Bishonen Warning : จริงๆ ตั้งใจเขียนแบบธรรมดาๆ แท้ๆ ไม่ได้แฝงเจตนาอะไรเลย แต่อ่านไปอ่านมามัน.... เฮ้อออ.......
Author : jes
Pairing : ไม่มี๊...ไม่มี จริงๆ นะ เชื่อเจสสิ
Disclaimer : ตัวละครเป็นลิขสิทธิ์ของ square enix ที่เจสใช้หัวใจและความรู้สึกเขียนเรื่องราวเพิ่มเติม ใครผ่านไปผ่านมาเจอเข้า..อ่านแล้วสนุกไปด้วยเจสก็ดีใจ ถ้าจะคัดลอกไปไหนก็ขอให้บอกกล่าวกันสักนิดนะคะ
Intro : ฟิคนี้เขียนขึ้นตอนได้ดู advent children ใหม่ๆ (ก็สัก 2-3 ปี ที่แล้วแหล่ะ) ก็แค่อยากรู้ว่า ถ้า “แก๊งเด็กติดแม่” เปลี่ยนเป็น “แก๊งเด็กติดพี่” มันจะเป็นยังไงนะ เลยเขียนลวกๆใส่สมุดแล้วดองทิ้งไว้ พอเมื่อไม่นานมานี้ได้ดู advent children complete เข้า สติสตังเลยแตกกระเจิง คุ้ยสมุดหาแทบพลิกห้องกว่าจะเจอเล่มที่เขียนฟิคไว้ จัดการรีไรท์นิดหน่อย (งานการ+ฟิกอื่นที่ดองไว้มันค้ำคออยู่) จนได้ออกมาเป็นฟิคที่กำลังจะได้อ่านนี่ล่ะค่ะ ^^
ปล. เจสเป็นแม่ยกคลาวด์ค่ะ อย่าว่าคลาวด์กันเลยนะ ถึงจะยอมรับว่าหมอนี่พึ่งไม่ค่อยได้จริงๆ ก็เหอะ!
-----------------------------------------------------------------------
Chapter 3: 3rd day
“คลาวด์”
เสียงร้องเรียกดังขึ้นทันทีที่เขาจอดมอเตอร์ไซค์หลังกลับจากไปส่งของตั้งแต่ไก่ยังไม่ตื่น จะได้ไม่ต้องมีใครติดสอยห้อยตามไปให้เป็นเรื่องเป็นราวเข้าใจผิดกันอีก
“หาย..หายไปกันหมดเลย” น้ำเสียงทิฟ่าที่ถลาเข้ามาหาปิดบังร่องรอยความตกใจไว้ไม่มิด
“อะไรหาย” คลาวด์ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ได้แต่ปลอบทิฟ่าให้ใจเย็นขึ้น
“ก็เด็ก 3 คนนั่น...กับมาร์ลีน...เดนเซลก็ด้วย” ทิฟ่าค่อยๆ ลำดับเรื่องราวที่เกิดขึ้น “หลังทานข้าวก็เห็นนั่งคุยกันอยู่ดีๆ หันมาอีกทีหายไปไหนไม่รู้ยกแก๊งเลย นี่แบร์เร็ตไปตามหาแถวๆ นี้ ส่วนวินเซนต์.......”
“ไปโบสถ์” เสียงวินเซนต์ดังมาจากในบาร์ก่อนเดินออกมาพร้อมกระดาษโน๊ตแผ่นเล็กๆ ในมือ “เดนเซลทิ้งข้อความไว้ว่า พวกเค้าไปโบสถ์ที่มิดการ์”
…………………………………….…
“เอ้า! พวกนาย...ตั้งใจทำงานกันหน่อย”
ตอนนี้ยาซูที่นั่งไขว่ห้างอย่างสบายอารมณ์อยู่บนเก้าอี้ยาวกำลังเพลินเพลินกับการชี้นิ้วสั่งงานพลพรรคร่วมแก๊ง ...ถัดออกไปอีกหน่อยลอซที่คิดแค่จะหาเรื่องเล่นท่าเดียวก็จำใจตั้งหน้าตั้งตาตอกตะปูโป๊กๆ ซ่อมเก้าอี้ที่จวนเจียนจะพังไม่พังแหล่ด้วยท่าทางซังกะตายสุดขีดหลังจากซ่อมพื้นไม้ที่โหว่เป็นรูๆ เสร็จเรียบร้อยภายใต้การควบคุมดูแลของหนุ่มน้อยเดนเซล ไกลออกไปคาดาจที่อารมณ์ต้องส่งซ่อมก็กำลังรดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ยให้ต้นไม้ดอกไม้ในแปลงเล็กๆ รอบๆ บ่อน้ำ มีมาร์ลีนคอยให้คำแนะนำอยู่ข้างๆ
“ว๊าาาาก....” คาดาจร้องลั่นเป็นรอบที่ห้าเมื่อโดนน้ำในบ่อที่ตักขึ้นมารดต้นไม้กระเด็นใส่เอา ถึงยังไงเขาก็ยังไม่อยากยุ่งกับของที่มีพลังไลฟ์สตรีมบริสุทธิ์ขนาดรักษาโรคจีโอสติกมาให้หายได้อยู่ดี
“ไม่เอาแล้ว” คาดาจทำหน้าเบ้พลางถอยกรูดออกห่างจากบ่อน้ำก่อนหันไปหายาซู “ขอทำอย่างอื่นแทนดีกว่า”
“ทำๆ ไปเหอะน่า อย่างอแง”
ดูเหมือนยาซูจะไม่เห็นใจกันเลยสักนิด เล่นเอาอดีตหัวหน้าแก๊งเริ่มพาลหาเรื่องเข้าให้
“งั้นมาช่วยกัน จะได้เสร็จเร็วๆ”
“ไม่ล่ะ” ยาซูยักไหล่ “ฉันไม่เคยมาที่นี่ เลยไม่ได้ทำแปลงดอกไม้กระจุยกระจายแล้วทลายหลังคาโบสถ์จนถล่มลงมาอย่างนาย ไม่เคยทำพื้นเป็นรูกับพังเก้าอี้เล่นเหมือนลอซ ...เพราะงั้นอย่ามัวแต่บ่น รีบๆ ทำๆ เข้า เดี๋ยวนายต้องไปช่วยลอซปัดกวาดเช็ดถู ทำความสะอาดให้ทั่วทั้งโบสถ์อีกนะ
“มีฉันคนเดียวเมื่อไหร่ที่ทำโบสถ์พัง ทำแปลงดอกไม้กระจุย” คาดาจยกมือขึ้นเท้าเอวแล้วสะบัดหน้าใส่ยาซูด้วยความหงุดหงิด “มีอยู่คนนึงพังมันทุกอย่างเหมือนกันแถมเป็นคนแรกที่เจาะรูบนหลังคาอีกต่างหาก”
ทันใดนั้นเสียงเครื่องยนต์อะไรสักอย่างก็วิ่งมาจอดข้างหน้าโบสถ์ ...นัยน์ตา 3 คู่ 6 ข้างของเด็กหนุ่มผมเงินเลยหันมาสบกันปิ๊งแล้วละมือจากสิ่งที่กำลังทำอยู่
... พูดถึงโจโคโบะ โจโคโบะก็มาเลย
“พี่ช.....”
แต่แล้ว...ร่างที่ตั้งท่าจะถลาเข้าใส่ก็พลันหยุดชะงัก เสียงที่ร้องเรียกด้วยความยินดีก็ขาดหาย เมื่อสัญญาณเตือนภัยในประสาทสัมผัสกรีดเสียงลั่นดังระงมไปหมด เพราะสายตาที่มองหา ‘พี่ชาย’ กลับเห็น....
“เจอตัวแล้ว” ชายหนุ่มผมแดงท่าทางยียวนกวนอารมณ์เดินนำหน้าชายผมทองในชุดสูทสีขาวสะอาดเข้ามา ข้างหลังมีทาก์สคนอื่นๆ ก่อนจะปิดท้ายขบวนด้วย...โฮโจ!!!!
ทั้ง 2 ฝ่ายต่างยืนเว้นระยะห่างกันพอสมควร ฝ่ายหนึ่งตั้งท่าเตรียมพร้อมรับมือ อีกฝ่ายหนึ่งแม้ยกโขยงกันมาครบทีมแถมอาวุธครบมือ แต่ก็ไม่กล้าบุกเข้าโจมตีก่อนเพราะรู้ฤทธิ์พิษสงของเด็กหนุ่มผมเงินแต่ละคนดี
“สายข่าวรายงานว่า คลาวด์ สไตรฟ์ พาพวกนาย 3 คนกลับมาจากเครเตอร์” รูฟัสมองกลุ่มคนตรงหน้าด้วยสายตาครุ่นคิด “ไม่นึกว่าจะเป็นความจริง”
“ว่าแต่หมอนั่นก็เพี้ยนใช่ย่อยนะ” เรโน่เลิกคิ้ว “แค่พวกนายทำตัวดีเข้าหน่อยก็ยอมญาติดีด้วยเนี่ย”
“คิดว่าไม่..” เส็งสั่นหัว “หมอนั่นไม่โง่หรอก...ใครจะหลงเชื่อใจดักแด้ของเซฟิรอธได้ลง”
“นั่นสิ” เอเลน่ารีบสนับสนุน “คงแค่เอาตัวมาคอยจับตาดูว่าจะทำอะไรต่อไปเท่านั้นแหละ”
.... ไม่จริง...ไม่จริง พี่ชายไม่ได้เป็นอย่างนั้น
นัยน์ตาสีเขียวอมทองไหววูบ ...แต่ละประโยคที่ได้ยินล้วนคมมีดที่กรีดลึกลงไปกลางก้นบึ้งของจิตใจ สะกิดปากแผลที่เรียกว่า ‘ความจริง’ ที่แต่ละคนแอบเก็บซ่อนเอาไว้มิดเม้นให้เปิดออก เรียกความเจ็บร้าวให้แผ่ซ่านจนชาดิกไปหมดทั้งตัว
.... ดักแด้ของเซฟิรอธ พวกเขาเป็นได้แค่เปลือกนอกของเซฟิรอธเท่านั้นเองงั้นเหรอ ทุกคนมองพวกเขาแค่เป็นร่างสำรองของเซฟิรอธเท่านั้นหรอกเหรอ
ราวล่วงรู้ความใจในของคนตรงหน้า รูฟัสยิ้มน้อยๆ ก่อนปล่อยคำถามที่เชือดเฉือนจิตใจอย่างรุนแรงออกมา
“ว่าไงล่ะ พวกนายว่าสไตรฟ์คิดอะไรอยู่ เพราะจะได้ควบคุม ‘ศัตรู’ อย่างใกล้ชิด หรือเพราะอยากได้ ‘เซฟิรอธ’ ที่เขาเฝ้าคิดถึงกลับคืนมากันแน่ หืมม์”
....นัยน์ตาสีเขียวทุกคู่เต็มไปด้วยความสับสน
....ไม่มีใครต้องการพวกเขา ทุกคนต้องการแต่เซฟิรอธ ทั้ง...แม่ แล้วนี่ยัง.....พี่ชาย
“ไม่ใช่แค่เจ้าผลงานล้มเหลวนั่นหรอกนะ” แม้เป็นเพียง AI ที่จำลองความทรงจำของต้นแบบเอาไว้ แต่โฮโจคนนี้ก็มีความรู้สึกนึกคิดไม่ต่างไปจากโฮโจคนก่อนที่ตายไปแล้วเลยแม้แต่น้อย “สำหรับฉัน พวกแกก็เป็นแค่ดักแด้ของเซฟิรอธเหมือนกัน”
แค่ประธานนีโอชินระโบกมือให้สัญญาณ เส็ง เรโน่ และรู้ดก็กดสวิตช์ท่อนโลหะยาวๆ ในมือแล้วปล่อยตาข่ายผืนบางแต่เหนียวหนับออกมาคลุมร่างพวกเขาไว้
“ปล่อย”
เพราะไม่มีอาวุธคู่มือ คาดาจกับยาซูเลยได้แต่พยายามสุดแรงเกิดที่จะดิ้นให้หลุดจากพันธนาการ แต่ยิ่งดิ้นมากเท่าไหร่ตาข่ายก็ยิ่งรัดแน่นขึ้นๆ จนแม้แต่จอมพลังอย่างลอซก็หมดหนทางจะกระชากตาข่ายให้ขาดออกจากกันได้
“แค่มีพวกแกกับเซลล์เจโนว่าที่ทางชินระเก็บซ่อนไว้” โฮโจหัวเราะลั่นอย่างถูกอกถูกใจ “ฉันก็จะสร้างเซฟิรอธขึ้นมาใหม่ได้”
“ตาข่ายนั่นสร้างขึ้นจากไลฟ์สรีมที่บีบอัดเป็นเส้นแล้วทอเป็นผืน” รูฟัสยิ้มอ่อนๆ แต่แววตากลับตรงกันข้าม “ยอมจำนนแต่โดยดีแล้วกลับไปกับชินระดีกว่า”
“ไม่ไป จะอยู่กับพี่ชาย...”
... พี่ชาย
... คำๆ เดียวที่ยึดเหนี่ยวทุกสิ่งไว้เหมือนฟางเส้นสุดท้าย
“ไม่ว่าเมื่อไหร่ทั้งนัยน์ตาและหัวใจของเจ้านั่นก็คอยมองหาแต่เซฟิรอธ” รูฟัสย้ำ “ไม่มีอะไรหลงเหลือไว้ให้ ‘เปลือก’ อีกแล้ว อย่าสำคัญตัวเองผิดไปนักเลย”
ดั่งคมมีดกรีดลงบนฟางเส้นบางจนปลิดปลิว แรงดิ้นรนต่อต้านจากร่างใต้ผืนตาข่ายหายไป แต่แล้วก่อนที่ปืนยาสลบจะถูกนำออกมาใช้ อะไรบางอย่างก็ฟันฉับลงมาจนตาข่ายขาดกระจุย!!!
“อย่าแตะต้องพวกเขา”
คลาวด์ที่เพิ่งมาถึงพร้อมดาบดาบอัลทิม่าในมือเอ่ยเสียงเรียบ แต่นัยน์ตาสีฟ้ากลับฉายประกายดุดันอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนขณะก้าวเข้ามายืนคั่นกลาง มีวินเซนต์กับแบร์เร็ตยืนขนาบซ้ายขวา ส่วนข้างหลังทิฟ่า มาร์ลีน และเดนเซลกำลังช่วยกันปลดตาข่ายออกจากตัวเด็กๆ ผมเงินที่เอาแต่เบิกตาจ้องมองภาพตรงหน้าไม่วางตา
“ไม่ได้เจอกันนานนะ อดีตโซลเย่อร์” รูฟัสยังคงยิ้มได้เรื่อยๆ
“ไง สไตรฟ์” เรโน่โบกมือให้แล้วยักคิ้วแผล็บ “ฉันไม่เข้าใจเลยว่านายจะเก็บเจ้าพวกนี้ไว้ให้มันได้อะไรขึ้นมา”
“นายคิดว่าเศษเสี้ยวของเจโนว่าจะเชื่อใจได้งั้นเหรอ” เส็งถามขึ้นเหมือนจงใจบีบให้คลาวด์ตอบต่อหน้าคาดาจ ยาซู และลอซ
.... ตอบสิพี่ชาย ตอบ เราอยากรู้ว่าพี่คิดยังไง
.... ตอบสิ ได้โปรด
“อย่าแตะต้องพวกเขา” คลาวด์ยังย้ำประโยคเดิมอีกครั้งก่อนหันหลังให้ชินระแล้วสั่งเด็กหนุ่มผมเงินที่เอาแต่จ้องมองมาที่เขาสั้นๆ
“กลับบ้าน”
“นี่..ถ้านายไม่อยากได้ก็ยกให้พวกเราซะก็ได้นะ” เรโน่ยังตื๊อไม่เลิก
“ถ้ามีเจ้าพวกนั้นล่ะก็...ฉันจะทำให้ ‘เซฟิรอธ’ ของนายกลับคืนมาได้ไม่ยาก ว่าไงล่ะ” โฮโจจับเอาจุดอ่อนของอีกฝ่ายขึ้นมาใช้ต่อรอง “3 คนนั่น ไม่สิ แค่คนใดคนหนึ่งก็ได้ แลกกับ ‘เซฟิรอธที่จะเป็นของนายคนเดียวเท่านั้น’ ตกลงมั้ย”
นัยน์ตาสีฟ้าไหวระริกของคลาวด์ที่หันหลังกลับมาเรียกให้เกิดทั้งรอยยิ้มสมใจและเสียงเต้นของหัวใจที่สั่นระรัวได้ในเวลาเดียวกัน
“อย่าแตะต้องพวกเขา” คลาวด์ย้ำประโยคเดิมไม่เปลี่ยนก่อนจะเริ่มขึ้นเสียงใส่พวกที่ยังไม่ยอมขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวสักที “จะกลับหรือไม่กลับ ตามใจแล้วกัน”
เท่านั้นล่ะ เด็กหนุ่มผมเงิน 3 คนก็ผวาเฮือกแล้วออกวิ่งตามหลังคลาวด์ที่เดินห่างออกไปทันที
“พี่ชายยยยยย”
…………………………………….…
คืนนั้น
พระจันทร์ยังทอแสงสีเงินส่องสว่างเข้ามาทางหน้าต่างห้องเหมือนเมื่อหลายคืนก่อน แต่คืนนี้คลาวด์ขยับไปนอนชิดขอบเตียงด้านในพร้อมวางตุ๊กตาโจโคโบะยัดนุ่นตัวโตสีเขียวอ่อนไว้บนเตียงอีกด้าน พอเดาได้ว่าเดี๋ยวตกดึกเข้าหน่อย..ลอซที่ยังเหลืออยู่เป็นคนสุดท้ายจะต้องผลัดเวรเข้ามา คนนี้รับมือง่าย แค่หาของเล่นให้ก็เรียบร้อย
“โว้ว ลักกี้”
ทุกอย่างเป็นไปสมใจคลาวด์ เพราะถูกกวนเวลานอนมา 2 คืนติดๆ กัน คืนนี้เลยง่วงจัดจนไม่อยากลืมตาขึ้นมองเมื่อได้ยินเสียงประตูเปิดดังขึ้นพร้อมเสียงร้องพออกพอใจของลอซที่ฉวยเอาตุ๊กตาไปกอดแล้วล้มตัวนอนกลิ้งโค่โร่อยู่ปลายเตียง
สักพักก็มีเสียงประตูปิดดังขึ้นสะกิดใจคลาวด์
.... ถ้าลอซนอนอยู่นี่ แล้วใคร.......
กว่าจะนึกขึ้นได้ก็สายเสียแล้ว เมื่อร่าง 2 ร่างกระโดดตามขึ้นมาบนเตียง มือเล็กๆ คว้าหมับเข้าที่แขนทั้ง 2 ข้างแล้วเขย่าปลุกชนิดหัวสั่นหัวคลอนจนต้องยอมตื่นแต่โดยดี
“พี่ชาย แล้วของพวกเราล่ะ” เจ้าตัวเล็กในชุดนอนสีฟ้าหรือคาดาจทวงยิกๆ
“นั่นสิ ห้ามลำเอียงนะ” ยาซูหรือเจ้าตัวกลางในชุดนอนสีเหลืองร่วมด้วยช่วยทวง
ส่วนลอซหรือเจ้าตัวโตในชุดนอนสีเขียวยังคงนอนยิ้มร่ากอดตุ๊กตาตัวโตไม่ยอมปล่อยพลางยักคิ้วให้พรรคพวกแล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
ลงท้ายคลาวด์ก็ต้องลุกไปหยิบตุ๊กตาโจโคโบะอีก 2 ตัว ...สีฟ้ากับสีเหลือง จากตู้เก็บของมุมห้องออกมาส่งให้ ตอนแรกเขาตั้งใจจะซื้อให้มาร์ลีนกับเดนเซลแล้วเลยพ่วงลอซเข้าไปด้วยอีกคน นึกไม่ถึงว่าคาดาจกับยาซูที่ดูเป็นผู้ใหญ่จะร้องอยากได้ตุ๊กตากับเขาบ้าง ...คิดแล้วก็ขำ ....ไม่เป็นไร ไว้ค่อยไปซื้อมาให้มาร์ลีนกับเดนเซลใหม่ก็ได้
ว่าแล้วก็ยืนขมวดคิ้วมองเจ้าตัวป่วนทั้งหลายที่พร้อมใจกันยกขบวนพาเหรดเข้ามานอนเกะกะเต็มเตียงเขาไปหมด
“ลอซชวนมา” ยาซูที่พออ่านสายตาเขาออกก็รีบโบ้ยความผิดไปให้ตัวต้นคิดทันที
“มันต้องเล่นกันหลายๆ คนสิ ถึงจะสนุก จะเล่นคนเดียวได้ไง” ลอซที่ยังคงยึดมั่นกับสโลแกน ‘เล่นด้วยกัน อยู่ด้วยกัน’ว่าเสียงซื่อพลางหาวหวอด “แล้วจะนอนกันได้ยัง ง่วงแล้ว”
.... ใช่ เขาเองก็ง่วง ง่วงมากๆ ด้วย
“ไปห้องโน้น เตียงแค่นี้นอนไม่พอหรอก” คลาวด์ที่ปลงแล้วกับความป่วนไม่เลิกของ 3 ตัวแสบชี้มือไปทางห้องใหญ่แล้วออกเดินนำไปก่อน
จริงอย่างที่คิดไว้ พอเลื่อนเตียงนอน 3 เตียงเข้ามาชิดติดกันแล้วก็พอให้คน 4 คนนอนได้อย่างสบายๆ สุดท้ายคลาวด์ที่ชักลืมตาไม่ค่อยจะขึ้นก็หันไปโอบไหล่ลอซไว้แล้วรั้งเข้ามาใกล้ จรดปลายจมูกลงบนกระหม่อมอีกฝ่ายเบาๆ แล้วพึมพำบอก ‘ราตรีสวัสดิ์’ ก่อนจะทิ้งร่างลงตรงกลางเตียงแล้วหลับสนิทแทบจะทันทีที่หัวถึงหมอนเลยไม่ทันรู้สึกถึงไออุ่นจากผ้าผืนหนาที่ลอซคลี่ออกห่มให้หลังจากยาซูช่วยขยับท่านอนคุดคู้ของเขาให้อยู่ในท่าสบายแล้ว ตามด้วยคาดาจที่ปัดปอยผมสีบลอนด์ที่ลงมาปรกหน้าให้ออกไปข้างๆ
....พี่ชายหลับไปแล้ว
เด็กหนุ่ม 3 คนนั่งล้อมวงกันอยู่บนเตียงพลางมองใบหน้าที่หลับสนิทอย่างมีความสุขนั้นแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ จากเปลือกตาที่หลับพริ้มจนแพขนตาสีบลอนด์เข้มยาวจนเกิดเป็นเงาทาบทับกับโหนกแก้มและลมหายใจเข้าออกแผ่วเบาแต่สม่ำเสมอ แค่ดูก็รู้ว่าเจ้าตัวหลับลึกและกำลังฝันดี
“พี่ชายนี่ทั้งไม่ระวังตัว ทั้งไว้ใจคนง่าย ไม่ต่างไปจากเดิมเลยนะ” ยาซูยิ้มน้อยๆ พลางใช้นิ้วชี้กรีดแพขนตายาวๆ นั่นเล่นอย่างอดใจไม่อยู่ “เป็นคนอื่นคงไม่เลือกจะพาเรามาหรือทิ้งไว้ที่เครเตอร์ แต่คงส่งเรากลับไปไลฟ์สตรีมซะตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว”
“พี่ชายก็ใจดีแบบนี้แหละ” ลอซว่าบ้างขณะแทรกมือเข้าไปในกลุ่มเส้นผมสีบลอนด์นุ่มๆ แล้วเอานิ้วพันไปมา “พวกนายว่าพี่ชายจะคิดเหมือนที่พวกชินระบอกรึเปล่า”
“ไม่รู้สิ” คาดาจที่สนุกกับการแกล้งคนนอนหลับด้วยการลากปลายนิ้วจากหน้าผากลงมาหยุดที่ปลายจมูกก่อนจะไล่เรื่อยไปที่ริมฝีปากและข้างแก้มตอบง่ายๆ “แต่ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็ถือว่าดีกว่าที่คิดเอาไว้แต่แรกไม่ใช่เหรอ”
“แต่...” ลอซชะงักคำพูดก่อนทำท่าเหมือนจะร้องไห้ออกมาซะเดี๋ยวนั้น
“ไม่เอาน่า ลอซ” ยาซูที่ยอมละมือออกเพราะโดนคนกำลังหลับสบายยกแขนขึ้นสะบัดไล่โดยอัตโนมัติเพราะทนรำคาญไม่ไหวหันไปปรามจอมขี้แยของกลุ่มเบาๆ “ไว้พรุ่งนี้ค่อยร้องก็ได้”
“ใช่” คาดาจพยักหน้ารับพลางก้มลงจรดริมฝีปากลงบนหน้าผาก ‘พี่ชาย’ เบาๆ อย่างที่เคยทำ ประกายในดวงตาสีเขียวเจโนว่าหมองจัดก่อนเจ้าตัวจะรีบกะพริบให้เลือนหายไปอย่างรวดเร็ว “แต่ถึงจะเป็นอย่างที่พวกชินระบอกจริงๆ อย่างน้อยพี่ชายก็ดีกับเรา แม้ว่าเราจะเป็นแค่ ‘เปลือก’ ของเซฟิรอธก็ตาม”
ฮึก..เจ็บที่ใจจี๊ดๆ (นิดๆ)
ตอบลบเฮ้อ..."เปลือก"
อยากเข้าไปกอดปลอบใจเด็กสามคนจังเลย
น่ารักที่สุด
หน่วงค่ะ.....น้องจะร้องไห้แล้วนะT[]T
ตอบลบหน่วงค่ะ.....น้องจะร้องไห้แล้วนะT[]T
ตอบลบหน่วงค่ะ.....น้องจะร้องไห้แล้วนะT[]T
ตอบลบเจ็บจี๊ดๆตรงคำว่า"เปลือก" เฮ้อออ หน่วงไปหมด
ตอบลบ