Chap 1 : Sephiroth
‘ตัวเกะกะน่ารำคาญมาอีกแล้ว’
นัยน์ตาสีเขียวใบไม้คมกริบเหลือบมอง ‘เด็ก’ ที่เอาแต่นั่งก้มหน้าเงียบๆ เหมือนพยายามบีบตัวให้ลีบเล็กที่สุดอยู่บนเก้าอี้ตัวเล็กมุมห้องแล้วก็ต้องถอนใจยาวออกมาด้วยความหงุดหงิดระคนเบื่อหน่าย นิ้วเรียวยาวจับช้อนคนซุปไก่ข้นอุ่นๆ ในถ้วยเคลือบใบย่อมตรงหน้าไปมาอยู่อย่างนั้น
เมื่อวานหัวหน้าฝ่ายแผนงานติดต่อมาว่าจะส่ง ‘ผู้ดูแลคนใหม่’ มาให้ แม้เขาจะปฏิเสธหัวชนฝายังไง อีกฝ่ายก็ทำหูทวนลมแล้ววางสายไปดื้อๆ
...ช่วยไม่ได้
...ในเมื่อพูดกับใครก็ไม่รู้เรื่อง คงต้องบอกคนที่จะมาให้เข้าใจชัดเจนเสียทีว่า ‘เขา – ไม่ – ต้องการ – ผู้ดูแล’
...ไม่จำเป็นต้องให้ใครหน้าไหนทั้งนั้นเข้ามาวุ่นวายก้าวก่ายชีวิตส่วนตัว
แม้จะนึกสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไม ‘ผู้ดูแลคนใหม่’ ถึงมาจากฝ่ายแผนงานแทนที่จะเป็นฝ่ายบุคคลเหมือนทุกที แต่ก็ไม่นึกว่าจะเป็น ‘เด็ก’ ขนาดนี้
...คงคิดตื้นๆ ว่าถ้าอีกฝ่ายเป็นเด็กแล้วเขาจะยอมอ่อนข้อให้สินะ
เมื่อเช้า...เขาถูกปลุกด้วยกลิ่นกาแฟหอมกรุ่นจากในครัว พอก้าวออกมาจากห้องนอนก็เห็นเด็กหนุ่มตัวเล็กๆ ยืนจดๆ จ้องๆ มองซองน้ำตาลในมือสลับกับถ้วยกาแฟบนโต๊ะเหมือนตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเติมลงไปดีมั้ย แต่สุดท้ายก็เลือกวางไว้บนจานรองแทน พอหันมาเห็นเขาเข้าก็ชะงักไปหลายวินาทีก่อนจะรีบโค้งทักทายแล้วรายงานตัวเร็วปรื๋อ
“คะ..คลาวด์.... คลาวด์ สไตรฟ์ครับ จะมาเป็นผู้ดูแลชั่วคราว ขอ..ขอความกรุณาด้วย”
ถึงจะพยายามควบคุมท่าทางและน้ำเสียงให้สงบนิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็เห็นชัดว่าไหล่บอบบางนั่นสั่นสะท้านไม่ต่างอะไรกับเสียงพูดที่ขาดๆ หายๆ
...แล้วแบบนี้เหรอ จะมาเป็นผู้ดูแล
...น่าขำ
...เขาเองก็ไม่ใจดีพอจะเป็น ‘พี่เลี้ยงเด็ก’ ซะด้วยสิ
แต่ก็เพราะอีกฝ่ายเป็นเด็กนั่นล่ะ ประโยคที่หมายใจว่าต้องพูดให้ได้เลยติดหนึบอยู่ตรงริมฝีปาก ลงท้ายก็ได้แต่ส่ายหน้าอ่อนใจแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
กริ๊ก
เสียงช้อนกระทบก้นถ้วยที่ว่างเปล่าเบาๆ ช่วยเรียกสติที่ล่องลอยไปไกลให้กลับคืนมา เซฟิรอธกระพริบตาปริบเมื่อเห็นคลาวด์เดินเข้าครัวไปหยิบหม้อใบเล็กออกมาเพื่อเติมซุปให้อีก
..........................................................................................
รถสปอร์ตคันเล็กสีดำสนิทราคาแพงลิบกำลังวนขึ้นไปจอดบนลานจอดรถของแมนชันหรูกลางใจเมืองหลังจากออกไปข้างนอกมาทั้งวัน แม้คนขับดูจะไม่ค่อยมีสมาธิ แต่ดีว่าชินทางและรถคันอื่นคงไม่อยากมีปัญหาเรื่องเงินๆ ทองๆ ด้วยเท่าไหร่ เลยทำให้ถึงที่หมายได้ไม่ยาก
เซฟิรอธเม้มริมฝีปากแน่นอย่างอึดอัดใจขณะดับเครื่องแล้วเดินไปกดลิฟท์ ในหูมีแต่ประโยคที่ถูกอีกฝ่ายพูดใส่หน้าดังสะท้อนไปมา
‘ตามใจนายแล้วกัน ถ้าไม่ชอบ..ก็รีบๆ บอกเลิกเจ้าตัวเขาไปเร็วๆ จะได้มีเวลาหางานใหม่ทัน ไม่งั้นถ้าเก็บเงินได้ไม่พอกับค่าเรียนเทอมต่อไปล่ะก็แย่แน่’
...หัวหน้าฝ่ายแผนงานปัดความรับผิดชอบเรื่อง ‘เด็กนั่น’ มาให้เขาหน้าตาเฉย
...ไม่ชอบความรู้สึกเหมือนผู้ใหญ่รังแกเด็กแบบนี้เลยจริงๆ
ไม่นานนัก...ลิฟท์ตัวใหญ่ก็เปิดออกที่ชั้นบนสุด พร้อมๆ กับที่ตัดสินใจได้
...ในเมื่อ ‘สุดแล้วแต่เขา’
...ก็อย่าหาว่า ‘ใจร้าย’ แล้วกัน
มือแข็งแรงสอดคีย์การ์ดแล้วเปิดประตูเข้าไป ไฟที่โถงด้านหน้าสว่างขึ้นโดยอัตโนมัติ เซฟิรอธถอดรองเท้าไว้ด้านหน้า สะดุดใจนิดนึงกับตู้เก็บรองเท้าที่ตัวเองก็ไม่แน่ใจว่ามีวางอยู่ตรงนั้นอยู่แล้วหรือเปล่าก่อนเดินเข้าไปหยุดที่บาร์เครื่องดื่มเล็กๆ ในห้องนั่งเล่น แต่แล้ว...มือที่ยื่นออกไปหมายจะหยิบขวดน้ำแร่เย็นเฉียบในตู้แช่กลับชะงักเมื่อเห็นขวดน้ำผลไม้กับกระป๋องน้ำอัดลมวางเรียงเป็นระเบียบ คิ้วเรียวขมวดมุ่น ก่อนจะหันไปมองรอบๆ ตัว จากนั้นก็เดินสำรวจไปทั่วๆ แมนชันให้มั่นใจว่าไม่ได้เข้าห้องผิด
บางอย่างแปลกไป แต่บอกไม่ถูกว่าอะไรที่แปลก
...นอกจากน้ำแร่กับเบียร์ เขาไม่เคยซื้ออย่างอื่นมาแช่ไว้ในบาร์ จะว่าเป็นเซอร์วิสของแมนชันก็ไม่น่าจะใช่
...ผ้าม่านเนื้อบางสีสันสดใสกับหมอนอิงนุ่มๆ ใบใหญ่หลายใบบนโซฟาที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน
...ในครัวที่เมื่อก่อนปลั๊กตู้เย็นยังไม่เคยเสียบเลยด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ในตู้เย็นกลับมีอะไรต่อมิอะไรแช่อยู่เต็มไปหมด บนผนังมีก็เครื่องครัว จาน ชาม เครื่องปรุง เครื่องกระป๋องสารพัดงอกออกมาอย่างกับดอกเห็ด บนเตาก็มีหม้อขนาดกลางกับห่ออะไรสักอย่างอยู่ในเตาอบ กลิ่นหอมจางๆ ที่อวลอยู่ในห้องคงมาจากของในเตาอบนั่นล่ะ
...ตามโต๊ะ ตามตู้ ไม่ก็แถวมุมห้องที่เคยว่างเปล่าก็มีแจกันดอกไม้สดบ้าง กระถางต้นไม้เล็กๆ บ้างตั้งอยู่
น่าแปลก...
ยิ่งไปกว่านั้น อะไรแปลกๆ ที่รู้สึกได้แต่ยังไม่รู้ว่าคืออะไรกลับช่วยให้จิตใจสงบได้อย่างน่าประหลาด ความอึดอัด ความคับข้องใจที่มีอยู่ค่อยๆ คลายออก เซฟิรอธที่อารมณ์ดีขึ้นมากเริ่มมองหา ‘ตัวต้นเหตุ’
...ไม่อยู่ในห้อง
...เจ้าเด็กตัวยุ่งนั่นหายไหน
...คงยังไม่ถอดใจ ชิงลาออกไปก่อนแล้วหรอกนะ
ฉับพลันสายตาคมก็กวาดมองออกไปยังระเบียงด้านนอก บริเวณที่เขาไม่เคยคิดอยากจะออกไปยืนชมนกชมไม้เลยสักครั้ง จึงมักปิดประตูเลื่อนที่เป็นกระจกใสไว้ตลอดเวลา แต่ตอนนี้ประตูกลับเปิดออกกว้าง ผ้าม่านแบบเดียวกันกับในห้องนั่งเล่นปลิวไหวตามสายลมยามเย็นที่พัดมาเป็นระยะ ที่มุมๆ หนึ่งข้างนอกนั่นมีชุดโต๊ะเก้าอี้หวายโปร่งๆ ดูน่าสบายที่ไม่เคยเห็นมาก่อนตั้งอยู่
ท่ามกลางความเงียบ..เสียงก็อกแก็กที่ดังขึ้นเป็นระยะจากที่ไหนสักแห่งสะกิดความสงสัย เซฟิรอธเหลียวซ้ายแลขวาหาต้นเสียงก่อนจะชะโงกหน้าจากราวระเบียงลงไปมองด้านล่าง ภาพที่เห็นเล่นเอาแทบอ้าปากค้าง
แค่มองลงไปข้างล่างจากระดับความสูงของตึกยี่สิบห้าชั้นก็เพียงพอจะทำให้คนปกติใจหายวาบได้แล้ว แต่ต่ำจากราวระเบียงชั้นยี่สิบห้าลงไปราวเมตรกว่าได้ เจ้าเด็กผมบลอนด์ยอดยุ่งนั่นกลับปีนลงไปทำอะไรง่วนอยู่บนแนวคอนกรีตสำหรับวางคอมแอร์ที่มีความกว้างไม่ถึงหนึ่งฟุต
“ทำอะไรน่ะ”
อารามตกใจ เสียงตะโกนถามของคนชะโงกหน้ามองจึงดังลั่น ผลคือร่างเล็กๆ ที่ก้มๆ เงยๆ อยู่พลันสะดุ้งสุดตัวก่อนจะเสียหลักแล้วหงายหลังวูบ!!
อย่างไม่ทันรู้ตัว ร่างกายขยับรวดเร็วก่อนจะทันฟังว่าสมองร้องสั่งว่าอะไรเสียอีก เซฟิรอธโน้มตัวลงแนบกับราวระเบียงรวดเร็วแล้วคว้าแขนผอมๆ ของคลาวด์เอาไว้ได้
“ไม่เป็นไร ตั้งสติหน่อย พยายามทรงตัวไว้”
เจ้าตัวเล็กทำหน้าเหยเก แต่ก็ยังพยักหน้ารับ จากนั้นก็พยายามเลี้ยงตัวให้อยู่บนแนวคอนกรีตแคบๆ จนได้
“ดีมาก” เสียงคนที่อยู่บนระเบียงนิ่งสนิท ค่อยๆ หยอดกำลังใจลงไปเรื่อยๆ แม้ว่าหัวใจจะเต้นรัวแรงจนแทบจะหลุดออกมานอกอกก็ตาม “ค่อยๆ ขยับมาทางขวาอีกนิด แข็งใจหน่อย เอาล่ะ...ดี...ค่อยๆ ยืดตัวขึ้น ดีมาก อย่างนั้นแหละ”
จังหวะที่คลาวด์ค่อยๆ ยืดตัวขึ้น ท่อนแขนแข็งแรงก็ตวัดเข้าโอบรอบเอวแล้วกระชากตัวลอยกลับเข้ามาข้างในระเบียงได้สำเร็จ แม้จะล้มลงไปกลิ้งโค่โล่กับพื้นทั้งคู่ก็ตามเถอะ
“โอเค ไม่เป็นไร ปลอดภัยแล้ว” เซฟิรอธพยุงตัวลุกขึ้นนั่ง ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกช้าๆ ทั้งปลอบขวัญเด็กหนุ่มที่ตัวสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมแขนและปลอบใจตัวเองไปพร้อมๆ กัน
“ยืนไหวไหม หืม...”
นัยน์ตาสีใบไม้สบเข้ากับนัยน์ตาสีฟ้าที่จ้องตรงมาและตอนนี้ใบหน้าก็อยู่ใกล้กันแค่คืบ แววตานั่นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว กล่าวโทษ และตัดพ้อต่อว่าจนยากที่จะสื่อความออกมาเป็นคำพูดได้หมด แต่แล้วในวินาทีถัดไปเด็กหนุ่มกลับเป็นฝ่ายหลบตา แขนเล็กๆ ยกขึ้นโอบรอบคอเขาแน่นแล้วซบหน้าลงกับไหล่กว้างเหมือนเด็กขวัญเสียที่ต้องการหาที่พึ่ง จากนั้นหยาดน้ำใสๆ ก็ร่วงพรู...
หัวใจของเซฟิรอธอ่อนยวบ ค่อยๆ โอบแขนข้างหนึ่งเข้าที่แผ่นหลังผอมบาง อีกข้างเอื้อมลงไปตวัดรองใต้สะโพกของเด็กหนุ่มแล้วยกช้อนขึ้นมา แล้วลุกขึ้นเดินกลับเข้าไปในห้องนั่งเล่น
เมื่อกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง เขาวางเด็กหนุ่มซึ่งตอนนี้คงพอจะควบคุมความรู้สึกของตัวเองได้บ้างลงบนโซฟาก่อนจะนั่งลงข้างๆ พลางคว้าทิชชูกำใหญ่ยัดใส่มือให้
“เธอคงตกใจเสียงฉัน” เซฟิรอธพยักหน้ายอมรับความผิดแต่โดยดี พลางไล่นิ้วมือเสยเส้นผมสีบลอนด์ที่ตกลงมาระใบหน้าขึ้นให้อีกฝ่าย “แล้วลงไปทำอะไรตรงนั้น”
“ไปผูกโครงลวดของรางใส่กระถางต้นไม้ครับ” เสียงตอบดังกระท่อนกระแท่นแต่ยังฟังพอรู้เรื่อง “เมื่อเช้าคุณบอกเองว่า ถ้าไม่ใช่เรื่องงานก็ให้ต่างคนต่างอยู่ ใครอยากทำอะไรก็ทำ”
นั่นไง...พอหายตกใจเข้าหน่อย เจ้าตัวเล็กก็เริ่มหันมาวุ่นวายกับชีวิตเขา
“แล้ว..แล้วก็ คือ...” เริ่มต้นเล่าเรื่องช่วงแรกๆ ด้วยเสียงอ้อมๆ แอ้มๆ พิกลแล้วจึงรีบเปลี่ยนเป็นรัวเร็วช่วงท้าย มือขวารีบหยิบการ์ดเงินสดจากในกระเป๋าเสื้อวางลงบนโต๊ะตัวเล็กใกล้ๆ “ผมใช้เงินของคุณไปมากพอดู แต่ก็..ก็เพราะห้องนี้มันไม่มีของใช้จำเป็นสักอย่าง แล้วผมก็ไม่ได้เข้าไปยุ่มย่ามในห้องคุณเลย จริงๆ นะ”
“เรื่องเงินน่ะช่างเถอะ อยากใช้เท่าไหร่ก็ใช้ไป” เซฟิรอธไหวไหล่ก่อนตัดสินใจพูดเรื่องที่ตั้งใจไว้แต่แรก “ฉันมีเรื่อง...”
“อ๊ะ” คลาวด์ที่เพิ่งนึกอะไรออกเดี๋ยวนั้นพยายามจะลุกขึ้นให้ได้ แม้ขาจะยังสั่นจนเกือบจะยืนไม่อยู่ “ผมอบปลากับเบค่อนรอไว้ แล้วก็ซุปผักในหม้อ นี่จะค่ำอยู่แล้ว คุณคงหิวแย่...โอ๊ย.....”
ท้ายประโยคคือเสียงร้องยามเจ้าเด็กไม่เจียมสังขารล้มคว่ำหน้าคะมำลงกับพื้น โชคดีที่มีพรมผืนหนารองรับเลยไม่ค่อยเจ็บตัวเท่าไหร่
“อยู่เฉยๆ ซุปในหม้อบนเตากับปลาในเตาอบ แค่นี้ฉันจัดการเองได้” เจ้าของห้องที่ทนดูต่อไปไม่ไหวช่วยดึงร่างบางที่พยายามจะลุกแต่ก็ลุกไม่ได้ขึ้นมานั่งพิงบนโซฟาตามเดิมแล้วเดินเข้าครัวไปหยิบจานแบนใบใหญ่ จานเปล่า และถ้วยซุปออกมา 2 ชุด
“มีสลัดมันฝรั่งอยู่ในตู้เย็นด้วยฮะ ในชามแก้วที่ปิดแผ่นพลาสติกใสไว้” เสียงร้องบอกมาพร้อมเสียงโลหะกระทบกันกราวใหญ่ เล่นเอาคนที่กำลังตักซุปใส่ถ้วยนิ่วหน้า
...เด็กอะไรดื้อชะมัด บอกให้อยู่เฉยๆ ไม่ฟัง มือสั่นจนทำช้อนส้อมตก ถ้าทำแก้วแตกด้วยล่ะก็ จะให้เก็บเองล่ะคราวนี้
แต่พอลำเลียงจานอาหารออกไป โต๊ะพร้อมอุปกรณ์ก็จัดเสร็จเรียบร้อย
“อีกอย่างนะฮะ” คลาวด์ยังไม่หมดปัญหา “แชมพูในห้องน้ำหมดแล้ว ในตู้เก็บของก็ไม่มีเหลือสักขวด ผมเลยให้ที่ร้านเอามาส่งพรุ่งนี้ คืนนี้...คุณคงสระผมไม่ได้”
“ฉันไม่ได้สระผมทุกวัน แล้วพรุ่งนี้ก็ไม่มีงาน” เซฟิรอธที่ไม่ได้กินอะไรเป็นเรื่องเป็นราวมาทั้งวันนอกจากซุปมื้อเช้านั่งลงบนเก้าอี้ประจำตัว แต่ก็ต้องถอนใจยาวแล้วหันมามองคลาวด์ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างๆ กันและยังไม่หมดปัญหา
“มีอะไรอีก”
“คือ....” สีหน้าเจ้าตัวเล็กออกจะหวาดๆ แต่ยังพยายามยิ้มสู้ “สงสัยว่าแม่บ้านไม่ได้มาทำความสะอาดหลายวันแล้ว พรุ่งนี้ผมขอเข้าไปดูดฝุ่นในห้องคุณนะ”
“อยากทำอะไรก็ทำ” เซฟิรอธตอบเสียงสะบัดนิดๆ ลงมือตักสลัดเข้าปากเป็นการตัดบทก่อนจะโมโหหิวกินเด็กเจ้าปัญหาตรงหน้าเป็นมื้อเย็นซะก่อน
หลังมื้ออาหาร เซฟิรอธเลี่ยงออกมาดูทีวีในห้องนั่งเล่น ปล่อยให้คลาวด์ที่อาการเป็นปรกติดีแล้วลงมือเก็บล้าง นัยน์ตาคู่คมมองตามร่างเล็กๆ ที่กำลังเก็บจานชามสะอาดเข้าที่
...ถ้า ‘ผู้ดูแล’ เป็นแค่ ‘คนคอยอำนวยความสะดวก’ อย่างที่คลาวด์กำลังทำ ไม่ใช่พวกจุ้นจ้าน คอยจับผิด หรือชอบซอกแซกอยากรู้อยากเห็นชีวิตส่วนตัวและทุกการกระทำของเขาแล้วเอาไปใส่สีตีไข่ให้ข่าวเก็บผลประโยชน์ใส่ตัวเองเหมือนอีก 4 คนที่บอกเลิกไปล่ะก็ ....บางทีเขาอาจจะตัดสินใจใหม่
“คลาวด์”
“ครับ”
“ผู้ดูแลต้องทำอะไรบ้าง”
“คุณรีฟบอกแค่ว่า ทำยังไงก็ได้ให้คุณทำงานตามตารางเวลาที่กำหนดได้อย่างเป็นปรกติ”
“แล้วเธอคิดว่าไง”
“ก็ดูแลบ้าน อาหาร เสื้อผ้า เช็กตารางเวลางานกับประสานงานกับทีมงานถ่ายแบบ แต่ผมไม่มีใบอนุญาตขับรถ เลยขับรถให้ไม่ได้”
“ไม่เป็นไร ฉันชอบขับรถเอง แต่เธอไม่คิดว่าทำเหมือนฉันเป็นเด็กไปหน่อยเหรอ”
“ก็...ผมเรียนทางหมอเด็ก” คลาวด์หัวเราะแหะๆ พลางยกมือขึ้นลูบท้ายทอยแก้เก้อ “แต่ถ้าคุณจะให้ทำอะไรเพิ่มก็บอกได้นะฮะ”
“งั้นเหรอ”
...ใช่แล้ว เพราะคลาวด์ยัง ‘เด็ก’
...ความไร้เดียงสาและอ่อนต่อโลกของเจ้าตัวทำให้เข้าใจคำว่า “ดูแล” แบบเด็กๆ โดยไม่คิดเอาเปรียบหรือมีผลประโยชน์อื่นแอบแฝง
...การที่กลับมาบ้านแล้วมีคนคอยดูแลทุกอย่าง ทำอาหาร จัดการสารพัดปัญหาให้ มันก็ดีไม่น้อย
...แบบนี้คงพอจะอยู่ด้วยกันได้
ลงท้าย...สิ่งที่ช่วยยืนยันว่าเขาควรเปลี่ยนใจ ก็ตอนที่เดินเข้าไปในห้องนอนแล้วนั่งลงบนเตียง
ทั้งๆ ที่ทุกอย่างเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากตอนที่เขาลุกขึ้นจากเตียงเมื่อเช้าเลยสักนิด แต่บรรยากาศข้างในกลับอ้างว้างอย่างน่าประหลาด มันทั้งโล่งและเงียบเหงาผิดกับความรู้สึกเวลาอยู่ข้างนอกราวคนละโลก ...วินาทีนั้น คำตอบสำหรับคำถามที่เขาพยายามครุ่นคิดแทบตายแต่ก็ยังคิดไม่ออกเมื่อครู่ก็กระจ่างชัดอยู่ในหัว
เซฟิรอธหลับตาลง ผ่อนลมหายใจช้าๆ สักพักก็ลืมตาขึ้นแล้วลุกขึ้นไปเปิดประตู ข้างนอก...เจ้าเด็กตัวยุ่งกำลังเก็บหมอนบนโซฟาตรงที่เขานั่งอยู่เมื่อกี้ให้เข้าที่เข้าทาง
“คลาวด์”
“ฮะ”
“บัตรเงินสดนั่นเธอเก็บไว้เลย แล้วก็...”
“อะไรครับ”
“พรุ่งนี้ดูดฝุ่นแล้วจัดห้องให้ฉันด้วย”
....................................................................................
แนะนำตัวก่อนค่ะ ข้าน้อยคือบุคคลไม่ระบุชื่อหมายเลข 4 เองนะคะ
ตอบลบ(จริงๆแล้วชื่อ "ชิน" ค่ะ--ฮา)
ในที่สุดก็ได้อ่านแล้ว กรีดร้องด้วยความดีใจ ~~ >_<)O
ขออนุญาตเม้นท์สองตอนรวบยอดเลยนะคะ
จะอดใจรอเจอพระรองแสนดี... ขอบคุณที่ตอบเม้นท์นะคะ เข้าใจเสียทีว่าทำไมแซคคุงถึงได้เอาแต่แย๊บๆ ไม่ยอมปล่อยหมัดสักที (55+)
ว่าด้วยเรื่องฟิคที่ลงสองตอนนี่ (ดีจัง ได้อ่านเยอะๆ) หนูคลาวด์ให้อิเมจแม่บ้านมากค่ะ เหมือนว่าที่เจ้าสาวเลยเนอะ (ฮาได้อีก)แต่มีดีกรีถึงขนาดเรียนแพทย์ โอ้วววว... มาในมาดฉลาดใสๆ(?)เลยเนอะ แอร๊ย!
และเซฟิรอธคุงก็คือฝาละมีที่ออกไปทำงานเป็นดารา(หรืออาหารสายตา) หาเงินเลี้ยงเจ้าสาว(?) พอกลับมาคุณเธอ(?) ก็ทำอาหาร เก็บกวาดบ้านช่องรอต้อนรับอย่างดี
...และสุดท้ายฝาละมีก็ชวนภรรยาเข้าไปลั่นล้า~ในห้อง เพราะทนความน่ารักไม่ไหว (เขาแค่ให้ไปเก็บกวาด นี่ก็จะจิ้นท่าเดียว)สงสัยจะติดใจกลิ่นหนูคลาวด์ที่ยังอยู่ในห้องนอน (บรรยากาศจ้ะ บรรยากาศ)
ให้ความรู้สึกเหมือนอ่านฟิคหวานแหววปนตลกดีค่ะ สนุกดี รอแซคมาป่วน 55+ อัพต่อเร็วๆนะคะ ขอให้เป็นคู่นี้แนวไหนก็รับได้หมด (หรืออีกแนวก็คือ Allคลาวด์เคะ / โดนเตะ)
อ้าวน้องโบะกลายเป็นหมอเด็กไปซะงั้น งี้ก็รักษาให้ดทียร์ไม่ได้สิเนี่ย บู่ๆๆ
ตอบลบไม่เป็นไรๆ ไว้ไปจิ๊กลูกใครแล้วแอบพาไปแทนก็ได้ ฮี่ๆ
ฟิคนี้ป๋าเซฟให้อารมณ์คูลแอนแฮนซั่มมาก ในที่สุดเจ้าแมวจอมหยิ่งก็เลปี่ยนใจแล้วสินะ
ว่าแต่ คลาว์เอ๋ยการดูแลที่พูดออกมาน่ะ ยังกะหน้าที่ภรรยายังไงชอบกลอยู่นะ XD