11/3/55

FF7 (AU)’s fic : Memory of tree (P1)

Author : jes

Pairing :
เซฟจัง+คลาวด์คุง เอ....หรือจะคลาวด์คุง+เซฟจังล่ะนี่ 5555+

Disclaimer :
ตัวละครเป็นลิขสิทธิ์ของ square enix แค่อยาก (วอนหาเรื่อง) ลองเขียนสลับอายุกันบ้าง เพราะงั้นฟิคนี้ คลาวด์คุงอายุ 21-22 เซฟจังก็ 10 ขวบล่ะนะ

Intro :  คลาวด์เดินทางมางานเลี้ยงรุ่นที่โรงแรมหรูนอกเขตเมือง แต่ระหว่างทางมีเด็กชายผมสีเงิน นัยน์ตาสีใบไม้วิ่งตัดหน้ารถ...(แม๊...ยังกะพล็อตละครหลังข่าว...^^)

-----------------------------------------------------------------------


นัยน์ตาสีใบไม้ค่อยๆ ลืมขึ้นช้าๆ ภาพเบื้องหน้าพร่ามัวจนต้องกะพริบตาถี่ๆ ขับไล่ความรู้สึกสะลึมสะลือระคนมึนงงที่ห้อมล้อมอยู่ออกไป ทั่วทั้งร่างเจ็บระบมไปทั่ว แต่พอแข็งใจจะขยับตัวลุกขึ้น...ร่างอุ่นๆ ของใครสักคนก็ขยับเข้ามาใกล้ มือแข็งแรงตรงเข้าช้อนแผ่นหลังไว้แล้วใช้ท่อนแขนโอบประคองร่างเล็กให้ค่อยๆ เอนมาพิงบ่า

ความรู้สึกจากในอดีตที่ลางเลือนจนแทบจำไม่ได้กลับอุ่นวาบขึ้นมาในอกอีกครั้งอย่างน่าประหลาด

...แม่ ??

...ไม่ใช่

ภาพที่มัวเบลอค่อยๆ ชัดเจนขึ้นทีละนิดจนเห็นใบหน้าของคนที่อยู่ห่างออกไปไม่ถึงคืบได้ถนัด...ผมสีบลอนด์สว่างดูอ่อนนุ่ม นัยน์ตาสีฟ้าสด ผิวขาวสะอาด กับรูปร่างผอมบางนั่นยังคงเหมือนเดิม แต่ในวันนี้...เด็กชายตัวจ้อยที่แอบหลบพวกผู้ใหญ่มาเล่นซนอยู่ในสวนหลังบ้านได้เติบโตเป็นชายหนุ่มอายุ 20 ต้นๆ เสียแล้ว

...ไม่ผิดตัวแน่



“เป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนต้องรีบบอกนะ” เสียงนุ่มดังขึ้นแผ่วๆ ที่บริเวณขมับ มือนิ่มค่อยบรรจงแตะลงที่หน้าผากก่อนจะลูบเบาๆ ไปตามลำตัวและแขนขา “จู่ๆ เธอก็วิ่งออกมาจากป่าข้างทางตัดหน้ารถฉัน ถึงจะเบรกทัน แต่เธอก็ล้มลงไปนอนนิ่งกับพื้น ฉันเลยพามาคลินิกของหมอที่รู้จักกัน เอ่อ...ฉันชื่อ คลาวด์...คลาวด์ สไตรฟ์”

“เซฟิรอธ”

เด็กชายบอกชื่อตัวเองง่ายๆ ผ่อนลมหายใจออกช้าๆ ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้งแล้วซุกหน้าซบกับหัวไหล่

“ชื่อเพราะจัง” ปลายนิ้วเรียวเกี่ยวปอยผมสีเงินที่ปลิวรุ่ยร่ายระใบหน้าออกไป “ฉันเรียก เซฟเฉยๆ ได้มั้ย”

นัยน์ตาสีเขียวลืมขึ้นจ้องใบหน้าที่อยู่ห่างไปเขม็ง ตามด้วยการพลิกตัวเข้าหาแล้วยกแขนเล็กๆ ขึ้นตวัดโอบรอบลำคอ แต่คำตอบจากริมฝีปากบางสีระเรื่อกลับไม่เกี่ยวกันเลยสักนิด”

“หิว”

............


“สรุปแล้วไม่บาดเจ็บอะไร ไม่มีบาดแผล มีแค่อาการเคล็ดขัดยอกตามตัวกับรอยฟกช้ำนิดๆ หน่อยๆ สองสามวันก็หาย” หมอรีฟ...แพทย์ประจำคลินิกสรุปอาการของเด็กชาย “แต่เด็กหน้าตาดีแถมยังสะดุดตาขนาดนี้...ไม่ใช่คนแถวนี้แน่ ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนเลย คงต้องลองสอบถามตามหมู่บ้านใกล้ๆ เผื่อว่าจะมีใครรู้จัก”

“อาจหลงมาจากที่อื่นก็ได้” คลาวด์เม้มริมฝีปากนิดๆ ขณะจ้องมองประกายของเส้นผมสีเงินยาวสลวย นัยน์ตาสีเขียวสว่างคมกริบ ใบหน้าเรียว และผิวขาวซีดราวไม่ได้ถูกแสงแดดมานานผ่านรอยแยกของผ้าม่านที่กั้นระหว่างห้องพักผู้ป่วยกับห้องตรวจ

“ไม่ก็เด็กหนีออกจากบ้าน เพราะตัวเล็กแล้วก็ผอมเกินไป เหมือนขาดอาหาร” รีฟขมวดคิ้ว “แต่เด็กไม่มีที่มาที่ไปแบบนั้น..จะพาไปด้วยจริงๆ น่ะเหรอ”

“ก็ถ้าตามหาครอบครัวหรือญาติไม่เจอ ผมคงต้องพาไปด้วย” คลาวด์ยิ้มจางๆ “คงสักสี่ห้าวันแล้วจะพากลับมาให้เช็กร่างกายอีกครั้ง ระหว่างนี้คงต้องรบกวนคุณหมอให้ช่วยสืบหาคนรู้จักของเค้าต่อไป”

“ตามใจ เธอก็ระวังหน่อยแล้วกัน คนสมัยนี้ยิ่งไว้ใจไม่ค่อยได้อยู่ด้วย ถึงจะเป็นเด็กก็เถอะ” รีฟยักไหล่แล้วเก็บแฟ้มประวัติลงในลิ้นชัก “ว่าแต่...ตั้งแต่อุบัติเหตุคราวนั้น เธอเพิ่งได้กลับบ้านครั้งนี้เป็นครั้งแรกสินะ”

คลาวด์พยักหน้ารับเบาๆ นัยน์ตาคู่สวยหมองลงอย่างเห็นได้ชัด

.....................................................


“ไหนว่าหิวไง”

คลาวด์ทักขึ้นก่อนด้วยความแปลกใจเมื่อเดินกลับมาในห้องพักผู้ป่วยแล้วเห็น คนหิวเอาแต่นั่งนิ่งจ้องมองถาดอาหารตรงหน้า

“นี่อะไร”

“ก็...สลัดผักสดใส่ไข่ต้มสุก ขนมปังโฮลวีท แล้วก็ซุปข้าวโพดแบบไม่ใส่ครีม” คลาวด์ย่นจมูกพลางมองอาหารเพื่อสุขภาพในถาดด้วยสายตาแหยงๆ แต่พอเห็นท่าทางกลัวๆ กล้าๆ เก้ๆ กังๆ เหมือนยังไม่ค่อยมั่นใจของเด็กชายเข้าก็อดสงสารไม่ได้ สุดท้ายก็ลงนั่งข้างๆ หยิบช้อนตักซุปในถ้วยแล้วยื่นเข้าไปให้แทบถึงปาก “มา....ฉันป้อน”

เซฟิรอธทำหน้าพิกล แต่ก็ยอมอ้าปากรับซุปเข้าไปแต่โดยดี ก่อนจะอมไว้แล้วเปลี่ยนสีหน้าเป็นประมาณว่า กลืนไม่เข้า คายไม่ออก

...อาหารของมนุษย์?

แต่คนป้อนกลับเข้าใจสีหน้านั้นไปอีกอย่าง

“อาหารคนไข้ก็งี้แหละ มีประโยชน์แต่ไม่อร่อย” คลาวด์พยายามปลอบใจพลางตักซุปเตรียมป้อนเด็กที่เอาแต่หันหน้าหนีต่ออีกช้อน “ไว้พรุ่งนี้พอหมออนุญาตแล้ว...เราค่อยไปกินอะไรอร่อยกว่านี้แล้วกัน”

“จะพาฉันไปด้วย...จริงๆ นะ”  ร่างเล็กกลืนซุปลงคอรวดเดียวพลางหันขวับ นัยน์ตาสีใบไม้เป็นประกายวาววับ ถ้าไม่ติดโต๊ะวางถาดอาหารที่ตั้งขวางอยู่ล่ะก็...เซฟิรอธคงถลาเข้าใส่ไปแล้ว ไม่ใช่แค่คว้าข้อมือที่กำลังถือช้อนมากำไว้แน่นแบบนี้

“อื้มมม..” คลาวด์พยักหน้ารับพลางยิ้มขำๆ ให้กับท่าทางตื่นเต้นแบบเด็กๆ ตรงหน้า ผิดกับอีกคนที่ยืนทำหน้ามุ่ย

“ใช่สิ อาหารคลินิกฉันมันไม่อร่อยเสมอต้นเสมอปลาย เมื่อก่อนก็มีเด็กดื้ออยู่คนนึง..ที่ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่ยอมทานอะไรเลย” รีฟที่เพิ่งเดินเข้ามาสะบัดหน้าใส่คลาวด์แล้วหย่อนถ้วยใส่ยาเม็ดเล็กๆ ลงในมือเด็กชายผมเงิน “เป็นเด็กดีรีบทานข้าวให้หมดเร็วเข้า จะได้ทานยา ส่วนคลาวด์...หมดเวลาเยี่ยมแล้ว เลิกกวนซะที คนไข้จะได้พักผ่อน”

“ฉันอยู่ห้องข้างๆ นี่ แล้วก็คงหนีอาหารแบบเดียวกับของเธอไม่พ้นเหมือนกัน” คลาวด์ลุกขึ้นยืนแล้วลูบศีรษะเล็กเบาๆ มองเด็กชายที่เอาแต่หยิบชิ้นผักสลัดใส่ปากเคี้ยวโดยไม่สนใจอาหารอย่างอื่นด้วยความทึ่งจัด

.........................


“ทนหิวหน่อยนะ ฉันไม่อยากให้ไปถึงที่พักดึกเกินไป มันอันตรายน่ะ”

คลาวด์เหลือบตามองเซฟิรอธที่นั่งอยู่ในที่นั่งข้างคนขับและกำลังเพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์ข้างทาง

เมื่อเช้ามีคนไข้หนักเข้ามารับการรักษาที่คลินิกอีกสองสามรายทำให้รีฟต้องยุ่งวุ่นวายอยู่ตลอดช่วงเช้า และเพราะความจู้จี้มากเรื่องของเจ้าตัวที่ยืนกรานว่ายังไงก็ต้องเช็กสุขภาพร่างกายของเด็กชายให้แน่ใจอีกครั้งว่าจะไม่เกิดโรคแทรกซ้อนหรืออาการบอบช้ำภายในขึ้นมา เพราะงั้นกว่าทุกอย่างจะเสร็จเรียบร้อยพร้อมออกเดินทางได้ก็ปาเข้าไปบ่ายเกือบเย็น

“เราจะไปไหนกัน” เซฟิรอธเอียงหน้ามาถาม

“เมืองเล็กๆ ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่ แต่ต้องใช้เวลานานหน่อยกว่าจะไปถึงเพราะเป็นทางเลียบภูเขา”

“อืมมม” เด็กชายพยักหน้ารับนิดๆ ก่อนจะกลับไปสนใจทิวทัศน์นอกรถต่อ

“เซฟ เธออายุเท่าไหร่”

“.....สี่...สิบเอ็ด”

“หือ? สิบเอ็ด?” คลาวด์เลิกคิ้วก่อนถอนใจพรู “ก็ถ้ากินแต่ผักอย่างเดียว ไม่กินอย่างอื่นเลยแบบนี้น่ะนะ จะตัวโตได้ยังไง แล้วคุณพ่อคุณแม่ล่ะ”

เซฟิรอธนิ่งไปพักใหญ่ นัยน์ตาสีใบไม้ไหววูบ บรรยากาศในรถเต็มไปด้วยความอึดอัดจนคลาวด์นึกเสียใจที่พลั้งปากถามออกไป

“แม่...ไม่อยู่นานแล้ว” เด็กชายค่อยๆ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่ยินดียินร้าย แต่มันกลับบาดลึกลงไปในหัวใจของคนฟัง “พวกใจร้ายพาแม่ไปแล้วทิ้งฉันไว้”

“ฉันขอโทษ” เสียงคลาวด์เบาหวิว มือกำพวงมาลัยรถแน่นเข้าเหมือนพยายามควบคุมความรู้สึก

“จะรับไว้แล้วกัน” เซฟิรอธยักไหล่ เอื้อมมือไปคว้าหมอนใบโตจากหลังรถมากอดไว้แล้วหลับตาลง ยอมให้ปลายนิ้วอุ่นของอีกฝ่ายไล้ไปตามกลุ่มผมสีเงินไปมาเหมือนจะช่วยปลอบใจ

.....

.....

เวลาผ่านไปเท่าไหร่เด็กชายไม่แน่ใจ รู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มที่กำลังอุ้มพาเดินไปตามทางแคบๆ ก่อนวางเขาลงบนอะไรนุ่มๆ สักอย่าง

“ไปไหน...” เซฟิรอธที่นัยน์ตาหรี่ปรือด้วยความง่วงงุนถามเสียงอู้อี้ มือเล็กยื่นออกไปดึงชายเสื้ออีกฝ่ายไว้แน่น

“ถึงโรงแรมแล้ว แต่เห็นเธอหลับเลยไม่อยากปลุก” ได้ยินเสียงคลาวด์ดังแว่วๆ อยู่แถวๆ ข้างหูก่อนจะรู้สึกถึงไออุ่นจากเสื้อคลุมตัวโตที่เจ้าของเพิ่งถอดออกคลุมให้ “รอตรงนี้นะเด็กดี ฉันจะไปติดต่อเรื่องห้อง”

หลังพยายามปรับสายตาให้ชินกับแสงสว่างอยู่พักใหญ่แล้วเหลียวมองไปรอบๆ เด็กชายก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องกว้างที่กรุด้วยกระจกใสรอบทิศ ช่วยให้รู้สึกโล่ง โปร่งสบาย เพราะมองออกเห็นวิวภายนอกได้ชัดเจนยกเว้นแต่ยามไร้แสงอาทิตย์อย่างตอนนี้ ภายในห้องตกแต่งด้วยแจกันดอกไม้และกระถางไม้ประดับนานาชนิดอย่างสวยงาม มีเก้าอี้นุ่มๆ ตัวใหญ่ตั้งเรียงรายอยู่ทั่วห้อง มีคนหลายคนนั่งจิบกาแฟไปพลางอ่านหนังสือพิมพ์ไปพลางอย่างสบายอารมณ์

“ฉันเปลี่ยนห้องไม่ได้ เพราะห้องเตียงคู่เต็มหมด” คลาวด์ที่เดินกลับมาทำหน้ายุ่งพลางดึงแขนเล็กบางให้ลุกขึ้นแล้วออกเดินตามไปยังลิฟท์ที่อยู่ด้านข้าง “เราคงต้องนอนเบียดกันหน่อยล่ะ”

.....

.....

เซฟิรอธนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่ในห้องด้านนอก ปล่อยให้คลาวด์จัดการเรื่องกระเป๋าเดินทางเอาเอง

ห้องพักที่คลาวด์จองไว้แม้ไม่ใช่ห้องพิเศษ แต่ถ้าวัดจากสายตาแล้วทั้งความกว้าง เฟอร์นิเจอร์ และเครื่องประดับตกแต่ง ดูยังไงห้องนี้ไม่มีทางเป็นแค่ห้องพักธรรมดาๆ แน่

“หิวมั้ย” เจ้าของห้องที่ลากกระเป๋าเดินทางใบย่อมเข้าไปไว้มุมห้องถอนใจยาวพลางบิดตัวด้วยความเมื่อยล้าที่ขับรถมาตลอดครึ่งวันถามขึ้นแล้วยกหูโทรศัพท์ภายใน "ป่านนี้ร้านอาหารคงปิดหมดแล้ว ต้องสั่งรูมเซอร์วิสอย่างเดียว”

“ไม่ล่ะ” เส้นผมสีเงินพลิ้วกระจายยามเจ้าของส่ายหน้าปฏิเสธ “ง่วง นอนเลยแล้วกันนะ”

“ไม่ได้ ถ้าไม่กินอะไรเลยเดี๋ยวไม่สบายกันพอดี” คลาวด์ทำเสียงดุ “เอาเป็น...นมร้อนสักแก้วดีมั้ย”

“นม? อะไร?” น้ำเสียงบอกชัดว่าไม่เข้าใจจริงๆ

คลาวด์กะพริบตาปริบ กระแสอะไรบางอย่างแล่นปราดตรงเข้าสู่หัวใจ

...เซฟิรอธไม่มีแม่ แล้วใครที่ไหนจะคอยดูแลเด็กคนนี้

“ไปอาบน้ำก่อน” คลาวด์ที่ใจอ่อนยวบตัดบทเบาๆ เปิดกระเป๋าหยิบเสื้อยืดออกมาส่งให้ พลางรุนหลังอีกฝ่ายเข้าไปในห้องน้ำแล้วสาธิตวิธีใช้สารพัดอุปกรณ์ข้างใน

“ขวดนี้แชมพูสระผม ขวดนี้สบู่ อย่าใช้สลับกันนะ ส่วนก๊อกหมุนซ้ายน้ำร้อน หมุนขวาน้ำเย็น ผ้าเช็ดตัวอยู่นี่ อาบเสร็จแล้วใส่เสื้อตัวนี้ไปก่อน พรุ่งนี้เราค่อยไปหาซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ของเธอกัน”

หลังปล่อยเด็กชายไว้ในห้องน้ำ คลาวด์ก็เดินไปที่บาร์เครื่องดื่ม หยิบขวดนมที่แช่อยู่ในช่องเก็บความเย็นออกมาเทใส่แก้วแล้ววางลงบนเตาไฟฟ้าขนาดเล็ก รอจนมีไอบางๆ ลอยกรุ่นค่อยยกลง พอดีกับที่เซฟิรอธเดินออกมาจากห้องน้ำ

เด็กชายตรงหน้าดูจะยิ่งผอมบางขึ้นไปอีกเมื่ออยู่ในเสื้อยืดตัวใหญ่หลวมโพรกที่ยาวลงมาคลุมถึงสะโพก ผมสีเงินยาวเปียกน้ำจนลีบลู่...มองเห็นแพขนตางอนยาวกับนัยน์ตาสีเขียวเข้มจัดได้ชัดเจน

“มานี่มา”

แค่เรียกเบาๆ ร่างเล็กก็ยอมเดินเข้ามานั่งใกล้ๆ คลาวด์คว้าผ้าเช็ดตัวเปียกๆ ออกจากมืออีกฝ่ายแล้วแทนที่ด้วยแก้วนมร้อน ก่อนเริ่มต้นใช้ผ้าเช็ดตัวผืนใหม่เช็ดผมสีเงินที่บางส่วนยังมีน้ำหยดเป็นทางอย่างเบามือ

“อย่าเอาแต่มอง ต้องกินให้หมดด้วยนะ”

หลังจากเอาแต่ทำจมูกฟุดฟิดดมกลิ่นอยู่พักใหญ่ๆ เซฟิรอธก็ยอมยกแก้วขึ้นแตะริมฝีปากแล้วปล่อยให้ของเหลวสีขาวข้นไหลผ่านลำคอไป

“ดีมาก” คลาวด์ยิ้มพอใจพลางหวีผมที่เช็ดจนหมาดให้เรียบร้อยก่อนจับร่างเล็กหมุนตัวไปทางห้องนอนที่อยู่ด้านใน “ทีนี้ก็ไปนอนได้แล้ว เดี๋ยวฉันเก็บของเสร็จแล้วจะตามไป”

แต่เด็กชายกลับหอบหมอนกับผ้าห่มออกมาแล้วยึดโซฟาเป็นเตียงนอนซะงั้น

“ฉันนอนดิ้น” ว่าเข้านั่นก่อนลงนอนขดตัวกลมเหมือนลูกแมวดื้อๆ ตัวนึง


แต่แล้ว....อะไรสักอย่างก็ปลุกคลาวด์ที่หลับสนิทให้ตื่นขึ้นกลางดึก

ท่ามกลางแสงจันทร์สีเงินยวงที่ส่องสว่างผ่านผ้าม่านที่เผยอไว้เล็กน้อยเข้ามาในห้อง ร่างๆ หนึ่งยืนอยู่แถวปลายเตียง แม้จะอยู่ในทิศย้อนแสง แต่ประกายสีเงินจากเส้นผมซึ่งยาวอย่างยิ่งนั่นจะเป็นใครไปไม่ได้

“เซฟ? มีอะไร”

คลาวด์ที่ยังงัวเงียจัดยื่นมือออกไปควานหาเปะปะรอบตัว ก่อนจะสงบลงเมื่อรู้สึกถึงมือนุ่มที่ยื่นมาจับไว้แน่น ตามด้วยร่างเล็กๆ อุ่นๆ ที่แทรกตัวเข้ามาอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน จากนั้นก็ค่อยๆ เบียดตัวเองเข้ามาใกล้จนคนที่นอนอยู่ก่อนต้องยอมเขยิบที่ให้....พอขยับตัวจนได้ท่านอนสบายๆ แล้ว เซฟิรอธก็ผ่อนลมหายใจยาว หลับตาลงกับไออุ่นที่ยังคงอ้อยอิ่งอยู่รอบตัว

........................................................


“คลาวด์.... คลาวด์......”

แว่วเสียงเรียกแผ่วเบาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆในความรู้สึก ชายหนุ่มที่ยังไม่ตื่นเต็มที่กระชับผ้าห่มให้แนบตัวเข้าพลางพลิกตะแคงหนีด้วยอารมณ์รำคาญ....แต่ชายผ้าห่มก็ค่อยๆ ถูกดึงออกช้าๆ จนนัยน์ตาสีฟ้าสดจำต้องลืมขึ้นมองอย่างเสียไม่ได้ แต่ก่อนที่จะขอนอนต่ออีกสักหน่อยตามที่ใจปรารถนา....ริมฝีปากนุ่มอุ่นก็ประทับลงมาเบาๆ

คลาวด์เบิกตากว้าง หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง ลุกขึ้นนั่งพรวดพราดจนศีรษะแทบจะกระแทกเข้ากับใบหน้าเล็กๆ ที่อยู่ใกล้จนแลเห็นเงาสะท้อนของตัวเองอยู่ในลูกแก้วสีเขียวใสตรงหน้า แต่แล้วก็จำต้องทิ้งตัวลงนอนอีกครั้งเพราะเวียนหัวจนหน้ามืด

“เซฟ?”

“ตื่นได้แล้ว” เซฟิรอธยิ้มเผล่ ใบหน้าใสๆ ที่ยื่นเข้ามาแทบจะชิดนั่นไร้เดียงสาเกินกว่าจะคิดว่าอีกฝ่ายจงใจ “หิวแล้วด้วย รีบอาบน้ำแล้วไปหาอะไรกินกันเถอะ...นะ”

ไม่พูดเปล่า เจ้าตัวเล็กยังพยายามช่วยพยุงเขาให้ลุกขึ้นนั่ง จนดูเผินๆ เหมือนกับกำลังกอดเขาไว้ทั้งตัว เล่นเอาคลาวด์ที่ตื่นเต็มตาบ่นพึมพำยอมแพ้แล้วคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป

จากหางตา ทีวีในห้องนั่งเล่นด้านนอกเปิดอยู่ ละครเบาสมองแนวครอบครัวหรรษาพ่อแง่แม่งอนเพิ่งจะฉายจบไป

...ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเซฟิรอธเอาตัวอย่าง มอร์นิ่ง คิส แบบนี้มาจากไหน

..................


“เสื้อตัวสีเขียวสวยกว่า เข้ากับสีตาของเธอด้วย ตัวสีฟ้าอ่อนนั่นก็ได้แต่เรียบไปหน่อย ส่วนตัวนี้...จืดไป  กางเกงก็...อืมมม...ขาสามส่วนสีครีมจะเข้ากันได้กับเสื้อทุกสี แต่เผื่อสีดำไปด้วยอีกตัวก็ดี ยีนส์นี่โอเค ถ้ายังไงติดกางเกงขายาวไว้สักตัว....”

หลังจากทานอาหารเช้าในห้องอาหารของโรงแรม คลาวด์ก็พาเซฟิรอธออกมาเดินซื้อของแถวย่านการค้า พอเลือกร้านเสื้อผ้าที่ถูกใจได้ คลาวด์ก็เดินไปเดินมาเลือกหยิบโน่นคว้านี่จากราวแขวนบ้างจากที่วางอยู่บนชั้นบ้างออกมาส่งให้เซฟิรอธที่ได้แต่เดินตามต้อยๆ พอรับมาเด็กชายก็คลี่ออกดู ถ้าชอบใจก็ใส่ลงในตะกร้าที่ถือไว้ ถ้าไม่..พอคล้อยหลังคนเลือกก็แอบเอากลับไปวางเก็บไว้ที่เดิม

“เอาล่ะ ไหน...เอาที่เลือกไว้มาดูซิ” คลาวด์เลือกกางเกงขายาวทำจากผ้ายืดเนื้อนุ่มออกมาอีก 2 ตัวก่อนมองตะกร้าที่มีเสื้อผ้าผ่านด่านคิวซีอยู่แค่ไม่กี่ตัวแล้วขมวดคิ้ว “ทำไมมันเหลือแค่นี้ล่ะ”

“จะซื้อทำไมเยอะแยะ” เซฟฟิรอธตีหน้าบึ้งสู้แล้วเดินกอดตะกร้าผ้าหนีออกไปยืนห่างๆ “ฉันใส่เสื้อกับกางเกงทีละตัวนะ”

“แต่....” คลาวด์เถียงไม่ออก ก้มหน้าลงมองกางเกงที่ถือค้างอยู่ในมือ “ฉันว่าเธอใส่แล้วคงจะน่ารักดี”

“ฉันชอบตัวนี้” เด็กชายเดินเข้ามาดูแล้วเลือกหยิบกางเกงตัวสีน้ำเงินออกจากมือใหญ่ “แต่ไม่เอาสีน้ำตาลนั่น แล้วก็...เสื้อตัวนั้นด้วยได้มั้ย ที่มี 2 ตัวลายเดียวกันน่ะ”

มือเล็กชี้ไปทางตัวอย่างเสื้อยืดลายสดใสที่หุ่นขนาดเท่าคนจริงใส่โชว์อยู่หน้าร้าน

“เอ่อ...ก็ใช่ว่าจะไม่ได้หรอก” พอเห็นว่าเด็กชายต้องการอะไร คลาวด์ก็ถึงกับใบ้กินก่อนพยายามทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับรอยยิ้มขำๆ แกมเอ็นดูของเจ้าของร้านกับลูกค้าอีกหลายคนที่แอบมองมาทางเขาสองคนเป็นระยะ “เค้าขายเป็นคู่น่ะ”

...ก็มันเป็นเสื้อที่ คู่รักเค้าชอบซื้อใส่ให้เข้าคู่กันนี่นา

“งั้นดีเลย” เซฟิรอธยิ้มกว้างอย่างถูกใจจริงๆ “ฉันใส่ตัวเล็กแล้วคลาวด์ก็ใส่อีกตัวที่ตัวใหญ่กว่าไง”

“อ่านะ” คลาวด์พูดไม่ออก มองตามร่างเล็กที่เดินอย่างมาดมั่นไปหยิบเสื้อ 2 ตัวจากบนชั้นมาใส่ตะกร้าแล้วไปยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่รอเขาอยู่หน้าเคาท์เตอร์จ่ายเงิน ส่วนเจ้าของร้านรีบหันหลังให้ คงกำลังพยายามกลั้นหัวเราะอยู่ ลูกค้าแถวๆ นั้นก็ดูเหมือนจะอารมณ์ดีกะทันหันกันเป็นแถว บางคนยิ้มให้เสื้อที่ถืออยู่ในมือ หลายคนทำตาหวานใส่ราวแขวนเข็มขัด และอีกไม่น้อยที่ยืนหัวเราะกับหุ่นโชว์

...เฮ้อ!

……………………………………………


“อิ่มแล้ว”

เซฟิรอธส่ายหัวดิกพลางหันหน้าหนี ไก่ชุบแป้งทอด ที่อีกฝ่ายแทบจะป้อนให้ถึงปาก

ระหว่างรอทางร้านบริการซักรีดเสื้อผ้าที่เพิ่งซื้อไป ก็ได้เวลาอาหารกลางวันพอดี

“กินแค่สลัดไข่กับมิลค์เชค จะอิ่มได้ยังไง” คลาวด์ชักยัวะ “เมื่อเช้าก็กินแต่สลัดกับคอนเฟล็กซ์ใส่นม อายุแค่นี้ต้องกินให้เยอะๆ รู้มั้ย เดี๋ยวก็ไม่โตหรอก”

“ยังกับตัวเองตัวโตนักนี่” เจ้าตัวเล็กหันมามองคนตัวโตกว่าแล้วเมินหน้าไปอีกทาง “เดี๋ยวฉันก็โตทัน ถึงตอนนั้นจะตัวโตกว่า จะสูงกว่าให้ดู”

“ให้มันจริงเถอะ” คลาวด์หัวเราะขำก่อนเปลี่ยนใจส่งไก่ทอดเข้าปากตัวเองเมื่อเห็นเจ้าตัวเล็กเปลี่ยนความสนใจไปให้ไอศกรีมที่เพิ่งเอามาเสิร์ฟ

หลังจากลองและๆ เล็มๆ ของที่เรียกว่า ไอศกรีม อยู่ไม่ถึงอึดใจ เซฟิรอธก็ตัดสินใจว่า กินได้ หลังจากนั้นไอศกรีมถ้วยโตก็หายวับ ในเวลาเดียวกับที่คลาวด์ดื่มกาแฟอึกสุดท้ายหมดพอดี

“คลาวด์จะอยู่ที่นี่อีกนานมั้ย” เด็กชายเป็นฝ่ายเริ่มคำถามในขณะที่อีกฝ่ายใช้กระดาษนุ่มๆ เช็ดไอศกรีมที่เลอะแก้มออกให้

“อีกครึ่งชั่วโมงก็ไปเอาเสื้อที่ร้านได้แล้ว” คลาวด์ยิ้มพลางเช็ดมือตัวเองบ้าง “เสร็จแล้วจะไปไหนต่อดีล่ะ”

“ไม่ใช่ ฉันหมายถึง....” ปลายคำถามขาดหาย นัยน์ตาสีใบไม้หรุบต่ำ “ฉันแค่อยากรู้ว่าคลาวด์จะอยู่กับฉันแบบนี้ต่อไปได้ถึงเมื่อไหร่”

“เมื่อก่อนฉันก็อยู่ที่นี่แหละ”

คลาวด์ถอนใจยาวพลางดึงมือเล็กๆ ของเด็กชายมากุมไว้หลวมๆ นึกสงสัยตัวเองอยู่เหมือนกันว่าเพราะอะไรถึงได้เล่าเรื่องที่ไม่เคยปริปากบอกใครให้เด็กที่เพิ่งรู้จักกันแค่วันสองวันฟัง

“บริเวณที่ตั้งของโรงแรมที่เราพักเมื่อก่อนเป็นบ้านฉันเอง และมันควรจะเป็นอย่างนั้นต่อไปถ้าไม่เพราะพ่อกับแม่ประสบอุบัติเหตุจากไปทั้งคู่ ตอนนั้นฉันยังเด็ก คงจะพอๆ กับเธอตอนนี้ได้ เลยเชื่อคำพูดพวกญาติๆ ยินยอมให้ขายบ้านที่เต็มไปด้วยความทรงจำของครอบครัวไป...แล้วย้ายไปอยู่โรงเรียนประจำในเมืองแทน...สิบกว่าปีที่ผ่านมาฉันไม่เคยกลับมาที่นี่เลย จนพวกเพื่อนๆ สมัยเรียนชั้นประถมบังคับให้มางานเลี้ยงรุ่น....”

เสียงเล่าเรื่องหยุดลงกะทันหันเพราะมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะ

“เจ้าของร้านโทรมาบอกให้ไปรับของได้แล้ว” คลาวด์ลุกขึ้นพลางรวบรวมเศษขยะใส่ถุงเตรียมเอาไปทิ้ง แต่พอเห็นสีหน้าซึมๆ ของเด็กชายเข้าก็ไม่สบายใจ “ฉันไม่น่าเล่าเรื่องไม่เป็นเรื่องให้เธอฟัง ยังไงก็ลืม...”

“ไปทะเลกันมั้ย” เสียงเล็กๆ แสนเอาแต่ใจร้องขัดขึ้นมาชนิดไม่มีปี่ไม่มีมีขลุ่ย “เดี๋ยวเราไปทะเลกันดีกว่า”

...............................................

กว่าจะมาถึงชายหาดเล็กๆ ที่อยู่อีกด้านนึงของเมือง แสงอาทิตย์ร้อนแรงยามเที่ยงวันก็เริ่มเย็นลงกลายเป็นสีส้มจางๆ ฉายฉาบท้องฟ้าสีครามยามบ่าย เบื้องล่างประกายแสงสะท้อนสีเดียวกันอาบผิวน้ำทะเลให้เป็นสีทองอย่างงดงาม

“ถึงแล้ว”

คลาวด์ว่าพลางจอดรถ แต่ยังไม่ทันดับเครื่องยนต์สนิท ร่างเล็กก็รีบเปิดประตูแล้วพุ่งปราดออกไป พอเดินลุยลงไปในน้ำทะเลได้สักหน่อยก็ทรุดฮวบลงนั่งกับพื้นทราย

“เซฟ....” เสียงเรียกของคนที่วิ่งตามมาด้วยความตกใจถอยกลับเข้าไปในลำคอเมื่อเห็นเด็กชายล้มลงนอนคว่ำ ปล่อยให้คลื่นซัดเข้ามาโดนตัวแบบเต็มๆ

“ทะเลมันดีอย่างนี้นี่เอง” เซฟิรอธที่กลิ้งไปกลิ้งมาจนเปียกปอนไปหมดพึมพำเบาๆ ด้วยความดีใจระคนตื่นเต้น “ทุกทีได้แต่ยืนมองอยู่ไกลๆ แท้ๆ”

คลาวด์เลิกคิ้วให้กับประโยคที่ได้ยิน แต่กลิ่นไอทะเลที่ลอยมาตามลมปะทะเข้ากับใบหน้ากับเสียงลมเสียงคลื่นที่ซัดสาดเข้าหาชายฝั่งยามนี้...เหมือนจะบอกให้เลิกใส่ใจแล้วโยนสารพัดเรื่องหนักอึ้งที่ค้างคาใจทิ้งไปซะ

... แทบจำไม่ได้ว่า ครั้งสุดท้ายที่รู้สึกสบายใจแบบนี้ มันตั้งแต่เมื่อไหร่

... บางที.....อาจจะตั้งแต่อุบัติเหตุครั้งนั้น

... ที่ทำให้เขาถูกทิ้งไว้ให้อยู่ตัวคนเดียว


ซ่า!

ยังไม่ทันจะได้คิดหรือตั้งตัวติด ชายหนุ่มก็ถูกน้ำทะเลเค็มๆ สาดเข้าใส่เต็มหน้าจนแสบตาไปหมด จากนั้นอีกไม่กี่วินาทีคลาวด์ก็เปียกชุ่มโชกไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัว

“เซฟิรอธ” คลาวด์ทำเสียงเย็นยะเยือกขณะปาดน้ำออกจากใบหน้าแล้วหันไปแยกเขี้ยวใส่เจ้าเด็กตัวแสบที่ยังสนุกกับการวักน้ำทะเลขึ้นสาดใส่เขาไม่เลิก “ตัวเองมีเสื้อเปลี่ยนก็เปียกได้สิ แต่ฉันไม่มีนะ”

เหมือนเข้าหูซ้ายแล้วย้ายไปทะลุออกหูขวา ดูท่าเซฟิรอธจะไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นนอกจากทำยังไงถึงจะสาดน้ำให้โดนอีกฝ่ายมากที่สุด

“เหวอ~~คล๊าวด์”

เพราะความที่เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาวักน้ำ เซฟิรอธเลยไม่ทันมองว่าเป้าหมายย้ายมายืนอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ กว่าจะรู้...ก็ถูกอุ้มตัวลอยขึ้นจากน้ำ

“ปล่อย ปล่อยนะ”

เด็ก ที่รู้ตัวว่ากำลังจะถูกเอาคืนดิ้นขลุกขลัก พยายามสะบัดตัวให้หลุดจากอ้อมแขนที่โอบรัดไว้แน่น

“เรื่องอะไรจะปล่อยให้โดนแกล้งอยู่ฝ่ายเดียว” คลาวด์ยิ้มโหดก่อนตวัดแขนรองสะโพกเจ้าตัวร้ายไว้แล้วยกขึ้นมาใกล้จนใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกัน “รู้มั้ยว่าเด็กนิสัยไม่ดีน่ะจะต้องถูกลงโทษนะ”  

“ไม่ ไม่ ไม่เอา” เซฟิรอธร้องลั่นเมื่อรู้สึกว่าตัวเองถูกยกสูงขึ้น จากที่เคยโวยวายให้ปล่อยก็เปลี่ยนเป็นโถมตัวเข้ากอดอีกฝ่ายไว้แน่นแทน  “อย่าโยนฉันลงน้ำนะ อย่าโยน....อ๊ะ...ฮะ...ฮะ...ฮะ....ฮะ”

เสียงใสๆ หัวเราะลั่นเมื่อมีนิ้วยาวๆ แทรกเข้าไปในชายเสื้อที่หลุดออกมาแล้วจี้ไปตามเอวเล็กๆ

“ก็ปล่อยคอฉันก่อนสิ ยอมแพ้ดีๆ เถอะน่า...” คลาวด์ชักจะสนุกกับการแกล้งเด็กขึ้นมาบ้าง

“ไม่ ไม่ปล่อย นี่แน่ะ....” เจ้าตัวเล็กที่หัวเราะจนน้ำตาไหลฮึดสู้ ละมือข้างหนึ่งลงมากระชากชายเสื้อของอีกฝ่ายออกจากขอบกางเกงแล้วประกาศศึกจั๊กจี้เอาบ้าง

เซฟ พอก่อน เลิกเล่น บอกว่าเลิกเล่นไง

ลงท้ายคลาวด์ที่สู้ไม่ได้กลับเป็นฝ่ายโวยวายขอยุติศึก แต่ก็ทานน้ำหนักที่อุ้มอยู่ไม่ไหวจนล้มกลิ้งลงไปนอนแช่ในน้ำทะเลกันทั้งคู่
ดวงอาทิตย์ค่อยๆ ลอยต่ำผสานกับเสียงหัวเราะที่ดังลั่นสนั่นชายหาด
.........................


“เอาล่ะ นอนได้แล้ว”

เพราะเล่นน้ำกันจนเย็นเล่นเอาเหนื่อยจนหมดแรง ถ้ากลับโรงแรมตอนนี้กว่าจะถึงคงดึก ทั่งสองคนเลยตัดสินใจค้างคืนที่บ้านพักริมทะเลด้วยมติเอกฉันท์

คลาวด์ที่ต้องใส่เสื้อคลุมนอนเพราะไม่มีชุดเปลี่ยนล้มตัวลงบนเตียงพลางมองเจ้าตัวเล็กที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ยึดเอาเสื้อยืดตัวใหญ่ของเขามาใส่เป็นชุดนอนหน้าตาเฉยค่อยๆ ลุกจากเก้าอี้ยาวที่เจ้าตัวลากไปนั่งชมวิวริมหน้าต่างแล้วเดินตรงเข้ามาหา

“ยังไงก็ตาม” คลาวด์กำชับ “พรุ่งนี้ถ้าตื่นก่อน...ห้ามปลุกฉันแบบเมื่อเช้าอีก”

“ทำไมล่ะ” เซฟิรอธที่ขึ้นมานั่งคุกเข่าบนเตียงพลางคว้าหมอนมาตบปุๆ จนได้รูปทรงที่พอใจแล้วค่อยลงนอนสงสัย “คนใน...กล่องเหลี่ยมๆ ข้างเก้าอี้ยังทำได้เลย”

“เค้าเรียกทีวี” คลาวด์เฉไฉ “ไม่รู้ล่ะ ยังไงก็ห้าม ถ้าต้องปลุก จะเรียก จะเขย่า จะทำยังไงก็ได้ แต่ห้ามทำแบบเมื่อเช้า เข้าใจแล้วนะ”

พูดจบก็รีบหันหลังให้แล้วหลับตาลง

...ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะมาเขินอะไรกับเด็ก 10 ขวบ

“คลาวด์ หลับแล้วเหรอ”

ผ่านไปพักใหญ่ เด็กที่ยังไม่ยอมนอนซะทีก็พลิกตัวมาใกล้ จนผู้ใหญ่ต้องแกล้งทำเป็นหลับ เพราะคิดว่าถ้าไม่มีคนคุยด้วยเดี๋ยวเจ้าตัวยุ่งก็คงหลับไปเอง หารู้ไม่ว่า..เป็นการเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายก้มลงหอมแก้มฟอดใหญ่

“ฝันดีนะ”

ว่าแล้วเจ้าตัวร้ายก็ขยับตัวเบียดเข้ามาจนชิดติดแผ่นหลังแล้วคว้าเอาแขนข้างหนึ่งมาใช้แทนหมอนข้าง ไม่เท่าไหร่ก็หลับสนิทอย่างมีความสุข ทิ้งให้คนแกล้งหลับเป็นนานสองนานนอนลืมตาโพลง


กลางดึกคืนนั้น...

ร่างเล็กๆ ในชุดเสื้อยืดสีสดใสตัวโคร่งค่อยๆ ก้าวช้าๆ ไปตามหาดทราย ใบหน้าเล็กๆ แหงนมองพระจันทร์ดวงโตที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า แสงสีเงินกระจ่างสะท้อนเข้ากับเส้นผมยาวสีเดียวกันเป็นประกายระยิบระยับ

แนวไม้ใหญ่ข้างทางระบัดใบไหวพลิ้ว ทั้งๆ ที่ไม่มีลมพัดสักนิด

ร่างเล็กหันกลับมามอง คิ้วเรียวขมวดอย่างขุ่นเคืองก่อนขึ้นเสียงตวาดเบาๆ

“เรื่องของฉัน ฉันตัดสินใจเองได้ ไม่ต้องให้ใครมายุ่ง”


....ใบไม้ที่ปลิวไสวหยุดนิ่งในฉับพลัน

.........................


“คลาวด์.... คลาวด์......”

เสียงเรียกแผ่วๆ ดังขึ้นที่ริมหู อะไรสักอย่างนุ่มๆ อุ่นๆ ก็สัมผัสไปตามใบหน้า


....เสียงเซฟิรอธเรียก?


 “....อืมมมม.....”

ขานรับด้วยน้ำเสียงงัวเงียครึ่งหลับครึ่งตื่น หาก
ยังคงสะลึมสะลืออยู่ในห้วงแห่งการหลับไหลจนลืมตาไม่ขึ้น แต่ก่อนที่มนตราแห่งนิทราจะสะกดให้สติเลือนหายอีกครั้ง...ริมฝีปากนุ่มอุ่นจัดก็แนบลงมา

...คราวนี้ทั้งเรียกร้องและเอาแต่ใจยิ่งกว่าเดิม

คลาวด์สะบัดหน้าหนีแล้วผวาลุกขึ้นก่อนจะเวียนหัวจนร่างทั้งร่างเซวูบ แต่พอจะทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง เซฟิรอธที่อยู่ใกล้ๆ กลับโอบกอดเขาไว้ทั้งตัวแล้วรั้งให้ซบลงมาที่ไหล่ ริมฝีปากอุ่นจัดคลึงอยู่แถวขมับ ขณะที่ปลายนิ้วเรียวค่อยๆ เสยปอยผมสีบลอนด์ที่ปรกหน้าออกให้เบามือ
“ค่อยๆ ลุกก็ได้ จะรีบร้อนทำไมนะ” เสียงเล็กๆ เอ็ดเอาแบบไม่จริงจังนัก

“ฉันความดันต่ำ” คลาวด์ที่ยังมึนๆ ประท้วงเสียงอู้อี้ “ตื่นเช้าไม่ไหว ตื่นแล้วจะรีบลุกเลยก็ไม่ได้”

เสียงใสๆ หัวเราะในลำคอเบาๆ อ้อมแขนที่โอบกระชับอยู่รอบตัวก็ดูเหมือนจะแน่นขึ้นอีก


เวลาผ่านไปครู่ใหญ่.... คลาวด์ก็ค่อยๆ ยกศีรษะขึ้นในขณะเดียวกับที่อีกฝ่ายๆ ค่อยๆ ผละออกช้าๆ

เมื่อนัยน์ตาสีท้องฟ้าสบเข้ากับดวงตาสีใบไม้ เซฟิรอธก็ฉีกยิ้มกว้าง

“ฉันอยากออกไปเล่นน้ำข้างนอก แต่ถ้าหายไปเลยเดี๋ยวจะมีคนเป็นห่วง เลยมาบอกก่อน อีกอย่างสั่งมื้อเช้าไว้ให้แล้ว ถ้ามาส่งเมื่อไหร่ คลาวด์ออกไปเรียกด้วยนะ”

“อือ” คลาวด์พยักหน้ารับพลางมองเจ้าตัวยุ่งที่คว้าผ้าเช็ดตัววิ่งปร๋อออกไปก่อนจะกะพริบตาปริบเพราะนึกอะไรขึ้นได้

“เซฟ” คลาวด์ที่ยกมือขึ้นแตะริมฝีปาก ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ ตะเบ็งเสียงไล่หลัง “บอกแล้วไงว่าห้ามปลุกแบบนี้...”

จากหน้าต่าง เซฟิรอธที่กำลังพาดผ้าเช็ดตัวกับเก้าอี้ริมชายหาดหันมาส่งยิ้มแล้วโบกมือให้ สงสัยจะไม่ได้ยิน

...แย่

...แต่คนที่แย่ที่สุดคงเป็นเขา ที่ดันเคลิ้มไปกับเด็กด้วย

...แล้วจะทำยังไงดี

...................................


“ไม่รู้จะรีบกลับทำไมแต่เช้า ใจร้าย...ใจร้ายที่สุด” เสียงโยเยของเด็กที่ติดใจทะเลขนาดหนักยังงอแงไม่ยอมเลิกขณะที่ทั้งคู่เดินเข้ามาในล็อบบี้ของโรงแรม

คนกำลังเล่นน้ำเพลินๆ แท้ๆ จู่ๆ ก็โดนลากตัวเข้าบ้าน ถูกบังคับให้อาบน้ำ แล้วจับขึ้นรถแบบไม่ยอมถามความสมัครใจ

...ช่วยไม่ได้ที่เซฟิรอธจะออกอาการ งอนตุ๊บป่อง มาตลอดทาง

“นั่นสายจนจะเที่ยงอยู่แล้ว..ไม่ได้เช้าสักหน่อย แล้วใครล่ะที่เล่นน้ำจนตัวซีดไปหมด มื้อเช้าก็เรียกแล้วเรียกอีกก็ไม่ยอมกลับขึ้นมากินซะที” คลาวด์เองก็สวมบทพี่เลี้ยงใจร้าย ไม่ยอมตามใจแบบทุกครั้งเหมือนกัน

... ทำเป็นอ้างโน่นอ้างนี่ไปสารพัด ทั้งๆ ที่จริงแล้ว ....

... คลาวด์รู้ดี

....เขากลัวใจตัวเองต่างหาก


“คลาวด์ นั่นคลาวด์ ใช่มั้ย”

ที่เก้าอี้นวมมุมห้อง หญิงสาวผมดำยาวคนหนึ่งโบกมือพร้อมส่งยิ้มมาให้ ท่าทางจะนั่งจิบกาแฟอยู่ก่อนที่คนทั้งคู่จะเข้ามา

รอยยิ้มกระจ่างบรรจงแต่งแต้มบนริมฝีปากบางและในดวงตาสีฟ้า คลาวด์ยิ้มกว้างพลางโบกมือตอบด้วยความยินดีอย่างยิ่ง

“ทิฟ่า”

........................................


แง้ว...ครึ่งนึงก่อนนะคะ ทีแรกกะจะให้ตอนเดียวจบ แต่แต่งไปแต่งมากลับยืดจนต้องแบ่งออกเป็น 2 ตอนซะงั้น แถมชีวิตคนเขียนตอนนี้งานเข้าเยอะเอาเรื่อง ถึงจะยังพอแวบมาปั่นฟิคได้ แต่คงช้าหน่อยนะคะ

สารภาพตามตรงว่าเรื่องนี้เขียนยากมาก ยากจริงๆ (หรือเพราะคนเขียนมือไม่ถึงซะก็ไม่รู้) คงเพราะบุคลิกของตัวละคร อย่างเซฟจังที่(แอ๊บ)เด็กนี่ นึกภาพแทบไม่ออก แต่คิดไปคิดมาคงประมาณนี้ได้ ส่วนคลาวด์คุง..ถ้าไม่ติดว่าพูดเยอะไปหน่อย คิดว่าไม่น่าผิดไปจากต้นฉบับมาก 555+

ที่ยากอีกอย่างคือฉากค่ะ เพราะจะไล่เหตุการณ์ตามวันเลยใช้สถานที่เปลือง พอไปหลายๆ ที่เข้าเลยต้องตัดซอยเป็นฉากย่อยๆ เดี่ยวคลินิก เดี๋ยวโรงแรม เดี๋ยวร้านค้า เดี๋ยวทะเล เวลาอ่านคงสะดุดกันเป็นช่วงๆ อันนี้ต้องขอโทษด้วยค่ะ ไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ (คิดว่าถ้าวาดเป็นโดจินน่าจะดีกว่า แต่...เค้าตกศิลปะง่ะ)

ที่สำคัญที่สุดอีกอย่าง...คือ “ฉาก” ค่ะ ฟิคนี้ถึงเนื้อถึงตัวกันตลอดแถมมีฉากบนเตียงด้วยนะ 555+/โดนคนอ่านขว้างอะไรใส่หัว (เขียนแบบนี้อย่าเขียนดีกว่า)

ใครจะคอมเมนต์คุย ติ ชม เสนอแนะ ให้กำลังใจ ฯลฯ เชิญได้เลยค่ะ

ปล. คอมเมนต์ของ Blue bonding จะขอแยกไปตอบในตอนต่อไปของเรื่องนะคะ คิดว่าถ้าตอบในฟิคนี้อาจจะงงกันได้น่ะ

4 ความคิดเห็น:

  1. ชิน3/12/2555

    อ่านฟิคนี้แล้วแทบลงไปดิ้นกับพื้นแน่ะค่ะ น่ารักจัง เขินมาก >//<

    เซฟิรอธแอ๊บเด็ก 555+ กะจะงาบผู้ใหญ่เหรอจ๊ะ เซฟเอ๊ย...
    (แต่แอบนึกทีแรกว่าคลาวด์จะเป็นฝ่ายรุกบ้าง สุดท้ายแล้ว แม้เมะจะย้ายร่างตัวเองมาสถิต ทำตัวแอ๊บเด็ก ก็มิวายยังเป็นฝ่ายรุกอยู่ดี แถมมีโอกาสรุกแบบไร้ความผิดซะด้วย /เขาคิดว่าเซฟเป็นเด็กน้อยไร้(ร้าย)เดียงสา)

    ติดใจตรงจุมพิตปลุกเจ้าหญิงจากนิทรานี่แหละ (55) นั่นจงใจชิมิ ชิมิ ยอมรับมาซะดีๆนะเซฟ นายน่ะมันสมิงห่มหนังแกะ

    ทีฟาโผล่มาให้เซฟหึงเล่นๆ (?) รออยู่นะคะ สนุกมากมาย

    ปล. คลาวด์คุงเป็นฝ่ายรับนี่ล่ะ ดีที่สุด
    ปลล. รีบๆโตเข้าล่ะ หนูเซฟ...

    ตอบลบ
  2. ชิน3/12/2555

    (ความคิดเห็นไม่ขึ้น T^T งั้นพิมพ์ใหม่)

    ฟิคเรื่องนี้น่ารักมากๆ อ่านไปเขินไป >//<

    ตอนแรกๆ นึกว่าคลาวด์คุงจะเป็นฝ่ายรุก (555+) เพราะเห็นเซฟจังย้ายตัวเองไปอยู่ในร่าง(แอ๊บ)เด็ก แต่ถึงจะเด็กมือไม้ก็ยังไปไวเหมือนเดิม (ฮา)

    พออ่านๆดูถึงรู้ว่านี่มันสมิงห่มหนังแกะชัดๆ! คลาวด์คุงที่ไม่รู้อะไรคิดว่าเซฟจังเป็นแค่เด็กไร้(ร้าย)เดียงสา

    แบบนี้ต่อให้ถูกจับกด คงไม่คิดว่าตาหนูมันเลียนแบบทีวีหรอกนะ =[]=" ไม่งั้นหนูคลาวด์ก็คงซื่อ(บื้อ)เกินไปแล้วววว 55+

    ชอบ "จุมพิตปลุกเจ้าหญิงจากนิทรา" มากๆ หรือเป็น "จูบรับอรุณดี" มันทำให้คิดว่า 10 ขวบของเซฟนี่อาจจะเท่ากับ 40 ขวบปีบนโลก (แอบคิด)

    อัพต่อนะคะ รออ่านอยู่ สนุกมากมาย

    ปล.คลาวด์คุงเป็นฝ่ายรับนี่สิดีที่สุด

    ปลล. โตเร็วๆนะเซฟคุง จะได้กอด(และกด)คลาวด์ได้ถนัดๆ
    (ถึงไม่โตเราก็มั่นใจว่าเซฟจังก็รุกหนูคลาวด์ได้อยู่แล้ว 55)

    ตอบลบ
  3. (เม้นท์ 2คห.แล้ว คห.ไม่ขึ้นค่ะ เม้นท์ใหม่)

    อ่านฟิคนี้จบแล้วรู้สึกเขิน น่ารักมาก >//<

    ตอนแรกๆ นึกว่าหนูคลาวด์จะเป็นฝ่ายรุกซะอีก เพราะเห็นท่านเซฟย้ายร่างไปทำตัว(แอ๊บ)เด็ก นึกภาพท่านเซฟคงน่ารักน่าดู..

    แต่ที่ไหนได้ อ่านๆไป เซฟจังนี่สมิงห่มหนังแกะชัดๆ! คลาวด์ลูกแม่เอ๋ย.. หนูต้องเปลืองตัว(?)เพราะความซื่อและความไร้(ร้าย)เดียงสาของเด็กตาเขียวๆใช่ไหม แถมยังไม่รู้ตัวอีก เด็กน่ะมันร้ายยยยย...นะ

    ชอบ "จุมพิตปลุกเจ้าหญิงจากนิทรา" หรือ "จูบรับอรุณ" ดีจัง มันทำให้รู้ว่าอย่าไปดูหน้าตาของเซฟ ดูสปิริตความกร้านโลกดีกว่า ไม่แน่.. 10 ขวบที่โปรยๆมาอาจเป็น 40 ขวบปีโลกมนุษย์ (55)

    อัพต่อนะคะ คลาวด์คุงรับนี่แหละดีที่สุด

    ปล. เซฟจังรีบๆโตเข้าล่ะ

    ตอบลบ
  4. อ่านฟิคนี้แล้ว น่ารักมาก เขินจัง >//<

    ตอนแรกนึกว่าคลาวด์คุงจะเป็นฝ่ายรุก (กินเด็ก) ซะอีก ก็เห็นท่านเซฟย้ายตัวเองไปอยู่ในโหมดแอ๊บเด็ก...

    แต่ที่ไหนได้ นี่มันสมิงห่มหนังแกะชัดๆ! คลาวด์คุงถูกความแอ๊บบังตาทำให้มองไม่เห็นว่าเด็กนี่น่ะร้ายยยยยย

    ชอบ "จุมพิตปลุกเจ้าหญิงจากนิทรา" มั่กๆ >< (หรือเป็นจูบรับอรุณดี) มันทำให้เรารู้ว่าถึงจะสิบขวบก็รุกได้ 555+
    (บางทีก็แอบคิดว่าแท้จริงแล้วที่ว่า 10 ขวบนั้น อาจหมายถึง 40 ปีบนดาวโลก)

    อัพต่อไวๆนะคะ รออ่านด้วยความลุ้น

    ปล. คลาวด์คุงเคะสิดีที่สุด แต่ฟิคเซฟคลาวด์ช่างหายากเหลือแสน T^T
    ปลล. รีบโตเข้านะเซฟจัง จะได้กอด(กด)คลาวด์ได้ถนัดๆ (แม้ไม่คืนร่างเดิม อันที่จริง...เชื่อว่าท่านก็มีความสามารถพอ 555)

    ปลลล. นี่เป็นเม้นท์ที่ 4 แล้ว เสี่ยงดวงว่าจะขึ้นหรือเปล่า ถ้า 3 เม้นท์เดิมมันขึ้นอย่าว่าข้าน้อยนะ ข้าน้อยอยากเม้นท์ให้ติดง่ะ >3<)O

    ตอบลบ