27/2/54

(FF7 advent children) : Brother! (p5)


Bishonen Warning : จริงๆ ตั้งใจเขียนแบบธรรมดาๆ แท้ๆ ไม่ได้แฝงเจตนาอะไรเลย แต่อ่านไปอ่านมามัน.... เฮ้อออ.......

Author : jes


Pairing : ไม่มี๊...ไม่มี จริงๆ นะ เชื่อเจสสิ 

Disclaimer : ตัวละครเป็นลิขสิทธิ์ของ square enix ที่เจสใช้หัวใจและความรู้สึกเขียนเรื่องราวเพิ่มเติม ใครผ่านไปผ่านมาเจอเข้า..อ่านแล้วสนุกไปด้วยเจสก็ดีใจ ถ้าจะคัดลอกไปไหนก็ขอให้บอกกล่าวกันสักนิดนะคะ


Intro : ฟิคนี้เขียนขึ้นตอนได้ดู advent children ใหม่ๆ (ก็สัก 2-3 ปี ที่แล้วแหล่ะ) ก็แค่อยากรู้ว่า ถ้า แก๊งเด็กติดแม่ เปลี่ยนเป็น แก๊งเด็กติดพี่ มันจะเป็นยังไงนะ เลยเขียนลวกๆใส่สมุดแล้วดองทิ้งไว้ พอเมื่อไม่นานมานี้ได้ดู  advent children complete เข้า สติสตังเลยแตกกระเจิง คุ้ยสมุดหาแทบพลิกห้องกว่าจะเจอเล่มที่เขียนฟิคไว้ จัดการรีไรท์นิดหน่อย (งานการ+ฟิกอื่นที่ดองไว้มันค้ำคออยู่) จนได้ออกมาเป็นฟิคที่กำลังจะได้อ่านนี่ล่ะค่ะ ^^

ปล. เจสเป็นแม่ยกคลาวด์ค่ะ อย่าว่าคลาวด์กันเลยนะ ถึงจะยอมรับว่าหมอนี่พึ่งไม่ค่อยได้จริงๆ ก็เหอะ!

-----------------------------------------------------------------------

Chapter 4: See you again


เสียงนกร้องยามเช้าตรู่ปลุกให้ดวงตาสีฟ้าค่อยๆ ลืมขึ้น

...นี่เขาหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่?

จำได้ว่า..เมื่อคืนนี้เขาเข้ามานอนในห้องของคาดาจ ยาซู และลอซ แล้วก็หลับไปซะเฉยๆ ปล่อยให้เจ้าของห้องจัดสรรปันส่วนแบ่งที่นอนกันเองตามสบาย ทีแรกก็คิดจะงัวเงียนอนต่ออีกสักพักเพราะวันนี้ไม่มีออเดอร์ส่งของที่ไหน แต่แล้วก็กลับตาสว่างเพราะรู้สึกถึงความแข็งชาที่หน้าขาลามลงไปถึงข้อเท้า ตามด้วยไออุ่นจากร่างที่เบียดซุกเข้ามาทางซ้าย รวมไปถึงลมหายใจเข้าออกเบาๆ กับเส้นผมยาวๆ ที่ปลิวระหน้าเขาจากด้านขวา

...เฮ้อ! เจ้าพวกนี้ เตียงตั้งกว้าง ทำไมไม่แบ่งๆ กันนอนให้สบายๆ นะ

คลาวด์หันไปมองรอบๆ ห้องแล้วก็พบว่ารอบๆ ตัวเขาเป็นร่างของเจ้าตัวป่วนทั้ง 3 คนที่กำลังหลับสนิท แถมไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาตอนนี้ ที่ขาเป็นเหน็บก็เพราะลอซที่ยังยึดพื้นที่ปลายเตียงวางขาตัวเองพาดทับขาเขาไว้ ทางซ้ายเป็นคาดาจที่เบียดเข้ามาหาความอบอุ่นจนแทบจะกอดเขาไว้ทั้งตัวเพราะโดนลอซยึดผ้าห่มไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ส่วนยาซูที่อยู่ทางขวาก็ยึดแขนเขาไว้เป็นหมอนข้างแล้วนอนนิ่งเสียจน หมอนข้าง เกรงใจไม่กล้าขยับตัว

ภาพใบหน้าที่หลับสนิทของแต่ละคนเห็นแล้วก็อดเอ็นดูไม่ได้

... คาดาจ ยาซู ลอซ ถึงแม้สามคนนี้จะเป็นเศษเสี้ยวของเจโนว่า แต่ก็เป็นเด็ก...เด็กเอาแต่ใจตัวเองที่ยังอ่อนต่อโลก และต้องการคนคอยดูแลเอาใจใส่ ใครสักคนที่จะคอยอยู่เคียงข้างไว้เป็นที่พึ่งได้...

... ช่างแตกต่างจากเซฟิรอธลิบลับ

แว่วเสียงโทรศัพท์ในมุมทำงานในห้องนอนของเขาดังขึ้น คลาวด์พยายามขยับตัวให้น้อยที่สุด เบาที่สุด พยายามไม่ให้คนที่กำลังหลับรู้สึกตัวตื่น

แต่แค่รู้สึกถึงแรงขยับตัวเบาๆ คาดาจกับยาซูก็ลืมตา พอเห็นคลาวด์กำลังจะพยุงตัวลุกขึ้นนั่งเท่านั้น ปฏิกิริยาตอบสนองอัตโนมัติก็ปลดล็อคตัวมันเองด้วยการโถมตัวเข้าไปกอดคออีกฝ่ายไว้พร้อมๆ กันทั้งจากทางซ้ายและทางขวา ในขณะที่ลอซเพิ่งรู้สึกตัวแล้วยกขาขึ้นปล่อยขาอีกคู่ที่ถูกทับไว้ค่อนคืนให้เป็นอิสระ

"พี่ชาย"

อืม...อยู่นี่ คลาวด์พยักหน้าแรงๆ แล้วส่งเสียงบอกเด็กที่เพิ่งตื่นนอนและกำลังงัวเงียจัดเบาๆ จะได้ไม่อาละวาดเพราะถูกปลุก ยังเช้าอยู่เลยจะนอนต่ออีกหน่อยก็ได้

ทั้ง 3 คนสั่นหน้าแต่ยังไม่ยอมลืมตาที่หรี่ไว้ครึ่งนึงให้เปิดออกเต็มที่

เสียงโทรศัพท์เงียบไปก่อนที่ระบบฝากข้อความเสียงจะดังขึ้น...ซิดบอกให้เขาโทรกลับ

ทั้งซิด ยัฟฟี่ เรดเธอทีน และเคทซิท คงแทบอยู่ไม่เป็นสุข ถ้าทางนี้ไม่มีใครส่งข่าวไปบอกอะไรสักนิด

จะลุกล่ะนะ คลาวด์กระซิบเบาๆ แล้วค่อยๆ ปลดแขนที่กอดคอไว้ออก ถ้าง่วงจะนอนต่อก็ได้ ถ้าไม่ก็ไปอาบน้ำซะ เดี๋ยวจะได้กินข้าวกัน

จังหวะที่ลุกเดินกลับเข้าไปในห้อง ...ไม่แน่ใจว่ารู้สึกไปเองรึเปล่าว่าวันนี้เด็กพวกนี้ดูจะหงอยๆ ลงไปกว่าทุกวัน

…………………

หลังจากต่อโทรศัพท์ถึงซิด ฟังเสียงโวยวายต่อว่าต่อขานจากยัฟฟี่ ต่อด้วยจัดการธุระส่วนตัวเสร็จ คลาวด์ก็เดินกลับเข้าไปในห้องนอนใหญ่อีกที

ภายในห้อง เตียง 3 เตียงเก็บเรียบร้อยและเลื่อนกลับออกมาอยู่ในที่เดิมของมัน บนเตียงวางตุ๊กตาโจโคโบะไว้เตียงละตัวเป็นสัญลักษณ์ให้รู้ว่าเตียงไหนของใคร..เหมือนเด็กๆ ที่ใช้ของส่วนตัววางจองพื้นที่ของตัวเองไว้

... ว่าแต่คาดาจ ยาซู และลอซไม่อยู่ในห้อง

อึ่กกก!!

ความเจ็บแปลบของปฏิกิริยาตอบสนองเซลล์เจโนว่าในร่างกายประดังเข้ามาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวจนทรุดลงไปนั่งกับพื้น ขณะที่กำลังมึนงงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แขนแข็งแรงของใครสักคนก็ตรงเข้ามาพยุงไว้ก่อนจะช่วยนำทางออกมาข้างนอกบ้าน

ทนหน่อยนะ วินเซนต์กระซิบเบาๆ ไปดูเด็กพวกนั้นหน่อย

…………………

ในสวนเล็กๆ ข้างหลังบาร์ 7th Heaven ทั้งคาดาจ ยาซู และลอซต่างยืนมองท้องฟ้าด้วยใบหน้านิ่งสงบพลางถอนใจยาว

... สีฟ้าของท้องฟ้ายามเช้างดงามนักก็จริง แต่มันก็ไม่เท่าดวงตาของพี่ชาย

เวลา..ที่ได้มา..จวนหมดลงแล้ว

ร่างกายที่เคยแจ่มชัด ที่เคยสัมผัสแตะต้องได้ เริ่มโปร่งแสงขึ้นทีละน้อย

พวกนาย ทำไม!!!”

คลาวด์ที่ได้วินเซนต์ช่วยพยุงออกมาจากในบ้านใจหายวาบกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า...เด็กหนุ่มผมเงินทั้งหมดกำลังจะกลายเป็นไลฟ์สตรีม

แม่โกรธแล้วล่ะ ลอซที่เริ่มต้นร้องไห้เป็นคนแรกยกมือขึ้นป้ายน้ำตา แต่ยังไม่อยากกลับเลย อยู่แบบนี้สนุกออก

ทำไมล่ะทำไม....

คลาวด์ได้แต่ถามย้ำซ้ำซากอยู่อย่างนั้นโดยไม่รู้ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

แม่อยากให้พวกเราส่งพี่ชายกลับไปอยู่ในไลฟ์ตรีม ยาซูเลือกจะบอกความจริงในช่วงเวลาสุดท้าย จากนั้นเราคนใดคนนึงก็จะกลายเป็นเซฟิรอธจากเซลล์ของแม่ที่ชินระยังเก็บเอาไว้ แค่นี้ก็ไม่มีใครขัดขวางแผนการเปลี่ยนแปลงโลกได้อีก

แต่เราไม่อยากทำคาดาจกัดริมฝีปากแน่น ความสับสนผสมปนเปกับความน้อยเนื้อต่ำใจที่อัดอั้นอยู่แทบทุกอณูของความรู้สึกล้นทะลักออกมาเป็นน้ำตาที่ไหลลงอาบแก้ม ทุกอย่างเพื่อเซฟิรอธ....เซฟิรอธ..ลูกที่แม่รักมากที่สุด แล้วพวกเราล่ะ พวกเราก็เป็นลูกของแม่เหมือนกันไม่ใช่เหรอ แล้วทำไม..ทำไม....

ทำไม...พวกเราถึงเป็นตัวเราเองไม่ได้ ยาซูที่ร้องไห้ตามคาดาจไปด้วยอีกคนระบายความรู้สึกออกมาบ้าง ทุกคนต้องการแต่เซฟิรอธ ทุกคนมองเรา 3 คนมีประโยชน์แค่เป็น ตัวสำรองให้เซฟิรอธเท่านั้น

.... คาดาจ ยาซู ลอซ เศษเสี้ยวแห่งเจโนว่าที่น่าสงสาร เศษเสี้ยวที่ต้องการแค่การยอมรับความมีตัวตนของตนเองจากใครสักคน

ภาพของคาดาจ ยาซู และลอซผุดขึ้นมาในความทรงจำ ทั้งตอนที่ต่อสู้กัน เล่นสนุก หัวเราะ เอาแต่ใจ งอแง และร้องไห้ มันยากเหลือเกินที่คลาวด์จะสลัดแววตาสีเขียวเหล่านั้นที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดออกไปจากความคิดคำนึง

.... ความรู้สึกของการเป็น ตุ๊กตาชักใยน่ะ เขาเองรู้ซึ้งดีกว่าใครทั้งหมด และเด็กพวกนี้ก็มีชะตากรรมไม่ต่างอะไรจากเขาเมื่อก่อน 

ใช่..........ถ้าเพียงเขาจะนึกให้ออกเร็วกว่านี้........

.... เข้าใจแล้วว่าเพราะอะไรทั้ง 3 คนถึงหันมายึดติดกับตัวเขา... สำหรับเด็กพวกนี้ คลาวด์ สไตรฟ์ที่มี s cell อยูในตัว ก็เป็นเหมือนญาติเพียงคนเดียวที่มีอยู่และสามารถมอบ ความรักให้พวกเขาได้

แม้ความปวดแสบปวดร้อนในร่างกายจะยังไม่เบาบางลง แต่คลาวด์ก็ยังก้าวเข้าไปใกล้แล้วอ้าแขนออกโอบกอด น้องของเขาไว้ ใช้ปลายนิ้วปาดน้ำตาให้เบาๆ พลางกระซิบว่า

พอเถอะ...พวกนายไม่ใช่เซฟิรอธหรอกนะ ไม่เหมือนสักนิดเลยด้วย

พี่ชาย

ไม่ต้องสนใจเจโนว่าหรือเซฟิรอธหรอก พวกนายมีชีวิตอยู่ตามแต่ที่ตัวเองต้องการเถอะ

กระแสความอบอุ่นไหลวาบเข้ามาในความรู้สึก มันให้ทั้งความปลอดภัยและมั่นคงยิ่งกว่าพลังงานใดที่เคยสัมผัสยามอยู่ในไลฟ์สรีม...ทั้งคาดาจ ยาซู และลอซซุกตัวลงไปในอ้อมแขน พี่ชายมากขึ้นเหมือนจะพยายามซึมซับความรู้สึกเหล่านั้นไว้ให้ได้มากที่สุด...นานที่สุด

นี่... เสียงพี่ชายยังดังแว่วๆ อยู่ข้างหู ใครก็ตามที่มีเซลล์ของเจโนว่าอยู่ในตัว จะทำ รียูเนี่ยนได้เหมือนกันหมดรึเปล่า

ไม่ได้หรอก คาดาจตอบเสียงอู้อี้เพราะไม่ยอมแม้แต่เงยหน้าขึ้น “s cell ในตัวพี่ชายน่ะเป็นของเซฟิรอธ พี่ชายเรียกพวกเรา 3 คนจากไลฟ์สตรีมไม่ได้หรอก

ถ้างั้น... คลาวด์ถอนใจ รู้ดีว่าถ้าเวลานั้นมาถึงจริงๆ คำว่า สงบสุขคงหายไปจากชีวิตของเขาไม่น้อย แต่..ทำไงได้ ไว้พวกนายมาคราวหน้าจะพาไปเที่ยวที่ที่แต่ละคนอยากไปแล้วกัน

จริงนะ

พี่ชายสัญญาแล้วนะ

ไปด้วยกันหมดทุกคนเลยนะ

อืมม์ เฉพาะพวกนาย 3 คนนะ ไม่ต้องพาเซฟิรอธมาด้วย

รอยยิ้มยินดีปรากฏขึ้นบนใบหน้าทั้งๆ ที่คราบน้ำตายังไม่แห้ง

.... ดีใจ

.... ในที่สุดก็มีคนมองข้ามเซฟิรอธมาเห็นตัวตนที่แท้จริง โดยเฉพาะคนๆ นั้นคือ พี่ชาย

เวลา...หมดลงแล้ว

ก่อนจะได้เอ่ยคำอำลา ปลายนิ้วอุ่นๆ ก็มาแตะที่ริมฝีปากเป็นเชิงบอกให้เงียบ

แล้วเจอกัน

คลาวด์กระซิบสั้นๆ พร้อมกับร่างเด็กหนุ่มผมเงิน 3 คนในอ้อมกอดจะสลายกลายเป็นส่วนหนึ่งของพลังงานที่โอบอุ้มดาวดวงนี้ไว้

กลุ่มไลฟ์สตรีมล่องลอยอ้อยอิ่งราวจะขานรับเสียงกระซิบของ พี่ชาย

....แล้วรีบกลับมาล่ะ จะรอพวกนายเสมอ



อา.... ความรักที่เฝ้าปรารถนา แท้จริงเป็นเช่นนี้นี่เอง

                            

For four brothers,      
                         
      Jeserith,
                                                                                    Fin : 5 / 10 / 2007
                                                                                  Rewrite : 19/01/2010

(FF7 advent children) : Brother! (p4)


Bishonen Warning : จริงๆ ตั้งใจเขียนแบบธรรมดาๆ แท้ๆ ไม่ได้แฝงเจตนาอะไรเลย แต่อ่านไปอ่านมามัน.... เฮ้อออ.......


Author : jes


Pairing :  ไม่มี๊...ไม่มี จริงๆ นะ เชื่อเจสสิ

Disclaimer : ตัวละครเป็นลิขสิทธิ์ของ square enix ที่เจสใช้หัวใจและความรู้สึกเขียนเรื่องราวเพิ่มเติม ใครผ่านไปผ่านมาเจอเข้า..อ่านแล้วสนุกไปด้วยเจสก็ดีใจ ถ้าจะคัดลอกไปไหนก็ขอให้บอกกล่าวกันสักนิดนะคะ

Intro : ฟิคนี้เขียนขึ้นตอนได้ดู advent children ใหม่ๆ (ก็สัก 2-3 ปี ที่แล้วแหล่ะ) ก็แค่อยากรู้ว่า ถ้า แก๊งเด็กติดแม่ เปลี่ยนเป็น แก๊งเด็กติดพี่ มันจะเป็นยังไงนะ เลยเขียนลวกๆใส่สมุดแล้วดองทิ้งไว้ พอเมื่อไม่นานมานี้ได้ดู  advent children complete เข้า สติสตังเลยแตกกระเจิง คุ้ยสมุดหาแทบพลิกห้องกว่าจะเจอเล่มที่เขียนฟิคไว้ จัดการรีไรท์นิดหน่อย (งานการ+ฟิกอื่นที่ดองไว้มันค้ำคออยู่) จนได้ออกมาเป็นฟิคที่กำลังจะได้อ่านนี่ล่ะค่ะ ^^

ปล. เจสเป็นแม่ยกคลาวด์ค่ะ อย่าว่าคลาวด์กันเลยนะ ถึงจะยอมรับว่าหมอนี่พึ่งไม่ค่อยได้จริงๆ ก็เหอะ!

-----------------------------------------------------------------------


Chapter 3: 3rd day


คลาวด์

เสียงร้องเรียกดังขึ้นทันทีที่เขาจอดมอเตอร์ไซค์หลังกลับจากไปส่งของตั้งแต่ไก่ยังไม่ตื่น จะได้ไม่ต้องมีใครติดสอยห้อยตามไปให้เป็นเรื่องเป็นราวเข้าใจผิดกันอีก

หาย..หายไปกันหมดเลย น้ำเสียงทิฟ่าที่ถลาเข้ามาหาปิดบังร่องรอยความตกใจไว้ไม่มิด

อะไรหายคลาวด์ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ได้แต่ปลอบทิฟ่าให้ใจเย็นขึ้น

ก็เด็ก 3 คนนั่น...กับมาร์ลีน...เดนเซลก็ด้วย ทิฟ่าค่อยๆ ลำดับเรื่องราวที่เกิดขึ้น หลังทานข้าวก็เห็นนั่งคุยกันอยู่ดีๆ หันมาอีกทีหายไปไหนไม่รู้ยกแก๊งเลย นี่แบร์เร็ตไปตามหาแถวๆ นี้ ส่วนวินเซนต์.......

ไปโบสถ์ เสียงวินเซนต์ดังมาจากในบาร์ก่อนเดินออกมาพร้อมกระดาษโน๊ตแผ่นเล็กๆ ในมือ เดนเซลทิ้งข้อความไว้ว่า พวกเค้าไปโบสถ์ที่มิดการ์

…………………………………….…

เอ้า! พวกนาย...ตั้งใจทำงานกันหน่อย

ตอนนี้ยาซูที่นั่งไขว่ห้างอย่างสบายอารมณ์อยู่บนเก้าอี้ยาวกำลังเพลินเพลินกับการชี้นิ้วสั่งงานพลพรรคร่วมแก๊ง ...ถัดออกไปอีกหน่อยลอซที่คิดแค่จะหาเรื่องเล่นท่าเดียวก็จำใจตั้งหน้าตั้งตาตอกตะปูโป๊กๆ ซ่อมเก้าอี้ที่จวนเจียนจะพังไม่พังแหล่ด้วยท่าทางซังกะตายสุดขีดหลังจากซ่อมพื้นไม้ที่โหว่เป็นรูๆ เสร็จเรียบร้อยภายใต้การควบคุมดูแลของหนุ่มน้อยเดนเซล ไกลออกไปคาดาจที่อารมณ์ต้องส่งซ่อมก็กำลังรดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ยให้ต้นไม้ดอกไม้ในแปลงเล็กๆ รอบๆ บ่อน้ำ มีมาร์ลีนคอยให้คำแนะนำอยู่ข้างๆ

ว๊าาาาก.... คาดาจร้องลั่นเป็นรอบที่ห้าเมื่อโดนน้ำในบ่อที่ตักขึ้นมารดต้นไม้กระเด็นใส่เอา ถึงยังไงเขาก็ยังไม่อยากยุ่งกับของที่มีพลังไลฟ์สตรีมบริสุทธิ์ขนาดรักษาโรคจีโอสติกมาให้หายได้อยู่ดี

ไม่เอาแล้ว คาดาจทำหน้าเบ้พลางถอยกรูดออกห่างจากบ่อน้ำก่อนหันไปหายาซู ขอทำอย่างอื่นแทนดีกว่า

ทำๆ ไปเหอะน่า อย่างอแง

ดูเหมือนยาซูจะไม่เห็นใจกันเลยสักนิด เล่นเอาอดีตหัวหน้าแก๊งเริ่มพาลหาเรื่องเข้าให้

งั้นมาช่วยกัน จะได้เสร็จเร็วๆ

ไม่ล่ะ ยาซูยักไหล่ ฉันไม่เคยมาที่นี่ เลยไม่ได้ทำแปลงดอกไม้กระจุยกระจายแล้วทลายหลังคาโบสถ์จนถล่มลงมาอย่างนาย ไม่เคยทำพื้นเป็นรูกับพังเก้าอี้เล่นเหมือนลอซ ...เพราะงั้นอย่ามัวแต่บ่น รีบๆ ทำๆ เข้า เดี๋ยวนายต้องไปช่วยลอซปัดกวาดเช็ดถู ทำความสะอาดให้ทั่วทั้งโบสถ์อีกนะ

มีฉันคนเดียวเมื่อไหร่ที่ทำโบสถ์พัง ทำแปลงดอกไม้กระจุย คาดาจยกมือขึ้นเท้าเอวแล้วสะบัดหน้าใส่ยาซูด้วยความหงุดหงิด มีอยู่คนนึงพังมันทุกอย่างเหมือนกันแถมเป็นคนแรกที่เจาะรูบนหลังคาอีกต่างหาก

ทันใดนั้นเสียงเครื่องยนต์อะไรสักอย่างก็วิ่งมาจอดข้างหน้าโบสถ์ ...นัยน์ตา 3 คู่ 6 ข้างของเด็กหนุ่มผมเงินเลยหันมาสบกันปิ๊งแล้วละมือจากสิ่งที่กำลังทำอยู่

... พูดถึงโจโคโบะ โจโคโบะก็มาเลย

พี่ช.....

แต่แล้ว...ร่างที่ตั้งท่าจะถลาเข้าใส่ก็พลันหยุดชะงัก เสียงที่ร้องเรียกด้วยความยินดีก็ขาดหาย เมื่อสัญญาณเตือนภัยในประสาทสัมผัสกรีดเสียงลั่นดังระงมไปหมด เพราะสายตาที่มองหา พี่ชายกลับเห็น....

เจอตัวแล้ว ชายหนุ่มผมแดงท่าทางยียวนกวนอารมณ์เดินนำหน้าชายผมทองในชุดสูทสีขาวสะอาดเข้ามา ข้างหลังมีทาก์สคนอื่นๆ ก่อนจะปิดท้ายขบวนด้วย...โฮโจ!!!!

ทั้ง 2 ฝ่ายต่างยืนเว้นระยะห่างกันพอสมควร ฝ่ายหนึ่งตั้งท่าเตรียมพร้อมรับมือ อีกฝ่ายหนึ่งแม้ยกโขยงกันมาครบทีมแถมอาวุธครบมือ แต่ก็ไม่กล้าบุกเข้าโจมตีก่อนเพราะรู้ฤทธิ์พิษสงของเด็กหนุ่มผมเงินแต่ละคนดี

สายข่าวรายงานว่า คลาวด์ สไตรฟ์ พาพวกนาย 3 คนกลับมาจากเครเตอร์ รูฟัสมองกลุ่มคนตรงหน้าด้วยสายตาครุ่นคิด ไม่นึกว่าจะเป็นความจริง

ว่าแต่หมอนั่นก็เพี้ยนใช่ย่อยนะ เรโน่เลิกคิ้ว แค่พวกนายทำตัวดีเข้าหน่อยก็ยอมญาติดีด้วยเนี่ย

คิดว่าไม่..” เส็งสั่นหัว หมอนั่นไม่โง่หรอก...ใครจะหลงเชื่อใจดักแด้ของเซฟิรอธได้ลง

นั่นสิ เอเลน่ารีบสนับสนุน คงแค่เอาตัวมาคอยจับตาดูว่าจะทำอะไรต่อไปเท่านั้นแหละ

.... ไม่จริง...ไม่จริง พี่ชายไม่ได้เป็นอย่างนั้น

นัยน์ตาสีเขียวอมทองไหววูบ ...แต่ละประโยคที่ได้ยินล้วนคมมีดที่กรีดลึกลงไปกลางก้นบึ้งของจิตใจ สะกิดปากแผลที่เรียกว่า ความจริง ที่แต่ละคนแอบเก็บซ่อนเอาไว้มิดเม้นให้เปิดออก เรียกความเจ็บร้าวให้แผ่ซ่านจนชาดิกไปหมดทั้งตัว

.... ดักแด้ของเซฟิรอธ พวกเขาเป็นได้แค่เปลือกนอกของเซฟิรอธเท่านั้นเองงั้นเหรอ ทุกคนมองพวกเขาแค่เป็นร่างสำรองของเซฟิรอธเท่านั้นหรอกเหรอ

ราวล่วงรู้ความใจในของคนตรงหน้า รูฟัสยิ้มน้อยๆ ก่อนปล่อยคำถามที่เชือดเฉือนจิตใจอย่างรุนแรงออกมา

ว่าไงล่ะ พวกนายว่าสไตรฟ์คิดอะไรอยู่ เพราะจะได้ควบคุม ศัตรู อย่างใกล้ชิด หรือเพราะอยากได้ เซฟิรอธที่เขาเฝ้าคิดถึงกลับคืนมากันแน่ หืมม์

....นัยน์ตาสีเขียวทุกคู่เต็มไปด้วยความสับสน

....ไม่มีใครต้องการพวกเขา ทุกคนต้องการแต่เซฟิรอธ ทั้ง...แม่ แล้วนี่ยัง.....พี่ชาย

ไม่ใช่แค่เจ้าผลงานล้มเหลวนั่นหรอกนะ แม้เป็นเพียง AI ที่จำลองความทรงจำของต้นแบบเอาไว้ แต่โฮโจคนนี้ก็มีความรู้สึกนึกคิดไม่ต่างไปจากโฮโจคนก่อนที่ตายไปแล้วเลยแม้แต่น้อย สำหรับฉัน พวกแกก็เป็นแค่ดักแด้ของเซฟิรอธเหมือนกัน

แค่ประธานนีโอชินระโบกมือให้สัญญาณ เส็ง เรโน่ และรู้ดก็กดสวิตช์ท่อนโลหะยาวๆ ในมือแล้วปล่อยตาข่ายผืนบางแต่เหนียวหนับออกมาคลุมร่างพวกเขาไว้

ปล่อย

เพราะไม่มีอาวุธคู่มือ คาดาจกับยาซูเลยได้แต่พยายามสุดแรงเกิดที่จะดิ้นให้หลุดจากพันธนาการ แต่ยิ่งดิ้นมากเท่าไหร่ตาข่ายก็ยิ่งรัดแน่นขึ้นๆ จนแม้แต่จอมพลังอย่างลอซก็หมดหนทางจะกระชากตาข่ายให้ขาดออกจากกันได้

แค่มีพวกแกกับเซลล์เจโนว่าที่ทางชินระเก็บซ่อนไว้ โฮโจหัวเราะลั่นอย่างถูกอกถูกใจ ฉันก็จะสร้างเซฟิรอธขึ้นมาใหม่ได้

ตาข่ายนั่นสร้างขึ้นจากไลฟ์สรีมที่บีบอัดเป็นเส้นแล้วทอเป็นผืน รูฟัสยิ้มอ่อนๆ แต่แววตากลับตรงกันข้าม ยอมจำนนแต่โดยดีแล้วกลับไปกับชินระดีกว่า

 ไม่ไป จะอยู่กับพี่ชาย...

... พี่ชาย

... คำๆ เดียวที่ยึดเหนี่ยวทุกสิ่งไว้เหมือนฟางเส้นสุดท้าย

ไม่ว่าเมื่อไหร่ทั้งนัยน์ตาและหัวใจของเจ้านั่นก็คอยมองหาแต่เซฟิรอธรูฟัสย้ำ ไม่มีอะไรหลงเหลือไว้ให้ เปลือกอีกแล้ว อย่าสำคัญตัวเองผิดไปนักเลย

ดั่งคมมีดกรีดลงบนฟางเส้นบางจนปลิดปลิว แรงดิ้นรนต่อต้านจากร่างใต้ผืนตาข่ายหายไป แต่แล้วก่อนที่ปืนยาสลบจะถูกนำออกมาใช้ อะไรบางอย่างก็ฟันฉับลงมาจนตาข่ายขาดกระจุย!!!

อย่าแตะต้องพวกเขา

คลาวด์ที่เพิ่งมาถึงพร้อมดาบดาบอัลทิม่าในมือเอ่ยเสียงเรียบ แต่นัยน์ตาสีฟ้ากลับฉายประกายดุดันอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนขณะก้าวเข้ามายืนคั่นกลาง มีวินเซนต์กับแบร์เร็ตยืนขนาบซ้ายขวา ส่วนข้างหลังทิฟ่า มาร์ลีน และเดนเซลกำลังช่วยกันปลดตาข่ายออกจากตัวเด็กๆ ผมเงินที่เอาแต่เบิกตาจ้องมองภาพตรงหน้าไม่วางตา

ไม่ได้เจอกันนานนะ อดีตโซลเย่อร์ รูฟัสยังคงยิ้มได้เรื่อยๆ

ไง สไตรฟ์เรโน่โบกมือให้แล้วยักคิ้วแผล็บ ฉันไม่เข้าใจเลยว่านายจะเก็บเจ้าพวกนี้ไว้ให้มันได้อะไรขึ้นมา

นายคิดว่าเศษเสี้ยวของเจโนว่าจะเชื่อใจได้งั้นเหรอเส็งถามขึ้นเหมือนจงใจบีบให้คลาวด์ตอบต่อหน้าคาดาจ ยาซู และลอซ

.... ตอบสิพี่ชาย ตอบ เราอยากรู้ว่าพี่คิดยังไง

.... ตอบสิ ได้โปรด

อย่าแตะต้องพวกเขา คลาวด์ยังย้ำประโยคเดิมอีกครั้งก่อนหันหลังให้ชินระแล้วสั่งเด็กหนุ่มผมเงินที่เอาแต่จ้องมองมาที่เขาสั้นๆ

กลับบ้าน

นี่..ถ้านายไม่อยากได้ก็ยกให้พวกเราซะก็ได้นะ เรโน่ยังตื๊อไม่เลิก

ถ้ามีเจ้าพวกนั้นล่ะก็...ฉันจะทำให้ เซฟิรอธของนายกลับคืนมาได้ไม่ยาก ว่าไงล่ะโฮโจจับเอาจุดอ่อนของอีกฝ่ายขึ้นมาใช้ต่อรอง 3 คนนั่น ไม่สิ แค่คนใดคนหนึ่งก็ได้ แลกกับ เซฟิรอธที่จะเป็นของนายคนเดียวเท่านั้น ตกลงมั้ย

นัยน์ตาสีฟ้าไหวระริกของคลาวด์ที่หันหลังกลับมาเรียกให้เกิดทั้งรอยยิ้มสมใจและเสียงเต้นของหัวใจที่สั่นระรัวได้ในเวลาเดียวกัน

อย่าแตะต้องพวกเขา คลาวด์ย้ำประโยคเดิมไม่เปลี่ยนก่อนจะเริ่มขึ้นเสียงใส่พวกที่ยังไม่ยอมขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวสักที จะกลับหรือไม่กลับ ตามใจแล้วกัน

เท่านั้นล่ะ เด็กหนุ่มผมเงิน 3 คนก็ผวาเฮือกแล้วออกวิ่งตามหลังคลาวด์ที่เดินห่างออกไปทันที

พี่ชายยยยยย

…………………………………….…

คืนนั้น

พระจันทร์ยังทอแสงสีเงินส่องสว่างเข้ามาทางหน้าต่างห้องเหมือนเมื่อหลายคืนก่อน แต่คืนนี้คลาวด์ขยับไปนอนชิดขอบเตียงด้านในพร้อมวางตุ๊กตาโจโคโบะยัดนุ่นตัวโตสีเขียวอ่อนไว้บนเตียงอีกด้าน พอเดาได้ว่าเดี๋ยวตกดึกเข้าหน่อย..ลอซที่ยังเหลืออยู่เป็นคนสุดท้ายจะต้องผลัดเวรเข้ามา คนนี้รับมือง่าย แค่หาของเล่นให้ก็เรียบร้อย

โว้ว ลักกี้

ทุกอย่างเป็นไปสมใจคลาวด์ เพราะถูกกวนเวลานอนมา 2 คืนติดๆ กัน คืนนี้เลยง่วงจัดจนไม่อยากลืมตาขึ้นมองเมื่อได้ยินเสียงประตูเปิดดังขึ้นพร้อมเสียงร้องพออกพอใจของลอซที่ฉวยเอาตุ๊กตาไปกอดแล้วล้มตัวนอนกลิ้งโค่โร่อยู่ปลายเตียง

สักพักก็มีเสียงประตูปิดดังขึ้นสะกิดใจคลาวด์

.... ถ้าลอซนอนอยู่นี่ แล้วใคร.......

กว่าจะนึกขึ้นได้ก็สายเสียแล้ว เมื่อร่าง 2 ร่างกระโดดตามขึ้นมาบนเตียง มือเล็กๆ คว้าหมับเข้าที่แขนทั้ง 2 ข้างแล้วเขย่าปลุกชนิดหัวสั่นหัวคลอนจนต้องยอมตื่นแต่โดยดี

พี่ชาย แล้วของพวกเราล่ะ เจ้าตัวเล็กในชุดนอนสีฟ้าหรือคาดาจทวงยิกๆ

นั่นสิ ห้ามลำเอียงนะ ยาซูหรือเจ้าตัวกลางในชุดนอนสีเหลืองร่วมด้วยช่วยทวง

ส่วนลอซหรือเจ้าตัวโตในชุดนอนสีเขียวยังคงนอนยิ้มร่ากอดตุ๊กตาตัวโตไม่ยอมปล่อยพลางยักคิ้วให้พรรคพวกแล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

ลงท้ายคลาวด์ก็ต้องลุกไปหยิบตุ๊กตาโจโคโบะอีก 2 ตัว ...สีฟ้ากับสีเหลือง จากตู้เก็บของมุมห้องออกมาส่งให้ ตอนแรกเขาตั้งใจจะซื้อให้มาร์ลีนกับเดนเซลแล้วเลยพ่วงลอซเข้าไปด้วยอีกคน นึกไม่ถึงว่าคาดาจกับยาซูที่ดูเป็นผู้ใหญ่จะร้องอยากได้ตุ๊กตากับเขาบ้าง ...คิดแล้วก็ขำ ....ไม่เป็นไร ไว้ค่อยไปซื้อมาให้มาร์ลีนกับเดนเซลใหม่ก็ได้

ว่าแล้วก็ยืนขมวดคิ้วมองเจ้าตัวป่วนทั้งหลายที่พร้อมใจกันยกขบวนพาเหรดเข้ามานอนเกะกะเต็มเตียงเขาไปหมด

ลอซชวนมายาซูที่พออ่านสายตาเขาออกก็รีบโบ้ยความผิดไปให้ตัวต้นคิดทันที

มันต้องเล่นกันหลายๆ คนสิ ถึงจะสนุก จะเล่นคนเดียวได้ไงลอซที่ยังคงยึดมั่นกับสโลแกน เล่นด้วยกัน อยู่ด้วยกันว่าเสียงซื่อพลางหาวหวอด แล้วจะนอนกันได้ยัง ง่วงแล้ว

.... ใช่ เขาเองก็ง่วง ง่วงมากๆ ด้วย

ไปห้องโน้น เตียงแค่นี้นอนไม่พอหรอก คลาวด์ที่ปลงแล้วกับความป่วนไม่เลิกของ 3 ตัวแสบชี้มือไปทางห้องใหญ่แล้วออกเดินนำไปก่อน

จริงอย่างที่คิดไว้ พอเลื่อนเตียงนอน 3 เตียงเข้ามาชิดติดกันแล้วก็พอให้คน 4 คนนอนได้อย่างสบายๆ สุดท้ายคลาวด์ที่ชักลืมตาไม่ค่อยจะขึ้นก็หันไปโอบไหล่ลอซไว้แล้วรั้งเข้ามาใกล้ จรดปลายจมูกลงบนกระหม่อมอีกฝ่ายเบาๆ แล้วพึมพำบอก ราตรีสวัสดิ์ก่อนจะทิ้งร่างลงตรงกลางเตียงแล้วหลับสนิทแทบจะทันทีที่หัวถึงหมอนเลยไม่ทันรู้สึกถึงไออุ่นจากผ้าผืนหนาที่ลอซคลี่ออกห่มให้หลังจากยาซูช่วยขยับท่านอนคุดคู้ของเขาให้อยู่ในท่าสบายแล้ว ตามด้วยคาดาจที่ปัดปอยผมสีบลอนด์ที่ลงมาปรกหน้าให้ออกไปข้างๆ


....พี่ชายหลับไปแล้ว

เด็กหนุ่ม 3 คนนั่งล้อมวงกันอยู่บนเตียงพลางมองใบหน้าที่หลับสนิทอย่างมีความสุขนั้นแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ จากเปลือกตาที่หลับพริ้มจนแพขนตาสีบลอนด์เข้มยาวจนเกิดเป็นเงาทาบทับกับโหนกแก้มและลมหายใจเข้าออกแผ่วเบาแต่สม่ำเสมอ แค่ดูก็รู้ว่าเจ้าตัวหลับลึกและกำลังฝันดี

พี่ชายนี่ทั้งไม่ระวังตัว ทั้งไว้ใจคนง่าย ไม่ต่างไปจากเดิมเลยนะ ยาซูยิ้มน้อยๆ พลางใช้นิ้วชี้กรีดแพขนตายาวๆ นั่นเล่นอย่างอดใจไม่อยู่ เป็นคนอื่นคงไม่เลือกจะพาเรามาหรือทิ้งไว้ที่เครเตอร์ แต่คงส่งเรากลับไปไลฟ์สตรีมซะตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว

พี่ชายก็ใจดีแบบนี้แหละ ลอซว่าบ้างขณะแทรกมือเข้าไปในกลุ่มเส้นผมสีบลอนด์นุ่มๆ แล้วเอานิ้วพันไปมา พวกนายว่าพี่ชายจะคิดเหมือนที่พวกชินระบอกรึเปล่า

ไม่รู้สิคาดาจที่สนุกกับการแกล้งคนนอนหลับด้วยการลากปลายนิ้วจากหน้าผากลงมาหยุดที่ปลายจมูกก่อนจะไล่เรื่อยไปที่ริมฝีปากและข้างแก้มตอบง่ายๆ แต่ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็ถือว่าดีกว่าที่คิดเอาไว้แต่แรกไม่ใช่เหรอ

แต่... ลอซชะงักคำพูดก่อนทำท่าเหมือนจะร้องไห้ออกมาซะเดี๋ยวนั้น

ไม่เอาน่า ลอซ ยาซูที่ยอมละมือออกเพราะโดนคนกำลังหลับสบายยกแขนขึ้นสะบัดไล่โดยอัตโนมัติเพราะทนรำคาญไม่ไหวหันไปปรามจอมขี้แยของกลุ่มเบาๆ ไว้พรุ่งนี้ค่อยร้องก็ได้

ใช่ คาดาจพยักหน้ารับพลางก้มลงจรดริมฝีปากลงบนหน้าผาก พี่ชายเบาๆ อย่างที่เคยทำ ประกายในดวงตาสีเขียวเจโนว่าหมองจัดก่อนเจ้าตัวจะรีบกะพริบให้เลือนหายไปอย่างรวดเร็ว แต่ถึงจะเป็นอย่างที่พวกชินระบอกจริงๆ อย่างน้อยพี่ชายก็ดีกับเรา แม้ว่าเราจะเป็นแค่ เปลือกของเซฟิรอธก็ตาม

(FF7 advent children) : Brother! (p3)


Bishonen Warning : จริงๆ ตั้งใจเขียนแบบธรรมดาๆ แท้ๆ ไม่ได้แฝงเจตนาอะไรเลย แต่อ่านไปอ่านมามัน.... เฮ้อออ.......

Author : jes


Pairing : ไม่มี๊...ไม่มี จริงๆ นะ เชื่อเจสสิ 

Disclaimer : ตัวละครเป็นลิขสิทธิ์ของ square enix ที่เจสใช้หัวใจและความรู้สึกเขียนเรื่องราวเพิ่มเติม ใครผ่านไปผ่านมาเจอเข้า..อ่านแล้วสนุกไปด้วยเจสก็ดีใจ ถ้าจะคัดลอกไปไหนก็ขอให้บอกกล่าวกันสักนิดนะคะ


ปล. เจสเป็นแม่ยกคลาวด์ค่ะ อย่าว่าคลาวด์กันเลยนะ ถึงจะยอมรับว่าหมอนี่พึ่งไม่ค่อยได้จริงๆ ก็เหอะ!

-----------------------------------------------------------------------

Chapter 2: 2nd day


เช้าวันต่อมา

กว่าคาดาจจะตื่น คลาวด์ก็ไม่อยู่แล้ว เพราะงั้นภาระกิจแรกที่คาดาจ ยาซู และลอซทำหลังจากอาบน้ำ แต่งตัวเสร็จก็คือ...ตามหาคลาวด์ไปทั่วบ้าน

….พี่ชายยยยยย…..…

….พี่ชายหายไปไหน

….ใครเห็นพี่ชายบ้าง

เสียงดังกุกกักๆ ในห้องเล็กๆ ข้างๆ ห้องนั่งเล่นชั้น 1 ทำให้เด็กๆ ผมเงินยิ้มออก แต่พอโผล่หน้าเข้าไปดูถึงเห็นว่าเป็นทิฟ่า มาร์ลีน กับเดนเซลที่กำลังช่วยกันทำอาหารเช้าอยู่ในครัว

คลาวด์ไปรับของที่ต้องไปส่งเช้านี้พอเห็นหน้าจ๋อยๆ ของทั้ง 3 คนเข้า ทิฟ่าก็อดใจอ่อนไม่ได้ เดี๋ยวเขาก็ต้องกลับมากินข้าวเช้าน่า

ข้าวเช้า ลอซชักสนใจ เหมือนกับที่กินเมื่อวานรึเปล่า

 อยากรู้ก็มาช่วยกัน ทิฟ่ายิ้มถูกใจที่จะได้คนช่วยงานเพิ่มพลางส่งถาดถ้วยกาแฟให้ลอซกดน้ำร้อนใส่ ขวดใส่ซอสมะเขื่อเทศกับพริกไทยให้ยาซูไปโรยบนจานไข่ดาว และถุงขนมปังให้คาดาจเอาไปใส่เครื่องปิ้ง

หารู้ไม่ว่าคิดผิด!

เหวอ

ทิฟ่าที่กำลังทอดเบค่อนเพลินๆ สะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงลอซร้องลั่นเพราะโดนน้ำร้อนในกระติกน้ำร้อนกระเด็นใส่เอา ตามด้วยเสียงแก้วแตกและเสียงน้ำหกดังต่อเนื่อง

ระวังหน่อยสิ ลอซ ยาซูหันไปดุจอมเปิ่นประจำกลุ่มขณะเขย่าขวดโรยพริกไทยปั่บๆ ลงไปบนไข่ดาวแบบเกินพิกัดอัตราที่คนจะกินได้ ทีนี้จะเพราะเขย่าแรงเกินไปหรือเพราะฝาขวดพริกไทยมันหลวมอยู่แล้วก็ไม่รู้ได้ พริกไทยป่นทั้งขวดเลยเทพรวดออกมาฟุ้งกระจาย เรียกเสียงจาม เสียงไอ เสียงสูดน้ำมูกฟืดฟาดให้ดังลั่นสนั่นครัว

พออิทธิฤทธิ์ระเบิดพริกไทยของยาซูเริ่มเบาบางลง ทิฟ่าที่ทั้งจามทั้งไอจนน้ำหูน้ำตาไหลพรากๆ ก็แทบลมจับเมื่อเห็นขนมปังปิ้งฝีมือคาดาจที่ปิ้งเสร็จไปแล้วครึ่งโหลกว่า

แบบนี้ใช้ได้แล้วใช่มั้ยคนปิ้งทำหน้าไม่ค่อยแน่ใจ เพราะยังไม่เคยกิน

อืมมมม ใช้ได้ วินเซนต์ที่กลับจากออกไปเดินเล่นแล้วได้ยินเสียงสนั่นหวั่นไหวในครัวเลยทันได้เห็นช็อตเด็ดพยักหน้าให้ขณะกลั้นหัวเราะเอาไว้จนตัวสั่นไปหมด ดำได้ ดำดี ดำปี๋เสมอทั่วกันทั้งแผ่นจริงๆ

ไม่ตลกนะยะ ทิฟ่าที่หมดความอดทนแว้ดใส่ก่อนจะค่อยหน้าชื่นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์จอดหน้าบ้าน

…. คลาวด์ คลาวด์จ๋า~~ คลาวด์มาแล้ว ช่วยมาเอาเจ้าตัวป่วนพวกนี้ออกไปที โอ๊ย! อยากจะกรี๊ด~~

…………………………………….…

และแล้วหลังอาหารมื้อเช้าที่ค่อนข้างทุลักทุเลเสร็จสิ้นลง ทุกคนก็เริ่มลงมือทำกิจวัตรของตัวเอง

ลอซกับคาดาจเดินตามคลาวด์ออกไปนอกบ้าน แต่ก่อนที่ยาซูจะตามไปอีกคนก็มีอย่างอื่นดึงดูดความสนใจเอาไว้ซะก่อน

วินเซนต์กำลังติดตั้งเกมฝึกยิงปืนลงบนเครื่องเล่นที่ต่อเข้ากับหน้าจอทีวี

ลองดูมั้ย

พอหันมาเห็นเขาเข้า วินเซนต์ก็ยื่นเครื่องมือประหลาดๆ ที่ดูยังไงก็ไม่เหมือนปืนมาให้แล้วอธิบายวิธีเล่น

นายใช้จอยสติ๊ก...หมายถึงที่ถืออยู่ในมือน่ะ เลื่อนสัญลักษณ์ เล็งไปที่เป้าหมายแล้วกดปุ่มยิง ลองระดับง่ายๆ ก่อนแล้วกัน

หน้าจอทีวีมีรูปเป้าบินปรากฏขึ้น หลังจากลองผิดลองถูกอยู่สักพักยาซูก็จัดการเคลียร์สเตจได้อย่างรวดเร็ว

เก่งนี่ นัยน์ตาสีแดงของวินเซนต์หรี่มอง ....หรือเขาจะเจอคู่ปรับระดับตัวเอ้เข้าให้แล้ว ลองดูระดับยากกว่านี้หน่อย

สบาย... ยาซูสะบัดผมยาวไปข้างหลังแล้วจงใจฉีกยิ้มแบบ นางมารร้ายให้วินเซนต์เมื่อใช้เวลาไม่ถึง10 นาทีเคลียร์สเตจ แถมคะแนนรวมที่ได้ยังกระแทกเจ้าของเกมร่วงจากอันดับหนึ่งซะอีก

ดี วินเซนต์พยักหน้า พออกพอใจที่เจอคู่มือที่ทัดเทียมขณะคว้าจอยสติ๊กอีกตัวต่อเข้ากับเครื่องเล่น เรามาดวลกันดีกว่า

…………………………………….…

ข้างหน้าบาร์ ตอนนี้นอกจากเฟนริลของคลาวด์แล้วยังมีกล่องผัก ผลไม้นับสิบๆ กล่องที่เพิ่งมาส่งกองอยู่เต็ม...ผักพวกนี้ส่วนนึงทิฟ่าจะเก็บไว้ทำอาหาร ที่เหลือ..ร้านค้าหรือบ้านเรือนที่ฝากสั่งซื้อจะมารับเองในช่วงสายๆ

“18....19....20 ตรงนี้ 20 กล่องพอดีมาร์ลีนนับกล่องผักที่วางอยู่บนพื้น ส่วนเดนเซลก็กำลังจดตัวเลขที่ได้ลงในสมุดเช็กจำนวนของ

ตรงเป๊ะ หนุ่มน้อยว่าพลางยิ้มกว้างแล้ววางสมุดลงบนเก้าอี้เล็กๆ แล้วยืดตัวขึ้นขยับจะยกกล่องผักที่อยู่ข้างบน 2 กล่องลงมา แต่จะเพราะเขาตัวเล็กเกินไปหรือกล่องผักมันหนักเกินจะยกไหว กล่องผักที่เรียงสูงท่วมหัวเลยพร้อมใจกันจะถล่มทับเขาเข้าให้

เดนเซลหลับตาปี๋ รู้ว่างานนี้ต้องเจ็บตัวแน่.....

เอ...ทำไมยังไม่เจ็บอีก กล่องมันน่าจะหล่นลงมาแล้วนี่

 เฮ้!” เสียงห้าวๆ ดังขึ้นข้างๆ ตัว เจ้านี่มันหนักเกินไปสำหรับนายนะ

ลืมตาขึ้นดูก็เห็นลอซยกกล่องผักเจ้ากรรมที่กำลังจะหล่นทับเขาไว้ได้ด้วยมือเพียงข้างเดียวเหมือนไม่หนักเรี่ยวกินแรงแต่อย่างใด ส่วนคลาวด์กำลังขยับกล่องผักกองอื่นๆ ที่เอียงไปเอียงมาให้เข้าที่

ไม่เป็นไรนะ บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่าสองพ่อลูก...แบร์เร็ตกับมาร์ลีนประสานเสียงละล่ำละลักถามเขา จนไม่รู้ว่าจะตอบใครก่อนดี

ไม่เป็นไร หลังหายตกใจ...เดนเซลค่อยหาเสียงตัวเองเจอแล้วชี้ไปที่กล่องผักที่ลอซยังถืออยู่ หน้ากล่องเป็นรูปผักกาดกล่องนั้นไม่ใช่ผักกาดฮะ ผมยกผักกาด 2 กล่องได้ ร้านขายผักต้องใส่ผิดกล่องแน่ๆ

แบร์เร็ตดึงกล่องจากมือลอซมาเปิดออกดูแล้วแยกเขี้ยวใส่เมื่อเห็นว่าข้างในมีผักรูปร่างยาวๆ สีส้มบรรจุอยู่เต็ม

แครอตมาร์ลีนว่าก่อนเดินไปเปิดกล่องที่มีรูปแครอตออกดูอีกกล่อง ป๊ะป๋า มะเขือเทศล่ะ

เออ...เจ้าของร้านมันมั่วดีแท้แบร์เร็ตชักยัวะ แบบนี้ต้อง....จัดการ

ผมว่าก่อนคุณจะไป..เอ่อ...จัดการ...เราคงต้องจัดผักใส่กล่องกันใหม่ก่อนล่ะครับ แบบนี้ไม่รู้กันพอดีว่ามีอะไรเท่าไหร่ เดนเซลท้วงเบาๆ   

สีหน้าแบร์เร็ตบอกชัดว่าแสนจะขัดใจ ผิดกับลอซที่ทำหน้างง

ผักกาด? แครอต? มะเขือเทศ?

เป็นชื่อผักน่ะ มาร์ลีนอธิบายแล้วส่งผักแต่ละชนิดให้ดูก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้แล้วทำหน้าเจ้าเล่ห์ นี่...เรามาเล่นเกมจำชื่อผักกันมั้ย

เกมจำชื่อผัก??? ลอซยังไม่เข้าใจ

ก่อนอื่นต้องเอาผักออกจากกล่องให้หมด แล้วค่อยก็เอาผักที่เหมือนกับรูปข้างกล่องใส่เข้าไปแทนไง เดนเซลที่รู้ว่ามาร์ลีนคิดอะไรอยู่รีบรับมุขทันใจ ต้องจำให้ได้ด้วยนะว่าผักชื่ออะไรบ้าง

สนุกนะ แบร์เร็ตรีบโฆษณาชวนเชื่อต่อทันที เมื่อก่อนคลาวด์ก็เล่น แพ้อีกตะหาก

แบร์เร็ต... คลาวด์ที่มองแผนการ หลอกใช้งานลอซ อยู่เงียบๆ กระแอมกระไอ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นลอซกระโจนลงหลุมดักไปเรียบร้อยตั้งแต่ได้ยินชื่อเขาแล้ว

.... น่าสนใจ เกมที่พี่ชายแพ้เนี่ย

คาดาจ นายไปคนเดียวแล้วกันนะ ฉันจะอยู่เล่นที่นี่

…………………………………….…

นอกเมืองมิดการ์...

คลาวด์อดยิ้มให้กับภาพที่เห็นเมื่อกี้ไม่ได้

เดนเซลเดินตรงไปหาลอซที่เริ่มหัวหมุนกับสารพัดสารพันผักนับสิบๆ ชนิดที่แกะออกจากกล่องออกมาวางกองข้างๆ แล้วกระซิบเบาๆ

 ขอบคุณนะ

ขอบคุณนะลอซทวนคำเบาๆ แล้วกะพริบตาปริบ ตามองถุงใส่อะไรสักอย่างที่เป็นเส้นยาวๆ ขาวๆ หัวสีเหลืองๆ ในมือ ขอบคุณนะ... ขอบคุณนะ... ผักกาด กะหล่ำ แครอต หัวหอม ฟักทอง มะเขือเทศ ผักชี แล้วก็..ขอบคุณนะ

ไม่ใช่ มาร์ลีนกับแบร์เร็ตหัวเราะก๊ากพร้อมกับโบกไม้โบกมือไปมาไอนี่...เค้าเรียกถั่วงอกต่างหาก

อ้าว!.. ลอซก๊งหันมามองเดนเซลด้วยสีหน้างงๆ  แล้วไอ ขอบคุณนะที่นายว่ามันอันไหนล่ะ

ตอนที่เขาขับเฟนริลออกมานั้นเหมือนได้ยินเสียงหัวเราะประสานกันชุดใหญ่ก่อนที่ใครสักคนจะเลกเชอร์ความหมายของคำว่า ขอบคุณให้ลอซเข้าใจ

ฉับพลันรอยยิ้มก็ชักเลือนหาย เมื่อรู้สึกถึงอีก 1 เด็กป่วนที่ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์เขาอยู่

แม้มอเตอร์ไซค์สีดำจะแล่นตรงไปข้างหน้าด้วยระดับความเร็วคงที่ แถมทางก็โล่งโปร่งสบาย ไม่มีมอนสเตอร์เป็นฝูงตามไล่กวด ไม่มีเด็กแว้นที่ไหนขี่มอเตอร์ไซค์มาตามแซวก็จริง แต่เจ้าคนที่ซ้อนท้ายเขาอยู่นี่สิดันอยู่ไม่สุข ขยับตัวขยุกขยิกยุกยิกอยู่ตลอดเวลาเหมือนจะฝึกเล่นกายกรรมบนหลังมอตอร์ไซค์ยังไงยังงั้นแหละ

นั่งดีๆ เดี๋ยวก็หล่นลงไปหรอกพอชักทนไม่ไหวขึ้นมา คลาวด์ก็หันไปดุเอามั่ง

ไม่หล่น คาดาจที่ตอนนี้อยู่ในท่าคุกเข่าลงบนเบาะแล้วยืดตัวขึ้นให้สายลมเย็นตีเข้าหน้าและพัดเส้นผมจนปลิวกระจายยืนยันมั่นคงแล้วยื่นตะกร้าผลไม้เปลือกบาง ราคาแพงลิบ ที่เป็น ของ ที่พวกเขาต้องเอาไปส่งที่เมืองใกล้ๆ ให้ดู

ไม่ใช่ของ นายน่ะแหละจะหล่นลงไป ซ้อนท้ายมันไม่เหมือนขับเองหรอกนะ... นั่งให้มันดีๆ จับให้แน่นๆ ด้วย ข้างหน้าจะเป็นทางชันแล้ว

ดูท่าหัวหน้าแก๊งเด็กป่วนจะขัดอกขัดใจอยู่ไม่น้อย แต่เพราะดันสัญญาไว้ว่าจะเป็น เด็กดีเลยต้องยอมทำตามคำสั่งอย่างเสียไม่ได้ อึดใจต่อมาคลาวด์ก็รู้สึกได้ถึงแรงกระแทกเบาๆ ก่อนที่น้ำหนักตัวบางส่วนของคนที่อยู่ข้างหลังจะเบียดเข้าหา ลมหายใจอุ่นๆ จากใบหน้าที่ซบลงมาที่บ่าด้านหลัง และมือเล็กที่ไม่มีถุงมือหนังห่อหุ้มอย่างเคยเอื้อมมาเกาะเอวเขาไว้

เส้นทางตอนนี้เป็นที่ลาดภูเขาที่ทั้งชันและขรุขระไปด้วยก้อนหิน กรวด ทรายมากมาย แถมท้ายด้วยสายลมที่กระโชกรุนแรงทำให้มอเตอร์ไซค์ที่วิ่งมาด้วยความเร็วสั่นสะเทือนไปหมดทั้งคันจนคนที่อยู่ข้างหลังต้องเบียดเข้ามาจนติด จากมือที่เกาะเอวไว้หลวมๆ ก็เปลี่ยนเป็นใช้ทั้งแขนโอบกอดคนที่อยู่ข้างหน้าไว้แน่น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคลาวด์ก็ยังไม่วายห่วงเพราะเจ้าตะกร้าผลไม้ที่คาดาจต้องคอยประคองไว้อาจทำให้เด็กหนุ่มทรงตัวไม่ค่อยถนัด ในที่สุดก็ลดมือข้างนึงลงไปยึดข้อมืออีกฝ่ายไว้อีกทีให้แน่ใจว่าจะไม่พลาดตกลงไปเจ็บตัว

สักพักใหญ่ๆ เส้นทางหฤโหดก็ค่อยๆ เรียบขึ้นๆ จนตัดเข้าสู่พื้นราบอีกครั้ง และในไม่กี่อึดใจต่อมาเสียงเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์ก็ค่อยๆ ผ่อนช้าลงๆ จนมาเงียบสนิทที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง

พอเสียงกดกริ่งดังขึ้น สักพักคุณยายท่าทางใจดีก็แง้มประตูออกมารับตะกร้าผลไม้กับแผ่น DVD ที่ทิฟ่าฝากมาคืน ขณะเซ็นชื่อลงในใบรับของ นัยน์ตาของหญิงชราเอาแต่มองเขากับคาดาจสลับไปสลับมา จนคลาวด์ชักเริ่มใจเสีย

.... วีรกรรมที่ เจ้าหมอนี่เคยทำไว้น่ะน้อยอยู่เมื่อไหร่ ใครจำได้เข้ารับรองเป็นเรื่อง ยังไงซะก็รีบๆ ส่งของให้เสร็จๆ แล้วรีบชิ่งกลับเลยดีกว่า

แต่จนแล้วจนรอดหญิงชราก็ไม่พูดว่าอะไร พอเซ็นชื่อเสร็จก็ส่งใบรับของคืนให้ก่อนขอตัวกลับเข้าบ้าน

คลาวด์ถอนใจเฮือกพลางก้าวขาออกเดินก่อนโบกมือเรียกคาดาจที่ไปหยุดยืนมองแปลงดอกไม้เล็กๆ ของบ้านข้างๆ ให้เร่งฝีเท้าตามมาแล้วจึงเลี้ยวไปอีกทาง ...ถัดจากบ้านหญิงชรา เลี้ยวขวา แล้วเดินตรงไปอีกนิดก็จะถึงย่านซื้อ-ขายสินค้าที่ชาวบ้านพากันมาจับจ่ายซื้อของกันอยู่

แค่เดินเข้าไปในร้านขายหนังสือ ยังไม่ทันได้มองหาเล่มที่ทิฟ่ากับวินเซนต์ฝากซื้อ เสียงดังราวฟ้าผ่าของพ่อค้าร้านขายไอเท็มที่อยู่ข้างๆ กันก็ดังขึ้น

คลาวด์คุง

มาถึงก็ไม่พูดพล่ามทำเพลง ฟาดผัวะลงมากลางหลังจนคนถูกเรียกชื่อที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวแทบหน้าคะมำลงไปบนกองหนังสือพิมพ์ตรงหน้า เท่านั้นยังไม่หนำใจ..เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นได้ยินกันไปสามร้านแปดร้านจึงยังดังต่อไปอีก

เมื่อกี้มีสายด่วนโทรมาเม้าท์ว่า มาส่งของคราวนี้ไม่มามือเปล่า เอากิ๊กมาด้วยแถมสวยอีกตะหาก ไหนๆ คนไหน

ผมไม่ได้..... คนถูกแซวหน้าขึ้นสีเรื่อๆ ขณะพยายามจะอธิบายแก้ไขความเข้าใจผิดที่ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจฟังในเมื่อชาวบ้านร้านตลาดแถวนั้นต่างหยุดทุกกิจกรรมที่ทำอยู่แล้วพุ่งโฟกัสมาที่เขาเป็นตาเดียว ที่แย่ที่สุดคือดันมีคนตาไวเห็นคนที่มากับเขาเข้าน่ะสิ

ใช่นังหนูผมเงิน ชุดดำที่ยืนอยู่หน้าร้านขายดอกไม้นั่นรึเปล่า คุณลุงเจ้าของร้านขายมาเทเรียชี้ปั่บเข้าให้ หน้าตาน่ารักดีนี่

มะ...ไม่ใช่....

สถานการณ์เริ่มส่อแววเลวร้ายจนคลาวด์รู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออกขึ้นมากะทันหัน

อืมมม จะว่าไปนายก็ตาแหลมใช่ย่อย ไปเจอเข้าที่ไหนล่ะ พี่สาวเจ้าของร้านเครื่องประดับที่แม้เป็น ทิฟ่าแฟนคลับ ตัวยงยังยอมรับ กิ๊กคนนี้ของคลาวด์

คือ.....เอ่อ......

ไม่ต้องเขินน่า ลุงขายไอเท็มส่งเสียงหัวเราะสะท้านโลกาอีกครั้งอย่างชอบอกชอบใจ ไม่มีใครแอบไปบอกทิฟ่าหรอก

ผมกับทิฟ่าไม่ได้........

พี่ชาย...

ราวกับมี เทพแห่งโชคร้ายเป็นผู้คุ้มครองชะตาชีวิต คลาวด์ที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูกกับเรื่องเข้าใจผิดที่เกิดขึ้นแทบอยากกัดลิ้นไม่ก็กลั้นใจตายไปให้มันรู้แล้วรู้รอด ในเมื่อจู่ๆ คาดาจก็เดินแหวกฝูงชนที่รุมล้อมเข้ามายืนติดหนึบอยู่ข้างๆ เขาด้วยใบหน้าที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรทั้งสิ้น

พี่ชาย...เรากลับบ้านกันได้รึยัง

แน่นอนว่า เป้าหมายของประชาชีที่มุงดูอยู่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเปลี่ยนจาก คลาวด์ ไปเป็น คาดาจอย่างช่วยไม่ได้

บ้านอยู่ไหนล่ะ นังหนูลุงเจ้าของร้านขายหนังสือเริ่มเปิดประเด็นก่อนเป็นคนแรก

แม้จะขัดหูตะหงิดๆกับคำว่า นังหนูที่ถูกเรียก แต่คาดาจก็เลือกที่จะเฉยไว้ก่อนชี้ไปที่คนข้างตัว อยู่บ้านพี่ชาย

คำตอบนั้นเรียกเสียงฮือฮาได้จากศรัทธามหาชน...ก็จะมีสักกี่คนกันล่ะที่พากิ๊กเข้าไปอยู่ในบ้านด้วยได้

แล้วไม่ทะเลาะ ตบตี มีปัญหา (กับทิฟ่า) เรอะ

สัญญากับพี่ชายไว้แล้วว่าจะเป็น เด็กดี’”

เสียงเซ็งแซ่ฟังไม่ได้ศัพท์ดังขึ้นอีกระลอกก่อนที่คำถามหวังดีแต่ประสงค์ร้ายจะตามมาติดๆ

แล้วเวลานอน นอนห้องเดียวกับทิฟ่าหรือมาร์ลีนล่ะ

คลาวด์ใจหายวาบก่อนจะรีบกระตุกแขนห้ามคนข้างตัวไม่ให้ตอบ แต่...มันสายเสียแล้ว

นอนห้องตัวเอง แต่เมื่อคืนไปนอนห้องพี่ชาย

คราวนี้เสียงที่เคยดังสนั่นพลันเงียบกริบ แต่ละคนอ้าปากช็อกค้างกลางอากาศกับคำพูดที่แสนจะจริงจัง จริงใจ ชวนให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์อันไม่ธรรมดาที่ป่าวประกาศออกมาให้โลกรู้หนักขึ้น จนในที่สุดคลาวด์ก็ทนไม่ไหวรีบตะครุบตัวเจ้าคนก่อปัญหาแล้วกึ่งลากกึ่งอุ้มพาออกมาจากฝูงชนที่รุมล้อมทันทีพร้อมทั้งลงทุนสบถสาบานอยู่ในใจว่า...รอไว้ชาติหน้าตอนบ่ายแก่ๆ นั่นแหละ เขาถึงจะยอมมาส่งของที่เมืองนี้อีกรอบ

.... โอ้แม่เจ้า! ความคิดที่ว่า..น่าจะทิ้งเจ้านี่ไว้ที่เครเตอร์แล้วเชิญถล่มโลกเอาตามชอบใจแลกกับการที่เขาไม่ต้องมาเจอกับเรื่องบ้าๆ แบบนี้ ความจริงก็ไม่ได้ดูเลวร้ายเท่าไหร่

...................................................

อีกไม่กี่ก้าวก่อนจะถึงเฟนริล คาดาจที่ยอมให้คลาวด์อุ้มมาดีๆ ตลอดทางก็ขืนตัวออกก่อนจะสะบัดร่างตรงเข้าไปหามอเตอร์ไซด์สีดำแล้วชิงก้าวขึ้นไปจองที่นั่ง คนขับซะก่อน

ลงไปคลาวด์ขมวดคิ้วไล่

เปลี่ยนกันขับน่าคาดาจออกอาการเอาแต่ใจตามเคย อยากลองขับมั่งน่ะ

ไม่พูดเปล่ายังเอามือล้วงเข้าไปหยิบกุญแจในกระเป๋าเสื้อคลาวด์มาสตาร์ทเครื่อง เป็นการแย่ง มอเตอร์ไซค์ จาก เจ้าของ อย่างสมบูรณ์ แถมยังมีหน้ามาเร่งอีกแน่ะ

พี่ชายน่ะ ขึ้นมาเร็วๆ สิ

.... ให้ตาย...มันน่าทิ้งเจ้านี่ไว้ที่เครเตอร์จริงๆ ด้วย

ลงท้ายคลาวด์ก็ต้องยอมตามใจอีกจนได้ด้วยการขยับตัวขึ้นนั่งซ้อนท้ายแต่โดยดี

ค่อยๆ ขับนะ ช้าๆ ด้วย  

ตอนยังอยู่ในเขตเมือง คาดาจก็ขับช้าดีอยู่หรอก แต่พอพ้นออกมาแล้วนี่สิ...เสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์กับเสียงยางล้อรถเสียดสีกับพื้นถนนก็ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณแข่งกับเสียงหัวเราะถูกใจสุดๆ ของเด็กหนุ่ม จากนั้นความเร็วก็ถูกเร่งสปีดขึ้นไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า...ชนิดที่ว่า..วิวสองข้างทางเป็นแค่อะไรสีขาวๆ ที่เคลื่อนไหววูบวาบผ่านไปเท่านั้น ยิ่งในเขตภูเขาก็ยังไม่ลดความเร็วลง แถมยังขับไถลลงมาตามทางที่ลาดชันอย่างน่าหวาดเสียว หากพลาดเพียงนิดเดียวทั้งมอเตอร์ไซค์ทั้งคนก็อาจพลิกคว่ำร่วงลงมาเหลือแต่ซากเอาง่ายๆ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นใบหน้าของเด็กหนุ่มผมเงินที่บังคับมอเตอร์ไซค์อยู่ไม่แสดงอาการกังวลเลยสักนิดต่อเส้นทางวิบากมหาโหดที่กำลังเผชิญหน้า นัยน์ตาสีเขียวแฝงประกายเจโนว่าทอแสงสนุกสนานยิ่งนักยามทวีความเร็วยิ่งขึ้น สงสารก็แต่คลาวด์ที่ทรงตัวแทบไม่อยู่จนต้องโอบคนข้างหน้าไว้เป็นหลักยึด

ระวัง ขับให้มันดีๆ หน่อย ได้ยินมั้ย คลาวด์หลับตาปี๋ตะโกนลั่น หัวใจเหมือนจะกระเด็นหลุดออกมาเต้นนอกอก

จับให้แน่นๆ นะพี่ชาย เจ้าตัวร้ายแกล้งทำหูทวนลม ริมฝีปากแย้มรอยยิ้มออกมาอย่างพอใจเต็มที่เมื่อรู้สึกถึงแรงกอดกระชับแนบแน่นจากด้านหลัง

... ขามาเขาได้กอดพี่ชายแล้ว ขากลับนี่เขาอยากให้พี่ชายกอดมั่งนี่นา

ไม่ว่าจะขับออกนอกเส้นทางก็แล้ว วนก็แล้ว อ้อมก็แล้ว แต่ในที่สุดเฟนริลก็มาจอดหน้าบาร์ 7th heaven จนได้

คาดาจดับเครื่องแล้วก้าวลงมายืนก่อนอย่างมีความสุขสุดๆ พลางหันไปส่งยิ้มด้วยใบหน้าที่พยายามทำให้ดูซื่อ ใส ไร้เดียงสาที่สุดเท่าที่จะทำได้ขณะคืนกุญแจรถให้คลาวด์ที่พอก้าวลงจากรถได้ก็ถึงกับเซ...

.... ท่าทางพี่ชายจะโกรธอยู่พอตัว แต่อย่างที่รู้ๆ กันอยู่...

.... พี่ชายน่ะ โกรธใครนานๆ เป็นซะที่ไหนล่ะ!

…………………………………….…

ตอนนี้ทุกคนใน บาร์ 7th heaven เข้าประจำที่บนโต๊ะอาหารกันหมดแล้ว....ยกเว้นก็แต่....

ยาซู ลอซตะโกนเรียกเสียงลั่นๆ มากินเร็วๆ เข้าเหอะ

หึคนถูกเรียกทำเสียงในลำคอเหมือนที่เคยทำบ่อยๆ แต่ตายังจ้องอยู่ที่จอทีวี มือก็ยังกดจอยสติ๊กไม่เลิก

.... ไม่เข้าใจ ทำไมถึงยังเอาชนะไม่ได้สักที ทั้งๆ ที่ตอนแรกที่ดวลกันยังพอสูสีอยู่เลย แต่พอถึงเลเวลสูงๆ คู่แข่งที่มีชั่วโมงบินสูงกว่ากลับเฉือนเอาชนะไปได้แถมนำอยู่ตั้ง 3 สเตจแน่ะ

มากินก่อนแล้วค่อยไปเล่นต่อน่า ทีวีมันไม่หนีไปไหนหรอกแบร์เร็ตโวยวายเพราะหิวเต็มที ฉันสัญญาว่าจะไม่แย่งนายดูทีวีหลังกินเสร็จ โอเคมะ

อือ

มากินข้าวก่อนแล้วพักสายตาสักครู่ค่อยไปเล่นใหม่ ถ้าไม่มีสมาธิ..ฝืนเล่นไปก็เท่านั้น วินเซนต์ให้คำแนะนำดีๆ คล้ายผู้ใหญ่ปราณีเด็ก... แม้ว่าความหอมหวานของชัยชนะที่ได้รับจะยังแล่นเป็นริ้วๆ อยู่ในกระแสเลือดก็ตาม

.... ฝีมือกับความแม่นยำของเจ้าเด็ก หน้าสวย ตัวแสบนั่นน่าจะพอฟัดพอเหวี่ยงกับเขา เสียแต่ใจร้อนไปหน่อยเลยไม่ทันคิดวางแผนให้รอบคอบก่อน

เหอะ คนชนะก็พูดได้สิ

ยาซู คาดาจเริ่มทำเสียงเย็นเหมือนเมื่อครั้งยังเป็นหัวหน้าแก๊งคอยคุมลูกทีม มาเร็วเข้า

...ไม่สน...

ลงท้ายคลาวด์ที่ทนดูอยู่นานก็อดรนทนไม่ไหวจนต้องลุกขึ้นไป จัดการซะเอง

จะนับ 1 ถึง 3 นะ

1

...เงียบ...

2

...เฉย...

...3.................

โอ๊ย! พี่ชาย~~~”

ทุกคนในห้องตาโตเป็นไข่โจโคโบะยักษ์แฝดเมื่อเห็นคลาวด์เล่นบทโหดด้วยการดึงจอยสติ๊กจากมือยาซูออกมาถือไว้เองแล้วเงื้ออีกมือขึ้นฟาดผัวะ...ผัวะ...ผัวะลงไปแถวสะโพกกับต้นขาอีกฝ่ายชนิดไม่นับ เล่นเอายาซูเผ่นแผล็วกระโดดวูบเดียวมานั่งเบียดตรงกลางระหว่างคาดาจกับลอซที่ยังไม่หายตกตะลึงแทบไม่ทัน

.... ที่ถูกตีน่ะไม่เจ็บหรอก แรงที่ฝ่ามือกระทบผิวเนื้อบอกชัดว่าพี่ชายยั้งมือ แต่มันอายมากกว่า

ยาซูสะบัดหน้างอนๆ ใส่คลาวด์นิดนึงก่อนกวาดสายตาไปตามจานเล็กจานน้อยที่วางเต็มโต๊ะอาหาร เมื่อวานเป็นของกินหน้าตาแปลกๆ ที่ดูยังไงก็ไม่สามารถแยกธาตุออกมาได้ว่าทำมาจากอะไรทีนึงแล้ว มาวันนี้กลับมีแต่วัตถุดิบเป็นชิ้นๆ เยอะแยะไปหมด หันไปมองคาดาจ รายนั้นก็เอาแท่งไม้กลมๆ มาจิ้มๆ ชิ้นเนื้อดิบสไลด์บางเฉียบในจานข้างๆ สลับกับมองถ้วยใส่ข้าวตรงหน้าตัวเองไปมา ดูท่าแล้วคงจะกินไม่เป็นเหมือนกัน

ผักกาด กะหล่ำ แครอท เห็ด ต้นหอม ลอซชี้ไปตามแต่ละจาน จำได้แม่นเพราะเกมที่เล่นไปเมื่อตอนกลางวัน

เก่งจัง จำได้หมดเลย มาร์ลีนชมขณะรอให้เตาย่างเนื้อร้อน เนอะ คลาวด์เนอะ

เสียงหัวเราะดังขึ้น มีแต่คนจำชื่อผักไม่ค่อยได้ที่โดนแซวมาตั้งแต่เช้าทำหน้ามุ่ย

มันกินยังไงน่ะในที่สุดคาดาจก็ยอมแพ้ กินไอที่ลอซว่ากับข้าวเหรอ

ไม่ได้ เสียงแบร์เร็ตดังมาจากอีกฝากโต๊ะ ต้องทำให้มันสุกก่อน เฮ้ย! คลาวด์ หัดดูแลเด็กของนายมั่งเด้ ทีฉันยังย่างเนื้อให้มาร์ลีน ทิฟ่าก็ยังย่างให้เดนเซลเลย   

คลาวด์หันไปถลึงตาใส่พ่อหมียักษ์ทีนึงโทษฐานใช้คำศัพท์ชวนเข้าใจผิด แต่พอหันกลับมาเจอนัยน์ตาสีเขียว 3 คู่ที่จ้องเป๋งมาก็.....

ทำแบบนี้นะ คลาวด์กระแอมกระไอดับเขินก่อนจะสาธิตวิธีกินหมูย่างกระทะที่ถูกต้อง เอาเนื้อวางบนเตา รอให้สุกก่อนแล้วค่อยคีบขึ้นมา ส่วนผักจะย่างบนเตาหรือจะใส่ลงไปลวกในหม้อซุปก็ได้

พูดจบหมู 3 ชิ้นกับผักลวกฝีมือคลาวด์ก็ลอยมาอยู่ในจานของแต่ละคน กลิ่นหอมของเนื้อที่ย่างสุกใหม่ๆ กับน้ำจิ้มที่ราดลงมาน่ะทำให้คนไม่เคยกินตาโตเป็นประกายได้เลย

ได้ของที่กินได้แล้วก็จริง แต่ปัญหาก็ยังไม่หมด...ก็ไอไม้กลมๆ นี่น่ะสิ ทำยังไงหมูกับข้าวก็ไม่ยอมติดขึ้นมาสักที

ใช้ช้อนดีกว่ามั้ย วินเซนต์นี่นั่งข้างๆ คลาวด์แนะนำเบาๆ ถ้าให้ใช้ตะเกียบคงไม่ได้กินซะที ถ้าโมโหหิวมากๆ จนล้มโต๊ะขึ้นมา พวกเราจะอดกินกันหมด

รอจนวินเซนต์ไปหยิบช้อนมาส่งให้ก็พอดีกับที่คลาวด์คีบเนื้อหมูที่ย่างสุกแล้วออกจากกระทะ

อร่อยพอตักหมูย่างคำแรกเข้าปาก คาดาจก็ทำหน้าแบบว่า...พอใจสุดๆ

เยี่ยมเลย ลอซทำหน้าเคลิ้ม ส่วนยาซูพยักหน้าพลางเคี้ยวตุ้ยๆ

คลาวด์ยิ้มขำแล้วย่างเนื้อกับลวกผักไว้ให้อีกเกือบพูนจาน

แต่แล้วอีกไม่กี่วินาทีต่อมาจานเปล่า 3 ใบก็ถูกยื่นออกมาตรงหน้า

พี่ชาย...

เล่นเอาคลาวด์ที่ยังย่างเนื้อของตัวเองไม่ทันสุกกระพริบตาปริบ จนวินเซนต์อดสงสารไม่ได้เลยต้องคีบหมูย่างในจานตัวเองส่งไปให้

กินซะคุณพี่ อย่างนายน่ะย่างเนื้อไม่ทันเด็ก 3 คนนั่นกินหรอก


แต่พอกินเสร็จ เก็บโต๊ะ ล้างถ้วยล้างชามเรียบร้อย ทุกคนก็ได้อึ้งกันอีกรอบ

พี่ชาย~~~” ยาซูแทบเต้นแต่ไม่กล้าออกฤทธิ์ เมื่อเห็นคลาวด์มาเก็บเครื่องเล่นกับจอยสติ๊กออกจากทีวี

วันนี้เล่นพอแล้ว อย่าดื้อนะ คลาวด์ขู่ฟ่อก่อนส่งอุปกรณ์การเล่นคืนให้วินเซนต์ ห้ามให้ยาซูเล่นแล้วนะ ถ้านายจะเล่นก็ไปเล่นที่ห้องนาย

ให้เด็กเล่นเกมมากๆ ไม่ดี วินเซนต์พยักหน้ารับ แต่พอคลาวด์หันหลังไป วินเซนต์ก็โบกตลับเกมใหม่ 2-3 เกมที่เมื่อวานเพิ่งได้มาจากซิดไปมา ยั่วน้ำลายเจ้าเด็ก หน้าสวย ตัวแสบ คู่ปรับคนใหม่ให้เจ็บใจเล่นก่อนเดินขึ้นบันไดไปช้าๆ พลางหัวเราะเบาๆ ให้กับตลับเกมในมือ ซิดบอกว่าเป็นระบบซิมูเลเตอร์รุ่นใหม่ล่าสุดที่คนเล่นสามารถสร้างสิ่งที่ต้องการใช้เป็นเป้ายิงได้ตามใจชอบ ถ้าชวนเจ้าเด็กนั่นเล่นพรุ่งนี้ มั่นใจได้เลยว่าเป้ายิงของอีกฝ่ายคงหน้าตาเหมือน เขาไม่ผิดเพี้ยน

.... แกล้งเด็กนี่สนุกชะมัด ว่าแต่...เขาจะถูกพระเจ้าลงโทษเอามั้ยนี่


……………


เสียงประตูห้องเปิดออกช้าๆ แม้จะพยายามให้เงียบที่สุด เบาที่สุด แต่คนในห้องก็รู้สึกตัวตื่นจนได้ เมื่อเหลือบมองไปยังนาฬิกาบนผนังก็พบว่าเพิ่งจะเลยเที่ยงคืนไปไม่นาน

ใครน่ะ

ท่ามกลางความง่วงงุน คลาวด์เลื่อนตัวขึ้นพิงหัวเตียงก่อนพยายามปรับสายตาให้ชินกับความมืด เงาร่างนั้นยังยืนนิ่งอยู่บริเวณประตูห้อง ภายใต้เงาจันทร์ที่บดบังจนเขามองไม่เห็นใบหน้าอีกฝ่าย ทว่าเส้นผมสีเงินยาวเป็นประกายถึงกลางหลังและชุดนอนสีเหลืองก็ทำให้รู้ว่าเจ้าของร่างเป็นใคร

ยาซู

เขาเรียกออกไปและอีกฝ่ายก็พยักหน้ารับ

ท่าทางของเด็กหนุ่มตอนนี้อดทำให้นึกถึงตัวเองสมัยยังเด็กไม่ได้

ไม่มั่นใจ เก็บความรู้สึก เก็บความอัดอั้นตันใจทั้งหมดเอาไว้คนเดียว ที่สำคัญ...เหงา

... ต่างกันที่เด็กคนนี้พยายามที่จะเข้มแข็งเมื่ออยู่ในกลุ่ม ต่างกับเขาที่ปล่อยเลยตามเลย

จะว่าไปเรื่องเมื่อตอนเย็นก็ทำให้รู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย

มานี่มา คลาวด์ขยับออกไปข้างๆ จนเกือบชิดขอบเตียงแล้ววางมือลงบนที่ว่างอีกครึ่งหนึ่งเป็นเชิงอนุญาต

ชั่วอึดใจใหญ่ๆ ยาซูก็เดินออกจากเงามืดและก้าวเข้ามาภายใต้แสงจันทร์ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งตรงที่ว่างที่เขาบอก

ก่อนที่คลาวด์จะทันได้พูดอะไร ยาซูก็เป็นฝ่ายชิงพูดขึ้นมาก่อน

พี่ชายโกรธรึเปล่า

หือ?

เรื่องเมื่อตอนเย็นน่ะ คือ...คือ....

สีหน้าเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยหลายความรู้สึกที่ปนเปกันไม่ว่าจะเป็นความสำนึกผิด ความโกรธ ความถือดี ที่กดดันเจ้าตัวจนหายใจแทบไม่ออก

ไม่โกรธหรอก คลาวด์ยิ้มบางๆ ให้อย่างเข้าใจดีพลางยื่นมือไปตบหลังอีกฝ่ายเบาๆ เป็นการปลอบใจ ฉันต่างหากที่ควรถามว่านายโกรธมั้ย

ยาซูสะบัดผมไปด้านหลังแล้วส่ายหน้าช้าๆ

ที่ถูกตีล่ะ เจ็บรึเปล่า

ไม่

โอเค งั้นถือว่าเราผิดกันคนละครึ่ง แล้วก็แล้วกันไป ไม่ต้องมีใครขอโทษ ตกลงมั้ย

ใบหน้าที่อยู่ใต้แสงจันทร์ค่อยสดชื่นขึ้นทันตาเห็นก่อนถามต่ออีกว่า

นอนที่นี่..นะ

.... นั่นไง พอสบายใจเข้าก็เริ่มดื้อเอาแต่ใจเหมือนเดิม

ถ้าบอกให้กลับไปนอนที่ห้องล่ะ

ไม่ไป

แล้วจะถามทำไม คลาวด์หัวเราะแล้วขยับตัวลงนอนตามเดิม อยากนอนก็นอน

ยัง...ยังมีอะไรสักอย่างขาดหายไป นัยน์ตาสีเขียวของยาซูที่เอนตัวลงหนุนหมอนยังจ้องมองมาที่เขาและรอคอยสิ่งนั้น

ทีแรกคลาวด์ไม่เข้าใจ จนรอยตัดพ้อแกมน้อยใจปรากฏขึ้นในดวงตาคู่นั้นนั่นล่ะ...ค่อยนึกขึ้นได้

เมื่อเช้าทิฟ่าฝากแผ่นดีวีดีเรื่อง ‘Beloved mother’ ที่เมื่อคืนวานเปิดให้มาร์ลีนกับเดนเซลดูแล้วไปคืนเจ้าของ เขาเลยถึงบางอ้อกับพฤติกรรมของคาดาจเมื่อคืน แต่คาดาจกับยาซูไม่เหมือนกัน คนนึงเป็นหัวหน้าที่ลงมือทำตามที่ใจคิดได้ทันที แต่อีกคนเป็นฝ่ายสนับสนุนชั้นยอดที่ทำตามคำสั่งชนิดไม่ขาดตกบกพร่อง พฤติกรรมที่แสดงออกของทั้ง 2 คนเลยต่างกัน

คลาวด์พลิกตัวขึ้นก่อนกดปลายจมูกลงบนหน้าผากอีกฝ่ายแผ่วเบาก่อนกระซิบคำ ราตรีสวัสดิ์

แค่นี้พอนะ คนเพิ่งได้รับตำแหน่ง ‘beloved brother’ ทำหน้ามุ่ย ถ้าจะให้ร้องเพลงกล่อมด้วย นายจะฝันร้ายเอา

ยาซูแย้มรอยยิ้มบางเจือด้วยรอยหัวเราะออกมาขณะขยับตัวกระชับผ้าห่มให้ตนอุ่นสบายแล้วหลับตาลง

.... นี่สินะ ที่เขาเรียกว่า ความสุข