Pairing : ไม่มีจ้ะ (แต่โปรดสังเกตท่าน “ชิออนกับมู” นิสสสส์นึง)
Disclaimer : ตัวละครเป็นลิขสิทธิ์ของ อ.masami kuromada ค่ะ ตอนเขียนก็แค่อยากลองว่าถ้าเอาโกลด์เซนต์รุ่นแคนวาสมาเจอกับโกลด์เซนต์ภาคออริจินัล มันจะเป็นยังไงนะ
Intro : อ่านเอาเองละกันเน้อ..........
-----------------------------------------------------------------------
...ผู้ยิ่งใหญ่เหนือเซนต์ทั้ง 88 แห่งอาเธน่า คือ “เคียวโก”
...มนุษย์ผู้จะเป็นเคียวโกได้ นอกจากจะเป็นเซนต์ที่มีคุณธรรมแล้ว...ยังต้องรู้เท่าทันความคิดของเหล่าเทพจิตผิดปรกติทั้งหลายก่อนล่วงหน้าเสมอ
....ทุกวันนี้ แซงค์ทัวรีมีแต่ความสงบสุข
ตำแหน่งเคียวโก...อาจไม่จำเป็นต้องมีอีกแล้วก็เป็นได้
หรือไม่ก็....
เขาควรรีบเกษียนตัวเองอีกที ยกภาระหน้าที่อันแสนวุ่นวายให้พวกเด็กรุ่นใหม่
แล้วจรลีหนีหายไปหาที่สงบๆ อยู่คนเดียวเงียบๆ
“เฮ้อ”
แอเรียส
ชิออนที่รีเทิร์นมาเป็นเคียวโกอีกครั้งหลังสงครามศักดิ์สิทธิ์จบสิ้นลงถอนใจยาวพลางยกมือขึ้นกุมขมับ
วันนี้ประกายดวงดาวบนท้องฟ้าเหนือสตาร์ฮิลล์ช่างพร่างพรายเจิดจ้ายิ่งกว่าทุกวัน
....
....
แต่...
....
....
ทำไมกลับอ่านวิถีดาราไม่รู้เรื่อง !!!!!!
จะนั่งดู ยืนดู นอนดู ตะแคงดู ตีลังกาดู
จะดูท่าไหนยังไงก็อ่านไม่ออก
จะดูแล้วดูอีก ดูแล้วดูเล่า ดูยังไง ก็ยังอ่านไม่ได้
...
ว้อย....อยากจะบ้า
มันเกิดอะไรขึ้น....!!!!!
...
...ไม่รู้จะโทษว่าท้องฟ้ามีปัญหา
หรือจะยอมรับแต่โดยดีว่าตัวเองแก่ชราและสายตาสั้นจนมองเห็นไม่ชัดกันแน่
...
...
....คิดแล้วก็เศร้าใจนัก เฮ่ออออออ......
....
....
....แวบบบบบบบบบ........
...
พลันลำแสงสว่างจ้าก็สาดเข้าใส่จนนัยน์ตาพร่าพรายไปชั่วขณะ
สักพักพอกำลังจะหายมึนพลังไซโคคิเนซิสของใครสักคนที่แสนคุ้นเคยก็พุ่งตรงเข้ามาใกล้
...มู?
...ไม่ใช่
“อาจารย์ปู่.......” เสียงเจ้าแกะกิกิดังลั่นมาก่อนเห็นตัว
พอเห็นหน้าก็โผผวาเอาปัญหามาโยนใส่ให้ทันที “ที่แซงค์ทัวรี่ตอนนี้มีคนแปลกๆ
เต็มไปหมดเลย ท่านมูกำลังรับหน้าอยู่ที่วิหารเคียวโก ‘จารย์ปู่รีบกลับไปด้วยกันเหอะ”
...นั่น เอาเข้าแล้วไงล่ะ ถึงว่าทำไมตาซ้ายกระตุกไม่ยอมเลิกตั้งแต่เมื่อกลางวัน
“‘จารย์ปู่อ้ะ……” เจ้าแกะจิ๋วปราดเข้ามาคว้าหน้ากากเคียวโกไปถือ
อีกมือก็กระตุกชายเสื้อคลุมตัวยาวไม่ยอมเลิก ปากก็ส่งเสียงเร่งยิกๆ “จารย์ปู่…รีบไปเร็วเข้า”
“รู้แล้ว ไปๆ” เคียวโกแอเรียส ชิออนแอบถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่ก่อนสะบัดชายเสื้อให้เข้าที่
จับมือกิกิไว้ แล้วเร่งพลังคอสโม
....เห็นทีการหนีไปอยู่คนเดียวเงียบๆ ซะพรุ่งนี้มะรืนนี้
อาจจะเป็นไอเดียที่แสนจะเวรี่โอเคเก๋กู้ดที่สุดเลยก็ได้มั้งเนี่ย
………………
ทันทีที่เท้าสัมผัสพื้นหินหน้าวิหารเคียวโก บรรยากาศอึมครึมชวนอึดอัดพานให้หายใจไม่ออกก็ประดังกันเข้ามาจากทั่วทุกสารทิศ
แม้นัยน์ตาสีอเมทิสต์จะพยายามเขม้นมองไปในความมืดจนเห็นแซงค์ทัวรีผุๆ พังๆ แห่งนี้ได้ทั่วทั้งหมด
แต่ก็ยังไม่พบอะไรที่ผิดปรกติไปจากเดิม
บริเวณโดยรอบยังคงความสงบเงียบไม่ต่างจากที่เคยเป็น
...แสงไฟสว่างตามทางเดิน บันได กระทั่งภายในแต่ละวิหารก็ช่วยให้ใจชื้นขึ้นมาได้(หน่อยนึง)
แต่...พอหมุนตัวเดินเข้าไปในวิหารเคียวโกตามหลังเจ้าแกะกิที่วิ่งปร๋อเข้าไปก่อนหน้าแล้วนั้น
เสียงเรียกชื่ออันแสนคุ้นเคยก็ดังขึ้น
“ชิออน”
“!?”
ภายใต้แสงสว่างจากคบไฟบนผนัง
ร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อคลุมยาวที่ยืนพิงขอบหน้าต่างก็ค่อยๆ หันมาช้าๆ ผมสีเทาเงินยาวสยายปลิวตามแรงลมจนระใบหน้า
แต่ถึงอย่างนั้น.....
“อาจารย์ !?”
ชายเบื้องหน้าที่ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานสักแค่ไหน ยังไงก็ไม่มีทางลืมได้
แต่....มันจะเป็นไปได้ไงล่ะ
...ในเมื่อ
“โตขึ้นเยอะนะ” ‘อัลทาร์ ฮาเครย์’ กวาดตามองศิษย์รักแล้วแย้มยิ้ม “สูงขึ้น แล้วก็สวยขึ้นด้วย”
“อะ..ครับ” ลูกศิษย์ที่อายุเกิน 200 ปีไปไกลพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ได้แต่อึ้งกับประโยคทักทายที่ฟังยังไงก็ทะแม่งๆ
“ว่าแต่ทำไม....”
“ใจร้ายจังนะ ไม่เห็นทักทายฉันสักคำ”
ยังพูดไม่ทันจบแท้ๆ แต่เสียงใครสักคนที่ยืนอยู่ใต้เงาเสาต้นใหญ่ที่ทอดยาวออกไปถึงมุมห้องกลับขัดขึ้นพร้อมขยับเดินออกมาให้เห็นตัว
“เคียวโก !?”
“อือฮึ” แคนเซอร์ เซจ แฝดน้องของฮาเครย์พยักหน้ารับก่อนหันไปทางแฝดพี่ที่ยืนยิ้มแป้นอยู่ใกล้ๆ
“ไม่ว่าเมื่อไหร่..ชิออนของนายก็น่ารักกว่าเจ้ามานิกอลล์ของฉันตลอด”
“ของมันแน่อยู่แล้ว” ผู้เฒ่าฮาเครย์หัวเราะร่าพลางเอามือฟาดไหล่ศิษย์รักปั่บๆ
แล้วขยับตัวให้มูที่ยกถาดใส่ถ้วยน้ำชาเข้ามาเสิร์ฟ “นี่..หลานศิษย์ของฉัน..โกลด์เซนต์แอเรียสรุ่นปัจจุบัน
แล้วนั่นก็เจ้าแกะตัวเล็ก....อืม...แบบนี้ฉันก็ได้เป็นอาจารย์ทวดแล้วสิ”
“แย่ เจ้ามานิกอลล์มันแย่ แย่...แย่ที่สุด”
ท่าทางเซจจะยัวะศิษย์เอกที่มีอยู่กับเขาคนเดียวน่าดู “เพราะเจ้านั่นมันไม่ได้ความ
ตระกูลปูสายตรงของฉันเลยไม่มีเหลือ”
“ทำไมท่านทั้งสองถึงได้มาอยู่ที่นี่ในเวลานี้ล่ะครับ”
ในที่สุดชิออนก็ทนไม่ไหว
ยอมเสียมารยาทถามมันทะลุกลางปล้องก่อนที่ท่านผู้อาวุโสทั้งสองจะไล่เลียงลำดับสายตระกูลยืดยาวไปมากกว่านี้
“ไม่รู้สิ”
ผู้เฒ่าทั้งสองส่ายหน้าไปมาพลางประสานเสียงตอบกันอย่างพร้อมเพรียง
“อยู่ๆ ทุกอย่างรอบตัวก็สั่นสะเทือนเคลื่อนไหวโดยไม่มีสาเหตุ
จากนั้นอีกอึดใจต่อมาก็มาอยู่ที่นี่แล้ว
“เห?”
“ไม่ใช่แค่เราสองคนเท่านั้นนะ” สองผู้เฒ่าฉีกยิ้มแอ๊บใสซื่อ
“อาเธน่าก็ด้วย อยู่ตรงโน้นไง”
“หา!”
หัวใจกระเด็นตกลงไปหยุดเต้นอยู่แถวตาตุ่ม....เพราะความคิดมัวแต่จดจ่ออยู่กับคนสองคนตรงหน้า
ชิออนเลยไม่ทันรู้สึกถึงใครอื่นที่อยู่ใกล้ๆ ...ว่าในห้องโถงกลางของวิหารอาเธน่าที่อยู่ถัดไป
“ซาช่า...อาเธน่าในอดีต” กับ “คิโดะ ซาโอริ...อาเธน่าคนปัจจุบัน” กำลังยืนประจันหน้ากันอยู่อย่างไม่มีใครยอมใคร....ต่างคนต่างเตรียมพร้อมตั้งท่ากระชับคทาไนกี้สีทองในมือมั่น
คอสโมแห่งเทพชั้นสูงที่ไม่แตกต่างกันของทั้งสองคนต่างพวยพุ่งรุนแรงแล้วกระจายออกเป็นวงกว้าง
เตรียมเข้าปะทะกับฝ่ายตรงข้ามแบบไม่ยั้ง
...สงครามศักดิ์สิทธิ์ระหว่างอาเธน่ากับอาเธน่า
แค่คิดก็อยากจะบ้า
“พนันกันมั้ยว่าใครจะชนะ” ฮาเครย์เริ่มวางเดิมพัน
“ใครเดาผิด..กลับไป...ต้องตรวจงานเอกสารแทนคนเดาถูก 3 เดือน”
“เอาสิ” เซจรับมุกแฝดพี่ “เดาว่าเป็น.....”
“หยุดเลยครับ” ชิออนที่พยายามประคองสติที่ใกล้จะแตกเต็มทีเอาไว้เลยเผลอตัวขึ้นเสียงใส่
สมองเร่งคิดเร็วจี๋หาหนทางยุติสงครามเทพีมหาวินาศตรงหน้า
...เพราะอยู่ไกลกันคนละวิหาร
จะวิ่งไปห้ามคงไม่ทันการ
...อย่ากระนั้นเลย คงต้องใช้ไม้ตายขั้นสุดยอดซะแล้ว
“ทั้งสองคน..ถ้าทะเลาะกันล่ะก็” เคียวโกคนปัจจุบันถลาพรวดเดียวไปยืนเกาะข้างบันไดเชื่อมต่อวิหารแล้วตะเบ็งเสียงลั่นๆ
เอาให้ได้ยินกันถนัดทั่วทั้งแซงค์ฯ “ค่าเสียหาย ค่าซ่อมแซม ค่าปรับ ค่าทำขวัญ
ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย ค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าโทรศัพท์ 3g อินเทอร์เน็ต
และดอกเบี้ยเงินกู้จะเก็บจากทั้งสองคน คนละครึ่ง”
สองอาเธน่าชะงักไปนิด.......... ก่อนจะมองสบตา เมินหน้าใส่กันแล้วค่อยสะบัดกระโปรง
เดินเริ่ดๆ เชิดๆ แยกย้ายกันไปนั่งพักจิบชาบนเก้าอี้คนละมุมวิหาร
...อาเธน่าของแท้ ต้องมีสำนึกรักศักดิ์ศรี(บ้าง)และต้องมีเกลือละลายในสายเลือดมากพอสมควร
โล่งใจได้ไม่ถึงหนึ่งนาที ก็มีเรื่องใหม่มาให้กลุ้มใจต่อ
“น่าประทับใจ สมแล้วที่เป็นชิออนของฉัน”
ฮาเครย์ยิ้มชื่นชมพลางปรบมือให้ “วิธีนี้ใช้กับอาเธน่าได้ผล
แต่กับอีกสิบคนที่เหลือนี่...ท่าจะยาก.........”
“มะ....มะ....หมายความว่า....เจ้าพวกนั้น.....เจ้าพวกนั้นก็
โอ๊ย!
.... ” ชิออนปวดหัวจี๊ดดดดดขึ้นมาทันที
“ถ้าสาเหตุของเรื่องนี้คือมิติเวลาที่บังเอิญหมุนมาซ้อนทับกันแล้วล่ะก็....โกลด์เซนต์คนอื่นๆ
ก็ต้องกลับมาอยู่ตามวิหารของตัวเองด้วย” เซจพยักหน้ารับ แม้น้ำเสียงจะดูเป็นกังวล
แต่ก็เจือปนด้วยความสนุกสนานอยู่ไม่น้อย “โกลด์เซนต์สองคนคงอยู่วิหารเดียวกันได้ล่ะนะ”
“ไม่แน่ โกลด์เซนต์สองเจนเนอเรชันอุตส่าห์ได้มาเจอกันทั้งที..”
ฮาเครย์เลิกคิ้วให้ชิออนที่ยืนหน้าซีด ตาลาย คล้ายจะเป็นลมเต็มทีแล้วหัวเราะเบาๆ “นี่ก็เพิ่งซ่อมแซงค์ฯ
หลังยุติสงครามศักดิ์สิทธิ์ไปได้ไม่นานนี่นะ
ระยะนี้แค่ระวังไม่ให้บัญชีติดตัวแดงก็แทบแย่แล้ว ถ้าเกิดสงครามพันวันของโกลด์เซนต์สิบคู่ขึ้นมาจริงๆ
มีหวัง.......”
“แซงค์ฯ จะพังแหล่มิพังแหล่นี่คงต้อง “ล้มละลาย”
ไม่มีเหลือ” เซจช่วยเติมประโยคที่หายไปให้สมบูรณ์ จากนั้นสองผู้เฒ่าที่ใจตรงกันก็หันมาฉีกยิ้มให้กันเอง
“เนอะ!”
….ล้มละลาย ….ล้มละลาย ….ล้มละลาย
….ล้มละลาย
คงไม่มีอะไรทำให้เคียวโกอย่างแอเรียส
ชิออนหวาดกลัวสุดขั้วหัวใจได้เท่ากับคำๆ
นี้ที่ดังก้องไปในสมองแถมยังสะท้อนไปมาราวจะหลอกหลอนให้เสียสติ
แล้วเรื่องอะไรจะยอมนิ่งอยู่เฉยๆ รอให้เจ้าพวกบ้านั่นก่อเรื่องขึ้นมา
....ไม่
.....ไม่
.....ไม่ทีทางเด็ดขาด
“ท่านเซจ อาจารย์ครับ ผมมีเรื่องจะขอร้อง”
“ไม่ล่ะ เหนื่อย” ฮาเครย์ปัดความรับผิดชอบพร้อมเมินหน้าไปอีกทางซะงั้น....แบบว่ารู้ทันว่าศิษย์รักจะขออะไร
“ถ้าจะให้ไปสำรวจตรวจตราตามวิหารทุกวิหารล่ะก็..ขอบาย”
“อาจารย์อะ.....” ลูกศิษย์หน้างอ
พอหันไปหาอดีตหัวหน้าก็กลายเป็นว่า....
“เราสองคนแก่ปูนนี้แล้ว ต้องรักษาพลังงานไว้ ยิ่งมีน้อยๆ
อยู่ด้วย” เซจพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วยพลางรินน้ำชาเติมให้แฝดพี่แล้วค่อยรินใส่ถ้วยตัวเอง
“เจ้าสองคนแน่ะ” ฮาเครย์ยกถ้วยชาขึ้นจิบแล้วพยักเพยิดไล่ “รีบๆ
ไปลาดตระเวนดูเหตุการณ์ตามแต่ละวิหารสิ พ่วงเจ้าแกะจิ๋วนั่นไปด้วยอีกตัวก็ได้ เราสองคนจะคอยเฝ้าวิหารเคียวโกกับดูแลอาเธน่าไว้ให้”
...ใจร้ายที่สุด ทั้งอาจารย์ทั้งเคียวโกเลย...
...เอาฟะ ช่วยไม่ได้
ชิออนที่ออกอาการหงุดหงิดแบบไม่ปิดบังสะบัดหน้าพรืดก่อนจะฮึดสู้ขึ้นมา
“มู...เอาน้ำชากับขนมมาเพิ่ม ส่วนกิกิ...จัดเต็มของว่างแล้วเอาไปเสิร์ฟที่วิหารอาเธน่า
เสร็จแล้วรีบตามอาจารย์มาเร็วๆ”
อึดใจต่อมา...แกะ 3 ตัวก็มาอยู่ที่หน้าประตูแซงค์ทัวรีกันอย่างพร้อมเพรียง
ในความมืดเบื้องหน้าคือวิหาร 12
ราศีที่ไม่รู้ว่าโกลด์เซนต์ที่ประจำการอยู่ข้างในจะเป็นตายร้ายดียังไงกันบ้าง
...เอาล่ะ ถ้ามันจะเกิดเหตุฆ่ากันตายกลางแซงค์ฯ
ก็ให้มันเกิดขึ้นและจบลงแค่ตรงนี้
“คริสตัล ว......”
“เดี๋ยวก่อน!!!!!~~~~~”
เสียงห้ามดังลั่น ได้ยินชัดก่อนเห็นตัว
“มานิกอลด์?”
ชิออนอุทานลั่นเมื่อเห็นร่างของโกลด์เซนต์แคนเซอร์รุ่นก่อนค่อยๆ
เดินลอยหน้าลอยตาตรงเข้ามาหา
“เจ้าแช่ม?”
มูเองก็ร้องทักแคนเซอร์ เดธมาส์ก โกลด์เซนต์รุ่นปัจจุบันมั่งเหมือนกัน
ปู 4 ขา 2 ตัว เอ้ย...
โกลด์เซนต์แคนเซอร์ 2 คน เดินกอดคอกันมาจากวิหารปูยักษ์
“ไง ไม่เจอกันนานนะจ๊ะ คนสวย” พอเห็นหน้า มานิกอลด์ก็ยักคิ้วหลิ่วตาให้
“แต่ขืนทำหน้านิ่วคิ้วผูกโบแบบนี้บ่อยๆ เดี๋ยวก็หมดสวยกันพอดี อืมมม.....คนข้างๆ
นี่ก็สวยดีนะ แต่ยังสู้นายไม่ได้”
“หุบปากไปซะ” แกะอารมณ์ไม่ดีกระชากเสียงใส่สมใจปูชอบยั่วโมโหที่เอาแต่หัวเราะหึๆ
แต่ยังไม่ทันจะได้แซวอะไรต่อ...ชิออนก็ถามขึ้นห้วนๆ
“จะไปไหนกัน”
“ฉันกับรุ่นน้องจะออกไปก๊งเหล้าข้างนอกกันหน่อย” มานิกอลด์หันไปฟาดผัวะลงบนหัวคนที่เดินตามหลังมาป้าบใหญ่
“ไหนๆ มีโอกาสได้เจอกันทั้งที จริงมั้ย ไอน้อง”
“ใช่เลย....ลูกเพ่” นายปูแช่มหน้าตากระหยิ่มยิ้มย่อง
ยกศอกกระทุ้งแรงๆ ตอบกลับไปสองสามที “เด๋วน้องแช่มจะพาเพ่ไปที่เจ๋งๆ เอง
วางใจได้เลย”
“งั้นไปนะคนสวย พี่กลับพรุ่งนี้เช้าเลยนะน้อง คืนนี้ไม่ต้องรอนะจ๊ะ”
เพื่อนเก่าตัวดียังไม่เลิกวอนหาเรื่องด้วยการส่งจูบกวนประสาทมาให้ขณะเดินลอยชายออกประตูไป
เรียกเสียงตวาดแว้ดดังลั่นจากคนที่เหลืออดเหลือทนแล้วตามไล่หลัง
“ไอปูบ้า จะไปไหนก็ไปเลยไป ไปให้พ้นซะเร็วๆ ก่อนที่ฉันจะหมกแกไว้หน้าแซงค์นี่”
ชิออนยัวะกระจาย “เดธมาส์ก..ดูแลมานิกอลด์ดีๆ อย่าให้ก่อเรื่อง ....เหะ..ไม่ใช่...มานิกอลด์ดูแลรุ่นน้องดีๆ
ด้วยล่ะ ...แต่คิดที....... โอ๊ย!...เออ พวกเอ็งสองคนจะไปไหนก็รีบไปเลย
ดีเหมือนกัน..ถ้าเมาแล้วก่อเรื่องทะเลาะแล้วฆ่ากันตายข้างนอกจะได้ไม่เปลืองค่าขนย้ายกับค่าทำศพ
เฮอะ...”
เสียงโวยวายใส่เป็นชุดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนอาจดำเนินต่อไป
ถ้าไม่เหลือบไปเห็นแกะอีก 2 ตัวที่ยืนจ้องมาตาแป๋วซะก่อน
“อื้ม..เอาล่ะนะ ” ชิออนกระแอมเบาๆ
ด้วยความเขินก่อนปรับเข้าโหมดเคียวโกอีกครั้งแล้วใช้คริสตัล วอลล์ผนึกประตูทางเข้าออกแซงค์ทัวรี่ไว้
“มู...เดี๋ยวไปตรวจดูตามวิหารด้วยกัน ส่วนกิกิเฝ้าอยู่ตรงนี้ อย่าให้ใครเข้าออกทั้งนั้น”
“คะ...คร้าบ” เจ้าแกะจิ๋วหน้าตาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็ยังฝืนทำใจกล้ารับคำสั่ง
เล่นเอาประมุขแกะอดเห็นใจไม่ได้
“ไม่เป็นไรน่า” อ้อมกอดอบอุ่นโอบเข้ารอบตัวหลานศิษย์แล้วลูบผมสีน้ำตาลสั้นๆ
ยุ่งๆ เบามือ “เมื่อกี้โทรจิตถึงโดโกแล้ว บอกว่าให้มาเอา ‘ขนมเปี๊ยะ’ ของโปรด รับรองไม่นานเดี๋ยวหมอนั่นก็จะรีบแจ้นมา
โอเค๊...”
จากนั้นก็ส่งยิ้มให้กิกิที่ค่อยหน้าชื่นขึ้นนิดนึง
ก่อนจะหันมาพยักหน้าให้แกะตัวโตกว่าแล้วออกวิ่ง
“ไป...มู”
เริ่มต้นวิหารแรกก็เบาใจได้ว่าไร้ปัญหา
ในเมื่อทั้งเขาและมู....เอ๋! จากหน้าประตูแซงค์ฯ ตรงมาวิหารแอเรียสแค่นี้
ทำไมมูยังไม่ตามมาอีก”
“มู?”
ชิออนชะงักเท้าก่อนหมุนตัวกลับมาส่งเสียงเรียก สักพักมูก็ก้าวยาวๆ
ตามมาหยุดยืนอยู่ข้างๆ พลางทำหน้าตาจืดจ๋อยอย่างน่าสงสาร เหมือนสมัยก่อนที่เวลาฝนตกฟ้าร้องเสียงดัง
เด็กชายเล็กๆ คนนึงจะวิ่งหน้าตื่นตรงรี่เข้ามากอดเอวเขาไว้แน่นแล้วหลับตาปี๋ไม่มีผิด....ท่าทางแบบนี้จึงแปลความหมายง่ายๆ
ได้ว่า
...อยากให้กอดมั่งอะ กอดเขามั่งสิ
“โตแล้วนะ ได้เป็นโกลด์เซนต์แล้วด้วย” ชิออนขมวดคิ้วพลางดุเบาๆ
จะเพราะเป็นศิษย์อาจารย์ที่รักกันมาก เพราะใจสื่อถึงกัน
หรือจะเพราะอะไรก็ช่าง ช่วยไม่ได้ที่ชิออนจะเข้าใจปฏิกิริยา ‘ดื้อครองโลก’ ของมูได้ชัดแจ๋ว
...แต่ก็ยังอยากให้กอดอยู่ดีนี่นา กอดเค้าหน่อยนะ
นะ
“งั้นก็ตามใจ” ชิออนทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก่อนเริ่มต้นออกวิ่งอีกครั้ง
“ล่วงหน้าไปก่อนล่ะ”
ออกจากวิหารแกะขาวลงบันไดเชื่อมต่อไปวิหารวัวทองได้ครึ่งทาง
แม้มูจะเร่งฝีเท้าจนเข้ามาอยู่ใกล้ๆ แต่อาการน้อยอกน้อยใจยังเหมือนเดิม
....ใจแข็งไว้
...อย่ายอมแพ้ง่ายๆ
...มูไม่ใช่เด็กแล้ว อย่าตามใจ
แม้จะย้ำกับตัวเองด้วยการท่องประโยคเหล่านั้นซ้ำไปซ้ำอยู่มาในใจ
แต่พอเหลือบมองไปเห็นใบหน้าเศร้าๆ หงอยๆ นั่น หัวใจมันก็วูบไหวอย่างบอกไม่ถูกทุกครั้ง
...
...
“นุ่มจัง”
เสียงพึมพำเบาๆ จากร่างที่อยู่ในอ้อมแขนฟังไม่ค่อยถนัด เพราะทันทีที่สัมผัสถึงความอบอุ่นที่เข้าโอบล้อม
มูก็ซุกหน้าลงแนบแก้มเข้ากับหัวไหล่ของอีกฝ่ายทันทีแล้วค่อยๆ หลับตาลง
....กลิ่นหอมของแสงแดดยามเช้าแสนอบอุ่นผสมกับกลิ่นสมุนไพรอ่อนๆ
อวลอยู่รอบๆ ...ไม่ต่างไปจากเมื่อก่อน
“เลิกงอแงได้แล้วนะ”
ชิออนยิ้มจางๆ พลางกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นอีกนิด มองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขนั้นแล้วค่อยๆ
แทรกนิ้วเรียวไล่ไปตามเส้มผมสีอ่อนยาว นุ่มมือ ของเด็กน้อยที่เคยดูแล แต่บัดนี้เติบโตสูงใหญ่และสง่างามอย่างน่าภูมิใจ
...รู้สึกแปลกๆ นิดหน่อย
เหมือนกระแสอะไรบางอย่างที่ไม่คุ้นเคยทำให้หัวใจเต้นไม่ค่อยตรงจังหวะเท่าไหร่ ...แต่ก็...ช่างมันเถอะ
แต่แล้ว... อ้อมแขนที่กอดตอบหลวมๆ ก็กลับรัดแน่นเข้าๆ กว่าจะรู้ตัวก็ถูกกอดแน่น...แน่นจนขยับไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้ว
จนรู้สึกถึงความอบอุ่นของร่างที่อยู่เคียงข้างได้ชัดเจน
“มู ปล่อย..พอได้แล้ว” ชิออนทำหน้านิ่วก่อนจะเอ็ดเสียงหนักๆ
ตามด้วยคลายวงแขนออกแล้วขยับตัวเบาๆ ด้วยความอึดอัด....ต้องรออีกอึดใจใหญ่ๆ
นั่นล่ะ มูถึงจะค่อยๆ อ้อยอิ่งคลายอ้อมแขนออกบ้าง แต่พอเห็นใบหน้ายิ้มแฉ่งที่เงยขึ้นมองสบตาแล้ว...ยังไงก็โกรธไม่ลง
....รู้สึกไปเองหรือเปล่านะ
ว่า...ใบหน้าของมูค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้ ใกล้เข้ามา....ใกล้เข้ามาอีก ...ใกล้จนเห็นภาพของตัวเองสะท้อนเงาอยู่ในลูกแก้วสีฟ้าเขียวคู่นั้นได้ชัดเจน
...!? !? !? !?
….
….
....
แต่แล้วเสียงแปลกๆ ที่แว่วมาจากวิหารทอรัสก็ทำให้ชิออนขยับตัวหันขวับในวินาทีสุดท้าย
...แย่แล้ว เกิดอะไรขึ้นกับอันเดบารัน
พอหันกลับมา ก็เห็นมูถอนใจยาวเฮือกใหญ่แล้วคลายอ้อมแขนออกโดยง่ายก่อนจะช่วยจัดชายเสื้อคลุมตัวยาวให้เข้าที่เข้าทาง
“รีบไป.... มู!!!!!”
จังหวะที่หมุนตัวกลับ ขาที่กำลังจะขยับออกวิ่งกลับนิ่งงันเมื่อรู้สึกถึงปลายจมูกโด่งที่กดลงเบาๆ
ข้างแก้ม ตามด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ และเสียงฝีเท้าที่วิ่งนำหน้าไปก่อนอย่างร่าเริง
นิ้วเรียวแตะผิวแก้ม รอยสัมผัสยังอุ่น แล้วส่ายหน้า
...โตแล้วนะ ยังเล่นเป็นเด็กๆ อีก
เสียงแปลกๆ ในวิหารวัวทองดังมาจากห้องนั่งเล่นที่อยู่ด้านใน
ช่วยไม่ได้ที่แกะ 2 ตัวจะแอบมองจากรอยแยกข้างบานประตูแล้วพบว่า บนโต๊ะตัวใหญ่กลางห้องตั้งกระติกน้ำร้อนขนาดยักษ์
ข้างๆ กันเป็นถุงชา จานขนมปัง เนย เนยแข็ง
และกระปุกแยมสารพัดชนิดวางเรียงเต็มพิกัด ส่วนวัว 2 ตัว เอ้ย...โกลด์เซนต์ทอรัส 2
คนก็กำลังนั่งเอนอิงพิงโซฟา ตั้งวงน้ำชา กินขนม เมาท์มันสบายใจเฉิบ!!!!
“นี่...ทำจากลูกเบอรีป่าชั้นหนึ่งสูตรท่านชิออน
กินกับขนมปังนุ่มๆ อุ่นๆ รับรองอร่อยสุดๆ” อันเดบารันคนปัจุบัน หรือ ‘เอหนึ่ง’ ส่งกระปุกใส่แยมแฮนด์เมดสีส้มอมแดงให้อันเดบารันในอดีตรับมาเปิดออกดมกลิ่น
“อืม...หอมดี” อันเดบารันเมื่อ 200 ปีที่แล้วหรือ ‘เอสอง’ ยิ้มพอใจพลางเอาช้อนตักแยมออกมาป้ายบนขนมปังแล้วส่งเข้าปาก
“อือฮึ...อร่อย ชิออนนี่ใจร้ายชะมัด เมื่อก่อนไม่เห็นทำให้กินมั่งเลย
ชอบแต่ไปนั่งซดชากุหลาบที่วิหารพิชเชสตลอด”
“หือออออ....แล้วเมื่อ 200 ปีก่อน
ท่านชิออนเป็นยังไงมั่งล่ะ” เอหนึ่งเลียบๆ เคียงๆ ถาม
“เล่าแล้วเหยียบไว้เลยนะ” เอสองกระซิบกระซาบเสียงดัง “เรื่องหน้าตา
หมอนั่นติดอันดับหนึ่งในสามโกลด์เซนต์ขวัญใจชาวแซงค์ฯ...เวลาแอเรียส ชิออน พิชเชส
อัลบาฟิก้า กับเวอร์โก อัสมิตะ ปรากฏตัวพร้อมๆ กันที เสียงกรี๊ดงี้ถล่มทลาย”
“อาฮะ” เอหนึ่งพยักหน้าเห็นด้วยหงึกหงัก “ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นล่ะ”
“ให้ความรู้สึกคล้ายแกะที่วิ่งปรู๊ดไปทางโน้นทีทางนี้ที” เอสองยิ้มกับถ้วยชาในมือแล้วยกขึ้นซด “ทั้งที่แฟนคลับตรึม แต่เจ้าตัวกลับซื่อเกินจนเรียกว่าเซ่อเลยก็ได้มั้ง ไม่รู้อะไรกับเขาสักอย่าง....”
เมื่อข้อมูลลับ ลวง ลึกที่ทยอยถ่ายทอดเริ่มดุเด็ดเผ็ดมันมากขึ้นเรื่อยๆ
‘แกะ’ ที่แอบฟังอยู่ก็เริ่มมือไม้สั่น
แต่พอหันไปเห็นลูกแกะในปกครองส่งยิ้มขำๆ มาให้ก็จำใจฝืนยิ้มตอบกลับไปทั้งๆ ที่ยังกัดฟันกรอด
...หะเหย พูดให้มันดีๆ นะเฟ้ย เจ้าวัวตัวแสบ
ทำอะไรไม่เห็นแก่หน้าเพื่อนฝูงเลยจริงๆ
“อะไรอะ” เอหนึ่งยังคงซักต่อไป
“เพราะเข้าถึงตัวง่ายกว่าอีก 3 คนที่เหลือ รูปแอบถ่ายของหมอนั่นเลยมีเยอะที่สุด แล้วก็ราคาดีกว่าใครเขาเพื่อนเลย”
“ฮ้า...”
เสียงเอหนึ่งอุทานลั่นเลยกลบอีกเสียงร้องที่ดังออกมาแทบจะพร้อมกันได้
“มีมันทุกอิริยาบท ทั้งตอนสวมคลอส ชุดไปรเวทธรรมดา
ตอนตั้งหน้าตั้งตาซ่อมคลอธ เดินลาดตระเวนรอบแซงค์ฯ
ออกไปหาอะไรกินตามหมู่บ้านข้างนอก ฯลฯ แต่ที่เรียกเสียงฮือฮามากที่สุด...ต้อง limited
collection ‘รูปลับๆ ของชิออน’ ชุดนี้”
เอสองหยิบปึกอะไรบางอย่างจากใต้ชุดคลอธออกมาวางบนโต๊ะแล้วค่อยๆ
คลี่ขยับให้กระจายออกให้เห็นทีละใบๆ
พอเห็นชัดๆ ว่าเป็นรูปอะไรเท่านั้น...คนถูกแอบถ่ายก็ถึงที่สุดของความอดทน
เตรียมกระชากประตูเปิดออกแล้วปล่อยท่าไม้ตายเข้าถล่มทันที แต่ดีว่าถูกล็อกตัวเอาไว้ได้เสียก่อน
“อย่าเพิ่งสิครับ” มูที่ตรึงชิออนไว้ในอ้อมแขนยกปลายนิ้วขึ้นแตะริมฝีปาก
หากแต่นัยน์ตากลับเล็งแลมองรูปบนโต๊ะด้วยความสนใจ “ยังเห็นไม่ครบเลย”
“ทั้งๆ ที่ไม่มีการยอมรับว่าฝีมือใครแน่”
เอสองไล่นิ้วอธิบาย “แต่ก็พอจะรู้ๆ กันอยู่ว่า....รูปใส่ผ้ากันเปื้อนทำกับข้าวนี่ฝีมือโดโก
รูปใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นฝีมือมานิกอลด์ แต่ทั้งหมดนับว่าธรรมดามากถ้าเทียบกับรูปตอนนอนกอดหมอนข้างหลับปุ๋ยไม่รู้เรื่อง
รูปหัวฟูงัวเงียหลังตื่นนอน กับรูปใส่เสื้อคลุมอาบน้ำกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าฝีมืออัลบาฟิก้า...มีแต่คนอยากรู้ว่าไปถ่ายมาได้ยังไง
แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีแนวหน้ากล้าตายคนไหนเปิดปากถาม”
“โห” เอหนึ่งทึ่งจัดก่อนชี้ไปที่รูปใบสุดท้าย “แล้วรูปนี้ล่ะ”
“เนี่ยเหรอ ดูเผินๆ
จะนึกว่าเป็นรูปอัลบาฟิก้าอยู่ท่ามกลางทะเลกุหลาบ ต้องดูดีๆ ถึงจะรู้ว่าเป็นชิออน
เลยลือกันหึ่งทั่วแซงค์ฯ ว่าเป็นการแก้แค้นที่ชิออนบังอาจไปเก็บดอกกุหลาบพันธุ์พิเศษมาทำใบชา
แต่ฉันว่า...หมอนั่นหวังจะประกาศความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของทางอ้อมมากกว่า”
“นี่ถ้าท่านชิออนรู้เข้า...” เอหนึ่งทำหน้าหวาดเสียว
...เออ รู้แล้วเฟ้ย ถึงจะช้าไป 200 กว่าปีก็ตาม
“เจ้าสามคนนั่นได้ตายรอบสองแน่” เอสองหัวเราะร่าแล้วจิบชาต่อ
...3 คนนั่นไว้ทีหลัง เริ่มจากแก 2 คนก่อน เดี๋ยวจะทำ
‘น้ำข้าวต้ม’ ให้กิน เอาหม้อใหญ่ๆ จะได้หยอดได้เป็นวันๆ
เลย ฮึ่มมมมมม.....
ปัง!
“หือ....” เอหนึ่งและเอสองขมวดคิ้ว “ไม่มีลมพัดสักนิด
แล้วอะไรดันประตูเปิดหว่า”
และแล้ววัวสองตัวที่รอดตายหวุดหวิดก็จิบชาพลางเมาท์ต่อไปอย่างมีความสุข
ท่ามกลางแรงอาฆาตของแกะที่ถูกกึ่งอุ้มกึ่งลากกึ่งบังคับให้ออกไปที่บันไดเชื่อมต่อวิหารเจมินี่
“ไม่เอาน่า อย่าโกรธสิครับ” เจ้าลูกศิษย์ตัวดีที่เดินอยู่เคียงข้างส่งยิ้มหวานปานน้ำเชื่อมเข้มข้นมาให้
หวังประจบเอาใจอาจารย์ที่ทำหน้าตึงสนิท
...ก็ได้ อย่างน้อยมูก็ช่วยให้แซงค์ฯ รอดพ้นภาวะวิกฤตบัญชีธนาคารติดตัวแดงเพราะ
‘เคียวโกโมโหขาดอาละวาดวิหารทอรัสพัง’ ไปได้....
ถือว่าเป็นความดีความชอบ
...จะยอมยกโทษให้สักครั้งแล้วกัน
...แต่
....เอ...ทำไมวิหารเจมินี่มันทั้งมืดสนิททั้งเงียบกริบอย่างนี้
ไฟสักดวงก็ไม่เปิด แล้วยังเสียงโวยวายทะเลาะกันแก้เซ็งของเจ้าสองแฝดที่ดังทุกๆ ห้านาทีอีกล่ะ
มันหายไปไหน....
“หรือ...หรือว่า....” ชิออนหน้าซีดมือสั่น “เจ้าสี่คนนั่น...มันจะฆ่ากันตายเรียบร้อยไปแล้ว”
สภาพข้างในวิหารยังเหมือนเดิม ไม่มีร่องรอยผิดปรกติอะไรให้เห็น
แต่พอเดินลึกเข้ามาถึงด้านใน ผลักประตูห้องเล็กเข้าไป.....ภาพที่เห็นภายใต้แสงไฟสลัวเลือน......คือ...โกลด์เซนต์เจมินี่สี่คนกำลังนั่งล้อมรอบโต๊ะตัวใหญ่
แต่ละคนจิตใจจดจ่ออยู่กับกิจกรรมตรงหน้าแบบว่าไม่สนใจใครหรืออะไรทั้งนั้น
...ดีจริงๆ ไม่มีใครเป็นอะไร วิหารก็ไม่พัง
...แต่...นี่มันอะไร
...นี่มันอะไรกัน
“นี่...พวกนาย พวกนาย....” ชิออนที่อึ้งไปหลายวิก่อนจะชี้นิ้วใส่แล้วตวาดแว้ด
“ทำอะไรกันอยู่ หา”
“ซักผ้ามั้ง” เจมีนี่ อัสพรอสที่กำลังสับไพ่เหลือบมองว่าคนถามเป็นใครก่อนจะยักไหล่แล้วส่งต่อไปให้คาน่อนที่ทำหน้าที่แจกรับไป
“ก็เห็นๆ อยู่ ถามทำไม”
“ชิออน” ข้างๆ ซางะที่ผมเปลี่ยนเป็นสีเทา เดฟเทลอสทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ส่งยิ้มมาให้พร้อมๆ
กับกรีดนิ้วหยิบไพ่ที่ได้รับแจกขึ้นมาเรียงในมือทีละใบ “ไม่ได้เจอตั้งนาน สบายดีนะ
มีเรื่องอยากคุยด้วยเยอะแยะเลย แต่...”
“ใครจั่วคนแรก” เสียงหงุดหงิดเล็กๆ
ของอัสพรอสดังขึ้นขัดจังหวะ “อยากชวนให้เล่นด้วยกันนะชิออน แต่ขาครบแล้ว
ถ้ามีธุระกับพวกฉันหรือกับเจ้าสองคนนี่ พรุ่งนี้มาใหม่แล้วกัน”
“เอาล่ะนะ”
ดาร์กซางะแสยะยิ้มโฉดขณะเอื้อมมือไปหยิบไพ่ใบบนสุด
“เราจะสู้....เพื่อศักดิ์ศรีของโกลด์เซนต์เจมินี่รุ่นปัจจุบัน”
“โอทส์” น้องขนุนก็ดันบ้าจี้ตามพี่สง่าไปด้วยอีกคน
“จุ๊ๆ เงียบไว้นะ” เดฟเทลอสหยิบไพ่ในกองออกมาบ้างแล้วส่งยิ้มให้อีกที
“เล่นกันแค่สนุกๆ เท่านั้นแหละ อย่าบอกใครล่ะ”
แล้ววงไพ่ก็ดำเนินต่อไป......ปล่อยให้เคียวโกผู้รักษากฎระเบียบแห่งแซงค์ทัวรีเดินจากไปด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง
ขณะเดินผ่านหน้าวิหารแคนเซอร์ต่อไปวิหารเลโอ.....
มูมองหน้าชิออนที่อึ้งจนพูดอะไรไม่ออกแล้วก็หัวเราะคิก
“พวกรุ่นพี่นี่สดใส ร่าเริง รักสงบกันดีจังนะครับ”
“คิดอย่างนั้นเหรอ” ชิออนถามเสียงเพลีย
“ก็ทุกคนที่ได้พบไม่เห็นใครมีปัญหาอะไรเลย”
มูยิ้มพลางแตะแขนคนข้างๆ เบาๆ “เซนต์สองคนแบ่งวิหารกันอยู่ได้จริงๆ นะครับ
“เฮ้อ!” ชิออนถอนใจยาว
...ก็อาจจะจริงอย่างที่มูว่า
....บางที....อาจเป็นตัวเขาเองที่วิตกจริตคิดมากเกินไป
...เหมือนอย่างเซนต์วิหารนี้.... มานิกอลด์กับเดธมาสก์
สองคนมันไปก๊งเหล้า ...ช่างหัวมัน ถ้าไม่เมาแล้วชิงฆ่ากันตายซะก่อนพรุ่งนี้สายๆ คงกอดคอกันกลับมา
“อ๊ะ”
โล่งใจได้ไม่นาน เสียงมูอุทานเบาๆ ก็เรียกสติให้กลับมารับรู้ความจริงตรงหน้า...ที่หน้าวิหารเลโอที่มืดสนิท
แสงจันทร์ซีดๆ ส่องเงาตะคุ่มๆ ให้เห็นร่างสองร่างที่นอนแผ่แน่นิ่งอยู่บนลานหินหน้าวิหาร
ขนาดเห็นจากที่ไกลๆ ยังดูรู้ว่าเป็น...
“ไอโอเรีย?”
“เรกูลัส?”
ทีแรกชิออนแทบลมใส่ ในหัวคิดสะระตะสารพัดวิธีจัดพิธีศพวุ่นวาย
แต่พอเห็นโหลใส่สารพัดขนมกับถ้วยใส่นมร้อนที่กินเหลือทิ้งไว้ ไม่นับที่นอน หมอน
มุ้ง ผ้าห่มที่วางกองอยู่ใกล้ๆ ก็ขมวดคิ้วก่อนส่งสัญญาณให้มูเข้าไปดูลาดเลา
“ท่านชิออน? มู? มีอะไรครับ” ‘ศพแรก’ เอ๊ย ‘ไอโอเรีย’
ที่รู้สึกตัวก่อนสะบัดผ้าห่มออกจากตัวแล้วลุกขึ้นนั่งด้วยท่าทางสะลึมสะลือพลางเอื้อมมือคว้าหมอนใบเล็กไปสะกิดปลุกคนที่นอนอยู่ข้างๆ
“มี‘ไร” ‘ศพสอง’
หรือ ‘เรกูลัส’ ที่นอนขดตัวกลมอยู่ห่างออกไปหน่อยส่งเสียงถามบู้บี้
“ท่านเคียวโกมาครับ รุ่นพี่”
“ไหนๆ” เรกูลัสหูผึ่งเด้งดึ๋งขึ้นมาทันที “ชิออนเองเหรอ....ฉันนะอุตส่าห์ขอให้ซ่อมบำรุงวิหารเลโอใหม่ให้เป็นผนังเก็บเสียงตั้งแต่สมัยเซจ
แต่นี่...ผ่านมา 200 กว่าปีแล้วก็ยังเหมือนเดิมเด๊ะ เคียวโกอะไร...ใจร้ายชะมัด”
“มันเปลืองงบ” ชิออนแยกเขี้ยวตอบก่อนป้อนคำถาม “ออกมานอนข้างนอกทำไม”
“ก็....” แมว 2 ตัวอึกอัก ท่าทางเหมือนไม่ค่อยอยากจะบอก
“จะไปวิหารเวอร์โกกันเหรอ” เจ้าเหมียวเรียเปลี่ยนประเด็นมันง่ายๆ
ด้วยการหันถามเพื่อนร่วมรุ่นที่พยักหน้ารับหงึกหงัก
“งั้นเอานี่ไป” เรกูลัสพลิกหมอน คุ้ยผ้าห่ม
ควานหาอะไรสักอย่างวุ่นวายก่อนจะส่งก้อนอะไรกลมๆ ประหลาดๆ ทำจากผ้าขนสัตว์ฟูๆ
สีชมพูกับสีเขียวมาให้ “ภูมิปัญญาที่บรรพบุรุษโกลด์เซนต์เลโอคิดค้นขึ้นก่อนจะส่งต่อให้ทุกๆ
รุ่นต่อมาพัฒนาเพิ่มเติม รุ่นล่าสุดนี่.... ถึงหน้าตาจะไม่ค่อยดี
แต่คุณภาพชั้นเซียนนะบอกให้”
“แต่คราวนี้ดับเบิ้ลนะครับ” แมวไอโอเรียทำหน้าเหมือนไม่ค่อยไว้ใจเท่าไหร่ขณะสาธิตวิธีใส่ให้แกะที่ยังยืนงงอยู่ดูเป็นตัวอย่าง
“ตามปรกติ
รับรองว่าถ้าไม่เกินครึ่งชั่วโมงล่ะก็ทนได้สบายหายห่วง
แต่ถ้ามากกว่านั้นไม่รับประกันความเสียหาย” เรกูลัสเม้มปาก
“ถ้าคูณสองก็ระวังอย่าให้เกินสิบห้านาทีแล้วกัน”
“โชคดีนะครับ ราตรีสวัสดิ์” ไอโอเรียที่ช่วยมูใส่อุปกรณ์ประหลาดเสร็จก็เริ่มต้นหาวหวอดแล้วคว้าผ้าห่มผืนโปรดมาคลุมตัว
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันนอนต่อล่ะนะ อย่าลืมเพิ่มงบซ่อมวิหารเลโอล่ะ
บายบ๊าย” เรกูลัสซดนมร้อนที่ยังเหลืออยู่จนหมดแก้วแล้วตบบ่าชิออนป้าบใหญ่ก่อนล้มตัวลงนอนขดกลมแบบเดิม
ไม่ถึงห้านาที...ทั้งคู่ก็หลับสนิท
...เออ พวกแกมันแมวอนามัย ให้ตาย....โกลด์เซนต์เลโอมันเป็นอย่างนี้ทุกรุ่นเลยเรอะไงเนี่ย
“เฮ้อ!”
เสียงถอนใจยาวดังขึ้นขณะค่อยๆ เดินลงบันไดเชื่อมต่อไปยังวิหารเวอร์โกที่เปิดไฟกระจ่างสว่างไสว
แต่ไหนแต่ไรมาชากะก็มักจุดเทียน เปิดไฟ ขณะนั่งสมาธิ ทำวัตร สวดมนต์แบบนี้เสมอ ...แต่คืนนี้ดูจะสว่างมากกว่าเดิมหลายเท่า
แสงเทียนช่วยให้จิตใจสงบ สายลมที่พัดโชยมาเบาๆ ท้องฟ้าที่พร่างพรายไปด้วยประกายดาว
ก็ยิ่งทำให้สบายใจ
รอบตัวมีแต่ความเงียบ...
...แปลก เหมือนมูที่เดินอยู่ใกล้ๆ จะสบายอกสบายใจมากเสียจนร้องเพลงหรือพูดอะไรบางอย่างออกมายืดยาว
ทั้งๆ ที่ริมฝีปากขยับแต่ทำไมกลับไม่ได้ยินเสียง
นึกสงสัย แต่ยังไม่ทันได้ถามอะไรออกไป...เสียงแปลกๆ ก็เริ่มแทรกเข้ามาในโสตประสาท
ให้รู้ตัวว่าได้ก้าวขาเข้ามาในวิหารเวอร์โกเป็นที่เรียบร้อย
...ไม่...เสียงที่ได้ยินไม่ใช่เสียงมูร้องเพลง
...แต่เป็น....
...รู้แล้วว่าทำไมเจ้าสองเหมียวถึงต้องระเห็จออกไปนอนนอกวิหาร
แต่ยังฟอร์มจัดอุบไว้ไม่ยอมบอก
ลำพังชากะคนเดียวก็รับมือแทบจะไม่ไหว นี่ได้อัสมิตะเพิ่มมาเสริมทัพด้วยอีกคน
บัลลังก์ดอกบัวยักษ์แฝดเลยบานสะพรั่งแทบเต็มพื้นที่โถงกลาง ข้างบนมีร่างโกลด์เซนต์เวอร์โก
2 รุ่นนั่งหลับตาภาวนามนตรา เสียงสังวัธยายมนต์และเสียงขยับเลื่อนประคำในมือ...แม้ไม่ดังสนั่น
แต่ก็สะท้านสะเทือนเลื่อนลั่นไปถึงสมองและหัวใจ เร่งให้แสงธรรมอำไพเป็นประกายแรงกล้าพราวพร่างแบบยกกำลังสอง
จนต้องรีบหลับตา ขยับสองขาเร่งโกยอ้าวก้าวออกมาให้พ้นชายคาวิหารโดยเร็ว
“โอย!”
พอลงบันไดมาจนพ้นรัศมีแสงธรรม เคียวโกก็มีอันทรุดฮวบเพราะแข้งขาสั่นสะท้านจนพานยืนไม่อยู่
ดีที่ได้มูช่วยประคองไว้ ไม่งั้นคงได้ลงไปกองกับพื้นให้อับอายขายหน้าประชาแซงค์
“ท่านชิออน”
“อยู่นิ่งๆ” เสียงเอ็ดไม่จริงจังนักดังกระท่อนกระแท่นเพราะคนพูดเวียนหัวเต็มทน
“ฉันคงแก่เกินไปแล้วจริงๆ”
ไม่ได้ยินว่ามูพูดอะไรตอบกลับมา รู้แต่ว่าลมหายใจอุ่นๆ
กระทบเบาๆ อยู่แถวขมับ เรียวนิ้วค่อยๆ เกี่ยวเส้นผมที่รุงรังปรกหน้าออกเบามือ จากนั้นตัวก็ถูกอุ้มลอยขึ้น....ก่อนจะวางลงบนเก้าอี้นวมนุ่มๆ
ชิออนถอนใจเบาๆ แล้วลืมตา
...วิหารไลบร้า
...เพราะแบบนี้รึเปล่า โดโกถึงยอมไปนั่งจุมปุ๊กอยู่ที่เขาโกโรโฮแต่โดยดี
พอหันไปข้างๆ ก็เห็นมูที่คุกเข่าอยู่ใกล้ๆ มองมาด้วยสายตาที่ปิดความกังวลไม่มิด
ชิออนก็ส่งยิ้มให้ พลางบีบมือใหญ่อุ่นจัดที่กุมมือของตัวเองอยู่เบาๆ
“ไม่เป็นไรแล้วล่ะ แต่สงสัยต้องยอมเพิ่มงบซ่อมบำรุงวิหารเลโอ
ว่ามั้ย”
เจ้าอุปกรณ์ประหลาดที่ตอนนี้รู้แล้วว่าเป็น ‘ที่ปิดหู’ ถูกถอดออกวางไว้บนโต๊ะตัวเล็กข้างๆ
“เรกูลัสถึงบอกให้รีบออกมาจากวิหารเวอร์โกภายใน 15 นาที
แต่เรากลับโอ้เอ้ชักช้า หมดเวลาซะก่อน”
“ไม่หรอกครับ” มูสั่นหัวก่อนทำหน้ายุ่ง “ไม่ว่าอะไรก็คงต้านทานพลังระดับนั้นไม่ไหว”
สักพักชิออนก็ค่อยๆ ทรงตัวได้แต่ไม่วายต้องยึดท่อนแขนศิษย์รักไว้เป็นหลักพยุงตัว
“ไปต่อเถอะ
ไม่รู้พวกวิหารบนๆ จะเป็นยังไงกันบ้าง”
...........................................................................................
ตั้งใจให้เป็นของรับขวัญเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยของน้องมุก แต่ก็เลท+ยังเขียนไม่จบจนได้
แล้วจะรีบมาต่อจ้ะ ส่วนเรียช่าก็รอต่ออีกนิด รับรองว่าเขียนแน่ๆ
...........................................................................................
ตั้งใจให้เป็นของรับขวัญเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยของน้องมุก แต่ก็เลท+ยังเขียนไม่จบจนได้
แล้วจะรีบมาต่อจ้ะ ส่วนเรียช่าก็รอต่ออีกนิด รับรองว่าเขียนแน่ๆ
อ่านนจบละยิ้มไม่หุบบ หยุดกรี๊ดไม่ได้เลยคะะะะ
ตอบลบเท่าที่แอบสังเกตต สรุปท่านมูเมะท่านชิสิน้าาเย้ ดีใจมากคะะ นานๆทีจะเจอท่านมูเมะะ แหมม ฉวยโอกาสตลอดเลยน้าา~ ท่านชิก้ซื่อจริงอย่างที่ท่านฮัสการ์ดว่า
ว่าแต่ที่จริงแล้วโกลด์เซนต์ทั้งสองรุ่นเนี่ยยเข้าขากันดีสุดๆเลยแฮะะะ นึกภาพออกเลย มานิกอลกับแช่มไปก๊งกันน แล้วก้มานิก้มอมเหล้าแช่มแล้วกดเลบย เจ้ยย มะใช่ละะ 555
ส่วนเจมืนี่ ตอนแรกลุ้นมากว่ามันจะฆ่ากันตายป่าวว ส่วนตัวแอบชอบให้พี่น้องงอยู่กันดีๆมากๆๆเลยย แบบน่าร้ากกกกกกกกก
ส่วนทอรัสเอหนึ่งและเอสองงทั้งสองนางงขาเม้าาสุดๆๆ มีกระทั่งงรูปลับขอวท่านชิิ จะว่าไปกรี๊ดมากกเลยคะที่มิตะซังติดหนึ่งในสามมมด้วยย อยากจะไปตามสโตรกกกจริงๆๆๆ/เริ่มโรคจิตต555
ขำไอโอเรียกับเรกูลัสมากก อยู่ด้วยกันได้แบบของจริงง เปนเจ้าแมวสองตัววที่โดนพระแกล้งงงวว ฮ่าๆๆๆ น่าสงสารร/แต่ขำไม่หยุดดเลยย แสดงว่าอานุภาพทสวดของท่านเวอร์โกทั้งสองงสุดยอดดดด ขนาดทำท่านชิเข่าอ่อน แต่มุกอยากฟังท่านช่ากับมิตะซังสวดจังเลยคะะะ ยอมมเข่าอ่อน เปนลม หน้ามืด ตาลาย ปวดเศียร เวียนเกล้าา ฮ่าๆๆๆๆ เว่อออร์แล้ววว
ขอบคุณสำหรับของขวัญชิ้นนี้มากๆๆๆเลยคเเดีใจมากๆๆๆๆๆๆ แบบยิ้มไม่หุบเลยคะพี่ เป็นกำลังใจให้นะคะะะะ ไม่ว่าเมื่อไรก้จะรออ่านฟิคของพี่นะคะ อ่านแล้วมีความสุขมากๆๆๆเลยคะ ^^
กำลังสนุกเลย รีบมาต่อเร็วๆ นะคะ
ตอบลบตายแล้วสนุกมากก xD กรี๊ด กร๊าาาด เป้นแม่ยกมากรี๊ดสองแฝดอวุโสค่ะ ท่านฮาคุกับท่านเซจเขากันที่สุด!
ตอบลบเขียนต่อเถอะครับสนุกมากอยากอ่านต่อ
ตอบลบไม่เขียนต่อแล้วเหรอคะ? กำลังสนุกเลย วิหารที่อยู่ในระดับอันตรยเพิ่งผ่านไปแค่วิหารเดียวเอง(เจมินี่น่าจะมีโอกาสตีกันตายมากที่สุดเนอะ 555) แต่วิหารบนๆก็ใช่ย่อย มีแค่เดเจลกับคามิว แล้วก็ชิจิฟอสกับไอโอรอสที่ไม่น่าจะตีกัน ที่เหลือ.....(ละไว้ในฐานที่เข้าใจ)
ตอบลบเขียนต่อนะฮะๆๆๆๆ
ตอบลบไม่มีต่อแล้วหรอคะ อ่านสนุกมากเลย //ทำตาวิ้งๆ อ้อนคนเขียน หนูเป็นติ่งเซนต์เซย่าง่ะ---
ตอบลบ