไรหนักๆ บางอย่างกำลังวางพาดทับอยู่บนลำตัว หากความสะลึมสะลือที่มีอยู่ไม่น้อยก็จำยอมให้ต้องปล่อยเอาไว้อย่างนั้น

รอสักพักจนตื่นเต็มตา คลาวด์ก็รู้ว่าเจ้าสิ่งหนักๆ ชวนอึดอัดที่รบกวนการนอนของเขาคือแขนเล็กบางของคนที่นอนซุกอยู่ข้างๆ



เมื่อวานเขาโดนทิฟ่ากับบาร์เร็ต...เพื่อนสมัยเด็กที่มางานเลี้ยงรุ่นเหมือนกันลากไปกินมื้อเย็นด้วย บาร์เร็ตที่ตอนนี้เป็นคุณพ่อลูกหนึ่งและหายใจหายคอเข้าออกเป็นลูกสาวสุดที่รักงัดรูปที่พกมาเป็นกระตั้กออกมาอวดว่าหนูน้อยมาร์ลีนน่ารักน่าชังขนาดไหน พอกันกับทิฟ่าที่หาเรื่องโน้นเรื่องนี้มาคุยต่อได้เรื่อยๆ กว่าเขาจะได้กลับไปห้องพักก็เล่นเอาเกือบเที่ยงคืน

แค่เปิดประตูเข้าไปก็เห็นเซฟิรอธนอนขดอยู่บนโซฟา...ไม่ต่างอะไรกับลูกแมวงอนเจ้าของ ...แถมยังหลับสนิทเสียจนคลาวด์เกรงใจไม่กล้าปลุก

...ยังไม่หายงอนเรื่องถูกบังคับให้รีบกลับจากทะเลแท้ๆ ยังมางอนเรื่องต้องกินข้าวเย็นคนเดียวในห้องพักอีก

...รวมเป็นงอนยกกำลังสอง

เฮ้อ!

...แล้วแอบมานอนบนเตียงด้วยตั้งแต่เมื่อไหร่ แถมใช้เขาเป็นหมอนข้างอีก


คลาวด์ขยับตัวเตรียมจะลุกขึ้น แต่อ้อมแขนที่โอบรัดอยู่รอบตัวกลับตรึงแน่นจนยากจะเคลื่อนไหว ลงท้ายต้องยอมนอนเฉยๆ อยู่อย่างนั้น

“อืมมมมมม” ลูกแมวขี้เซาที่ยังไม่ได้ฤกษ์ลืมตาร้องครางในลำคอเบาๆ พลางเบียดตัวเข้ามาใกล้จนใบหน้าแทบจะติดกันอยู่รอมร่อ

“ตื่นได้แล้ว” คลาวด์ยิ้มจางๆ ไล้ปลายนิ้วค่อยๆ เสยเส้นผมยาวรุ่ยร่ายที่ปรกหน้าอีกฝ่ายออกเบาๆ “วันนี้ตื่นสายนะ ทุกทีเห็นตื่นเช้าตลอด”

“อยากให้ตื่นก็ปลุกสิ” เจ้าตัวร้ายขยับแนบแก้มลงกับหัวไหล่เป็นเชิงออดอ้อน “ถ้าคลาวด์ไม่ชอบให้ปลุกแบบนั้น งั้นปลุกฉันแทนก็แล้วกัน”

ทีแรกนัยน์ตาสีฟ้าคู่สวยกะพริบปริบด้วยความไม่เข้าใจ แต่พอจับจ้องไปยังริมฝีปากได้รูปที่ยิ้มนิดๆ เหมือนจะยั่วยวนหน่อยๆ ตรงหน้าแล้วก็พาลจะหายใจไม่ออกขึ้นมาดื้อๆ

“ไม่เอา”




“คลาวด์ เหม่ออะไรอยู่น่ะ คลาวด์.....”

เสียงเรียกดังขึ้นใกล้ๆ เล่นเอาเจ้าของชื่อสะดุ้งนิดๆ ตามด้วยเสียงช้อนที่ถืออยู่หลุดออกจากมือหล่นลงกระทบจาน

“ขอโทษที พอดีคิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ” พอตะครุบช้อนกลับมาได้ ชายหนุ่มก็ส่งยิ้มบางๆ ให้แล้วใช้ส้อมเขี่ยอาหารในจานที่พร่องไปไม่เท่าไหร่ไปมา

ทิฟ่าที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามขมวดคิ้ว

“ดูนายอึดอัดยังไงไม่รู้ เบื่อรึเปล่าที่มากินข้าวกับฉันเนี่ย”

“ก็เปล่านี่” คลาวด์พยายามยิ้มให้แล้วเสยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม “เราเจอกันในเมืองบ่อยๆ คุยกันก็บ่อย ฉันคุยไม่เก่ง..บางทีเลยไม่รู้จะหาเรื่องอะไรมาคุยอะไรน่ะ ขอโทษนะ”

หญิงสาวค่อยๆ ถอนใจยาวแล้วหัวเราะเบาๆ

“คลาวด์ก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่นา เอาเถอะถ้าอิ่มแล้ว เราไปเดินเล่นกันดีกว่า”

ขณะเดินออกจากประตูร้านอาหารใกล้โรงแรม บริกรก็เข้ามายื่นโน้ตแผ่นเล็กๆ ให้

“มีอะไรรึเปล่า” ทิฟ่าที่เดินนำหน้าไปตามทางโรยกรวดแคบๆ เอี้ยวตัวมาถาม

“เซฟิรอธไม่อยู่ที่ห้อง” คลาวด์ขมวดคิ้ว “ไปไหนของเค้านะ”

เมื่อเช้า...แรกๆ เหมือนเด็กชายจะสนุกกับการแกล้งหยอกเขา แต่หลังจากชวนให้ออกมากินข้าวด้วยกัน 3 คนกับทิฟ่าตามที่นัดกันไว้เมื่อคืน เซฟิรอธก็ลืมตา ตีหน้าบึ้ง ปล่อยเขาออกจากอ้อมกอด กลิ้งตัวไปอีกด้านของเตียง แล้วนอนหันหลังให้

...คราวนี้ไม่งอน แต่โกรธเลยล่ะมั้ง

“อุดอู้อยู่แต่ในห้องคนเดียว..น่าเบื่อจะตาย คงออกไปเดินเล่นข้างนอกมากกว่า” ทิฟ่าพยายามมองโลกในแง่ดี ก่อนตรงเข้าประเด็นที่ค้างคาใจมาตั้งแต่เมื่อวาน “ดูคลาวด์สนิทกับเด็กคนนั้นมากนะ เจอกันแค่ไม่กี่วันแท้ๆ แต่สนิทกันยิ่งกว่าเพื่อนสมัยเด็กอย่างฉันซะอีก”

“หือ....”

“หมอรีฟ โทรบอกฉันน่ะ ว่าให้ช่วยดูๆ คลาวด์กับเด็กคนนั้นด้วย อ้อ แล้วยังฝากมาบอกอีกด้วยนะว่าลองถามคนในระแวกนั้นทั้งหมด รวมถึงติดต่อขอข้อมูลเด็กหายหรือเด็กหนีออกจากบ้านแล้ว ไม่มีเด็กชื่อเซฟิรอธ หรือเด็กหน้าตาแบบนั้นเลยสักคน”

“อย่างนั้นเหรอ” คลาวด์เม้มริมฝีปากอย่างครุ่นคิด

“เด็กคนนั้นดูน่ากลัวยังไงไม่รู้ เหมือนจู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมาเฉยๆ แล้วทีนี้คลาวด์จะทำยังไงต่อไป” 

หญิงสาวเดินเรื่อยๆ ผ่านรั้วไม้เตี้ยๆ เข้าไปในสวนสาธารณะเล็กๆ ที่ท่าทางจะไม่มีใครแวะเวียนมาเท่าไหร่ ทำให้ไม่ค่อยได้รับการเอาใจใส่เท่าที่ควร ต้นไม้ใหญ่น้อยข้างในจึงไม่ได้รับการตัดแต่ง บางต้นมีเถาวัลย์เลื้อยพันจนแทบมองไม่ออกว่าเป็นต้นอะไร พื้นดินก็รกไปด้วยต้นหญ้าที่ขึ้นแซมไปทั่ว

“ฉันเจอเซฟตรงที่....พ่อกับแม่ประสบอุบัติเหตุ” คลาวด์ที่เดินตามมายิ้มเศร้า “ถึงจะรู้จักกันแค่ไม่กี่วัน แต่ฉันว่าเขาเป็นเด็กดีทีเดียวล่ะ ถ้าไม่ติดว่าเอาแต่ใจไปหน่อย เพราะงั้นถ้า...เขาไม่มีที่ไปจริงๆ บางที...ฉันอาจจะชวนเขาไปอยู่ด้วย”

“งั้นเหรอ” ทิฟ่าพยักหน้ารับรู้แม้ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ ก่อนจะตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องคุย “ไม่ได้มาแถวนี้นานแล้วนะ ทั้งที่เมื่อก่อนตรงนี้เป็นสวนหลังบ้านคลาวด์แท้ๆ”

“จำได้ว่าสมัยยังเด็กเคยโดนคุณยายของทิฟ่าเอ็ดตะโรยกใหญ่ ไม่ให้มาเล่นแถวนี้ แต่เราก็ยังแอบมาเล่นกันจนได้” อดีตเจ้าของที่ดินนึกย้อนกลับไปสมัยยังเด็ก พยายามทำเป็นไม่ใส่ใจกับความรู้สึกว่างเปล่าที่อัดแน่นในอก

“ยายฉันเป็นผู้อาวุโสของหมู่บ้านแล้วก็เชื่อฝังหัวว่า “ต้นแสงจันทร์” มีคำสาป” ทิฟ่าพยักหน้านิดๆ “ยายบอกว่าต้นแสงจันทร์เป็นต้นไม้ที่ต้องใช้ ความรัก หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณ ถ้าเกิดพอใจมนุษย์คนไหนเข้าก็จะแย่งชิงเอาไปเป็นของตัวเอง”

“หมายถึงต้นไม้ต้นใหญ่ๆ ใบเป็นสีเหลือบแปลกๆ คล้ายๆ สีเงินทั้งต้นใช่มั้ย” อดีตที่เคยลืมเลือน จู่ๆ ก็กลับมาแจ่มชัดในความทรงจำอีกครั้งอย่างน่าประหลาด

ไม่ว่าจะเป็น...

ภาพ เด็กชายตัวจ้อยที่ชอบหอบหมอนหอบผ้าห่มผืนโปรดแอบหลบพวกผู้ใหญ่ออกมาหาที่เหมาะๆ นอนกลางวันนอกบ้าน แล้วก็มาลงเลยที่พื้นหญ้านุ่มใต้โคนต้นไม้สูงใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านร่มรื่นช่วยบังแดดร้อนยามบ่ายได้ดี

กับ

... จุ๊ๆ ขอนอนหน่อย แล้วอย่าไปบอกคนที่บ้านนะ

ประโยคที่ชอบพูดบ่อยๆ กับต้นไม้ชนิดเดียวกันแต่ขนาดเล็กกว่ามากที่อยู่ข้างๆ ก่อนจะล้มตัวลงนอน

...ในช่วงครึ่งหลับครึ่งตื่นเหมือนจะได้ยินเสียงหัวเราะขำๆ ของหญิงสาวกับเด็กชายดังประสานกันแว่วๆ


“จำได้ว่ามี 2 ต้น ตอนนี้หายไปไหนแล้วล่ะ” คลาวด์เหลียวซ้ายแลขวารอบตัว

“ตอนสร้างโรงแรมเสร็จใหม่ๆ เขาย้ายต้นใหญ่ไปปลูกในสวนหย่อมข้างใน ช่วงนั้นมีคนเข้าคิวจองห้องพักล่วงหน้ากันเป็นเดือนๆ เพื่อมาดูต้นไม้หายากกันเต็มเลยล่ะ แต่ไม่รู้เพราะอะไร แค่ไม่กี่เดือนมันก็แห้งตาย ...เหลือแต่ต้นเล็กที่ยังอยู่ที่เดิม... นายทุนเจ้าของกิจการเลยตั้งใจเก็บพื้นที่ตรงนี้ไว้สร้างสวนสาธาธารณะที่มี “ต้นแสงจันทร์” เป็นไฮไลต์ดึงดูดลูกค้าให้มาพักที่โรงแรมแทน แต่...อย่างที่เห็น ไม่ว่าจะทำยังไง ต้นไม้ก็ไม่โตขึ้นเลยสักนิด หลังๆ คนเลยเลิกสนใจกันหมด”

หญิงสาวมาหยุดยืนอยู่หน้าต้นไม้เตี้ยๆ ต้นหนึ่ง ลำต้นเรียวเล็ก แคะแกร็น ใบเล็กๆ ลีบลู่

คลาวด์ย่อตัวลงข้างๆ ต้นไม้ ไล้ปลายนิ้วแตะแผ่วๆ ไปตามลำต้นบอบบางทรุดโทรมที่ไหวไปมาตามแรงลม

ความเจ็บปวดจากการสูญเสียทำให้เด็กน้อยเลือกที่จะลืมทุกสิ่งที่เชื่อมโยงกับความหลังอันแสนสุข และสาเหตุที่ไม่กลับมาที่นี่เลยตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ก็เพราะ ที่นี่ในขณะนี้ไม่มีที่ว่างสำหรับเขาเหมือนกับ เมื่อก่อนอีกแล้ว

“นายคงอยู่ตัวคนเดียวมาตลอดใช่มั้ย เหมือนฉัน”

คลาวด์กระซิบเบาๆ กับ ความทรงจำในอดีต เพียงอย่างเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่

“ตอนนั้นคลาวด์ไปอยู่โรงเรียนประจำแล้วล่ะ...” เสียงทิฟ่ายังเล่าต่อไปเรื่อยๆ “พอรู้ว่าเจ้าของโรงแรมจะย้ายต้นแสงจันทร์ต้นใหญ่ออกไปปลูกที่อื่น เหลือต้นเล็กเอาไว้ ยายก็ตกใจใหญ่ พยายามคัดค้านทุกวิธีแต่ไม่สำเร็จ พอต้นใหญ่ตาย...ยายถึงกับออกคำสั่งไม่ให้ลูกบ้านทุกคนเข้ามาในบริเวณนี้ ให้ช่วยกันจับตาดูคนแปลกหน้าที่เข้ามาในหมู่บ้านให้ดี แล้วก็คอยสังเกตว่าเมื่อไหร่ต้นไม้ต้นเล็กจะโตขึ้น จนแทบมีเรื่องราวใหญ่โตกับทางโรงแรม แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกคนเลยพากันเลิกสนใจที่ยายพูดกันหมด....จริงสิ...ตอนที่ใกล้จะเสีย ยายพูดถึงคลาวด์ด้วยนะ บอกว่า...ให้ไปให้ไกล อย่าให้ถูกตามตัวได้”

“หือ...หมายความว่าไง” คลาวด์งง

“ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน” ทิฟ่ายิ้มเจื่อนพลางยื่นมือออกไปแตะใบไม้ที่สะท้อนแสงอาทิตย์เป็นสีเหลือบรุ้ง “ว่าจะบอกหลายทีแล้ว แต่ก็ลืมทุกที.....โอ๊ย

เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดระคนตกใจดังขึ้นพร้อมกับโลหิตสีแดงเข้มที่ไหลหยาดเป็นทางยาวออกจากรอยบาดที่หลังมือ

“ทิฟ่า” คลาวด์ก้าวเข้าไปใกล้ “โดนอะไรเข้า”

“ไม่รู้สิ” หญิงสาวใช้ผ้าเช็ดหน้ากดปากแผลไว้เพื่อห้ามเลือดขณะส่ายหน้า สายตาจ้องมองใบไม้ที่ยังไม่ทันจะแตะโดนด้วยสายตาหวาดระแวง “อย่างกับถูกมีดบาดเลย”

พอเห็นคลาวด์กำลังจะยื่นมือเข้าไปพลิกใบไม้ออกดูว่ามีอะไรซ่อนอยู่ใต้ใบ ทิฟ่าก็ร้องห้ามเสียงดังพลางใช้มืออีกข้างปัดมือคลาวด์ออก

“ช่างเถอะ”

“งั้นรีบไปทำแผลก่อน เลือดไหลใหญ่แล้ว”

ทั้งคู่เดินออกไป หารู้ไม่ว่ามีสายตาของใครบางคนคอยมองตามอยู่ตลอดเวลา

............................


คลาวด์กลับมาที่ห้องพักหลังจากไปส่งทิฟ่าที่บ้าน หญิงสาวกำชับให้เขาไปงานเลี้ยงรุ่นที่จะเริ่มต้นขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงให้ทัน 

“เซฟ”

เด็กชายใส่เสื้อยืดตัวโตของเขาเอาแต่นอนนิ่งอยู่บนเตียงอย่างเคย

“เป็นอะไร ไม่สบายรึเปล่า” คลาวด์เดินตรงเข้าไปนั่งใกล้ๆ พลางลูบศีรษะเล็กเบาๆ “แล้วนี่กินอะไรบ้างหรือยัง”

“ปลุกก่อนสิ ไม่งั้นไม่คุยด้วย” เด็กชายค่อยๆ ขยับตัวเข้าหาพลางวางศีรษะเกยไว้บนตัก

“เธอนี่น้า...” คลาวด์ส่ายหน้าให้กับความดื้อเรียกพี่ของคนตรงหน้าก่อนยอมตามใจด้วยการก้มตัวลงกดปลายจมูกลงบนแก้มใสแผ่วเบา ได้กลิ่นหอมอ่อนจางของแชมพูและสบู่อาบน้ำอวลกรุ่น

“แค่นี้พอนะ”

“ไม่เห็นเหมือนในทีวีเลย” เซฟิรอธที่นอนลืมตาแป๋วยิ้มกว้างพลางบ่นพึมพำแล้วยกมือขึ้นลูบแก้มเบาๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเอื้อมแขนโอบรอบเอวอีกฝ่ายไว้แน่น

“รักคลาวด์นะ รักที่สุด”

“งั้นก็ทำตัวดีๆ ให้น่ารักกว่านี้หน่อยสิ” คลาวด์ที่ไม่ทันคิดอะไรหัวเราะเบาๆ ขณะแทรกมือเข้าไปในกลุ่มเส้นผมสีเงินนุ่มๆ แล้วเอานิ้วพันเล่นไปมา “เย็นนี้ฉันต้องไปงานเลี้ยงรุ่น เขาให้พาใครไปด้วยก็ได้ อยากไปด้วยกันมั้ย”

“ไม่ล่ะ” เด็กชายส่ายหน้า ขยับศีรษะลงจากตักแบบอิดๆ ออดๆ ให้คลาวด์ลุกขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า “คงมีคนรู้จักของนายเยอะแยะ”

“ไม่หรอก” คลาวด์ที่กำลังผูกเนคไทลวกๆ ถอนใจยาว “คนรู้จักแต่เหมือนไม่รู้จักก็มีเยอะไป”


คลาวด์...

หลังจากเงียบไปสักพัก เซฟิรอธก็เรียกชื่อเขาเบาๆ

หือ มีอะไร” คลาวด์ที่เปิดประตูเตรียมจะก้าวออกจากห้องเลิกคิ้ว

“แล้ว...จะกลับเมื่อไหร่”

“ไม่นานหรอก ฉันไม่ค่อยชอบงานเลี้ยงแบบนี้อยู่แล้ว”

“ไม่ใช่ ฉันหมายถึง....” เด็กชายนิ่งไปชั่วครู่ นัยน์ตาสีใบไม้ทอประกายหม่น “คลาวด์จะอยู่กับฉันแบบนี้ต่อไปได้ถึงเมื่อไหร่”

“เซฟิรอธ” คลาวด์ปิดประตู เดินกลับมาโอบกอดร่างเล็กๆ ที่สีหน้าไม่ค่อยดีไว้แน่น “พรุ่งนี้เราไปเที่ยวแถวๆ นี้อีกสักวันก็ได้ จากนั้นก็กลับไปหาหมอรีฟ..ให้เขาตรวจสุขภาพเธอซ้ำอีกที แล้วเราค่อยคุยกันว่าเธอจะไปอยู่กับฉันได้รึเปล่า...ตกลงนะ”

วินาทีนั้น...เสียงทุบประตูห้องก็ดังสนั่นหวั่นไหว ตามด้วยเสียงพ่อหมียักษ์บาร์เร็ตที่ตะโกนลั่นๆ ชนิดไม่เกรงใจห้องข้างๆ

“คลาวด์ ไอคุณชายสายเสมอ ฉันรู้นะว่านายยังอยู่ข้างใน ออกมาได้แล้ว งานเลี้ยงเริ่มแล้ว คิดจะให้ทิฟ่ารอไปถึงไหน หา...”

“เฮ้อ!

คลาวด์ถอนใจเฮือก ค่อยๆ ดึงมือเล็กที่ยื้อชายเสื้อสูทไว้ออก รั้งร่างผอมบางมากอดไว้อีกทีก่อนจะแตะริมฝีปากลงบนหน้าผากแผ่วเบา ....จากนั้นก็ออกจากห้องไป

ปล่อยให้นัยน์ตาสีใบไม้มองตามหลัง นิ่ง...นาน.....

....ไม่มี วันพรุ่งนี้ อีกแล้ว

..............................


ห้องโถงกลางขนาดใหญ่ของโรงแรมขณะนี้คราคร่ำไปด้วยแขกเหรื่อมากมาย แทบไม่น่าเชื่อว่างานเลี้ยงรุ่นของโรงเรียนประถมจะมีคนมากมายถึงขนาดนั้น

เดิมทีคลาวด์ก็ไม่ได้เป็นที่จดจำของเพื่อนร่วมห้องอยู่แล้วจึงมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังจำเขาได้ ผิดกับทิฟ่าที่ยังเป็นที่รู้จักของเกือบทุกคน ดังนั้นพอเขาถอยห่างออกมา หญิงสาวก็ถูกแฟนคลับรุมล้อมแทบจะในทันที ส่วนบาร์เร็ต...รายนั้นแยกตัวไปตั้งก๊วนเห่อลูกกับพวกพ่อๆ คนอื่นตั้งแต่เข้ามาในงาน

...ความรู้สึกว่าอยู่ผิดที่ผิดทางเกิดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

...ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็ จะ “มา” หรือ “ไม่มา” ก็มีค่าเท่ากัน


ที่ระเบียงด้านนอก...

คลาวด์ที่ไม่สนุกกับงานเลยสักนิดหลบมายืนจิบเครื่องดื่มเงียบๆ แต่ขณะที่คิดจะก้าวเท้ากลับห้องพักก็เผอิญเห็นประกายสีเงินสว่างอยู่ไกลๆ พร้อมกับร่างเล็กๆ ที่กำลังเดินผ่านรั้วไม้เตี้ยๆ

...เซฟิรอธ?

...เจ้าตัวยุ่งจะไปทำอะไรในสวนรกๆ นั่น แถมยังในเวลาค่ำมืดแบบนี้

โดยไม่รู้ตัว คลาวด์วางแก้วเครื่องดื่มในมือแล้วออกเดินแกมวิ่งตามไปทันที ในไม่ช้าก็มาหยุดยืนหันรีหันขวางอยู่ในสวนสาธารณะที่ปราศจากแสงไฟ เสียงต้นไม้ใบไม้พัดไหวดังสนั่นราวต้องลมพายุ รอบตัวมีเพียงเงาตะคุ่มที่บอกไม่ได้ว่าเป็นอะไร

แม้สัญญาณเตือนภัยจะกรีดร้องระงมดังลั่นในสมอง แต่เพราะความเป็นห่วงเด็กชายที่มีมากกว่าทำให้ชายหนุ่มแข็งใจก้าวต่อไปเรื่อยๆ ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่ออะไรบางอย่างคว้าหมับเข้าที่ต้นแขนก่อนจะสะบัดกระชากอย่างแรงจนร่างกายเสียหลักไปปะทะกับโคนต้นไม้ใหญ่แถวนั้นจนทรุดลงไปกองอยู่กับพื้น แต่ก่อนที่เจ้าสิ่งนั้นจะตรงเข้าจู่โจมเขาอีกครั้ง...

“อย่าแตะต้องเขา”

เสียงเล็กๆ ที่แสนคุ้นเคยตวาดขึ้นท่ามกลางความเงียบ จากนั้นทุกสิ่งก็กลับเป็นปรกติ

“เซฟ เซฟิ....”

เสียงเรียกหลุดหายไปในลำคอ คลาวด์ที่แม้ยังมึนงงอยู่มากจากแรงกระแทกเมื่อครู่ถึงกับพูดไม่ออก นัยน์ตาสีฟ้าเบิกกว้างเมื่อเห็นประกายแสงสีเงินเรื่อเรืองจากตัวเด็กชายที่ยืนเด่นอยู่หน้าต้นไม้เล็กๆ แคะแกร็น

เรื่องที่ทิฟ่าเล่าให้ฟังเมื่อบ่ายยังก้องอยู่ในหู เมื่อประติดประต่อทุกอย่างเข้าด้วยกัน...

...เป็นไปไม่ได้

...ไม่ใช่ นี่ไม่ใช่เซฟิรอธ ไม่ใช่เจ้าตัวเล็กที่เขารู้จักมาตลอดหลายวัน แต่เป็น


“เธอ...ต้นแสงจันทร์??”


ร่างเล็กเดินตรงเข้ามาหาช้าๆ แล้วหยุดยืนอยู่ตรงหน้า ดวงตาสีใบไม้หรี่ลง ริมฝีปากคลี่ยิ้ม แต่ดวงตากลับส่องประกายดุดัน

“ผู้หญิงผมดำนั่นพูดมากเกินไป แต่ก็นั่นล่ะ...ถึงนายมารู้เอาตอนนี้ก็จะทำอะไรได้” เซฟิรอธหัวเราะเบาๆ แต่กลับแทงลึกเข้าไปในความรู้สึกของคนฟัง “อยากรู้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน หลังจากที่นายยินยอมให้ขายที่ดินผืนนี้”

นัยน์ตาสีใบไม้ฉายแววเจ็บปวด

“ต้นแสงจันทร์...เป็นต้นไม้หายาก ก็เพราะว่าอยู่โดดเดี่ยวไม่ได้ พวกเราจะมีชีวิตอยู่ไม่ได้ หากไม่ได้รับความรักจากใครสักคน เหมือนฉันกับแม่...เราอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขมานาน จนกระทั่งโรงแรมสร้างเสร็จ คนพวกนั้นก็มาพาแม่ไป โดยที่ฉันจนปัญญาจะทำอะไรได้นอกจากทนฟังเสียงกรีดร้องของแม่ที่ดังก้องไปหมด จากนั้นก็ได้แต่ยืนดูแม่ร้องไห้จากที่ไกลๆ จนแม่จากไป นับแต่วันนั้นฉันก็อยู่ในสภาพนี้มาตลอด 10 กว่าปี...ไม่ตาย แต่ก็ไม่เติบโต จนตั้งใจว่า...ถ้าได้พบคนที่ทำให้พวกเราแม่ลูกต้องตกอยู่ในสภาพนี้อีกครั้ง ฉันจะตอบแทนให้สาสม”

ร่างที่นั่งคุดคู้อยู่กับพื้นนิ่งงัน หัวใจเจ็บแปลบเหมือนถูกของมีคมกรีดเป็นริ้ว สักพักน้ำตาอุ่นๆ ก็ไหลพรู เสียงที่หลุดพ้นริมฝีปากออกมาแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน

“ขอโทษ ฉันขอโทษ”

ร่างเล็กทรุดตัวลงนั่ง อ้าแขนออกโอบกอดคนตรงหน้าไว้หลวมๆ นิ้วผอมๆ ค่อยๆ ปาดรอยน้ำตาออกให้เบาๆ

“แต่ฉันกลับทำไม่ลง ถ้าคลาวด์ สไตรฟ์ เป็นคนเลวร้าย เห็นแก่ตัว อย่างที่คิดไว้ก็จะใช้ความเกลียดลงมือได้แท้ๆ แต่...นายกลับตรงข้ามทุกอย่าง ใจดี อ่อนโยน ไว้ใจคนง่าย ไม่ระวังตัว บางครั้งก็ไร้เดียงสาและอ่อนต่อโลกมากเสียจนน่าโมโห แต่ทั้งหมดนั่นก็ทำให้อด รักไม่ได้”

เซฟิรอธแย้มรอยยิ้มบาง

“จำได้รึเปล่า นายพูดอะไรกับฉันในวันสุดท้ายที่เราเจอกัน”

เหมือนได้ย้อนกลับไปในอดีต...วันนั้นพอเด็กชายผมบลอนด์ที่ได้นอนเต็มอิ่มตื่นขึ้นมาก็รีบคว้าหมอนหยิบผ้าห่มเตรียมตัวกลับบ้าน แต่ไม่รู้เพราะอะไรถึงได้หันไปหาต้นไม้น้อยที่อยู่ใกล้ๆ แล้วกระซิบเบาๆ

“แล้วพรุ่งนี้จะมาใหม่นะ”

คลาวด์พึมพำพลางหลับตาลงให้น้ำตาไหลหยดลงบนพื้น

...คำพูดประโยคเดียวที่ทำให้อีกฝ่ายพยายามจะมีชีวิตอยู่ แม้ต้องเผชิญกับความโดดเดี่ยวอันแสนทรมานก็ตาม

...เซฟิรอธเฝ้ารอการกลับมาของเขา





“คลาวด์....”

เซฟิรอธขยับเข้าไปใกล้ มือเล็กๆ ประคองใบหน้าอีกฝ่ายไว้ กึ่งๆ บังคับให้มองตรงมา ไม่ให้หันหน้าหนี จากนั้นจึงโน้มตัวเข้าไปกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู

“ถ้าในโลกนี้ไม่มีอะไรต้องให้ความสำคัญ ไม่มีอะไรให้ปรารถนาแล้วล่ะก็..................”

ความหมายที่ชัดเจนแจ่มแจ้งของประโยคที่ได้ยินกันแค่ 2 คนทำให้ชายหนุ่มชะงักนิ่ง นัยน์ตาสีฟ้าไหววูบด้วยความลังเล แต่แล้ว...เมื่อเงยหน้าขึ้นสบกับนัยน์ตาสีเข้มจัดที่บ่งบอกความในใจอย่างลึกล้ำคู่นั้นแล้ว คลาวด์ก็เป็นฝ่ายหลบตา ค่อยๆ เอนตัวลงซบกับร่างเล็กๆ นั้น แล้วโอบกอดตอบ

................................


หญิงสาวผมดำยาวยืนอยู่กับชายร่างใหญ่ผิวคล้ำในสวนสาธารณะที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ทุกอย่างเป็นระเบียบ สวยงาม ที่สำคัญมีต้นแสงจันทร์สูงใหญ่ งามสง่ายิ่งกว่าต้นเดิม แผ่กิ่งก้านให้ร่มเงาร่มรื่นเป็นจุดรวมความสนใจ

“2 ปีแล้วนะ” บาร์เร็ตยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดพลางมองตามหนูน้อยมาร์ลีนที่วิ่งเล่นอยู่ใกล้ๆ “ยังไม่ตัดใจอีกเหรอ”

ทิฟ่าส่ายหน้า นัยน์ตาสีดำสนิทที่ทอดมองต้นไม้ที่เติบโตขึ้นผิดหูผิดตาเต็มไปด้วยคำตัดพ้อต่อว่าจากส่วนลึกที่สุดของหัวใจ

...เธอพาเขาไปใช่มั้ย ฉันรู้นะว่าเธอเป็นคนพาคลาวด์ไป

นับแต่วันนั้น ไม่มีใครได้พบเห็นคลาวด์ สไตรฟ์อีกเลย เหมือนชายหนุ่มหายตัวไปเฉยๆ พยานที่ได้เห็นเขาเป็นคนสุดท้ายยืนยันว่า...คลาวด์เดินออกจากโรงแรมไปทางสวนสาธารณะ

...เจ้าบ้าเอ๊ย ถึงมาช้าก็ยังดีกว่าไม่มา มัวไปมุดหัวอยู่ไหนของแก ไอคุณชายสายเสมอ...

พ่อหมียักษ์บ่นอุบอิบพลางตะโกนเรียกลูกสาวแล้วดึงแขนทิฟ่าให้ออกเดิน

“มาร์ลีน ป๊ะป๋ากับน้าทิฟ่าหิวแล้ว กลับโรงแรมกันเถอะ”

“ค่า” เสียงแม่หนูตะโกนกลับมา แต่พอวิ่งผ่านต้นแสงจันทร์..หนูน้อยก็โบกมือบ๊ายบายให้

“หนูไปนะคะ”

....
...
..
.


“จะไปทักทายสักนิดก็ได้นะ”

เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นใกล้ๆ พร้อมอ้อมแขนแข็งแรงที่เข้ามาโอบกอดไว้หลวมๆ จากข้างหลังจนคนที่โบกมือตอบเด็กหญิงต้องหมุนตัวหันกลับมาเงยหน้ามอง

...ปากไม่ตรงกับใจ

...ถึงจะพูดอย่างนั้น  แต่สีหน้ากลับบึ้งตึงแบบไม่ปิดบัง

...เห็นคนเคยรู้จักของเขาเข้าทีไรเป็นต้องอารมณ์ไม่ดีทุกครั้ง

คลาวด์ยิ้มอ่อนๆ เอียงหน้าหลบปลายจมูกที่ก้มต่ำลงมาก่อนจะทิ้งน้ำหนักลงพิงร่างสูงโปร่งที่อยู่เคียงข้าง ซบหน้าลงกับไหล่ แล้วหลับตาลงพร้อมๆ กับเอื้อมมือไปพันนิ้วกับเส้นผมสีเงินเล่น

“ไม่ต้องหรอก แบบนี้ดีแล้ว”



                                                                                      Fin..

                                                                               22/03/2555
                                                                                     
....................................................................


จบ...เฮ! (ใครอยากลุ้นรายละเอียดลึกไปกว่านี้ จิ้นเอาเองนะ)

ฟิคประหลาดที่จับเซฟจังมาแอ๊บเด็กก็จบลง...ตอนแรกจะลองเขียนให้จบแบบทางใครทางมัน แยกกันอยู่...แต่แหม มันอ่านแล้วทำร้ายความรู้สึกชะมัด เลยเปลี่ยนเป็นให้คลาวด์มาเจอเซฟปีละหนเวลามางานเลี้ยงรุ่นก็ได้ แล้วไม่รู้เป็นไงมาไงปล่อยให้คลาวด์คุงหนีตามเซฟจังไปง่ายๆ ซะอย่างนั้น 555+

ถ้ามีแม่ยกทิฟ่ามาอ่านเจอเข้าก็ขอโทษนะคะ คือ...คนเขียนมันแม่ยกเซฟคลาวด์ง่ะ (ถึงฟิคหน้าจะมีบทเอริธ ก็นะ...สุดท้ายก็ต้องถอยทางให้เซฟจังอยู่ดี)

ฟิคนี้พยายามเขียนมิติตัวละครให้ลึกที่สุดแล้ว แต่ก็ยังอธิบายได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ถ้าใครอ่านแล้วไม่เข้าใจหรือยังเขียนไม่ละเอียด+แก้ปมเรื่องที่ผูกไว้ไม่หมด ก็คอมเมนต์บอกหน่อยนะคะจะได้ปรับเติมเสริมแต่งให้ดีกว่านี้

ส่วนฟิค ff7 แบบไม่ AU ส่วนมากจะเขียนช่วงที่เซฟจังยังดีๆ อยู่ (secret present+ cloud & lightening) เลยเริ่มอยากลองของเขียนฟิคช่วงหลังเซฟจังสติแตกมั่ง (เริ่มอยากปั้นพระเอกแบบแบดบอย) ฟิคหน้าจะลองพล็อตเวลาเป็นช่วงจบภาคหลักแต่ยังไม่ถึง AC ดูค่ะ แต่อาจจะเขียน Blue bonding คั่นเวลาสักตอนก่อนรึเปล่า...ขอคิดดูก่อนว่าจะจุดไฟเขียนฟิคได้มากแค่ไหน เพราะงานจะเข้าช่วงต้นเมษายาวไปถึงสงกรานต์.....แหงะ

2 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ ^ ^ (งงตั้งนานว่าทำไมเม้นท์ไม่ขึ้น ที่แท้ก็แบบนี้เอง)ดีใจที่ไม่รำคาญเม้นท์ข้าน้อยค่ะ

    ชอบพล็อตของเรื่องนี้มาก "ผู้ใหญ่แอ๊บเด็กเลี้ยงต้อย" คอนเซปเหนือชั้นจริงๆค่ะ คารวะจากใจเลย 555+

    ฟิคนี้เซอร์วิสจริง มีหนีตามกันด้วย รอฉากนี้มานาน (โดนโบก)

    เห็นด้วยที่ว่าวินซ์ไม่ควรเป็นเคะค่ะ เลยไม่ปลื้มเซฟวินซ์ แต่ที่ไทยแม่ยกคู่นี้เยอะมว๊ากกกก พอเปิดเจอต้องปิด ข้าน้อยก็ไม่ปลื้ม TOT แต่ถ้าเป็นวินซ์คลาวด์อันนี้โอเคค่ะ...Allคลาวด์จงเจริญ ฮิ้ววววว

    ว่าไว้แต่แรกท่านเซฟต้องอายุเยอะ และก็จริงด้วย!! และก็กลายร่างเป็นต้นไม้ได้สมกับสีตา!!! (โดนโบกอีกครั้ง) จากนั้นก็เรียกคะแนนความสงสารจากคลาวด์น้อยแสนซื่อและลักพาไปกก(?)ไว้คนเดียวโดยไม่ยอมแบ่งให้ทีฟา(ผู้ซึ่งอยากเป็นหนึ่งในฮาเร็ม(?)ของคลาวด์)ได้เชยชมบ้าง...

    ยังทำตัวได้ร้ายสมกับเป็นตัวร้ายตลอดกาลเลยลูกเพ่! (ได้ข่าวว่านี่มันเป็น
    พระเอก) แต่ยังไงๆก็เอนไปทางคู่นี้อยู่แล้ว เอียงเข้าไปอีกคงไม่เป็นไร เราเข้าข้างคู่นี้ตลอด ^ ^

    สำหรับแซคกี้ความดีคงชนะใจแม่ยกในไทยค่ะ อนึ่ง เขากิ๊กกันมาในเกมส์ แม่ยกเลยเอามายำต่อในฟิค ใครจะไปสนคู่ที่เอาแต่หยิบดาบจิ้มใส่กันเหมือนมาโซคิส อย่างพวกเราล่ะคะ จริงไหม? (เอานิ้ววนพื้นที่มุมห้อง)

    เพราะเหตุใดเซฟคลาวด์จึงไม่ได้รับความนิยม? จึงยังเป็นปัญหาที่ขบ(กัด)ไม่แตกกันต่อไป 555+

    ขอบคุณสำหรับฟิคสนุกๆค่ะ ข้าน้อยจะได้มีกำลังใจในคู่นี้มากขึ้น

    ปล. เลี้ยงแมวเหมือนกันเลยค่ะ ม่องเหมือนกันเลยด้วย คิดถึงมันเหมือนกัน โฮ... T^T

    ตอบลบ
  2. โอ๊ย ชอบค่ะ สุดท้ายก็หนีตามกันไปสิเนี่ย 5555

    ครองคู่กันนานๆนะคะ /ชูป้ายแม้ยกเซฟี่คลาวด์ XD

    ตอบลบ