31/1/55

FF7 ‘s AU Fic : Blue Bonding p3

ตอบเม้นต์ก่อน.....

คุณชิน (ไหนๆ ก็รู้ชื่อแล้ว ^^) : ก็..อะนะ อย่างที่บอกแต่แรกแล้วว่าเป็นฟิคสมัย 10 ปีที่แล้วเอามารีไรต์ ตอนนั้นอยู่ ม.ปลายได้มังคะ เลยยังมองโลกเป็นสีชมพูอยู่ อะไรๆ ในเรื่องเลยดูสดใส หวานแหววไปหมด พอมารีไรต์ก็พยายามไม่แก้พล็อต แค่ใส่เนื้อหากับเพิ่มรายละเอียดให้อ่านเข้าใจมากขึ้น (อ่านของเดิมไปบางทียังงงเลยค่ะว่าตัวเองจะเขียนอะไรแน่)

เข้าใจว่าตอนเริ่มเขียนใหม่ๆ จะพยายามหาทางให้คลาวด์คุงสามารถมีปากมีเสียงกับเซฟจังได้บ้าง ไม่ใช่หงอเป็นทหารลูกกระจ๊อกในมือท่านนายพลเหมือนต้นฉบับ แต่ก็นะ...ถึงตอนนี้ก็ยังยากจะอัพเกรดความเข้มของน้องคลาวด์ให้พอฟัดพอเหวี่ยงกับพี่เซฟได้ ก็อีกฝ่ายออกเทพซะขนาด...ยังคิดอยู่เลยว่าชะตากรรมของคลาวด์ก็คงหนีไม่พ้นเป็นลูกเจี๊ยบในกำมือเซฟไปตลอดทุกฟิคแหง

เคยเขียนฟิคแบบกลับด้านนะคะ โซลเยอร์เฟิร์สคลาสคลาวด์กับการ์ดเซฟิรอธ (666+ ทำไปได้) โดยการเอาอายุ+ความเข้มบางส่วนของเซฟโอนไปให้คลาวด์ พอบาลานซ์อิมเมจดีๆ คลาวด์จะดูเข้มแข็งขึ้น เซฟจะอ่อนลง แต่...พล็อตไปพล็อตมาเรื่องมันเหมือนลูกน้องคอยจ้องตะครุบหัวหน้าตัวเองยังไงไม่รู้ เลยเลิกเขียน

งึม... Allxคลาวด์ เหรอคะ อ่า...ฟิคนี้อาจเป็นอย่างนั้นก็ได้ (555+) ถึงพระเอกจะเป็นเซฟจัง แต่ก็ยังมีอีกหลายคนรอแย่งตำแหน่งนะ อย่างน้อยๆ ก็...แซค รูฟัส วินเซนต์ เอริธ ล่ะ แบบนี้ถือเป็น Allxคลาวด์ มั้ยนี่

...................................


Chap 3 : Cloud

ที่นี้สินะ

ร่างบางกวาดสายตาไปทั่ว ก่อนจะหยุดลงตรงแมนชันสูงยี่สิบห้าชั้นที่โดดเด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางกลุ่มตึกนับสิบที่กระจายตัวอยู่ทั่วไปในย่านที่พักอาศัยที่ไม่ใช่ว่าใครนึกอยากจะมาอยู่ก็จะได้อยู่ง่ายๆ
ตัวตึกออกแบบอย่างสวยงาม หรูหรา ที่สำคัญราคาไม่ธรรมดาจนคนที่เพิ่งมาจากเมืองชั้นนอกเมื่อปีที่แล้วอย่างคลาวด์ไม่อยากแม้แต่จะรับรู้ นั่นถือเป็นการป่าวประกาศฐานะทางการเงินของผู้คนที่อยู่ที่นี่ได้เป็นอย่างดี

...ที่อยู่ของ เจ้านาย ของเขา

จริงๆ จะเรียกว่า เจ้านาย โดยตรงก็คงไม่ใช่ แต่เป็นคนสำคัญที่กำชีวิตรวมถึงการเรียนเทอมต่อไปของเขาไว้ในมือ

...เซฟิรอธ นายแบบอันดับหนึ่งของวงการเวลานี้ เจ้าของฉายา “เทวทูตไร้หัวใจ”

...เขาเป็นแค่ เด็กธรรมดาอายุ 17 แท้ๆ แต่ริจะข้ามขั้นไปดูแล เทวทูตที่อายุมากกว่าถึง 6 ปี !!!!!!


เธอทำได้อยู่แล้ว เชื่อสิ...ไม่มีใครหน้าไหนทนใจแข็งปฏิเสธความจริงใจของเธอได้ลง...เหมือนกับฉัน…’

ถึงวินเซนต์ที่ไม่ได้เจอกันเป็นสิบปี..แล้วบังเอิญมาเจอกันอีกทีวันที่เข้าไปรับงานกับคุณรีฟจะพูดแบบนั้น ตอนได้ยินก็เพิ่มกำลังใจได้หลายเท่าอยู่ แต่พอเอาเข้าจริงมันก็.…เฮ้อ!


เอาน่ะ ไม่เป็นไรหรอก...6 ปี คิดซะว่าเป็นรุ่นพี่ปีสุดท้ายที่มหาลัยแล้วกัน


คลาวด์พึมพำในลำคอที่แห้งผาก พยายามปรับสีหน้าท่าทางให้เป็นปกติ มือเล็กกระชับกระเป๋าใส่สัมภาระใบเล็กในมือแน่นขึ้นขณะก้าวผ่านประตูใหญ่เข้าไปยังเคาท์เตอร์ที่อยู่บริเวณล็อบบี้ด้านหน้า

เอกสารแนะนำตัวจากบริษัทโมเดลลิงที่คุณรีฟเตรียมไว้ช่วยให้ผ่านล็อบบี้ไปยังลิฟท์ได้อย่างรวดเร็ว ...เร็วจนไม่ทันเตรียมตัวเตรียมใจรับมือกับปฏิกิริยาของ “เทวทูตไร้หัวใจ” ที่กำลังจะได้พบ

ไม่ถึง 5 นาทีต่อมา เด็กหนุ่มก็มายืนอยู่หน้าห้องตามที่เขียนบอกไว้ในกระดาษโน้ต

มือเล็กๆ ยื่นปลายนิ้วเย็นเฉียบออกไปแตะที่แป้นตัวเลขข้างประตูบานใหญ่แล้วแข็งใจกดรหัสผ่าน สอดคีย์การ์ดเข้าไป ก่อนจะหายใจลึกๆ ยาวๆ รวบรวมความกล้าที่มีอยู่ทั้งหมดก้าวเท้าเข้าไปข้างในห้องหลังจากได้ยินเสียงปลดล็อกดังขึ้นเบาๆ

ไฟที่โถงด้านหน้าสว่างขึ้นโดยอัตโนมัติ เมื่อมองผ่านเข้าไปข้างในจะเป็นห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ที่มีเพียงโซฟา ทีวี ยกพื้นที่ตั้งโต๊ะทานข้าวขนาดเล็ก แล้วก็ตู้ใส่เอกสารตรงมุมห้อง นอกจากนั้นแล้วก็ไม่มีอะไรอีกเลย ทำให้ดูโล่งกว้างแล้วก็เวิ้งว้างอย่างบอกไม่ถูก

...ท่าทางอีกฝ่ายจะยังไม่ตื่น

...ก็ดีเหมือนกัน

คลาวด์ลอบถอนใจเบาก่อนถอดรองเท้าวางไว้ที่ด้านหน้า แม้จะไม่มีชั้นวางรองเท้าบอกใบ้ แต่พรมหนานุ่มที่ปูทั่วห้องก็ทำให้เกรงใจจนแม้แต่เท้าเปล่าก็แทบไม่กล้าเหยียบ

ทั้งๆ ที่ตอนอยู่หน้าประตู เด็กหนุ่มจะทั้งกลัวทั้งกังวลเสียจนหัวใจแทบหยุดเต้นแท้ๆ แต่พอได้เข้ามาเห็นสภาพแมนชันที่ทุกอย่างช่างแตกต่างจากความเป็นอยู่ของนักศึกษาในหอพักของมหาวิทยาลัยลิบลับ ก็อดเดินสำรวจไปรอบๆ ด้วยความสนอกสนใจไม่ได้

ในห้องนั่งเล่นที่ให้ความรู้สึกว่าโล่งเหลือเกินนั้น มุมในสุดมีบาร์เครื่องดื่มเล็กๆ ภายในมีเหล้าหลายชนิดจนต้องย่นจมูกใส่ ใกล้ๆ กันเป็นหน้าต่างที่คงออกแบบพิเศษให้เป็นกระจกใสสูงจากพื้นจรดเพดาน ทำให้มองเห็นวิวภายนอกได้ชัดเจน ส่วนผนังอีกด้านหนึ่งเชื่อมต่อกับระเบียงเปิดโล่งด้านนอก แต่ตอนนี้ประตูกระจกที่กั้นเอาไว้ปิดล็อค

ถัดจากห้องนั่งเล่นเข้าไปเป็นห้องครัวและห้องน้ำที่แยกออกมาจากห้องนอนที่คงอยู่ด้านในสุด

ห้องนั่งเล่นว่าแย่แล้ว ในครัวยิ่งแย่หนักกว่า เพราะแทบไม่มีวี่แววใช้งาน ถึงจะมีเตาไฟฟ้า เตาอบ และไมโครเวฟรุ่นใหม่ล่าสุด แต่กลับไม่มีเครื่องครัวอะไรสักอย่าง ในตู้เย็นที่ไม่แม้จะเสียบปลั๊กว่างเปล่า ดูท่าว่า...นอกจากเมล็ดกาแฟพันธุ์ดีหลายชนิดบนชั้นวางของกับชุดเครื่องชงกาแฟและแก้วไม่กี่ใบแล้ว เจ้าของห้องคงใช้บริการรูมเซอร์วิสตลอด 

...แย่ล่ะสิ

...เมื่อกี้พี่สาวคนสวยที่เคาท์เตอร์ข้างล่างบอกว่าสองสามวันนี้รูมเซอร์วิสงดให้บริการ เพราะจะมีการตรวจสอบความสะอาด

...ทำยังไงดี

หลังจากหันรีหันขวางทำอะไรไม่ถูกอยู่พักใหญ่ คลาวด์ก็ค้นตู้เก็บของแห้งเจอซุปไก่ข้นสองสามกระป๋องที่คงจะเก็บจนลืม...แต่ยังไม่หมดอายุ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แล้วก็ซองน้ำตาล เกลือ พริกไทยที่แจกพร้อมชุดอาหารบนเครื่องบินหลายสิบซองที่ใส่รวมๆ กันในถุงพลาสติกใบใหญ่ แม้จะเสียหน้านิดหน่อยที่ต้องใช้ของสำเร็จรูป..แต่จะทำไงได้ล่ะ

โชคดีอีกอย่างที่เคยทำงานพิเศษในร้านกาแฟเล็กๆ ข้างหอพัก วิธีใช้เครื่องชงที่แสนยุ่งยากจึงไม่เป็นปัญหา แค่เสียเวลานิดหน่อยเลือกเมล็ดกาแฟสองสามชนิดในปริมาณที่แตกต่างมาคั่วผสมกัน อึดใจต่อมากลิ่นกาแฟหอมกรุ่นก็โชยตลบอบอวลไปทั่ว

สักพักสัญชาติญาณก็บอกให้เขาละสายตาจากถ้วยกาแฟแล้วหันไปมองรอบๆ ชายคนหนึ่งยืนมองมาเงียบๆ อยู่ใกล้ขอบประตู

เพราะต้องตั้งสมาธิระดมสมองหาวิธีใช้ของเท่าที่มีอยู่มาดัดแปลงเป็นอาหารเช้าให้ได้ คลาวด์ไม่รู้ตัวเลยว่ามีคนยืนอยู่ตรงนั้นนานเท่าไหร่แล้ว

...ไม่ต้องเดาให้เหนื่อย เพราะตัวจริงเสียงจริงไม่ได้ต่างจากรูปที่เคยเห็นตามป้ายโฆษณาหรือในแมกกาซีนเลยสักนิด

สำหรับคลาวด์แล้ว...จะใช้คำว่า มีสเน่ห์ก็คงไม่ผิดนัก ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าแสนจะสมบูรณ์แบบไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหรือรูปร่าง เส้นผมสีเงินยาวสะดุดตาที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีดูอ่อนนุ่มเป็นธรรมชาติ ขนตางอนยาวจนน่าอิจฉาเสริมให้ดวงตาคมกริบเป็นประกายสีเขียวเข้มจัดรับกับสันจมูกโด่งและริมฝีปากบาง รูปร่างโปร่งแต่แข็งแรงแบบคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำเมื่อรวมกับความสูงที่ต้องเงยหน้าขึ้นมองทำให้ยิ่งดูสง่าแม้จะเพิ่งตื่นนอนและอยู่ในชุดเสื้อคลุมก็ตาม

เอาเป็นว่า...สำหรับเซฟิรอธแล้ว...จะมองมุมไหนก็แตกต่างจากคนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงดึงดูดของเพศชายที่สัมผัสได้ชัดเจน

แต่บรรยากาศกดดัน อึมครึม ชวนให้หายใจไม่ออก ที่ห้อมล้อมอยู่รอบตัวนี่สิ...โอย ! ! !

... มันช่างแตกต่างจากรุ่นพี่หรือคนอายุ 23 ที่เคยรู้จักอย่างสิ้นเชิง

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปอีกเท่าไหร่ แต่ทันทีที่รู้สึกตัว หาปากหาลิ้นเจอ ร่างกายก็ขยับไปตามที่สมองร้องสั่ง หากแต่บ่าเล็กๆ กลับตกลู่แถมน้ำเสียงก็สั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุมได้

คะ..คลาวด์.... คลาวด์ สไตรฟ์ครับ จะมาเป็นผู้ดูแลชั่วคราว ขอ..ขอความกรุณาด้วย”

ร่างสูงนิ่งงัน นัยน์ตาสีเขียวจับจ้องมาที่เขาเงียบๆ แต่ไม่ได้พูดอะไรก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป

คลาวด์จำไม่ได้ว่าพูดอะไรออกไปอีกรึเปล่า เพราะรู้สึกตัวอีกทีก็เข่าอ่อนลงไปนั่งกองกับพื้นพร้อมหัวใจที่เต้นรัวจนแทบหลุดออกมาข้างนอก

เซฟิรอธไม่พูดอะไรตามเคย เมื่อคลาวด์บอกเรื่องรูมเซอร์วิสพร้อมกับเสิร์ฟอาหารเช้าที่มีเพียงซุปไก่ข้นและกาแฟเท่านั้น ก่อนจะหลบไปนั่งเงียบๆ ตรงมุมห้อง ตาคอยมองตามเส้นผมสีเงินยาวสยายกับนิ้วเรียวยาวที่เอาแต่จับช้อนคนซุปในถ้วยไปมาอยู่อย่างนั้น

สักพักเซฟิรอธที่มองเผินๆ เหมือนคิดอะไรอยู่คนเดียวก็เริ่มตักซุปเข้าปาก คลาวด์ลอบถอนใจเบา

... ถึง เทวทูตจะ ไร้หัวใจ แต่ก็ไม่ใช่ เทวทูตใจร้ายสักหน่อย

... ถึงจะไม่พูดอะไรด้วยหรือถูกทำเย็นชาใส่ก็ยังดีกว่าโดนไล่ซึ่งๆ หน้าเหมือนพวกผู้ดูแลคนก่อนๆ

... แบบนี้ จะเรียกว่า พอมีหวังได้มั้ยนะ

สักพักเสียงช้อนกระทบก้นถ้วยก็ดังขึ้นเบาๆ พร้อมกับสีหน้าประหลาดใจของเซฟิรอธ แต่พอเขาเดินเข้าครัวไปหยิบหม้อซุปออกมาเติมให้ อีกฝ่ายกลับผุดลุกขึ้น วางการ์ดเงินสดลงบนโต๊ะแล้วคว้ากุญแจรถจากกล่องบนตู้เอกสาร

“ฉันไม่ชอบให้ใครมายุ่งวุ่นวาย ถ้าเป็นเรื่องงานก็แล้วไป นอกนั้นก็ให้ต่างคนต่างอยู่จะดีที่สุด ...ส่วนห้องของผู้ดูแลอยู่ติดกับครัว”

เสียงบอกเรียบๆ โดยไม่หันมามองเลยสักนิดทำให้เท้าที่กำลังจะก้าวตามหยุดชะงัก นัยน์ตาสีฟ้าหม่นแสงได้แต่มองแผ่นหลังของคนที่เดินลิ่วๆ ออกจากห้องไป หัวใจที่เริ่มจะพองโตในตอนแรก ตอนนี้หดลีบแทบไม่เหลือ

หลังเก็บถ้วยกาแฟกับถ้วยซุปไปล้าง คลาวด์ก็มองไปรอบๆ ตัวแล้วถอนใจยาวอย่างคนยอมรับความจริง
แต่.....

...ในเมื่อเซฟิรอธยังไม่ได้ไล่เขาออกอย่างเป็นทางการ

...ก็ลองทำอะไรกับห้องที่แสนจะว่างเปล่านี่ดูแล้วกัน

...ถึงจะได้ทำงานแค่วันเดียว ก็อย่าให้ใครว่าเอาได้ว่า ไม่ได้เรื่องแล้วยังขี้เกียจ



“ทำอะไรน่ะ”

คนที่กำลังก้มๆ เงยๆ ผูกโครงลวดของรางใส่กระถางต้นไม้ที่เพิ่งซื้อมาอยู่บนแนวคอนกรีตแคบๆ ใต้ระเบียงแมนชันชั้นยี่สิบห้าสะดุ้งสุดตัวแล้วเงยหน้าขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงตะโกนลั่นๆ จากข้างบนระเบียง สูงขึ้นไปใบหน้าของเซฟิรอธที่ชะโงกลงมาจนเส้นผมสีเงินถูกลมตีปลิวกระจายแสดงความตกใจ

แต่แล้ว...คำตอบที่มารวมตัวกันที่ปลายลิ้นถอยกลับเข้าลำคอโดยอัตโนมัติ พร้อมๆ กับร่างกายที่เซเอียงไปข้างหลังทั้งตัว... วินาทีที่สมองไม่สั่งการไม่รับรู้อะไรสักอย่าง...แรงกระตุกแรงจนเจ็บหนึบที่หัวไหล่ขวาก็ช่วยเรียกสติกลับมา จากนั้นกระแสอะไรสักอย่างก็แล่นปราดจากศีรษะลงมาปลายเท้าจนร่างกายสั่นสะท้าน

"มองฉัน อย่ามองข้างล่าง" เซฟิรอธที่คว้าแขนขวาของเขาไว้ได้ส่งเสียงแข่งกับเสียงลมที่พัดเข้ามาปะทะจนหูอื้อ “ไม่เป็นไร ตั้งสติหน่อย พยายามทรงตัวไว้”

ใจชื้นขึ้นนิดนึงว่าพอมีหลักยึด แขนขาที่อ่อนแรงก็พอจะขยับได้บ้าง ขนาดตัวที่ค่อนข้างเล็กบางและแรงลมที่พัดเข้าหาตัวตึกช่วยให้ประคองตัวได้ง่ายขึ้น ไม่นาน..คลาวด์ก็ทรงตัวบนแนวคอนกรีตได้  

“ดีมาก” น้ำเสียงนิ่งสนิทของคนที่อยู่บนระเบียงดังต่อมาเรื่อยๆ “ค่อยๆ ขยับมาทางขวาอีกนิด แข็งใจหน่อย เอาล่ะ...ดี...ค่อยๆ ยืดตัวขึ้น ดีมาก อย่างนั้นแหละ”

จังหวะที่ค่อยๆ ยืดตัวขึ้น ท่อนแขนแข็งแรงก็โอบเข้าที่แผ่นหลัง อีกข้างเอื้อมลงไปโอบรอบเอวแล้วกระชากตัวลอยข้ามราวระเบียงขึ้นมา รู้สึกตัวอีกทีทั้งสองคนก็ลงไปกลิ้งกับพื้น

“โอเค ไม่เป็นไร ปลอดภัยแล้ว ยืนไหวไหม หืม...”” เซฟิรอธค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกช้าๆ เสยเส้นผมสีเงินที่กระจายกระจุยรุ่ยร่ายออกจากใบหน้าแล้วพยุงตัวเองและร่างเล็กๆ ที่ยังคงสั่นสะท้านในอ้อมแขนหลวมๆ ให้ลุกขึ้นนั่ง

ริมฝีปากปากสีซีดสั่นระริกจนยากจะบังคับให้มีเสียงเล็ดลอดออกมาเลยได้แต่เงยหน้าขึ้นจ้องลึกเข้าไปในนัยน์ตาสีใบไม้ที่ก้มลงมองสบ ระบายความกลัว ความโกรธ ความตกใจ เสียใจ ที่ผสมกันปนเปจนแยกไม่ออกว่ารู้สึกยังไงกันแน่ให้คนตรงหน้ารับรู้ นี่ถ้าแขนขาไม่อ่อนยวบจนขยับไม่ได้คงมีการระเบิดอารมณ์ทำร้ายร่างกายอีกฝ่ายกันบ้าง 

แต่...คงเป็นเพราะ หนึ่ง...ใบหน้าที่อยู่ห่างกันแค่คืบ จนรู้สึกถึงลมหายใจของกันละกัน สอง...ประกายตาสีใบไม้ที่อ่อนไหวเป็นกังวลตอนนี้สามารถละลายภาพแววตาเย็นชาในความทรงจำเมื่อเช้าได้หมด และสาม...ร่างกายของมนุษย์ช่าง..อุ่น

คลาวด์ก้มหน้าหลบตา ยกแขนเล็กๆ ขึ้นโอบรอบคอคนตรงหน้าแล้วซบลงกับไหล่กว้าง จากนั้นหยาดน้ำใสๆ ก็ร่วงพรู...

...รู้ทั้งรู้ว่าร้องไห้แบบนี้มัน เด็กเสียยิ่งกว่า เด็ก แต่ช่างมันเถอะ...ยังไงก็ไม่มีอะไรต้องเสียอยู่แล้วนี่

สักพักก็รู้สึกว่าแขนข้างที่โอบแผ่นหลังกระชับแน่นเข้าอีก ข้างเอื้อมลงไปตวัดรองใต้สะโพกแล้วยกช้อนตัวลอยขึ้นมา จากนั้นขายาวๆ ก็ลุกขึ้นเดินกลับเข้าไปในห้องนั่งเล่น



สัมผัสของเบาะนุ่มๆ ช่วยให้สบายใจขึ้น คลาวด์คว้าหมอนอิงใบโตมากอดแล้วใช้ทิชชูที่เซฟิรอธยื่นให้เช็ดหน้า

“เธอคงตกใจเสียงฉัน” คนที่นั่งลงข้างๆ พูดเรียบๆ เหมือนยอมรับผิดพลางไล่นิ้วมือเสยเส้นผมสีบลอนด์ที่ตกลงมาระใบหน้าขึ้นให้ “แล้วลงไปทำอะไรตรงนั้น”

“ไปผูกโครงลวดของรางใส่กระถางต้นไม้ครับ เมื่อเช้าคุณบอกเองว่า ถ้าไม่ใช่เรื่องงานก็ให้ต่างคนต่างอยู่ ใครอยากทำอะไรก็ทำ”

...เซฟิรอธขมวดคิ้ว คงทึ่งกับความเพี้ยนของเขา

“หอในมหาลัยที่ผมอยู่ห้ามปลูกต้นไม้เพราะมันเปลืองที่ พอดีห้องที่คุณให้ผมอยู่อยู่ถัดจากระเบียงพอดี ทีนี้พอไปเห็นรางใส่กระถางเข้าตอนไปซื้อต้นไม้ ดอกไม้มาประดับห้องเลยอดใจซื้อมาด้วยไม่ได้ แล้ว..แล้วก็ คือ...” เริ่มต้นเล่าเรื่องช่วงแรกๆ ด้วยเสียงอ้อมๆ แอ้มๆ พิกลแล้วจึงรีบเปลี่ยนเป็นรัวเร็วช่วงท้าย มือขวารีบหยิบการ์ดเงินสดจากในกระเป๋าเสื้อวางลงบนโต๊ะตัวเล็กใกล้ๆ “ผมใช้เงินของคุณไปมากพอดู แต่ก็..ก็เพราะห้องนี้มันไม่มีของใช้จำเป็นสักอย่าง แล้วผมก็ไม่ได้เข้าไปยุ่มย่ามในห้องคุณเลย จริงๆ นะ”

เซฟิรอธไหวไหล่...ทำให้ยิ่งใจชื้น แล้วคลาวด์ที่เพิ่งนึกอะไรออกตอนนั้นก็ลุกขึ้นพรวดพราด

...เขาลืมปลากับเบค่อนในเตาอบเสียสนิท ป่านนี้คงสุกได้ที แต่ซุปผักในหม้ออาจจะเย็นไปหน่อย

สุดท้ายก็ต้องล้มคว่ำหน้าคะมำลงกับพื้นอีกหน เพราะเจ้าขาทรยศไม่ยอมออกเดินตามคำสั่ง ดีที่มีพรมผืนหนารองรับเลยไม่ค่อยเจ็บตัวเท่าไหร่ เซฟิรอธคงรำคาญสภาพของเขาเต็มทีเลยเข้าครัวไปทำแทน

มื้อเย็นผ่านไปอย่างราบรื่น เหมือนกับความรู้สึกของคลาวด์ที่กลับเป็นปรกติ ขณะกำลังเดินไปเดินมาเก็บจานชามสะอาดเข้าที่ก็ได้ยินเสียงเรียกจากคนที่นั่งเอนอิงพิงโซฟาดูทีวีสบายอยู่ในห้องนั่งเล่น

... ถ้ามีกล้อง คงถ่ายภาพนี้ไปลงปกนิตยสารได้เลยมั้งนี่

“คลาวด์”

“ครับ”

“ผู้ดูแลต้องทำอะไรบ้าง”

...เซฟิรอธจะมาไม้ไหนอีกเนี่ย

“คุณรีฟบอกแค่ว่า ทำยังไงก็ได้ให้คุณทำงานตามตารางเวลาที่กำหนดได้อย่างเป็นปรกติ”

“แล้วเธอคิดว่าไง”

นัยน์ตาสีฟ้ากะพริบปริบอย่างไม่เข้าใจคำถาม

“ก็...ดูแลบ้าน ทำอาหาร จัดการเรื่องเสื้อผ้า เช็กตารางเวลางานกับประสานงานกับทีมงานถ่ายแบบ แต่ผมไม่มีใบอนุญาตขับรถ เลยขับรถให้ไม่ได้”

“ไม่เป็นไร ฉันชอบขับรถเอง แต่เธอไม่คิดว่าทำเหมือนฉันเป็นเด็กไปหน่อยเหรอ”

... งง ! ! !

...ก็ ผู้ดูแลปรกติมันก็ต้องทำแบบไม่ใช่หรือไง หรือเขาเข้าใจอะไรผิด

“ก็...ผมเรียนทางหมอเด็ก” คลาวด์หัวเราะแหะๆ พลางยกมือขึ้นลูบท้ายทอยแก้เก้อ “แต่ถ้าคุณจะให้ทำอะไรเพิ่มก็บอกได้นะฮะ”

“งั้นเหรอ”

ท่าทางเซฟิรอธคงพอใจคำตอบเลยไม่ถามอะไรอีก สักพักก็เดินเข้าไปในห้องนอน

“คลาวด์”

ขณะกำลังเก็บหมอนบนโซฟาเข้าที่ เซฟิรอธก็แง้มประตูห้องนอนออกมาเรียก

“ฮะ” 

“บัตรเงินสดนั่นเธอเก็บไว้เลย แล้วก็...”

“อะไรครับ”

“พรุ่งนี้ดูดฝุ่นแล้วจัดห้องให้ฉันด้วย

พอเขาพยักหน้ารับ เซฟิรอธก็ทำหน้าเคร่งแล้วเอ็ดเสียงหนักๆ

“ส่วนรางใส่กระถางต้นไม้นั่น ถ้ายังทำไม่เสร็จก็ให้โทรไปบอกผู้ดูแลแมนชันให้ส่งคนมาทำให้ อย่าแม้แต่จะคิดปีนลงไปทำเองอีก เข้าใจมั้ย...”



 

22/1/55

FF7 ‘s AU Fic : Blue Bonding p2


Chap 1 : Sephiroth


ตัวเกะกะน่ารำคาญมาอีกแล้ว

นัยน์ตาสีเขียวใบไม้คมกริบเหลือบมอง เด็ก ที่เอาแต่นั่งก้มหน้าเงียบๆ เหมือนพยายามบีบตัวให้ลีบเล็กที่สุดอยู่บนเก้าอี้ตัวเล็กมุมห้องแล้วก็ต้องถอนใจยาวออกมาด้วยความหงุดหงิดระคนเบื่อหน่าย นิ้วเรียวยาวจับช้อนคนซุปไก่ข้นอุ่นๆ ในถ้วยเคลือบใบย่อมตรงหน้าไปมาอยู่อย่างนั้น

เมื่อวานหัวหน้าฝ่ายแผนงานติดต่อมาว่าจะส่ง ผู้ดูแลคนใหม่มาให้ แม้เขาจะปฏิเสธหัวชนฝายังไง อีกฝ่ายก็ทำหูทวนลมแล้ววางสายไปดื้อๆ

...ช่วยไม่ได้

...ในเมื่อพูดกับใครก็ไม่รู้เรื่อง คงต้องบอกคนที่จะมาให้เข้าใจชัดเจนเสียทีว่า เขาไม่ต้องการผู้ดูแล

...ไม่จำเป็นต้องให้ใครหน้าไหนทั้งนั้นเข้ามาวุ่นวายก้าวก่ายชีวิตส่วนตัว


แม้จะนึกสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไม ผู้ดูแลคนใหม่ถึงมาจากฝ่ายแผนงานแทนที่จะเป็นฝ่ายบุคคลเหมือนทุกที แต่ก็ไม่นึกว่าจะเป็น เด็ก ขนาดนี้

...คงคิดตื้นๆ ว่าถ้าอีกฝ่ายเป็นเด็กแล้วเขาจะยอมอ่อนข้อให้สินะ


เมื่อเช้า...เขาถูกปลุกด้วยกลิ่นกาแฟหอมกรุ่นจากในครัว พอก้าวออกมาจากห้องนอนก็เห็นเด็กหนุ่มตัวเล็กๆ ยืนจดๆ จ้องๆ มองซองน้ำตาลในมือสลับกับถ้วยกาแฟบนโต๊ะเหมือนตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเติมลงไปดีมั้ย แต่สุดท้ายก็เลือกวางไว้บนจานรองแทน พอหันมาเห็นเขาเข้าก็ชะงักไปหลายวินาทีก่อนจะรีบโค้งทักทายแล้วรายงานตัวเร็วปรื๋อ

คะ..คลาวด์.... คลาวด์ สไตรฟ์ครับ จะมาเป็นผู้ดูแลชั่วคราว ขอ..ขอความกรุณาด้วย”

ถึงจะพยายามควบคุมท่าทางและน้ำเสียงให้สงบนิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็เห็นชัดว่าไหล่บอบบางนั่นสั่นสะท้านไม่ต่างอะไรกับเสียงพูดที่ขาดๆ หายๆ

...แล้วแบบนี้เหรอ จะมาเป็นผู้ดูแล

...น่าขำ

...เขาเองก็ไม่ใจดีพอจะเป็น พี่เลี้ยงเด็ก ซะด้วยสิ

แต่ก็เพราะอีกฝ่ายเป็นเด็กนั่นล่ะ ประโยคที่หมายใจว่าต้องพูดให้ได้เลยติดหนึบอยู่ตรงริมฝีปาก ลงท้ายก็ได้แต่ส่ายหน้าอ่อนใจแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป


กริ๊ก

เสียงช้อนกระทบก้นถ้วยที่ว่างเปล่าเบาๆ ช่วยเรียกสติที่ล่องลอยไปไกลให้กลับคืนมา เซฟิรอธกระพริบตาปริบเมื่อเห็นคลาวด์เดินเข้าครัวไปหยิบหม้อใบเล็กออกมาเพื่อเติมซุปให้อีก

..........................................................................................


รถสปอร์ตคันเล็กสีดำสนิทราคาแพงลิบกำลังวนขึ้นไปจอดบนลานจอดรถของแมนชันหรูกลางใจเมืองหลังจากออกไปข้างนอกมาทั้งวัน แม้คนขับดูจะไม่ค่อยมีสมาธิ แต่ดีว่าชินทางและรถคันอื่นคงไม่อยากมีปัญหาเรื่องเงินๆ ทองๆ ด้วยเท่าไหร่ เลยทำให้ถึงที่หมายได้ไม่ยาก

เซฟิรอธเม้มริมฝีปากแน่นอย่างอึดอัดใจขณะดับเครื่องแล้วเดินไปกดลิฟท์ ในหูมีแต่ประโยคที่ถูกอีกฝ่ายพูดใส่หน้าดังสะท้อนไปมา


ตามใจนายแล้วกัน ถ้าไม่ชอบ..ก็รีบๆ บอกเลิกเจ้าตัวเขาไปเร็วๆ จะได้มีเวลาหางานใหม่ทัน ไม่งั้นถ้าเก็บเงินได้ไม่พอกับค่าเรียนเทอมต่อไปล่ะก็แย่แน่


...หัวหน้าฝ่ายแผนงานปัดความรับผิดชอบเรื่อง เด็กนั่นมาให้เขาหน้าตาเฉย

...ไม่ชอบความรู้สึกเหมือนผู้ใหญ่รังแกเด็กแบบนี้เลยจริงๆ


ไม่นานนัก...ลิฟท์ตัวใหญ่ก็เปิดออกที่ชั้นบนสุด พร้อมๆ กับที่ตัดสินใจได้


...ในเมื่อ สุดแล้วแต่เขา


...ก็อย่าหาว่า ใจร้าย แล้วกัน


มือแข็งแรงสอดคีย์การ์ดแล้วเปิดประตูเข้าไป ไฟที่โถงด้านหน้าสว่างขึ้นโดยอัตโนมัติ เซฟิรอธถอดรองเท้าไว้ด้านหน้า สะดุดใจนิดนึงกับตู้เก็บรองเท้าที่ตัวเองก็ไม่แน่ใจว่ามีวางอยู่ตรงนั้นอยู่แล้วหรือเปล่าก่อนเดินเข้าไปหยุดที่บาร์เครื่องดื่มเล็กๆ ในห้องนั่งเล่น แต่แล้ว...มือที่ยื่นออกไปหมายจะหยิบขวดน้ำแร่เย็นเฉียบในตู้แช่กลับชะงักเมื่อเห็นขวดน้ำผลไม้กับกระป๋องน้ำอัดลมวางเรียงเป็นระเบียบ คิ้วเรียวขมวดมุ่น ก่อนจะหันไปมองรอบๆ ตัว จากนั้นก็เดินสำรวจไปทั่วๆ แมนชันให้มั่นใจว่าไม่ได้เข้าห้องผิด


บางอย่างแปลกไป แต่บอกไม่ถูกว่าอะไรที่แปลก


...นอกจากน้ำแร่กับเบียร์ เขาไม่เคยซื้ออย่างอื่นมาแช่ไว้ในบาร์ จะว่าเป็นเซอร์วิสของแมนชันก็ไม่น่าจะใช่

...ผ้าม่านเนื้อบางสีสันสดใสกับหมอนอิงนุ่มๆ ใบใหญ่หลายใบบนโซฟาที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน

...ในครัวที่เมื่อก่อนปลั๊กตู้เย็นยังไม่เคยเสียบเลยด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ในตู้เย็นกลับมีอะไรต่อมิอะไรแช่อยู่เต็มไปหมด บนผนังมีก็เครื่องครัว จาน ชาม เครื่องปรุง เครื่องกระป๋องสารพัดงอกออกมาอย่างกับดอกเห็ด บนเตาก็มีหม้อขนาดกลางกับห่ออะไรสักอย่างอยู่ในเตาอบ กลิ่นหอมจางๆ ที่อวลอยู่ในห้องคงมาจากของในเตาอบนั่นล่ะ

...ตามโต๊ะ ตามตู้ ไม่ก็แถวมุมห้องที่เคยว่างเปล่าก็มีแจกันดอกไม้สดบ้าง กระถางต้นไม้เล็กๆ บ้างตั้งอยู่


น่าแปลก...

ยิ่งไปกว่านั้น อะไรแปลกๆ ที่รู้สึกได้แต่ยังไม่รู้ว่าคืออะไรกลับช่วยให้จิตใจสงบได้อย่างน่าประหลาด ความอึดอัด ความคับข้องใจที่มีอยู่ค่อยๆ คลายออก เซฟิรอธที่อารมณ์ดีขึ้นมากเริ่มมองหา ตัวต้นเหตุ

...ไม่อยู่ในห้อง

...เจ้าเด็กตัวยุ่งนั่นหายไหน

...คงยังไม่ถอดใจ ชิงลาออกไปก่อนแล้วหรอกนะ

ฉับพลันสายตาคมก็กวาดมองออกไปยังระเบียงด้านนอก บริเวณที่เขาไม่เคยคิดอยากจะออกไปยืนชมนกชมไม้เลยสักครั้ง จึงมักปิดประตูเลื่อนที่เป็นกระจกใสไว้ตลอดเวลา แต่ตอนนี้ประตูกลับเปิดออกกว้าง ผ้าม่านแบบเดียวกันกับในห้องนั่งเล่นปลิวไหวตามสายลมยามเย็นที่พัดมาเป็นระยะ ที่มุมๆ หนึ่งข้างนอกนั่นมีชุดโต๊ะเก้าอี้หวายโปร่งๆ ดูน่าสบายที่ไม่เคยเห็นมาก่อนตั้งอยู่

ท่ามกลางความเงียบ..เสียงก็อกแก็กที่ดังขึ้นเป็นระยะจากที่ไหนสักแห่งสะกิดความสงสัย เซฟิรอธเหลียวซ้ายแลขวาหาต้นเสียงก่อนจะชะโงกหน้าจากราวระเบียงลงไปมองด้านล่าง ภาพที่เห็นเล่นเอาแทบอ้าปากค้าง

แค่มองลงไปข้างล่างจากระดับความสูงของตึกยี่สิบห้าชั้นก็เพียงพอจะทำให้คนปกติใจหายวาบได้แล้ว แต่ต่ำจากราวระเบียงชั้นยี่สิบห้าลงไปราวเมตรกว่าได้ เจ้าเด็กผมบลอนด์ยอดยุ่งนั่นกลับปีนลงไปทำอะไรง่วนอยู่บนแนวคอนกรีตสำหรับวางคอมแอร์ที่มีความกว้างไม่ถึงหนึ่งฟุต  


“ทำอะไรน่ะ”


อารามตกใจ เสียงตะโกนถามของคนชะโงกหน้ามองจึงดังลั่น ผลคือร่างเล็กๆ ที่ก้มๆ เงยๆ อยู่พลันสะดุ้งสุดตัวก่อนจะเสียหลักแล้วหงายหลังวูบ!!

อย่างไม่ทันรู้ตัว ร่างกายขยับรวดเร็วก่อนจะทันฟังว่าสมองร้องสั่งว่าอะไรเสียอีก เซฟิรอธโน้มตัวลงแนบกับราวระเบียงรวดเร็วแล้วคว้าแขนผอมๆ ของคลาวด์เอาไว้ได้

“ไม่เป็นไร ตั้งสติหน่อย พยายามทรงตัวไว้”

เจ้าตัวเล็กทำหน้าเหยเก แต่ก็ยังพยักหน้ารับ จากนั้นก็พยายามเลี้ยงตัวให้อยู่บนแนวคอนกรีตแคบๆ จนได้

“ดีมาก” เสียงคนที่อยู่บนระเบียงนิ่งสนิท ค่อยๆ หยอดกำลังใจลงไปเรื่อยๆ แม้ว่าหัวใจจะเต้นรัวแรงจนแทบจะหลุดออกมานอกอกก็ตาม “ค่อยๆ ขยับมาทางขวาอีกนิด แข็งใจหน่อย เอาล่ะ...ดี...ค่อยๆ ยืดตัวขึ้น ดีมาก อย่างนั้นแหละ”

จังหวะที่คลาวด์ค่อยๆ ยืดตัวขึ้น ท่อนแขนแข็งแรงก็ตวัดเข้าโอบรอบเอวแล้วกระชากตัวลอยกลับเข้ามาข้างในระเบียงได้สำเร็จ แม้จะล้มลงไปกลิ้งโค่โล่กับพื้นทั้งคู่ก็ตามเถอะ

“โอเค ไม่เป็นไร ปลอดภัยแล้ว” เซฟิรอธพยุงตัวลุกขึ้นนั่ง ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกช้าๆ ทั้งปลอบขวัญเด็กหนุ่มที่ตัวสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมแขนและปลอบใจตัวเองไปพร้อมๆ กัน

“ยืนไหวไหม หืม...”

นัยน์ตาสีใบไม้สบเข้ากับนัยน์ตาสีฟ้าที่จ้องตรงมาและตอนนี้ใบหน้าก็อยู่ใกล้กันแค่คืบ แววตานั่นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว กล่าวโทษ และตัดพ้อต่อว่าจนยากที่จะสื่อความออกมาเป็นคำพูดได้หมด แต่แล้วในวินาทีถัดไปเด็กหนุ่มกลับเป็นฝ่ายหลบตา แขนเล็กๆ ยกขึ้นโอบรอบคอเขาแน่นแล้วซบหน้าลงกับไหล่กว้างเหมือนเด็กขวัญเสียที่ต้องการหาที่พึ่ง จากนั้นหยาดน้ำใสๆ ก็ร่วงพรู...

หัวใจของเซฟิรอธอ่อนยวบ ค่อยๆ โอบแขนข้างหนึ่งเข้าที่แผ่นหลังผอมบาง อีกข้างเอื้อมลงไปตวัดรองใต้สะโพกของเด็กหนุ่มแล้วยกช้อนขึ้นมา แล้วลุกขึ้นเดินกลับเข้าไปในห้องนั่งเล่น

เมื่อกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง เขาวางเด็กหนุ่มซึ่งตอนนี้คงพอจะควบคุมความรู้สึกของตัวเองได้บ้างลงบนโซฟาก่อนจะนั่งลงข้างๆ พลางคว้าทิชชูกำใหญ่ยัดใส่มือให้  

“เธอคงตกใจเสียงฉัน” เซฟิรอธพยักหน้ายอมรับความผิดแต่โดยดี พลางไล่นิ้วมือเสยเส้นผมสีบลอนด์ที่ตกลงมาระใบหน้าขึ้นให้อีกฝ่าย “แล้วลงไปทำอะไรตรงนั้น”

“ไปผูกโครงลวดของรางใส่กระถางต้นไม้ครับ” เสียงตอบดังกระท่อนกระแท่นแต่ยังฟังพอรู้เรื่อง “เมื่อเช้าคุณบอกเองว่า ถ้าไม่ใช่เรื่องงานก็ให้ต่างคนต่างอยู่ ใครอยากทำอะไรก็ทำ”

นั่นไง...พอหายตกใจเข้าหน่อย เจ้าตัวเล็กก็เริ่มหันมาวุ่นวายกับชีวิตเขา

“แล้ว..แล้วก็ คือ...” เริ่มต้นเล่าเรื่องช่วงแรกๆ ด้วยเสียงอ้อมๆ แอ้มๆ พิกลแล้วจึงรีบเปลี่ยนเป็นรัวเร็วช่วงท้าย มือขวารีบหยิบการ์ดเงินสดจากในกระเป๋าเสื้อวางลงบนโต๊ะตัวเล็กใกล้ๆ “ผมใช้เงินของคุณไปมากพอดู แต่ก็..ก็เพราะห้องนี้มันไม่มีของใช้จำเป็นสักอย่าง แล้วผมก็ไม่ได้เข้าไปยุ่มย่ามในห้องคุณเลย จริงๆ นะ”

“เรื่องเงินน่ะช่างเถอะ อยากใช้เท่าไหร่ก็ใช้ไป” เซฟิรอธไหวไหล่ก่อนตัดสินใจพูดเรื่องที่ตั้งใจไว้แต่แรก “ฉันมีเรื่อง...”

“อ๊ะ” คลาวด์ที่เพิ่งนึกอะไรออกเดี๋ยวนั้นพยายามจะลุกขึ้นให้ได้ แม้ขาจะยังสั่นจนเกือบจะยืนไม่อยู่ “ผมอบปลากับเบค่อนรอไว้ แล้วก็ซุปผักในหม้อ นี่จะค่ำอยู่แล้ว คุณคงหิวแย่...โอ๊ย.....”

ท้ายประโยคคือเสียงร้องยามเจ้าเด็กไม่เจียมสังขารล้มคว่ำหน้าคะมำลงกับพื้น โชคดีที่มีพรมผืนหนารองรับเลยไม่ค่อยเจ็บตัวเท่าไหร่

“อยู่เฉยๆ ซุปในหม้อบนเตากับปลาในเตาอบ แค่นี้ฉันจัดการเองได้” เจ้าของห้องที่ทนดูต่อไปไม่ไหวช่วยดึงร่างบางที่พยายามจะลุกแต่ก็ลุกไม่ได้ขึ้นมานั่งพิงบนโซฟาตามเดิมแล้วเดินเข้าครัวไปหยิบจานแบนใบใหญ่ จานเปล่า และถ้วยซุปออกมา 2 ชุด

“มีสลัดมันฝรั่งอยู่ในตู้เย็นด้วยฮะ ในชามแก้วที่ปิดแผ่นพลาสติกใสไว้” เสียงร้องบอกมาพร้อมเสียงโลหะกระทบกันกราวใหญ่ เล่นเอาคนที่กำลังตักซุปใส่ถ้วยนิ่วหน้า

...เด็กอะไรดื้อชะมัด บอกให้อยู่เฉยๆ ไม่ฟัง มือสั่นจนทำช้อนส้อมตก ถ้าทำแก้วแตกด้วยล่ะก็ จะให้เก็บเองล่ะคราวนี้

แต่พอลำเลียงจานอาหารออกไป โต๊ะพร้อมอุปกรณ์ก็จัดเสร็จเรียบร้อย

“อีกอย่างนะฮะ” คลาวด์ยังไม่หมดปัญหา “แชมพูในห้องน้ำหมดแล้ว ในตู้เก็บของก็ไม่มีเหลือสักขวด ผมเลยให้ที่ร้านเอามาส่งพรุ่งนี้ คืนนี้...คุณคงสระผมไม่ได้”

“ฉันไม่ได้สระผมทุกวัน แล้วพรุ่งนี้ก็ไม่มีงาน” เซฟิรอธที่ไม่ได้กินอะไรเป็นเรื่องเป็นราวมาทั้งวันนอกจากซุปมื้อเช้านั่งลงบนเก้าอี้ประจำตัว แต่ก็ต้องถอนใจยาวแล้วหันมามองคลาวด์ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างๆ กันและยังไม่หมดปัญหา

“มีอะไรอีก”

“คือ....” สีหน้าเจ้าตัวเล็กออกจะหวาดๆ แต่ยังพยายามยิ้มสู้ “สงสัยว่าแม่บ้านไม่ได้มาทำความสะอาดหลายวันแล้ว พรุ่งนี้ผมขอเข้าไปดูดฝุ่นในห้องคุณนะ”

“อยากทำอะไรก็ทำ” เซฟิรอธตอบเสียงสะบัดนิดๆ ลงมือตักสลัดเข้าปากเป็นการตัดบทก่อนจะโมโหหิวกินเด็กเจ้าปัญหาตรงหน้าเป็นมื้อเย็นซะก่อน


หลังมื้ออาหาร เซฟิรอธเลี่ยงออกมาดูทีวีในห้องนั่งเล่น ปล่อยให้คลาวด์ที่อาการเป็นปรกติดีแล้วลงมือเก็บล้าง นัยน์ตาคู่คมมองตามร่างเล็กๆ ที่กำลังเก็บจานชามสะอาดเข้าที่

...ถ้า ผู้ดูแลเป็นแค่ คนคอยอำนวยความสะดวกอย่างที่คลาวด์กำลังทำ ไม่ใช่พวกจุ้นจ้าน คอยจับผิด หรือชอบซอกแซกอยากรู้อยากเห็นชีวิตส่วนตัวและทุกการกระทำของเขาแล้วเอาไปใส่สีตีไข่ให้ข่าวเก็บผลประโยชน์ใส่ตัวเองเหมือนอีก 4 คนที่บอกเลิกไปล่ะก็ ....บางทีเขาอาจจะตัดสินใจใหม่

“คลาวด์”

“ครับ”

“ผู้ดูแลต้องทำอะไรบ้าง”

“คุณรีฟบอกแค่ว่า ทำยังไงก็ได้ให้คุณทำงานตามตารางเวลาที่กำหนดได้อย่างเป็นปรกติ”

“แล้วเธอคิดว่าไง”

“ก็ดูแลบ้าน อาหาร เสื้อผ้า เช็กตารางเวลางานกับประสานงานกับทีมงานถ่ายแบบ แต่ผมไม่มีใบอนุญาตขับรถ เลยขับรถให้ไม่ได้”

“ไม่เป็นไร ฉันชอบขับรถเอง แต่เธอไม่คิดว่าทำเหมือนฉันเป็นเด็กไปหน่อยเหรอ”

“ก็...ผมเรียนทางหมอเด็ก” คลาวด์หัวเราะแหะๆ พลางยกมือขึ้นลูบท้ายทอยแก้เก้อ “แต่ถ้าคุณจะให้ทำอะไรเพิ่มก็บอกได้นะฮะ”

“งั้นเหรอ”

...ใช่แล้ว เพราะคลาวด์ยัง เด็ก

...ความไร้เดียงสาและอ่อนต่อโลกของเจ้าตัวทำให้เข้าใจคำว่า “ดูแล” แบบเด็กๆ โดยไม่คิดเอาเปรียบหรือมีผลประโยชน์อื่นแอบแฝง

...การที่กลับมาบ้านแล้วมีคนคอยดูแลทุกอย่าง ทำอาหาร จัดการสารพัดปัญหาให้ มันก็ดีไม่น้อย


...แบบนี้คงพอจะอยู่ด้วยกันได้


ลงท้าย...สิ่งที่ช่วยยืนยันว่าเขาควรเปลี่ยนใจ ก็ตอนที่เดินเข้าไปในห้องนอนแล้วนั่งลงบนเตียง

ทั้งๆ ที่ทุกอย่างเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากตอนที่เขาลุกขึ้นจากเตียงเมื่อเช้าเลยสักนิด แต่บรรยากาศข้างในกลับอ้างว้างอย่างน่าประหลาด มันทั้งโล่งและเงียบเหงาผิดกับความรู้สึกเวลาอยู่ข้างนอกราวคนละโลก ...วินาทีนั้น คำตอบสำหรับคำถามที่เขาพยายามครุ่นคิดแทบตายแต่ก็ยังคิดไม่ออกเมื่อครู่ก็กระจ่างชัดอยู่ในหัว

เซฟิรอธหลับตาลง ผ่อนลมหายใจช้าๆ สักพักก็ลืมตาขึ้นแล้วลุกขึ้นไปเปิดประตู ข้างนอก...เจ้าเด็กตัวยุ่งกำลังเก็บหมอนบนโซฟาตรงที่เขานั่งอยู่เมื่อกี้ให้เข้าที่เข้าทาง

“คลาวด์”

“ฮะ” 

“บัตรเงินสดนั่นเธอเก็บไว้เลย แล้วก็...”

“อะไรครับ”

“พรุ่งนี้ดูดฝุ่นแล้วจัดห้องให้ฉันด้วย”

....................................................................................

FF7 ‘s AU Fic : Blue Bonding p1

FF7 ‘s AU Fic : Blue Bonding

Author : jes

Pairing :
เซฟจัง x คลาวด์คุง

Disclaimer :
ตัวละครเป็นลิขสิทธิ์ของ square enix  สารภาพล่วงหน้าว่าฟิคนี้เป็นฟิคที่เขียนไว้เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว สมัยที่รู้จัก FF7 ใหม่ๆ (แบบว่าขัดใจ... เกมจบ แต่คนเล่นไม่ยอมให้จบ..อะไรทำนองนั้น) พอหงุดหงิดมากๆ เข้าเลยเขียนฟิคออกมาแบบตามใจฉัน (แถมเขียนไม่จบอีกต่างหาก) แล้วก็ทิ้งไว้จนลืม...จนถึงตอนนี้พอดีว่าเก็บห้องแล้วจะเอาของเก่าๆ ในลังไปทิ้งเลยเจอสมุดโน้ตที่เขียนฟิคนี้ไว้เลยเอามาปัดฝุ่นรีไรต์ใหม่ 

*** บอกล่วงหน้าว่าพล็อตเรื่องเป็น AU สุดขั้วและธรรมดามาก (เป็นพล็อตนายแบบกับผู้ดูแลน่ะนะ ไม่เกี่ยวอะไรกับโลก ff7 เลย) ถ้าอ่านแล้วไม่ชอบหรือรำคาญว่าพล็อตซ้ำน่าเบื่อแล้วก็ไม่ต่างจากฟิคเรื่องอื่นๆ ที่เคยอ่านมาก็ขอโทษด้วยนะคะ คิดซะว่ากำลังอ่านฟิคของเด็กอายุ 17 ก็แล้วกันนะ (แบบนี้ก็พอคำนวณอายุคนเขียนได้แล้วสิ ^^)

ปล. รีไรต์ฟิคนี้ไปก็อึ้งทึ่งตัวเองไป...นี่ตรูติดเชื้อรังสีเหนือม่วงตั้งแต่อยู่ม.ปลายเลยเรอะนี่ !!!!! 555+

Intro :  เรื่องวุ่นๆ ของนายแบบผมเงินสุดฮอตแสนเอาใจยากกับหนุ่มน้อยผมบลอนด์ที่จับพลัดจับผลูมาเป็นผู้จัดการส่วนตัว

-----------------------------------------------------------------------

ชี้แจงแถลงไข

ก่อนอื่นต้องขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านฟิคนะคะ โดยเฉพาะท่านที่คอมเมนต์ให้กำลังใจนี่อยากจะกอดแน่นๆ สักที (อย่าหนีนะ) คืออย่างนี้...ผู้เขียนเขียนฟิคเพื่อคลายเครียดจากงานค่ะ จะได้มีอะไรให้กระชุ่มกระชวยหัวใจ หายบ้าไปเป็นคราวๆ แต่การจะเขียนฟิคได้มันต้องมีอะไรสักอย่างมาทำให้กรี๊ดกร๊าด ดิ้นพราดๆ แบบว่าต้องขอระบาย+สครีมออกมาเป็นฟิคนั่นล่ะถึงจะหายลงแดง เพราะงั้นถ้าคนเขียนหายหัวไปนั่นเพราะไฟมอดค่ะ ถ้าเรื่องยังไม่จบก็มุกตันเขียนต่อไม่ออก หรือถ้าจบหมดแล้วก็ไม่รู้จะเขียนอะไรเพิ่มอีก ต้องรอจนกว่าจะไฟลุกอีกทีถึงจะโผล่หัวมาได้

ที่สำคัญ...ฟิคทุกฟิคจะเขียนเต็มฝีมือค่ะ (ถึงจะมีไม่เยอะแถมไม่ค่อยมีการพัฒนาก็ตามที) จะทุ่มเต็มที่ ไม่มีการเผาลวกๆ ออกไปเด็ดขาด เพราะงั้นกว่าจะได้แต่ละตอนต้องใช้เวลา

ช่วงนี้สารภาพตามตรงว่าไฟปั่นฟิคเซนต์เซย่ามอดค่ะ มีพล็อตแต่เขียนไม่ออก จะแข็งใจฝืนเขียนยังไงก็ฝืด แป้ก ไม่สนุก อย่างฟิคแซค์ทอปก็ดองนานเขียนต่อไม่ได้สักที ไม่รู้จะทำยังไง TT^TT

ส่วนฟิคเรื่องอื่นที่ว่าจะเขียนและมีคนบังคับเขียน อย่าง...ฟิกคุณพ่อบ้านปะทะเคาท์เคน หรือดี เกรย์ แมน (อัลเลนคุง ^^) ก็พอกันค่ะ มีแต่พล็อต แต่ไฟลุกไม่แรงพอ เขียนไม่ค่อยออก

ส่วนฟิค ff7 ที่เขียนได้เขียนดี นั่นเพราะมีอะไรเติมเชื้อไฟตลอด คลาวด์คุง เซฟจัง เจ๊ไลต์ ฯลฯ เลยเขียนต่อได้เรื่อยๆ แล้วยิ่งได้คอมเมนต์จากคุณคลาวด์ผู้โมเอ้เลยยิ่งรู้สึกว่า ยังมีเพื่อนอยู่กับเรา มีเพื่อนเห็นความสำคัญของเรื่องที่เราเขียน ทีนี้จะดองฟิคนานๆ ก็ละอายใจ เลยพยายามเขียนออกมาเรื่อยๆ แทนคำขอบคุณ

ที่เขียนแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะบังคับให้คนอ่านเมนต์ทางอ้อมนะคะ เพราะอย่างที่บอกไว้ตอนแรกว่าเขียนฟิคเพื่อคลายเครียด ไม่ได้ต้องการคอมเมนต์ แต่ก็ดีใจมากๆ ถ้าจะมีเพื่อนคุยให้มีอะไรกรี๊ดกร๊าดเป็นเชื้อไฟไปปั่นฟิคต่อ ซึ่งจำเป็นมากๆ (อย่างตอนที่คุณคลาวด์ฯ เล่าถึงเซฟจังใน CC ให้ฟัง เท่านั้นล่ะ กรี๊ดกระจาย ได้ฟิค secret present ออกมาเลย) เพราะฉะนั้นท่านที่เข้ามาอ่านเฉยๆ ก็อย่าโมโหว่าคนเขียนชอบดองฟิคไม่ก็เขียนแต่ฟิคอื่นที่ไม่รู้จักนะคะ เพราะถ้าไม่มีเชื้อ ไฟก็ย่อมไม่ติดเป็นธรรมดา...คนเขียนไม่ผิดนะเออ (โบ้ยความผิดให้คนอื่นได้แล้ว...สบายใจ)

ไม่บ่นแล้วค่ะ ไปอ่านฟิคกันเหอะ

ขออีกหน่อย...สงสัยมากว่าเวลาเซิร์ชหาฟิค ff7 ในกูเกิ้ลแล้วเจอฟิคแซคคลาวด์นี่ไม่เท่าไหร่ (แค่ขัดใจนิดๆ) แต่ฟิค “เซฟิรอธวินเซนต์” นี่มาจากไหน เยอะด้วย แบบว่ามาได้ไงเนี่ย งงมาก!!! แล้วฟิคเซฟคลาวด์ทำไมมันช่างหายากหาเย็นเหลือเกิน ไม่เข้าใจ หรือเราตาถั่วเองก็ไม่รู้..... ใครรู้วานบอกหน่อยนะคะ

..............................................................................


FF7 ‘s AU Fic : Blue Bonding


Intro


...พระผู้เป็นเจ้า


...สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย


...จะใครหรืออะไรก็ได้


วินาทีนี้ ได้โปรดเถอะครับ....


...ขอให้เขายอมรับผมด้วยเถอะ


มือเล็กๆ ยื่นปลายนิ้วเย็นเฉียบออกไปแตะที่แป้นตัวเลขข้างประตูบานใหญ่แล้วแข็งใจกดรหัสผ่านตามหมายเลขที่จดไว้ในกระดาษโน้ตแผ่นเล็กที่เจ้าตัวกำไว้เสียจนย่นยู่ สอดคีย์การ์ดเข้าไป ก่อนจะหายใจลึกๆ ยาวๆ รวบรวมความกล้าที่มีอยู่ทั้งหมดก้าวเท้าเข้าไปข้างในหลังจากได้ยินเสียงปลดล็อกดังขึ้นเบาๆ


...................


“นี่มันอะไรกัน”

หลังประตูห้องทำงานเปิดออกโดยไม่มีเสียงเคาะ แฟ้มเล่มบางก็ถูกโยนโครมลงมาบนโต๊ะตรงหน้าแบบไม่ปราณีปราศัย เล่นเอาหัวหน้าฝ่ายแผนงานของบริษัทโมเดลลิงยักษ์ใหญ่ที่เพิ่งจิบกาแฟอุ่นจัดเข้าไปอึกโตถึงกับสำลัก

“อะไรของนาย?” มือใหญ่วางถ้วยกาแฟลงพลางแกล้งเลิกคิ้วถาม แค่เหลือบตาดูก็รู้แล้วว่าแฟ้มอะไร แต่ที่รีฟไม่เข้าใจก็คือ...เจ้าหัวหน้าฝ่ายการเงินที่ยืนเท้าเอวจังก้าตีหน้าบึ้งอยู่หน้าประตูจะโมโหไปทำไม

“เด็กนั่น...” น้ำเสียงวินเซนต์แม้จะราบเรียบแต่ก็ไม่ปิดบังโทสะที่แผ่เป็นริ้วๆ

“อ๋อ คลาวด์น่ะ” รีฟยิ้มกว้างพลางยกถ้วยกาแฟขึ้นซดต่อรวดเดียวหมดแล้วหยิบแฟ้มตัวปัญหามาเปิดดูหน้าสุดท้าย ...รูปใบเล็กของเด็กหนุ่มผมสีบลอนด์สว่าง นัยน์ตาสีฟ้าสด ผิวขาวจัดที่ติดอยู่บนใบประวัติพนักงานพาร์ตไทม์เหมือนจะส่งยิ้มจางๆ มาให้ “ลูกชายของเพื่อนของญาติห่างๆ ของฉันเอง น่ารักใช่มั้ยล่ะ”

“งั้นเหรอ..” คราวนี้หางเสียงติดจะพาลหาเรื่องอยู่

“น่ารักซะขนาดนี้ แถมยังหัวดีขนาดสอบเข้ามหาวิทยาลัยแพทย์ในเมืองได้ แต่ไม่เก่งพอจะได้ทุนเรียน ช่วงปิดเทอมเลยต้องหางานพิเศษทำ ฉันเลยแนะนำให้มารับงานที่นี่ ก็งานเป็น “ผู้ดูแล” น่ะเงินดีกว่าไปรับจ้างอย่างอื่นตั้งเยอะ แล้วคนที่เงียบๆ ไม่พูดมาก รักความสะอาด ทำงานบ้านได้ ทำกับข้าวเป็น แล้วยังรู้วิธีปฐมพยาบาลขั้นต้นกับดูแลผู้ป่วยอีก คุณสมบัติขั้นเทพแบบนี้ถ้าปล่อยให้หลุดมือไปง่ายๆ ก็โง่พอดี อีกอย่าง...ฉันเห็นนายบ่นปวดหัวเรื่องจ่ายเงินให้พวกที่ถูกเลิกจ้างก่อนเวลาอยู่ด้วย”

“ผู้ดูแล...จะพูดให้ดูหรูยังไง มันก็ คนรับใช้ดีๆ นั่นแหละ” แม้จะอารมณ์เย็นลงบ้างแต่วินเซนต์ก็ยังเม้มริมฝีปากแน่นอย่างไม่ค่อยเห็นด้วย “แล้วเด็ก...คลาวด์น่ะ อายุแค่ 17 แต่ต้องรับงานที่ขนาดคนอายุ 50 แถมเป็นมือโปรก็ยังเอาไม่อยู่เนี่ยนะ อย่าลืมว่า...แค่ 2 เดือน เซฟิรอธเปลี่ยนผู้ดูแลไปแล้ว 4 คน”

“ก็เจ้าอ้วนพาลเมอร์ฝ่ายบุคคลมันงี่เง่า เล่นส่งแต่ “ผู้จัดการมืออาชีพ” ไปให้ ไม่หัดลืมตาดูซะบ้างว่าหมอนั่นมันพวกมีโลกส่วนตัวสูงแล้วก็ไม่มีวันยอมให้ใครมาคอยควบคุมพฤติกรรม” รีฟถอนใจเฮือกเมื่อนึกถึงนายแบบยอดนิยมอันดับหนึ่งของวงการเวลานี้...ที่กว่าบริษัทจะแย่งชิง อ้อนวอน งอนง้อจนได้มาอยู่ในสังกัดด้วยค่าตัวสูงลิบลิ่วก็เล่นเอาแทบล้มประดาตาย แต่เมื่อเทียบกำไรมหาศาลที่ได้รับจากคนๆ นี้แล้วก็นับว่าคุ้มสุดแสนจะคุ้ม “คนเรานี่นะ...หน้าตาก็ออกจะดี แต่นิสัยนี่เหมือนแมวชะมัด”

“นายเลยใจดี ช่วยส่งหนูนาตัวเล็กๆ ไปให้แมวป่าเลือดเย็นมันตบเล่น” วินเซนต์ทำเสียงขึ้นจมูก

“มันก็ไม่แน่” อีกฝ่ายหัวเราะในลำคอเบาๆ อย่างถูกอกถูกใจในความคิด “บางทีหนูตัวเล็กๆ ก็น่ารักเกินห้ามใจ ถึงอยากจะตบเล่นยังไงก็ทำไม่ลง ดีไม่ดีแมวป่านั่นล่ะอาจจะกลายเป็นแมวบ้านเชื่องๆ แทน คิดแล้วมันก็น่าลองนะ...หือ”

ท้ายประโยคมีร่องรอยประหลาดใจ เมื่อคู่สนทนาเดินฉับๆ ตรงเข้ามาแย่งแฟ้มไปจากมือ ฉวยปากกาแถวนั้นมาขีดฆ่าแก้ไขตัวเลขเงินค่าจ้างจากเดิมให้เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า จากนั้นก็สะบัดหน้าเดินลงส้นตึงๆ ออกไปตามด้วยเสียงปิดประตูดังสนั่น จนเจ้าของห้องได้แต่มองตาค้าง ไล่หลังไป


.... อะไรของหมอนั่นหว่า ! ! ! ! !


........................................................................


ตอบคอมเมนต์ค่ะ

คุณไม่ระบุชื่อ 1 : เราชอบอ่านฟิคเซนต์เซย่านะ ก้อสนุกดี แต่อาจจะไม่ได้เม้นท์อะไรเท่านั้นเอง ต่อไปถ้าอ่านจะเม้นท์เยอะๆ นะ ช่วยแต่งฟิคใหม่ๆ เพิ่มได้มั้ยคะ
-      ฟิคเซนต์เซย่าจริงๆ มีพล็อตนะคะ คิดไว้อยู่ 2-3 พล็อต แต่มันไม่มีไฟน่ะค่ะ เลยเขียนไม่ออก ไม่รู้ทำยังไงเหมือนกันให้เกิดฟิลลิ่งปิ๊งปั๊ง กรี๊ดกระจาย จะได้ไฟลุกมาปั่นฟิคต่อ TT^TT  

คุณไม่ระบุชื่อ 2 : สนุกๆๆๆ แต่งออกมาอีกน่ะค่ะ
-      จะพยายามค่ะ ขอหาวิธีจุดไฟปั่นฟิคให้ลุกก่อน แต่งแน่


คุณไม่ระบุชื่อ 3 : สนุกมาก ๆทุก ๆตอนเลยค่ะ เขียนต่อไปน่ะค่ะ ^^
-      ค่า ได้เลยค่ะ แต่ขอจุดไฟก่อนนะคะ ใครมีวิธีบอกหน่อย


รอฟิคอยู่นะจ๊ะ : สวัสดีปีใหม่จ้า เข้ามาแวบดูว่ามีฟิคอัพรึยังแล้วก็มาหวัดดีปีใหม่ด้วย ปีใหม่นี้ขอให้มีความสุขมากๆ มีแรงจิ้นฟิคเยอะๆนะ หุหุ ขอให้มีความสุขจ้า Happy New Year
-      ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากๆ สำหรับคำอวยพรวันขึ้นปีใหม่ ก็ขอให้มีความสุขมากๆ เช่นกันนะคะ แล้วก็รับของขวัญไปเลยค่ะ 2 ตอนรวด...ตอนแรกคิดว่าคงจะได้ดองเรื่องนี้อีกนาน แต่พอมาเห็นคอมเมนต์นี้เลยไฟลุกรีบปั่นอย่างรวดเร็ว แต่เนื้อเรื่องมัน AU ซะจนแทบไม่เหลือความเป็น ff อ่านแล้วชอบไม่ชอบยังไงเมนต์บอกกันบ้างนะคะ (คือถ้าคนอ่านไม่ค่อยชอบกันจะได้ตัดๆ ให้มันสั้นๆ หน่อย แล้วกลับไปเขียนพล็อตแบบโซลเยอร์กับการ์ดเหมือนเดิม)


คุณไม่ระบุชื่อ 4 : เขียนฟิคได้สนุกมากเลยค่ะ เพิ่งเคยเข้ามาอ่าน อยากอ่านคู่นี้อีกเยอะๆ (เป็นแม่ยกคลาวด์และเซฟคลาวด์เหมือนกัน)

เซฟิรอธในฟิคนี้มีบุคลิกที่ตรงใจมากค่ะ อ่อนโยน(นิดหน่อย) ขี้แกล้ง (พอประมาณ) เย็นชา (กับคนอื่นที่ไม่ใช่คลาวด์)

อืม... รอฟิคผู้ช่วยพระเอกแสนดีของแซคนะคะ เพราะพระเอกต้องเป็นเซฟิรอธสิ หึๆ แต่เท่าที่อ่านๆ คลับคล้ายคลับคลาว่าแซคจะชอบคลาวด์ แต่อ่านไปอ่านมาก็เหมือนไม่ได้ชอบจริงจัง แค่แหย่ๆ ยังไงกันหนอ...?
-      ขอบคุณค่ะ ดีใจจังที่มีเพื่อนคุยเพิ่มอีกคนแล้ว ^^ (ทุกทีจะมีแค่คุณคลาวด์ผู้โมเอ้คอยเจิมเมนต์ให้ได้ชื่นใจบ่อยๆ) ด้วยความละอายใจที่หายไปนานเลยลงทีเดียว 2 ตอน และจะพยายามอัพฟิคให้สม่ำเสมอ แต่เรื่องนี้หลุดโลก AU นะคะ อาจจะไม่ชอบก็ได้ อ่านแล้วเมนต์บอกหน่อยนะคะ จะได้กำหนดความยาวถูก
ปล. อีก 2 ตอนหน้าพระรองแสนดีแซคกี้ก็จะมาแล้วค่ะ ตอนนี้ให้ซีนคู่เอกก่อน
ปล.. ใช่เลยค่า เซฟจังต้องแบบนี้แหละ แต่ไม่เคยเล่น CC นะคะ ได้แต่ดูคลิปในยูทูปเอา เลยคิดว่านิสัยเซฟจังน่าจะประมาณนี้ แต่ชอบประโยคที่เขียนให้มากว่า เซฟจังอ่อนโยน (นิดหน่อย) ขี้แกล้ง (พอประมาณ) เย็นชา (กับคนอื่นที่ไม่ใช่คลาวด์) อ่านแล้วกรี๊ดกร๊าด ไฟปั่นฟิคลุกพรึ่บพรั่บ ^^
ปล... ใจจริงอยากเขียนให้พ่อเม่นชอบคลาวด์จริงจังนะคะ แต่ในเมื่อพระเอกคือเซฟจัง แซคกี้คนดีต้องแห้วแน่ๆ เลยละอายใจที่จะเขียนให้แซคจริงจังมากๆ แล้วผิดหวังทีหลัง ได้แต่คอยหยอกแย็บๆ ยั้งๆ ประมาณคอยเสนอหน้าว่ายังมีฉันอยู่แต่ก็ไม่ขวางทาง แล้วเซฟจังก็อย่าเผลอแล้วกัน ไม่งั้น เหอๆๆๆๆๆ