23/6/56

Saint Seiya’s AU fic : Before’n After (1)



Pairing : ไม่มีจ้ะ  (แต่โปรดสังเกตท่าน “ชิออนกับมูนิสสสส์นึง)

Disclaimer :
ตัวละครเป็นลิขสิทธิ์ของ อ.masami kuromada ค่ะ ตอนเขียนก็แค่อยากลองว่าถ้าเอาโกลด์เซนต์รุ่นแคนวาสมาเจอกับโกลด์เซนต์ภาคออริจินัล มันจะเป็นยังไงนะ

Intro :  อ่านเอาเองละกันเน้อ..........

-----------------------------------------------------------------------
                              

...ผู้ยิ่งใหญ่เหนือเซนต์ทั้ง 88 แห่งอาเธน่า คือ “เคียวโก”

...มนุษย์ผู้จะเป็นเคียวโกได้ นอกจากจะเป็นเซนต์ที่มีคุณธรรมแล้ว...ยังต้องรู้เท่าทันความคิดของเหล่าเทพจิตผิดปรกติทั้งหลายก่อนล่วงหน้าเสมอ


....ทุกวันนี้ แซงค์ทัวรีมีแต่ความสงบสุข

ตำแหน่งเคียวโก...อาจไม่จำเป็นต้องมีอีกแล้วก็เป็นได้

หรือไม่ก็....

เขาควรรีบเกษียนตัวเองอีกที ยกภาระหน้าที่อันแสนวุ่นวายให้พวกเด็กรุ่นใหม่ แล้วจรลีหนีหายไปหาที่สงบๆ อยู่คนเดียวเงียบๆ




“เฮ้อ”

แอเรียส ชิออนที่รีเทิร์นมาเป็นเคียวโกอีกครั้งหลังสงครามศักดิ์สิทธิ์จบสิ้นลงถอนใจยาวพลางยกมือขึ้นกุมขมับ

วันนี้ประกายดวงดาวบนท้องฟ้าเหนือสตาร์ฮิลล์ช่างพร่างพรายเจิดจ้ายิ่งกว่าทุกวัน

....

....


แต่...

....

....

ทำไมกลับอ่านวิถีดาราไม่รู้เรื่อง !!!!!!

จะนั่งดู ยืนดู นอนดู ตะแคงดู ตีลังกาดู จะดูท่าไหนยังไงก็อ่านไม่ออก

จะดูแล้วดูอีก ดูแล้วดูเล่า ดูยังไง ก็ยังอ่านไม่ได้

...

ว้อย....อยากจะบ้า

มันเกิดอะไรขึ้น....!!!!!

...

...ไม่รู้จะโทษว่าท้องฟ้ามีปัญหา หรือจะยอมรับแต่โดยดีว่าตัวเองแก่ชราและสายตาสั้นจนมองเห็นไม่ชัดกันแน่

...

...

....คิดแล้วก็เศร้าใจนัก เฮ่ออออออ......

....

....

....แวบบบบบบบบบ........

...

พลันลำแสงสว่างจ้าก็สาดเข้าใส่จนนัยน์ตาพร่าพรายไปชั่วขณะ สักพักพอกำลังจะหายมึนพลังไซโคคิเนซิสของใครสักคนที่แสนคุ้นเคยก็พุ่งตรงเข้ามาใกล้


...มู?

...ไม่ใช่



“อาจารย์ปู่.......” เสียงเจ้าแกะกิกิดังลั่นมาก่อนเห็นตัว พอเห็นหน้าก็โผผวาเอาปัญหามาโยนใส่ให้ทันที “ที่แซงค์ทัวรี่ตอนนี้มีคนแปลกๆ เต็มไปหมดเลย ท่านมูกำลังรับหน้าอยู่ที่วิหารเคียวโก จารย์ปู่รีบกลับไปด้วยกันเหอะ”

...นั่น เอาเข้าแล้วไงล่ะ ถึงว่าทำไมตาซ้ายกระตุกไม่ยอมเลิกตั้งแต่เมื่อกลางวัน

จารย์ปู่อ้ะ……” เจ้าแกะจิ๋วปราดเข้ามาคว้าหน้ากากเคียวโกไปถือ อีกมือก็กระตุกชายเสื้อคลุมตัวยาวไม่ยอมเลิก ปากก็ส่งเสียงเร่งยิกๆ “จารย์ปู่รีบไปเร็วเข้า”

“รู้แล้ว ไปๆ” เคียวโกแอเรียส ชิออนแอบถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่ก่อนสะบัดชายเสื้อให้เข้าที่ จับมือกิกิไว้ แล้วเร่งพลังคอสโม

....เห็นทีการหนีไปอยู่คนเดียวเงียบๆ ซะพรุ่งนี้มะรืนนี้ อาจจะเป็นไอเดียที่แสนจะเวรี่โอเคเก๋กู้ดที่สุดเลยก็ได้มั้งเนี่ย


………………


ทันทีที่เท้าสัมผัสพื้นหินหน้าวิหารเคียวโก บรรยากาศอึมครึมชวนอึดอัดพานให้หายใจไม่ออกก็ประดังกันเข้ามาจากทั่วทุกสารทิศ แม้นัยน์ตาสีอเมทิสต์จะพยายามเขม้นมองไปในความมืดจนเห็นแซงค์ทัวรีผุๆ พังๆ แห่งนี้ได้ทั่วทั้งหมด แต่ก็ยังไม่พบอะไรที่ผิดปรกติไปจากเดิม

บริเวณโดยรอบยังคงความสงบเงียบไม่ต่างจากที่เคยเป็น ...แสงไฟสว่างตามทางเดิน บันได กระทั่งภายในแต่ละวิหารก็ช่วยให้ใจชื้นขึ้นมาได้(หน่อยนึง)

แต่...พอหมุนตัวเดินเข้าไปในวิหารเคียวโกตามหลังเจ้าแกะกิที่วิ่งปร๋อเข้าไปก่อนหน้าแล้วนั้น เสียงเรียกชื่ออันแสนคุ้นเคยก็ดังขึ้น


“ชิออน”


!?”


ภายใต้แสงสว่างจากคบไฟบนผนัง ร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อคลุมยาวที่ยืนพิงขอบหน้าต่างก็ค่อยๆ หันมาช้าๆ ผมสีเทาเงินยาวสยายปลิวตามแรงลมจนระใบหน้า แต่ถึงอย่างนั้น.....


“อาจารย์ !?”


ชายเบื้องหน้าที่ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานสักแค่ไหน ยังไงก็ไม่มีทางลืมได้

แต่....มันจะเป็นไปได้ไงล่ะ

...ในเมื่อ

“โตขึ้นเยอะนะ” อัลทาร์ ฮาเครย์ กวาดตามองศิษย์รักแล้วแย้มยิ้ม “สูงขึ้น แล้วก็สวยขึ้นด้วย”

“อะ..ครับ” ลูกศิษย์ที่อายุเกิน 200 ปีไปไกลพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ได้แต่อึ้งกับประโยคทักทายที่ฟังยังไงก็ทะแม่งๆ “ว่าแต่ทำไม....”


“ใจร้ายจังนะ ไม่เห็นทักทายฉันสักคำ”


ยังพูดไม่ทันจบแท้ๆ แต่เสียงใครสักคนที่ยืนอยู่ใต้เงาเสาต้นใหญ่ที่ทอดยาวออกไปถึงมุมห้องกลับขัดขึ้นพร้อมขยับเดินออกมาให้เห็นตัว


“เคียวโก !?”


“อือฮึ” แคนเซอร์ เซจ แฝดน้องของฮาเครย์พยักหน้ารับก่อนหันไปทางแฝดพี่ที่ยืนยิ้มแป้นอยู่ใกล้ๆ “ไม่ว่าเมื่อไหร่..ชิออนของนายก็น่ารักกว่าเจ้ามานิกอลล์ของฉันตลอด”

“ของมันแน่อยู่แล้ว” ผู้เฒ่าฮาเครย์หัวเราะร่าพลางเอามือฟาดไหล่ศิษย์รักปั่บๆ แล้วขยับตัวให้มูที่ยกถาดใส่ถ้วยน้ำชาเข้ามาเสิร์ฟ “นี่..หลานศิษย์ของฉัน..โกลด์เซนต์แอเรียสรุ่นปัจจุบัน แล้วนั่นก็เจ้าแกะตัวเล็ก....อืม...แบบนี้ฉันก็ได้เป็นอาจารย์ทวดแล้วสิ”

“แย่ เจ้ามานิกอลล์มันแย่ แย่...แย่ที่สุด” ท่าทางเซจจะยัวะศิษย์เอกที่มีอยู่กับเขาคนเดียวน่าดู “เพราะเจ้านั่นมันไม่ได้ความ ตระกูลปูสายตรงของฉันเลยไม่มีเหลือ”


“ทำไมท่านทั้งสองถึงได้มาอยู่ที่นี่ในเวลานี้ล่ะครับ”


ในที่สุดชิออนก็ทนไม่ไหว ยอมเสียมารยาทถามมันทะลุกลางปล้องก่อนที่ท่านผู้อาวุโสทั้งสองจะไล่เลียงลำดับสายตระกูลยืดยาวไปมากกว่านี้

“ไม่รู้สิ”

ผู้เฒ่าทั้งสองส่ายหน้าไปมาพลางประสานเสียงตอบกันอย่างพร้อมเพรียง

“อยู่ๆ ทุกอย่างรอบตัวก็สั่นสะเทือนเคลื่อนไหวโดยไม่มีสาเหตุ จากนั้นอีกอึดใจต่อมาก็มาอยู่ที่นี่แล้ว

“เห?”

“ไม่ใช่แค่เราสองคนเท่านั้นนะ” สองผู้เฒ่าฉีกยิ้มแอ๊บใสซื่อ “อาเธน่าก็ด้วย อยู่ตรงโน้นไง”

“หา!

หัวใจกระเด็นตกลงไปหยุดเต้นอยู่แถวตาตุ่ม....เพราะความคิดมัวแต่จดจ่ออยู่กับคนสองคนตรงหน้า ชิออนเลยไม่ทันรู้สึกถึงใครอื่นที่อยู่ใกล้ๆ ...ว่าในห้องโถงกลางของวิหารอาเธน่าที่อยู่ถัดไป “ซาช่า...อาเธน่าในอดีต” กับ “คิโดะ ซาโอริ...อาเธน่าคนปัจจุบัน” กำลังยืนประจันหน้ากันอยู่อย่างไม่มีใครยอมใคร....ต่างคนต่างเตรียมพร้อมตั้งท่ากระชับคทาไนกี้สีทองในมือมั่น คอสโมแห่งเทพชั้นสูงที่ไม่แตกต่างกันของทั้งสองคนต่างพวยพุ่งรุนแรงแล้วกระจายออกเป็นวงกว้าง เตรียมเข้าปะทะกับฝ่ายตรงข้ามแบบไม่ยั้ง

...สงครามศักดิ์สิทธิ์ระหว่างอาเธน่ากับอาเธน่า แค่คิดก็อยากจะบ้า

“พนันกันมั้ยว่าใครจะชนะ” ฮาเครย์เริ่มวางเดิมพัน “ใครเดาผิด..กลับไป...ต้องตรวจงานเอกสารแทนคนเดาถูก 3 เดือน”

“เอาสิ” เซจรับมุกแฝดพี่ “เดาว่าเป็น.....”

“หยุดเลยครับ” ชิออนที่พยายามประคองสติที่ใกล้จะแตกเต็มทีเอาไว้เลยเผลอตัวขึ้นเสียงใส่ สมองเร่งคิดเร็วจี๋หาหนทางยุติสงครามเทพีมหาวินาศตรงหน้า

...เพราะอยู่ไกลกันคนละวิหาร จะวิ่งไปห้ามคงไม่ทันการ

...อย่ากระนั้นเลย คงต้องใช้ไม้ตายขั้นสุดยอดซะแล้ว

“ทั้งสองคน..ถ้าทะเลาะกันล่ะก็” เคียวโกคนปัจจุบันถลาพรวดเดียวไปยืนเกาะข้างบันไดเชื่อมต่อวิหารแล้วตะเบ็งเสียงลั่นๆ เอาให้ได้ยินกันถนัดทั่วทั้งแซงค์ฯ “ค่าเสียหาย ค่าซ่อมแซม ค่าปรับ ค่าทำขวัญ ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย ค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าโทรศัพท์ 3g อินเทอร์เน็ต และดอกเบี้ยเงินกู้จะเก็บจากทั้งสองคน คนละครึ่ง”

สองอาเธน่าชะงักไปนิด.......... ก่อนจะมองสบตา เมินหน้าใส่กันแล้วค่อยสะบัดกระโปรง เดินเริ่ดๆ เชิดๆ แยกย้ายกันไปนั่งพักจิบชาบนเก้าอี้คนละมุมวิหาร

...อาเธน่าของแท้ ต้องมีสำนึกรักศักดิ์ศรี(บ้าง)และต้องมีเกลือละลายในสายเลือดมากพอสมควร


โล่งใจได้ไม่ถึงหนึ่งนาที ก็มีเรื่องใหม่มาให้กลุ้มใจต่อ

“น่าประทับใจ สมแล้วที่เป็นชิออนของฉัน” ฮาเครย์ยิ้มชื่นชมพลางปรบมือให้ “วิธีนี้ใช้กับอาเธน่าได้ผล แต่กับอีกสิบคนที่เหลือนี่...ท่าจะยาก.........”

“มะ....มะ....หมายความว่า....เจ้าพวกนั้น.....เจ้าพวกนั้นก็ โอ๊ย! .... ” ชิออนปวดหัวจี๊ดดดดดขึ้นมาทันที

“ถ้าสาเหตุของเรื่องนี้คือมิติเวลาที่บังเอิญหมุนมาซ้อนทับกันแล้วล่ะก็....โกลด์เซนต์คนอื่นๆ ก็ต้องกลับมาอยู่ตามวิหารของตัวเองด้วย” เซจพยักหน้ารับ แม้น้ำเสียงจะดูเป็นกังวล แต่ก็เจือปนด้วยความสนุกสนานอยู่ไม่น้อย “โกลด์เซนต์สองคนคงอยู่วิหารเดียวกันได้ล่ะนะ”

“ไม่แน่ โกลด์เซนต์สองเจนเนอเรชันอุตส่าห์ได้มาเจอกันทั้งที..” ฮาเครย์เลิกคิ้วให้ชิออนที่ยืนหน้าซีด ตาลาย คล้ายจะเป็นลมเต็มทีแล้วหัวเราะเบาๆ “นี่ก็เพิ่งซ่อมแซงค์ฯ หลังยุติสงครามศักดิ์สิทธิ์ไปได้ไม่นานนี่นะ ระยะนี้แค่ระวังไม่ให้บัญชีติดตัวแดงก็แทบแย่แล้ว ถ้าเกิดสงครามพันวันของโกลด์เซนต์สิบคู่ขึ้นมาจริงๆ มีหวัง.......”

“แซงค์ฯ จะพังแหล่มิพังแหล่นี่คงต้อง “ล้มละลาย” ไม่มีเหลือ” เซจช่วยเติมประโยคที่หายไปให้สมบูรณ์ จากนั้นสองผู้เฒ่าที่ใจตรงกันก็หันมาฉีกยิ้มให้กันเอง

“เนอะ!


….ล้มละลาย ….ล้มละลาย ….ล้มละลาย 

….ล้มละลาย


คงไม่มีอะไรทำให้เคียวโกอย่างแอเรียส ชิออนหวาดกลัวสุดขั้วหัวใจได้เท่ากับคำๆ นี้ที่ดังก้องไปในสมองแถมยังสะท้อนไปมาราวจะหลอกหลอนให้เสียสติ

แล้วเรื่องอะไรจะยอมนิ่งอยู่เฉยๆ รอให้เจ้าพวกบ้านั่นก่อเรื่องขึ้นมา

....ไม่

.....ไม่

.....ไม่ทีทางเด็ดขาด


“ท่านเซจ อาจารย์ครับ ผมมีเรื่องจะขอร้อง”

“ไม่ล่ะ เหนื่อย” ฮาเครย์ปัดความรับผิดชอบพร้อมเมินหน้าไปอีกทางซะงั้น....แบบว่ารู้ทันว่าศิษย์รักจะขออะไร “ถ้าจะให้ไปสำรวจตรวจตราตามวิหารทุกวิหารล่ะก็..ขอบาย”

“อาจารย์อะ.....” ลูกศิษย์หน้างอ พอหันไปหาอดีตหัวหน้าก็กลายเป็นว่า....

“เราสองคนแก่ปูนนี้แล้ว ต้องรักษาพลังงานไว้ ยิ่งมีน้อยๆ อยู่ด้วย” เซจพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วยพลางรินน้ำชาเติมให้แฝดพี่แล้วค่อยรินใส่ถ้วยตัวเอง

“เจ้าสองคนแน่ะ” ฮาเครย์ยกถ้วยชาขึ้นจิบแล้วพยักเพยิดไล่ “รีบๆ ไปลาดตระเวนดูเหตุการณ์ตามแต่ละวิหารสิ พ่วงเจ้าแกะจิ๋วนั่นไปด้วยอีกตัวก็ได้ เราสองคนจะคอยเฝ้าวิหารเคียวโกกับดูแลอาเธน่าไว้ให้”

...ใจร้ายที่สุด ทั้งอาจารย์ทั้งเคียวโกเลย...

...เอาฟะ ช่วยไม่ได้

ชิออนที่ออกอาการหงุดหงิดแบบไม่ปิดบังสะบัดหน้าพรืดก่อนจะฮึดสู้ขึ้นมา

“มู...เอาน้ำชากับขนมมาเพิ่ม ส่วนกิกิ...จัดเต็มของว่างแล้วเอาไปเสิร์ฟที่วิหารอาเธน่า เสร็จแล้วรีบตามอาจารย์มาเร็วๆ”


อึดใจต่อมา...แกะ 3 ตัวก็มาอยู่ที่หน้าประตูแซงค์ทัวรีกันอย่างพร้อมเพรียง

ในความมืดเบื้องหน้าคือวิหาร 12 ราศีที่ไม่รู้ว่าโกลด์เซนต์ที่ประจำการอยู่ข้างในจะเป็นตายร้ายดียังไงกันบ้าง

...เอาล่ะ ถ้ามันจะเกิดเหตุฆ่ากันตายกลางแซงค์ฯ ก็ให้มันเกิดขึ้นและจบลงแค่ตรงนี้

“คริสตัล ว......”


“เดี๋ยวก่อน!!!!!~~~~~

เสียงห้ามดังลั่น ได้ยินชัดก่อนเห็นตัว

“มานิกอลด์?”

ชิออนอุทานลั่นเมื่อเห็นร่างของโกลด์เซนต์แคนเซอร์รุ่นก่อนค่อยๆ เดินลอยหน้าลอยตาตรงเข้ามาหา

“เจ้าแช่ม?”

มูเองก็ร้องทักแคนเซอร์ เดธมาส์ก โกลด์เซนต์รุ่นปัจจุบันมั่งเหมือนกัน


ปู 4 ขา 2 ตัว เอ้ย... โกลด์เซนต์แคนเซอร์ 2 คน เดินกอดคอกันมาจากวิหารปูยักษ์


“ไง ไม่เจอกันนานนะจ๊ะ  คนสวย” พอเห็นหน้า มานิกอลด์ก็ยักคิ้วหลิ่วตาให้ “แต่ขืนทำหน้านิ่วคิ้วผูกโบแบบนี้บ่อยๆ เดี๋ยวก็หมดสวยกันพอดี อืมมม.....คนข้างๆ นี่ก็สวยดีนะ แต่ยังสู้นายไม่ได้”

“หุบปากไปซะ” แกะอารมณ์ไม่ดีกระชากเสียงใส่สมใจปูชอบยั่วโมโหที่เอาแต่หัวเราะหึๆ แต่ยังไม่ทันจะได้แซวอะไรต่อ...ชิออนก็ถามขึ้นห้วนๆ

“จะไปไหนกัน”

“ฉันกับรุ่นน้องจะออกไปก๊งเหล้าข้างนอกกันหน่อย” มานิกอลด์หันไปฟาดผัวะลงบนหัวคนที่เดินตามหลังมาป้าบใหญ่ “ไหนๆ มีโอกาสได้เจอกันทั้งที จริงมั้ย ไอน้อง”

“ใช่เลย....ลูกเพ่” นายปูแช่มหน้าตากระหยิ่มยิ้มย่อง ยกศอกกระทุ้งแรงๆ ตอบกลับไปสองสามที “เด๋วน้องแช่มจะพาเพ่ไปที่เจ๋งๆ เอง วางใจได้เลย”

“งั้นไปนะคนสวย พี่กลับพรุ่งนี้เช้าเลยนะน้อง คืนนี้ไม่ต้องรอนะจ๊ะ” เพื่อนเก่าตัวดียังไม่เลิกวอนหาเรื่องด้วยการส่งจูบกวนประสาทมาให้ขณะเดินลอยชายออกประตูไป เรียกเสียงตวาดแว้ดดังลั่นจากคนที่เหลืออดเหลือทนแล้วตามไล่หลัง

“ไอปูบ้า จะไปไหนก็ไปเลยไป ไปให้พ้นซะเร็วๆ ก่อนที่ฉันจะหมกแกไว้หน้าแซงค์นี่” ชิออนยัวะกระจาย “เดธมาส์ก..ดูแลมานิกอลด์ดีๆ อย่าให้ก่อเรื่อง ....เหะ..ไม่ใช่...มานิกอลด์ดูแลรุ่นน้องดีๆ ด้วยล่ะ ...แต่คิดที....... โอ๊ย!...เออ พวกเอ็งสองคนจะไปไหนก็รีบไปเลย ดีเหมือนกัน..ถ้าเมาแล้วก่อเรื่องทะเลาะแล้วฆ่ากันตายข้างนอกจะได้ไม่เปลืองค่าขนย้ายกับค่าทำศพ เฮอะ...”

เสียงโวยวายใส่เป็นชุดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนอาจดำเนินต่อไป ถ้าไม่เหลือบไปเห็นแกะอีก 2 ตัวที่ยืนจ้องมาตาแป๋วซะก่อน

“อื้ม..เอาล่ะนะ ” ชิออนกระแอมเบาๆ ด้วยความเขินก่อนปรับเข้าโหมดเคียวโกอีกครั้งแล้วใช้คริสตัล วอลล์ผนึกประตูทางเข้าออกแซงค์ทัวรี่ไว้ “มู...เดี๋ยวไปตรวจดูตามวิหารด้วยกัน ส่วนกิกิเฝ้าอยู่ตรงนี้ อย่าให้ใครเข้าออกทั้งนั้น”

“คะ...คร้าบ” เจ้าแกะจิ๋วหน้าตาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็ยังฝืนทำใจกล้ารับคำสั่ง เล่นเอาประมุขแกะอดเห็นใจไม่ได้

“ไม่เป็นไรน่า” อ้อมกอดอบอุ่นโอบเข้ารอบตัวหลานศิษย์แล้วลูบผมสีน้ำตาลสั้นๆ ยุ่งๆ เบามือ “เมื่อกี้โทรจิตถึงโดโกแล้ว บอกว่าให้มาเอา ขนมเปี๊ยะของโปรด รับรองไม่นานเดี๋ยวหมอนั่นก็จะรีบแจ้นมา โอเค๊...” 

จากนั้นก็ส่งยิ้มให้กิกิที่ค่อยหน้าชื่นขึ้นนิดนึง ก่อนจะหันมาพยักหน้าให้แกะตัวโตกว่าแล้วออกวิ่ง

“ไป...มู”

เริ่มต้นวิหารแรกก็เบาใจได้ว่าไร้ปัญหา ในเมื่อทั้งเขาและมู....เอ๋! จากหน้าประตูแซงค์ฯ ตรงมาวิหารแอเรียสแค่นี้ ทำไมมูยังไม่ตามมาอีก”

“มู?”

ชิออนชะงักเท้าก่อนหมุนตัวกลับมาส่งเสียงเรียก สักพักมูก็ก้าวยาวๆ ตามมาหยุดยืนอยู่ข้างๆ พลางทำหน้าตาจืดจ๋อยอย่างน่าสงสาร เหมือนสมัยก่อนที่เวลาฝนตกฟ้าร้องเสียงดัง เด็กชายเล็กๆ คนนึงจะวิ่งหน้าตื่นตรงรี่เข้ามากอดเอวเขาไว้แน่นแล้วหลับตาปี๋ไม่มีผิด....ท่าทางแบบนี้จึงแปลความหมายง่ายๆ ได้ว่า

...อยากให้กอดมั่งอะ กอดเขามั่งสิ

“โตแล้วนะ ได้เป็นโกลด์เซนต์แล้วด้วย” ชิออนขมวดคิ้วพลางดุเบาๆ

จะเพราะเป็นศิษย์อาจารย์ที่รักกันมาก เพราะใจสื่อถึงกัน หรือจะเพราะอะไรก็ช่าง ช่วยไม่ได้ที่ชิออนจะเข้าใจปฏิกิริยา ดื้อครองโลกของมูได้ชัดแจ๋ว

...แต่ก็ยังอยากให้กอดอยู่ดีนี่นา กอดเค้าหน่อยนะ นะ

“งั้นก็ตามใจ” ชิออนทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก่อนเริ่มต้นออกวิ่งอีกครั้ง “ล่วงหน้าไปก่อนล่ะ”

ออกจากวิหารแกะขาวลงบันไดเชื่อมต่อไปวิหารวัวทองได้ครึ่งทาง แม้มูจะเร่งฝีเท้าจนเข้ามาอยู่ใกล้ๆ แต่อาการน้อยอกน้อยใจยังเหมือนเดิม

....ใจแข็งไว้

...อย่ายอมแพ้ง่ายๆ

...มูไม่ใช่เด็กแล้ว อย่าตามใจ

แม้จะย้ำกับตัวเองด้วยการท่องประโยคเหล่านั้นซ้ำไปซ้ำอยู่มาในใจ แต่พอเหลือบมองไปเห็นใบหน้าเศร้าๆ หงอยๆ นั่น หัวใจมันก็วูบไหวอย่างบอกไม่ถูกทุกครั้ง

...

...

“นุ่มจัง”

เสียงพึมพำเบาๆ จากร่างที่อยู่ในอ้อมแขนฟังไม่ค่อยถนัด เพราะทันทีที่สัมผัสถึงความอบอุ่นที่เข้าโอบล้อม มูก็ซุกหน้าลงแนบแก้มเข้ากับหัวไหล่ของอีกฝ่ายทันทีแล้วค่อยๆ หลับตาลง

....กลิ่นหอมของแสงแดดยามเช้าแสนอบอุ่นผสมกับกลิ่นสมุนไพรอ่อนๆ อวลอยู่รอบๆ ...ไม่ต่างไปจากเมื่อก่อน

“เลิกงอแงได้แล้วนะ”

ชิออนยิ้มจางๆ พลางกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นอีกนิด มองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขนั้นแล้วค่อยๆ แทรกนิ้วเรียวไล่ไปตามเส้มผมสีอ่อนยาว นุ่มมือ ของเด็กน้อยที่เคยดูแล แต่บัดนี้เติบโตสูงใหญ่และสง่างามอย่างน่าภูมิใจ

...รู้สึกแปลกๆ นิดหน่อย เหมือนกระแสอะไรบางอย่างที่ไม่คุ้นเคยทำให้หัวใจเต้นไม่ค่อยตรงจังหวะเท่าไหร่ ...แต่ก็...ช่างมันเถอะ

แต่แล้ว... อ้อมแขนที่กอดตอบหลวมๆ ก็กลับรัดแน่นเข้าๆ กว่าจะรู้ตัวก็ถูกกอดแน่น...แน่นจนขยับไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้ว จนรู้สึกถึงความอบอุ่นของร่างที่อยู่เคียงข้างได้ชัดเจน

“มู ปล่อย..พอได้แล้ว” ชิออนทำหน้านิ่วก่อนจะเอ็ดเสียงหนักๆ ตามด้วยคลายวงแขนออกแล้วขยับตัวเบาๆ ด้วยความอึดอัด....ต้องรออีกอึดใจใหญ่ๆ นั่นล่ะ มูถึงจะค่อยๆ อ้อยอิ่งคลายอ้อมแขนออกบ้าง แต่พอเห็นใบหน้ายิ้มแฉ่งที่เงยขึ้นมองสบตาแล้ว...ยังไงก็โกรธไม่ลง

....รู้สึกไปเองหรือเปล่านะ ว่า...ใบหน้าของมูค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้ ใกล้เข้ามา....ใกล้เข้ามาอีก ...ใกล้จนเห็นภาพของตัวเองสะท้อนเงาอยู่ในลูกแก้วสีฟ้าเขียวคู่นั้นได้ชัดเจน

...!? !? !? !?

….
….
....

แต่แล้วเสียงแปลกๆ ที่แว่วมาจากวิหารทอรัสก็ทำให้ชิออนขยับตัวหันขวับในวินาทีสุดท้าย

...แย่แล้ว เกิดอะไรขึ้นกับอันเดบารัน

พอหันกลับมา ก็เห็นมูถอนใจยาวเฮือกใหญ่แล้วคลายอ้อมแขนออกโดยง่ายก่อนจะช่วยจัดชายเสื้อคลุมตัวยาวให้เข้าที่เข้าทาง

“รีบไป.... มู!!!!!

จังหวะที่หมุนตัวกลับ ขาที่กำลังจะขยับออกวิ่งกลับนิ่งงันเมื่อรู้สึกถึงปลายจมูกโด่งที่กดลงเบาๆ ข้างแก้ม ตามด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ และเสียงฝีเท้าที่วิ่งนำหน้าไปก่อนอย่างร่าเริง

นิ้วเรียวแตะผิวแก้ม รอยสัมผัสยังอุ่น แล้วส่ายหน้า

...โตแล้วนะ ยังเล่นเป็นเด็กๆ อีก


เสียงแปลกๆ ในวิหารวัวทองดังมาจากห้องนั่งเล่นที่อยู่ด้านใน ช่วยไม่ได้ที่แกะ 2 ตัวจะแอบมองจากรอยแยกข้างบานประตูแล้วพบว่า บนโต๊ะตัวใหญ่กลางห้องตั้งกระติกน้ำร้อนขนาดยักษ์ ข้างๆ กันเป็นถุงชา จานขนมปัง เนย เนยแข็ง และกระปุกแยมสารพัดชนิดวางเรียงเต็มพิกัด ส่วนวัว 2 ตัว เอ้ย...โกลด์เซนต์ทอรัส 2 คนก็กำลังนั่งเอนอิงพิงโซฟา ตั้งวงน้ำชา กินขนม เมาท์มันสบายใจเฉิบ!!!!

“นี่...ทำจากลูกเบอรีป่าชั้นหนึ่งสูตรท่านชิออน กินกับขนมปังนุ่มๆ อุ่นๆ รับรองอร่อยสุดๆ” อันเดบารันคนปัจุบัน หรือ เอหนึ่งส่งกระปุกใส่แยมแฮนด์เมดสีส้มอมแดงให้อันเดบารันในอดีตรับมาเปิดออกดมกลิ่น

“อืม...หอมดี” อันเดบารันเมื่อ 200 ปีที่แล้วหรือเอสองยิ้มพอใจพลางเอาช้อนตักแยมออกมาป้ายบนขนมปังแล้วส่งเข้าปาก “อือฮึ...อร่อย ชิออนนี่ใจร้ายชะมัด เมื่อก่อนไม่เห็นทำให้กินมั่งเลย ชอบแต่ไปนั่งซดชากุหลาบที่วิหารพิชเชสตลอด”

“หือออออ....แล้วเมื่อ 200 ปีก่อน ท่านชิออนเป็นยังไงมั่งล่ะ” เอหนึ่งเลียบๆ เคียงๆ ถาม

“เล่าแล้วเหยียบไว้เลยนะ” เอสองกระซิบกระซาบเสียงดัง “เรื่องหน้าตา หมอนั่นติดอันดับหนึ่งในสามโกลด์เซนต์ขวัญใจชาวแซงค์ฯ...เวลาแอเรียส ชิออน พิชเชส อัลบาฟิก้า กับเวอร์โก อัสมิตะ ปรากฏตัวพร้อมๆ กันที เสียงกรี๊ดงี้ถล่มทลาย”

“อาฮะ” เอหนึ่งพยักหน้าเห็นด้วยหงึกหงัก ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นล่ะ

ให้ความรู้สึกคล้ายแกะที่วิ่งปรู๊ดไปทางโน้นทีทางนี้ที” เอสองยิ้มกับถ้วยชาในมือแล้วยกขึ้นซด “ทั้งที่แฟนคลับตรึม แต่เจ้าตัวกลับซื่อเกินจนเรียกว่าเซ่อเลยก็ได้มั้ง ไม่รู้อะไรกับเขาสักอย่าง....

เมื่อข้อมูลลับ ลวง ลึกที่ทยอยถ่ายทอดเริ่มดุเด็ดเผ็ดมันมากขึ้นเรื่อยๆ แกะที่แอบฟังอยู่ก็เริ่มมือไม้สั่น แต่พอหันไปเห็นลูกแกะในปกครองส่งยิ้มขำๆ มาให้ก็จำใจฝืนยิ้มตอบกลับไปทั้งๆ ที่ยังกัดฟันกรอด

...หะเหย พูดให้มันดีๆ นะเฟ้ย เจ้าวัวตัวแสบ ทำอะไรไม่เห็นแก่หน้าเพื่อนฝูงเลยจริงๆ

อะไรอะ เอหนึ่งยังคงซักต่อไป

“เพราะเข้าถึงตัวง่ายกว่าอีก 3 คนที่เหลือ รูปแอบถ่ายของหมอนั่นเลยมีเยอะที่สุด แล้วก็ราคาดีกว่าใครเขาเพื่อนเลย”

“ฮ้า...” เสียงเอหนึ่งอุทานลั่นเลยกลบอีกเสียงร้องที่ดังออกมาแทบจะพร้อมกันได้

“มีมันทุกอิริยาบท ทั้งตอนสวมคลอส ชุดไปรเวทธรรมดา ตอนตั้งหน้าตั้งตาซ่อมคลอธ เดินลาดตระเวนรอบแซงค์ฯ ออกไปหาอะไรกินตามหมู่บ้านข้างนอก ฯลฯ แต่ที่เรียกเสียงฮือฮามากที่สุด...ต้อง limited collection ‘รูปลับๆ ของชิออน ชุดนี้”

เอสองหยิบปึกอะไรบางอย่างจากใต้ชุดคลอธออกมาวางบนโต๊ะแล้วค่อยๆ คลี่ขยับให้กระจายออกให้เห็นทีละใบๆ

พอเห็นชัดๆ ว่าเป็นรูปอะไรเท่านั้น...คนถูกแอบถ่ายก็ถึงที่สุดของความอดทน เตรียมกระชากประตูเปิดออกแล้วปล่อยท่าไม้ตายเข้าถล่มทันที แต่ดีว่าถูกล็อกตัวเอาไว้ได้เสียก่อน

“อย่าเพิ่งสิครับ” มูที่ตรึงชิออนไว้ในอ้อมแขนยกปลายนิ้วขึ้นแตะริมฝีปาก หากแต่นัยน์ตากลับเล็งแลมองรูปบนโต๊ะด้วยความสนใจ “ยังเห็นไม่ครบเลย”

“ทั้งๆ ที่ไม่มีการยอมรับว่าฝีมือใครแน่” เอสองไล่นิ้วอธิบาย “แต่ก็พอจะรู้ๆ กันอยู่ว่า....รูปใส่ผ้ากันเปื้อนทำกับข้าวนี่ฝีมือโดโก รูปใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นฝีมือมานิกอลด์ แต่ทั้งหมดนับว่าธรรมดามากถ้าเทียบกับรูปตอนนอนกอดหมอนข้างหลับปุ๋ยไม่รู้เรื่อง รูปหัวฟูงัวเงียหลังตื่นนอน กับรูปใส่เสื้อคลุมอาบน้ำกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าฝีมืออัลบาฟิก้า...มีแต่คนอยากรู้ว่าไปถ่ายมาได้ยังไง แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีแนวหน้ากล้าตายคนไหนเปิดปากถาม”

“โห” เอหนึ่งทึ่งจัดก่อนชี้ไปที่รูปใบสุดท้าย “แล้วรูปนี้ล่ะ”

“เนี่ยเหรอ ดูเผินๆ จะนึกว่าเป็นรูปอัลบาฟิก้าอยู่ท่ามกลางทะเลกุหลาบ ต้องดูดีๆ ถึงจะรู้ว่าเป็นชิออน เลยลือกันหึ่งทั่วแซงค์ฯ ว่าเป็นการแก้แค้นที่ชิออนบังอาจไปเก็บดอกกุหลาบพันธุ์พิเศษมาทำใบชา แต่ฉันว่า...หมอนั่นหวังจะประกาศความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของทางอ้อมมากกว่า”

“นี่ถ้าท่านชิออนรู้เข้า...” เอหนึ่งทำหน้าหวาดเสียว

...เออ รู้แล้วเฟ้ย ถึงจะช้าไป 200 กว่าปีก็ตาม

“เจ้าสามคนนั่นได้ตายรอบสองแน่” เอสองหัวเราะร่าแล้วจิบชาต่อ

...3 คนนั่นไว้ทีหลัง เริ่มจากแก 2 คนก่อน เดี๋ยวจะทำ น้ำข้าวต้ม ให้กิน เอาหม้อใหญ่ๆ จะได้หยอดได้เป็นวันๆ เลย ฮึ่มมมมมม.....

ปัง!

“หือ....” เอหนึ่งและเอสองขมวดคิ้ว “ไม่มีลมพัดสักนิด แล้วอะไรดันประตูเปิดหว่า”

และแล้ววัวสองตัวที่รอดตายหวุดหวิดก็จิบชาพลางเมาท์ต่อไปอย่างมีความสุข ท่ามกลางแรงอาฆาตของแกะที่ถูกกึ่งอุ้มกึ่งลากกึ่งบังคับให้ออกไปที่บันไดเชื่อมต่อวิหารเจมินี่


“ไม่เอาน่า อย่าโกรธสิครับ” เจ้าลูกศิษย์ตัวดีที่เดินอยู่เคียงข้างส่งยิ้มหวานปานน้ำเชื่อมเข้มข้นมาให้ หวังประจบเอาใจอาจารย์ที่ทำหน้าตึงสนิท

...ก็ได้ อย่างน้อยมูก็ช่วยให้แซงค์ฯ รอดพ้นภาวะวิกฤตบัญชีธนาคารติดตัวแดงเพราะ เคียวโกโมโหขาดอาละวาดวิหารทอรัสพังไปได้.... ถือว่าเป็นความดีความชอบ

...จะยอมยกโทษให้สักครั้งแล้วกัน

...แต่

....เอ...ทำไมวิหารเจมินี่มันทั้งมืดสนิททั้งเงียบกริบอย่างนี้ ไฟสักดวงก็ไม่เปิด แล้วยังเสียงโวยวายทะเลาะกันแก้เซ็งของเจ้าสองแฝดที่ดังทุกๆ ห้านาทีอีกล่ะ มันหายไปไหน.... 

“หรือ...หรือว่า....” ชิออนหน้าซีดมือสั่น “เจ้าสี่คนนั่น...มันจะฆ่ากันตายเรียบร้อยไปแล้ว”

สภาพข้างในวิหารยังเหมือนเดิม ไม่มีร่องรอยผิดปรกติอะไรให้เห็น แต่พอเดินลึกเข้ามาถึงด้านใน ผลักประตูห้องเล็กเข้าไป.....ภาพที่เห็นภายใต้แสงไฟสลัวเลือน......คือ...โกลด์เซนต์เจมินี่สี่คนกำลังนั่งล้อมรอบโต๊ะตัวใหญ่ แต่ละคนจิตใจจดจ่ออยู่กับกิจกรรมตรงหน้าแบบว่าไม่สนใจใครหรืออะไรทั้งนั้น

...ดีจริงๆ ไม่มีใครเป็นอะไร วิหารก็ไม่พัง

...แต่...นี่มันอะไร

...นี่มันอะไรกัน

“นี่...พวกนาย พวกนาย....” ชิออนที่อึ้งไปหลายวิก่อนจะชี้นิ้วใส่แล้วตวาดแว้ด “ทำอะไรกันอยู่ หา”

“ซักผ้ามั้ง” เจมีนี่ อัสพรอสที่กำลังสับไพ่เหลือบมองว่าคนถามเป็นใครก่อนจะยักไหล่แล้วส่งต่อไปให้คาน่อนที่ทำหน้าที่แจกรับไป “ก็เห็นๆ อยู่ ถามทำไม”

“ชิออน” ข้างๆ ซางะที่ผมเปลี่ยนเป็นสีเทา เดฟเทลอสทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ส่งยิ้มมาให้พร้อมๆ กับกรีดนิ้วหยิบไพ่ที่ได้รับแจกขึ้นมาเรียงในมือทีละใบ “ไม่ได้เจอตั้งนาน สบายดีนะ มีเรื่องอยากคุยด้วยเยอะแยะเลย แต่...”

“ใครจั่วคนแรก” เสียงหงุดหงิดเล็กๆ ของอัสพรอสดังขึ้นขัดจังหวะ “อยากชวนให้เล่นด้วยกันนะชิออน แต่ขาครบแล้ว ถ้ามีธุระกับพวกฉันหรือกับเจ้าสองคนนี่ พรุ่งนี้มาใหม่แล้วกัน”

“เอาล่ะนะ” ดาร์กซางะแสยะยิ้มโฉดขณะเอื้อมมือไปหยิบไพ่ใบบนสุด “เราจะสู้....เพื่อศักดิ์ศรีของโกลด์เซนต์เจมินี่รุ่นปัจจุบัน”

“โอทส์” น้องขนุนก็ดันบ้าจี้ตามพี่สง่าไปด้วยอีกคน

“จุ๊ๆ เงียบไว้นะ” เดฟเทลอสหยิบไพ่ในกองออกมาบ้างแล้วส่งยิ้มให้อีกที “เล่นกันแค่สนุกๆ เท่านั้นแหละ อย่าบอกใครล่ะ”

แล้ววงไพ่ก็ดำเนินต่อไป......ปล่อยให้เคียวโกผู้รักษากฎระเบียบแห่งแซงค์ทัวรีเดินจากไปด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง


ขณะเดินผ่านหน้าวิหารแคนเซอร์ต่อไปวิหารเลโอ.....

มูมองหน้าชิออนที่อึ้งจนพูดอะไรไม่ออกแล้วก็หัวเราะคิก “พวกรุ่นพี่นี่สดใส ร่าเริง รักสงบกันดีจังนะครับ”

“คิดอย่างนั้นเหรอ” ชิออนถามเสียงเพลีย

“ก็ทุกคนที่ได้พบไม่เห็นใครมีปัญหาอะไรเลย” มูยิ้มพลางแตะแขนคนข้างๆ เบาๆ “เซนต์สองคนแบ่งวิหารกันอยู่ได้จริงๆ นะครับ

“เฮ้อ!” ชิออนถอนใจยาว

...ก็อาจจะจริงอย่างที่มูว่า

....บางที....อาจเป็นตัวเขาเองที่วิตกจริตคิดมากเกินไป

...เหมือนอย่างเซนต์วิหารนี้.... มานิกอลด์กับเดธมาสก์ สองคนมันไปก๊งเหล้า ...ช่างหัวมัน ถ้าไม่เมาแล้วชิงฆ่ากันตายซะก่อนพรุ่งนี้สายๆ คงกอดคอกันกลับมา

“อ๊ะ”

โล่งใจได้ไม่นาน เสียงมูอุทานเบาๆ ก็เรียกสติให้กลับมารับรู้ความจริงตรงหน้า...ที่หน้าวิหารเลโอที่มืดสนิท แสงจันทร์ซีดๆ ส่องเงาตะคุ่มๆ ให้เห็นร่างสองร่างที่นอนแผ่แน่นิ่งอยู่บนลานหินหน้าวิหาร ขนาดเห็นจากที่ไกลๆ ยังดูรู้ว่าเป็น...

“ไอโอเรีย?”

“เรกูลัส?”

ทีแรกชิออนแทบลมใส่ ในหัวคิดสะระตะสารพัดวิธีจัดพิธีศพวุ่นวาย แต่พอเห็นโหลใส่สารพัดขนมกับถ้วยใส่นมร้อนที่กินเหลือทิ้งไว้ ไม่นับที่นอน หมอน มุ้ง ผ้าห่มที่วางกองอยู่ใกล้ๆ ก็ขมวดคิ้วก่อนส่งสัญญาณให้มูเข้าไปดูลาดเลา

“ท่านชิออน? มู? มีอะไรครับ” ศพแรก เอ๊ย ไอโอเรียที่รู้สึกตัวก่อนสะบัดผ้าห่มออกจากตัวแล้วลุกขึ้นนั่งด้วยท่าทางสะลึมสะลือพลางเอื้อมมือคว้าหมอนใบเล็กไปสะกิดปลุกคนที่นอนอยู่ข้างๆ

“มีไร” ศพสองหรือเรกูลัสที่นอนขดตัวกลมอยู่ห่างออกไปหน่อยส่งเสียงถามบู้บี้

“ท่านเคียวโกมาครับ รุ่นพี่”

“ไหนๆ” เรกูลัสหูผึ่งเด้งดึ๋งขึ้นมาทันที “ชิออนเองเหรอ....ฉันนะอุตส่าห์ขอให้ซ่อมบำรุงวิหารเลโอใหม่ให้เป็นผนังเก็บเสียงตั้งแต่สมัยเซจ แต่นี่...ผ่านมา 200 กว่าปีแล้วก็ยังเหมือนเดิมเด๊ะ เคียวโกอะไร...ใจร้ายชะมัด”

“มันเปลืองงบ” ชิออนแยกเขี้ยวตอบก่อนป้อนคำถาม “ออกมานอนข้างนอกทำไม”

“ก็....” แมว 2 ตัวอึกอัก ท่าทางเหมือนไม่ค่อยอยากจะบอก

“จะไปวิหารเวอร์โกกันเหรอ” เจ้าเหมียวเรียเปลี่ยนประเด็นมันง่ายๆ ด้วยการหันถามเพื่อนร่วมรุ่นที่พยักหน้ารับหงึกหงัก

“งั้นเอานี่ไป” เรกูลัสพลิกหมอน คุ้ยผ้าห่ม ควานหาอะไรสักอย่างวุ่นวายก่อนจะส่งก้อนอะไรกลมๆ ประหลาดๆ ทำจากผ้าขนสัตว์ฟูๆ สีชมพูกับสีเขียวมาให้ “ภูมิปัญญาที่บรรพบุรุษโกลด์เซนต์เลโอคิดค้นขึ้นก่อนจะส่งต่อให้ทุกๆ รุ่นต่อมาพัฒนาเพิ่มเติม รุ่นล่าสุดนี่.... ถึงหน้าตาจะไม่ค่อยดี แต่คุณภาพชั้นเซียนนะบอกให้”

“แต่คราวนี้ดับเบิ้ลนะครับ” แมวไอโอเรียทำหน้าเหมือนไม่ค่อยไว้ใจเท่าไหร่ขณะสาธิตวิธีใส่ให้แกะที่ยังยืนงงอยู่ดูเป็นตัวอย่าง

“ตามปรกติ รับรองว่าถ้าไม่เกินครึ่งชั่วโมงล่ะก็ทนได้สบายหายห่วง แต่ถ้ามากกว่านั้นไม่รับประกันความเสียหาย” เรกูลัสเม้มปาก “ถ้าคูณสองก็ระวังอย่าให้เกินสิบห้านาทีแล้วกัน”

“โชคดีนะครับ ราตรีสวัสดิ์” ไอโอเรียที่ช่วยมูใส่อุปกรณ์ประหลาดเสร็จก็เริ่มต้นหาวหวอดแล้วคว้าผ้าห่มผืนโปรดมาคลุมตัว

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันนอนต่อล่ะนะ อย่าลืมเพิ่มงบซ่อมวิหารเลโอล่ะ บายบ๊าย” เรกูลัสซดนมร้อนที่ยังเหลืออยู่จนหมดแก้วแล้วตบบ่าชิออนป้าบใหญ่ก่อนล้มตัวลงนอนขดกลมแบบเดิม

ไม่ถึงห้านาที...ทั้งคู่ก็หลับสนิท

...เออ พวกแกมันแมวอนามัย ให้ตาย....โกลด์เซนต์เลโอมันเป็นอย่างนี้ทุกรุ่นเลยเรอะไงเนี่ย

     
“เฮ้อ!

เสียงถอนใจยาวดังขึ้นขณะค่อยๆ เดินลงบันไดเชื่อมต่อไปยังวิหารเวอร์โกที่เปิดไฟกระจ่างสว่างไสว แต่ไหนแต่ไรมาชากะก็มักจุดเทียน เปิดไฟ ขณะนั่งสมาธิ ทำวัตร สวดมนต์แบบนี้เสมอ ...แต่คืนนี้ดูจะสว่างมากกว่าเดิมหลายเท่า

แสงเทียนช่วยให้จิตใจสงบ สายลมที่พัดโชยมาเบาๆ ท้องฟ้าที่พร่างพรายไปด้วยประกายดาว ก็ยิ่งทำให้สบายใจ

รอบตัวมีแต่ความเงียบ...

...แปลก เหมือนมูที่เดินอยู่ใกล้ๆ จะสบายอกสบายใจมากเสียจนร้องเพลงหรือพูดอะไรบางอย่างออกมายืดยาว ทั้งๆ ที่ริมฝีปากขยับแต่ทำไมกลับไม่ได้ยินเสียง

นึกสงสัย แต่ยังไม่ทันได้ถามอะไรออกไป...เสียงแปลกๆ ก็เริ่มแทรกเข้ามาในโสตประสาท ให้รู้ตัวว่าได้ก้าวขาเข้ามาในวิหารเวอร์โกเป็นที่เรียบร้อย

...ไม่...เสียงที่ได้ยินไม่ใช่เสียงมูร้องเพลง

...แต่เป็น....

...รู้แล้วว่าทำไมเจ้าสองเหมียวถึงต้องระเห็จออกไปนอนนอกวิหาร แต่ยังฟอร์มจัดอุบไว้ไม่ยอมบอก

ลำพังชากะคนเดียวก็รับมือแทบจะไม่ไหว นี่ได้อัสมิตะเพิ่มมาเสริมทัพด้วยอีกคน บัลลังก์ดอกบัวยักษ์แฝดเลยบานสะพรั่งแทบเต็มพื้นที่โถงกลาง ข้างบนมีร่างโกลด์เซนต์เวอร์โก 2 รุ่นนั่งหลับตาภาวนามนตรา เสียงสังวัธยายมนต์และเสียงขยับเลื่อนประคำในมือ...แม้ไม่ดังสนั่น แต่ก็สะท้านสะเทือนเลื่อนลั่นไปถึงสมองและหัวใจ เร่งให้แสงธรรมอำไพเป็นประกายแรงกล้าพราวพร่างแบบยกกำลังสอง จนต้องรีบหลับตา ขยับสองขาเร่งโกยอ้าวก้าวออกมาให้พ้นชายคาวิหารโดยเร็ว

“โอย!

พอลงบันไดมาจนพ้นรัศมีแสงธรรม เคียวโกก็มีอันทรุดฮวบเพราะแข้งขาสั่นสะท้านจนพานยืนไม่อยู่ ดีที่ได้มูช่วยประคองไว้ ไม่งั้นคงได้ลงไปกองกับพื้นให้อับอายขายหน้าประชาแซงค์

“ท่านชิออน”

“อยู่นิ่งๆ” เสียงเอ็ดไม่จริงจังนักดังกระท่อนกระแท่นเพราะคนพูดเวียนหัวเต็มทน “ฉันคงแก่เกินไปแล้วจริงๆ”

ไม่ได้ยินว่ามูพูดอะไรตอบกลับมา รู้แต่ว่าลมหายใจอุ่นๆ กระทบเบาๆ อยู่แถวขมับ เรียวนิ้วค่อยๆ เกี่ยวเส้นผมที่รุงรังปรกหน้าออกเบามือ จากนั้นตัวก็ถูกอุ้มลอยขึ้น....ก่อนจะวางลงบนเก้าอี้นวมนุ่มๆ

ชิออนถอนใจเบาๆ แล้วลืมตา

...วิหารไลบร้า

...เพราะแบบนี้รึเปล่า โดโกถึงยอมไปนั่งจุมปุ๊กอยู่ที่เขาโกโรโฮแต่โดยดี

พอหันไปข้างๆ ก็เห็นมูที่คุกเข่าอยู่ใกล้ๆ มองมาด้วยสายตาที่ปิดความกังวลไม่มิด ชิออนก็ส่งยิ้มให้ พลางบีบมือใหญ่อุ่นจัดที่กุมมือของตัวเองอยู่เบาๆ

“ไม่เป็นไรแล้วล่ะ แต่สงสัยต้องยอมเพิ่มงบซ่อมบำรุงวิหารเลโอ ว่ามั้ย”

เจ้าอุปกรณ์ประหลาดที่ตอนนี้รู้แล้วว่าเป็น ที่ปิดหูถูกถอดออกวางไว้บนโต๊ะตัวเล็กข้างๆ

“เรกูลัสถึงบอกให้รีบออกมาจากวิหารเวอร์โกภายใน 15 นาที แต่เรากลับโอ้เอ้ชักช้า หมดเวลาซะก่อน”

“ไม่หรอกครับ” มูสั่นหัวก่อนทำหน้ายุ่ง “ไม่ว่าอะไรก็คงต้านทานพลังระดับนั้นไม่ไหว”

สักพักชิออนก็ค่อยๆ ทรงตัวได้แต่ไม่วายต้องยึดท่อนแขนศิษย์รักไว้เป็นหลักพยุงตัว

 “ไปต่อเถอะ ไม่รู้พวกวิหารบนๆ จะเป็นยังไงกันบ้าง”


...........................................................................................

ตั้งใจให้เป็นของรับขวัญเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยของน้องมุก แต่ก็เลท+ยังเขียนไม่จบจนได้ 

แล้วจะรีบมาต่อจ้ะ ส่วนเรียช่าก็รอต่ออีกนิด รับรองว่าเขียนแน่ๆ 

7 ความคิดเห็น:

  1. virgo kaimook6/25/2556

    อ่านนจบละยิ้มไม่หุบบ หยุดกรี๊ดไม่ได้เลยคะะะะ
    เท่าที่แอบสังเกตต สรุปท่านมูเมะท่านชิสิน้าาเย้ ดีใจมากคะะ นานๆทีจะเจอท่านมูเมะะ แหมม ฉวยโอกาสตลอดเลยน้าา~ ท่านชิก้ซื่อจริงอย่างที่ท่านฮัสการ์ดว่า
    ว่าแต่ที่จริงแล้วโกลด์เซนต์ทั้งสองรุ่นเนี่ยยเข้าขากันดีสุดๆเลยแฮะะะ นึกภาพออกเลย มานิกอลกับแช่มไปก๊งกันน แล้วก้มานิก้มอมเหล้าแช่มแล้วกดเลบย เจ้ยย มะใช่ละะ 555
    ส่วนเจมืนี่ ตอนแรกลุ้นมากว่ามันจะฆ่ากันตายป่าวว ส่วนตัวแอบชอบให้พี่น้องงอยู่กันดีๆมากๆๆเลยย แบบน่าร้ากกกกกกกกก
    ส่วนทอรัสเอหนึ่งและเอสองงทั้งสองนางงขาเม้าาสุดๆๆ มีกระทั่งงรูปลับขอวท่านชิิ จะว่าไปกรี๊ดมากกเลยคะที่มิตะซังติดหนึ่งในสามมมด้วยย อยากจะไปตามสโตรกกกจริงๆๆๆ/เริ่มโรคจิตต555
    ขำไอโอเรียกับเรกูลัสมากก อยู่ด้วยกันได้แบบของจริงง เปนเจ้าแมวสองตัววที่โดนพระแกล้งงงวว ฮ่าๆๆๆ น่าสงสารร/แต่ขำไม่หยุดดเลยย แสดงว่าอานุภาพทสวดของท่านเวอร์โกทั้งสองงสุดยอดดดด ขนาดทำท่านชิเข่าอ่อน แต่มุกอยากฟังท่านช่ากับมิตะซังสวดจังเลยคะะะ ยอมมเข่าอ่อน เปนลม หน้ามืด ตาลาย ปวดเศียร เวียนเกล้าา ฮ่าๆๆๆๆ เว่อออร์แล้ววว
    ขอบคุณสำหรับของขวัญชิ้นนี้มากๆๆๆเลยคเเดีใจมากๆๆๆๆๆๆ แบบยิ้มไม่หุบเลยคะพี่ เป็นกำลังใจให้นะคะะะะ ไม่ว่าเมื่อไรก้จะรออ่านฟิคของพี่นะคะ อ่านแล้วมีความสุขมากๆๆๆเลยคะ ^^

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ9/07/2556

    กำลังสนุกเลย รีบมาต่อเร็วๆ นะคะ

    ตอบลบ
  3. ตายแล้วสนุกมากก xD กรี๊ด กร๊าาาด เป้นแม่ยกมากรี๊ดสองแฝดอวุโสค่ะ ท่านฮาคุกับท่านเซจเขากันที่สุด!

    ตอบลบ
  4. เขียนต่อเถอะครับสนุกมากอยากอ่านต่อ

    ตอบลบ
  5. ไม่เขียนต่อแล้วเหรอคะ? กำลังสนุกเลย วิหารที่อยู่ในระดับอันตรยเพิ่งผ่านไปแค่วิหารเดียวเอง(เจมินี่น่าจะมีโอกาสตีกันตายมากที่สุดเนอะ 555) แต่วิหารบนๆก็ใช่ย่อย มีแค่เดเจลกับคามิว แล้วก็ชิจิฟอสกับไอโอรอสที่ไม่น่าจะตีกัน ที่เหลือ.....(ละไว้ในฐานที่เข้าใจ)

    ตอบลบ
  6. เขียนต่อนะฮะๆๆๆๆ

    ตอบลบ
  7. ไม่มีต่อแล้วหรอคะ อ่านสนุกมากเลย //ทำตาวิ้งๆ อ้อนคนเขียน หนูเป็นติ่งเซนต์เซย่าง่ะ---

    ตอบลบ