Author : jes
Pairing : ฮาเดส+ชุน / ชุน+ฮาเดส
ระดับ : ปลอดภัยไร้กังวล
Disclaimer : ตัวละครทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของอาจารย์ Masami Kurumada ค่ะ แล้วก็ HBD ท่านฮาเดสกับชุนจังด้วย
-----------------------------------------------------------------------
2 : INFERNO CHAPTER
จูเด็คก้า...ยมโลก
บรรยากาศในห้องพักส่วนตัวนั้นช่างสลัวเลือนและเยียบเย็นนักในความรู้สึก ไม่ว่าจะเป็นต้นเสาทรงโบราณขนาดใหญ่ทั้งสี่ต้นที่มีโคมแก้วทรงสูงเล็กๆสำหรับใส่เทียนหอมเพื่อให้แสงสว่าง พื้นห้องที่เป็นแผ่นหินสีเทา และผนังซึ่งมีม่านหนา หนัก รูดปิดสนิทหมดทุกด้าน ผ้าม่าน...แม้จะช่วยให้ทั่วทั้งห้องอบอุ่นขึ้นบ้างก็ตามแต่ก็บดบังไม่ให้แสงสว่างจากด้านนอกที่มีอยู่เพียงน้อยนิดส่องเข้ามาถึง
ณ มุมในสุดของห้องเป็นเตียงนอนขนาดใหญ่ที่สลักลวดลายอย่างงดงาม แต่ขณะนี้บนเตียงว่างเปล่า มีเพียงผ้าห่มตวัดไว้ทางหนึ่ง เป็นเครื่องหมายแสดงว่าเจ้าของห้องตื่นแล้วลุกออกไปแล้ว
ในความเงียบ...มีเพียงเสียงฝีเท้าเบาๆของร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อคลุมตัวยาวที่เดินตรงไปรูดม่านหนาชั้นนอกออก อากาศภายนอกเองก็มืดครึ้มหม่นมัวไม่แตกต่างกันเท่าไรนัก แต่อย่างน้อยประกายแสงของเปลวเทียนกับกลิ่นหอมเบาบางที่โชยเข้ามาก็ช่วยบรรเทาความอ้างว้าง ว่างเปล่า ที่ผสานเข้ากับความอึดอัดน้อยๆที่กำลังบีบคั้นจิตใจอยู่ให้คลายออกไปได้บ้าง
นัยน์ตาสีทองแลเลยไปยังกระจกบานใหญ่ ก่อนจะมอบรอยยิ้มอ่อนโยนให้กับเทพเจ้าชั้นสูงผู้มีเส้นผมสีรัตติกาลตัดกันกับสีผิวขาวจัดเพราะไม่ได้สัมผัสโดนแสงแดดมาเป็นเวลานานนาน ที่กำลังใช้นัยน์ตาคู่เดียวกันนี้มองตรงมาเช่นกัน
....คงเหงาสินะครับ
....ผมรู้แล้วล่ะ...เพราะอะไรท่านถึงปรารถนาการขึ้นไปอยู่บนพื้นโลก..ถึงขนาดก่อสงครามศักดิ์สิทธิ์ขึ้น
น้อยนักที่จะมีคนเข้าใจ.....เทพเจ้า...ผู้อยู่เดียวดายในดินแดนแห่งความมืดมนและสิ้นหวัง
แล้วบรอนเซนต์อันโดรเมด้า ชุนที่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงได้มาอยู่ในร่างของจ้าวยมโลกฮาเดสก็เอาแต่นั่งนิ่งเงียบ จมอยู่กับความคิดส่วนตัว กระทั่งรู้สึกเหมือนถูกเข็มเล็กๆทิ่มแทงไปตามปลายนิ้วมือ นิ้วเท้าจนรู้สึกชาน้อยๆ
....หนาว ไม่รู้ท่านฮาเดสทนอยู่ได้ยังไง แบบนี้
....พี่ครับ พี่จะรู้รึยังน้า...ว่าตอนนี้ผมอยู่ที่จูเด็คก้านี่ ยังไงก็ช่วยดูแลท่านฮาเดสชั่วคราวด้วยนะครับ แล้วก็อย่าหาเรื่องทะเลาะกับเฮียวกะด้วยนะ
สักครู่ใหญ่ๆก็มีเสียงบานประตูเปิดออก แล้วแพนโดร่าก็ก้าวเข้ามาพร้อมสเป็คเตอร์รับใช้อีก 2 คนที่ชุนจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นคนที่ทำหน้าที่ยืนเฝ้ายามอยู่หน้าห้องนอนเมื่อคืนนี้
“ส..สะ...สวัสดีครับ” หนูชุนทักทายอึกๆอักๆ เพราะไม่รู้จะวางตัวยังไงถูก แต่ดูเหมือนเช้านี้เจ๊แพนจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษเลยไม่ทันได้สังเกตว่าวันนี้ท่าทางของฮาเดสแปลกไปจากเมื่อวานชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ
“ทำไม....วันนี้ตื่นเร็วจัง”
“เอ่อ...คือ...”
....ก็ปรกติตื่นตอนนี้ทุกทีนะ
“ไม่สบายรึเปล่า เมื่อคืนตกใจหมดเลย อยู่ๆก็ฟุบลงไปเงียบๆแบบนั้น” อาเจ๊ยังเป็นกังกลเรื่องเมื่อคืนที่งานเลี้ยงยังจัดไปได้ไม่เท่าไหร่ แต่เจ้าของวันเกิดดันหลับพับคาเก้าอี้ไปแล้วเรียบร้อย
....ก็ตอนนั้นผมง่วงนี่นา แล้วมันก็ได้เวลาเข้านอนแล้วด้วย เลยเผลอไปหน่อยน่ะฮะ
“เมื่อวานเข้านอนเร็ว วันนี้เลยตื่นไวมั้งครับ” หนูชุนพยายามตามน้ำสุดฤทธิ์ ชนิดที่ดูๆแล้วเด็กอนุบาลอาจจะทำได้เนียนกว่าก็เหอะ
“นั่นสินะ คงยังงั้น”
แปลกแฮะ! แพนโดร่ากลับเชื่อง่ายๆ แล้วหันไปไล่เบี้ยเอากับลูกน้องที่กำลังจัดเตียง ทำความสะอาดห้อง
“เตรียมน้ำอุ่นแล้วรึยัง”
“เอ่อ...” สเป็คเตอร์ผู้น่าสงสารทั้งคู่ได้แต่มองหน้ากันไปมา พาลให้อาเจ๊ชักยัวะขึ้นมาจนได้
“ยังใช่มั้ยยะ ฉันบอกกี่ทีแล้วว่า....”
“คุณแพนโดร่าครับ” ชุนจังเรียกเสียงเบา “ผมอาบน้ำแล้วล่ะ แต่ยังไม่ได้แต่งตัว เห็นยังเช้าอยู่เลยไม่อยากรบกวนใคร”
“อ๊อ...เหรอ” คงเพราะเจ๊หันไปตีหน้ายักษ์ใส่ลูกน้องอีกที เลยไม่ทันรู้สึกถึงความผิดปรกติที่เกิดขึ้นอีกตามเคย “ได้ยินแล้วก็รีบไปจัดเตรียมเข้าสิยะ ฉันจะไปดูอาหารเช้าก่อน คอยดูนะ...ถ้าท่านฮาเดสเกิดไม่สบายขึ้นมาเพราะอาบน้ำเย็นล่ะก็ ฉันสั่งปลดแก 2 คนไปเลี้ยงเซอร์บีรัสแน่”
ว่าแล้วเจ๊แพนก็เตรียมจะหมุนตัวเดินออกจากห้องไป พร้อมกับที่....
“คุณแพนโดร่าครับ”
แม้ว่าจะกล้าๆกลัวๆอยู่เหมือนกัน แต่ในที่สุดชุนก็ตัดสินใจพูดสิ่งที่เจ้าตัวใช้เวลาตลอดทั้งเช้าที่ผ่านมาพยายามคิดหาวิธีบอกที่แนบเนียนที่สุด แต่แล้วก็คิดไม่ออก
“วันนี้ให้ผมออกไปข้างนอกด้วยคนได้มั้ยฮะ นะ”
....ถึงการออกไปข้างนอกแล้วจะถูกคนอื่นจับได้ว่าไม่ใช่ท่านฮาเดสก็เถอะ แต่ถ้าจะให้นั่งเหงาอยู่คนเดียวในห้องแบบนี้ล่ะก็ ไม่เอาด้วยหรอก
“ได้สิ ที่ท่านเคยบอกว่าจะไปตรวจดูการทำงานของพวกสเป็คเตอร์ใช่มั้ย” เจ๊แพนด้าพยักหน้ารับแล้วก้าวเท้ายาวๆห่างออกไป ทิ้งให้ชุนถอนใจเฮือกอย่างโล่งอกพลางหันมายิ้มให้อีก 2 คนที่เหลือ
“แค่นี้ผมทำเองได้ คุณ 2 คนกลับไปพักผ่อนเถอะครับ ไม่ได้นอนมาทั้งคืนแล้ว”
ได้ยินแค่นี้...สเป็คเตอร์ทั้งคู่ก็หันมามองหน้ากันอีกรอบพลางกระพริบตาปริบๆด้วยความสับสนและงุนงงสุดแสน
....ถึงจ้าวยมโลกฮาเดสจะไม่ใช่เทพเจ้าที่ใจคอโหดร้ายอะไรนัก ติดจะเย็นชาและเฉยเมยมากกว่าด้วยซ้ำ แต่ไม่มีสักครั้ง...ที่จะเอาใจใส่คนอื่นมากถึงขนาดนี้
....แต่อย่ากระนั้นเลย ในเมื่อนาย(ที่ดูจะไม่ค่อยปรกติ)สั่ง ลูกน้องที่ดีจะไม่เชื่อฟังมันก็กระไรอยู่ หุหุหุ
พอได้อยู่คนเดียวในห้องอีกครั้ง ชุนจังก็เดินเข้าไปในห้องแต่งตัวที่อยู่ข้างๆ หลังจากยืนหมุนซ้ายหมุนขวาเพราะทำอะไรไม่ถูกอยู่พักใหญ่ถึงเข้าใจว่าต้องหมุนสลักเลื่อนที่ผนังห้องด้านนึงออกจึงจะเห็นช่องเก็บเสื้อผ้า ตามด้วยการหยิบออกมาชุดนึงโดยไม่ต้องเลือกให้เสียเวลาเพราะแค่กวาดตามองปราดเดียวก็รู้ว่ามีแต่สีดำทะมึนหมดทุกชุด
....ขอยืมหน่อยนะฮะ
แต่กว่าคนที่เคยใส่แต่เสื้อยืดกับกางเกงทรงเอี๊ยมจะแต่งตัวเสร็จก็เล่นเอาเหนื่อยแถมเสียเวลาไปอีกพักใหญ่ ก็ชุดที่ทั้งหนา หนัก แล้วก็ยาวจรดพื้นนั่นกว่าจะใส่ได้ก็ทุลักทุเลเอาเรื่อง แต่พอจะรีบออกไป..ประกายแสงวาววับจากอะไรบางอย่างที่อยู่ในห้องชั้นในสุดก็สะท้อนเข้าตา....เซอร์พลีสประจำตัวเจ้ายมโลกฮาเดส
....สวยจังเลย เอ...แบบนี้จะเรียกว่า “ฮาเดสคลอธ” ได้มั้ยนะ
หนูชุนที่อดใจไม่ไหวจนต้องเดินเข้าไปดูใกล้ๆยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความชื่นชมก่อนจะยื่นมือเข้าไปหมายจะแตะสักนิดอย่างลืมตัว
พลังคอสโม่สีม่วงเข้มโชนแสงขึ้นบริเวณแขนขวาของเซอร์พลีสตรงตำแหน่งที่มือชุนแตะถูก วินาทีต่อมาเซอร์พลีสชิ้นนั้นก็ยอมสวมเข้ากับท่อนแขนแต่โดยดี เรียกรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าที่ร้อยวันพันปีเจ้าของร่างตัวจริงจะทำสักครั้งให้เกิดขึ้น
....รู้จักผมด้วยด้วยเหรอ จำผมได้ด้วย ดีใจจัง
หลังจากขยับแขนไปมา ทำท่าโบกมือโบกไม้อยู่ชั่วอึดใจ ชุนก็ถอดเซอร์พลีสออกแล้ววางกลับเข้าที่เดิมด้วยความเกรงใจเจ้าของ
....ขอบคุณครับที่ให้ลองสวม แล้วอย่าฟ้องท่านฮาเดสว่าผมแอบลองใส่นะ
แต่พอหันหลังกลับมาเท่านั้น...นัยน์ตาคู่สวยก็เบิกกว้าง รอยยิ้มจางๆบนใบหน้าก็มีอันค่อยๆเลือนหาย เมื่อเห็นแพนโดร่าที่ไม่รู้ว่ามายืนอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่กำลังจ้องมองตรงมาด้วยสายตาแปลกใจระคนสงสัย
“คือ...”
...แย่แล้ว! ทำไงดี
ก่อนอื่น...ก็ต้องพยายามทำหน้านิ่งเข้าไว้ แล้วรีบใช้สมองเร่งหาข้อแก้ตัวด่วนจี๋ แต่ยังไม่ทันอ้าปากพูดอะไร เจ๊แพนก็ชิงปิดประเด็นซะก่อน
“ทุกอย่างพร้อมแล้ว เชิญข้างนอกเถอะ”
...............................
ยมโลก...ไม่ว่าบริเวณไหนก็เต็มไปด้วยความมืดและความหนาวเย็น บางแห่งมีกลุ่มหมอกสีขาวทึบแผ่กระจายบดบังให้เห็นสิ่งที่อยู่เบื้องหลังเพียงเลือนลาง แม้แสงสว่างจากเปลวเพลิงสีฟ้าที่ลุกโชนอยู่ตลอดเวลาตามคบไฟที่ประดับไว้ตามแนวกำแพงก็ไม่ช่วยให้ขจัดม่านหมอกสีดำที่ครอบคลุมไปทั่วทุกตารางนิ้วของจิตใจออกไปได้หมด
โชคดีไป..ที่มีคนถือโคมไฟนำทางอยู่ข้างหน้า ชุนเลยรู้ว่าต้องเดินต่อไปทางไหน เพราะอยู่ๆแพนโดร่าก็หายตัวไปง่ายๆซะงั้น
เดินไปเงียบๆสักพักก็มาหยุดอยู่ที่หน้าประตูบานมหึมา ใกล้ๆกันมี 3 ผู้ยิ่งใหญ่แห่งนรก....การูด้า ไออาคอส กริฟฟิน มินอส และไวเวิร์น ราดามันทิส ยืนรออยู่แล้ว
แต่แค่แง้มประตูออก ชุนก็มีอันสะดุ้งสุดตัว กับ.....
ปัง!
เสียงค้อนทุบโต๊ะฝีมือบัลร็อก รูเน่ ที่ดังก้องไปทั่วห้องพิพากษาพิจารณาโทษ
“ส่งยัยนี่ลงนรกขุมที่สาม 100 ปี ข้อหาดองฟิค อู้งาน ขี้เกียจสารพัด ไม่รักษาสัญญา เป็นการทำร้ายจิตใจคนรออ่านฟิคอย่างแรงจนให้อภัยไม่ได้ ...เอาตัวไป”
“รับทราบ” เสียงมารูคิโน่ ลูกน้องในปกครองดังขึ้นรับคำสั่งแล้วให้สเป็คเตอร์ลิ่วล้อลากเอาวิญญาณที่ได้รับการตัดสินแล้วออกไปรับโทษ
ทั้งภาพทั้งเสียงตรงหน้าเล่นเอาหนูชุนเริ่มลังเลว่า...ที่กำลังทำอยู่นี่เป็นการหาเรื่องใส่ตัวรึเปล่า
....เอ่อ ถ้าเป็นแบบนี้ ขอผมกลับไปอยู่คนเดียวในห้องได้มั้ยครับ
ช้าไปแล้ว ......เพราะในนาทีต่อมา พวกที่อยู่ในห้องก็รู้ว่านายเหนือหัวมาตรวจงานเลยพากันลุกขึ้นยืนต้อนรับกันพรึ่บพรั่บแล้วโฟกัสสายตามองมาเป็นจุดๆเดียว
แล้วเสียงมินอสก็ดังขึ้นให้ต้องสะดุ้งอีกที
“เชิญครับ”
เอาน่ะ....The show must go on .... ตามด้วยการแข็งใจเดินไปนั่งบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งจ้าวยมโลกที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนยกพื้นสูงข้างหลังโต๊ะพิพากษาคดี ซึ่งเป็นบริเวณที่มองเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องได้อย่างชัดเจน
ไออาคอสโบกมือสั่งให้รูเน่ทำหน้าที่ต่อไป
“คนต่อไป....” รูเน่เปิดสมุดจดรายชื่อในมืออีกทีเมื่อลูกน้องลากเอาวิญญาณผู้หญิงผมยาวออกมาก่อนจะร่ายยาวพรรณนาข้อหา “เอาเปรียบลูกน้อง วันๆหาเรื่องเดือดร้อนมาให้ลูกน้องประจำ งก โกงค่าแรง ไม่ยอมขึ้นเงินเดือน ที่พูดมาทั้งหมดนี่ทำจริงๆรึเปล่า”
“จริง” ขนาดเป็นแค่วิญญาณแท้ๆยังเชิดหน้าตอบแบบไม่มีสะทกสะท้าน
“งั้นไล่กลับไปเกิดใหม่” รูเน่ตัดสินความผิดมันง่ายๆ “ส่งไปเกิดในตระกูลคนรับใช้ทายาทตระกูลคิโดะ จะได้รู้ว่าการมีเจ้านายจอมงก ชอบกดขี่แรงงานกับหักเงินเดือนลูกน้องน่ะมันเป็นยังไง ไป.....”
คราวนี้วิญญาณที่ถูกพาออกมาเป็นผู้ชาย
“อืม....ชอบทำตัวเป็นนักเลง เอ้ย เป็นพระเอก ผู้ปราบคนพาลอภิบาลคนดี มีเรื่องที่ไหนเป็นต้องเสนอหน้าเข้าไปมีเอี่ยวกะเค้าด้วยเสมอ แถมเก่งนักเรื่องต่อยเรื่องตี เพราะชนะเค้าไปทั่ว แต่โชคร้ายไม่ค่อยมีคนสนใจเท่าไหร่เพราะโดนพวกรุ่นพี่ขโมยซีนไปหมด นิสัยส่วนตัวชอบอู้งานไปแอบนอนกลางวัน ตะกละ กินไม่บันยะบันยัง....นี่ข้าจะตัดสินยังไงดีเนี่ย” รูเน่ขมวดคิ้วกับข้อหาที่เหมือนจะผิดก็ไม่เชิง ไม่ผิดก็ไม่ใช่ แถมยังรู้สึกคุ้นๆตงิดๆชอบกล
“เอ่อ....คือ...”
เสียงเบาๆดังมาจากผู้ที่นั่งเป็นประธานในห้อง ทำให้รูเน่เงยหน้าขึ้น
“ครับ?”
....ซวยแล้วมั้ยล่ะแกเอ๋ย มีหวังโดนท่านฮาเดสสั่งขังลืมแหง
“ถ้าเป็นความผิดเล็กน้อยก็ยกโทษให้เค้าเถอะครับ คนเราก็ต้องมีทั้งส่วนดีและส่วนเสีย แต่รวมๆแล้วคุณคนนี้เค้าเป็นคนดีออก”
เพราะพฤติกรรมของวิญญาณตนนี้ดันไปคล้ายกับคนรู้จักเข้า ชุนเลยตัดสินใจรวบรวมความกล้าเอ่ยปากพูด
“ครับ?” รูเน่ที่งงสนิทถามซ้ำอีกครั้งให้แน่ใจว่าหูไม่ฝาด แต่ชุนกลับเข้าใจว่าอีกฝ่ายตอบตกลงซะงั้นเลยส่งยิ้มกลับไปให้ตามความเคยชิน
“ขอบคุณนะ”
ทีนี้มันจะทำอะไรได้อีก นอกจาก.....
“ปล่อยตัวไป อ้อ! ก่อนปล่อยบอกให้ลุงชารอนช่วยอบรมบ่มนิสัย สั่งสอนเจ้าหมอนี่ระหว่างทางที่นั่งเรือไปด้วยล่ะ คนต่อไป......”
วิญญาณดวงต่อไปก็เป็นผู้ชายอีกเหมือนกัน
“โมโหร้าย เจ้าอารมณ์ อาฆาตพยาบาทรุนแรง มีน้องสาวอยู่กะเค้าคนนึงก็รักน้องเกินเหตุ หวงน้องอย่างไม่มีเหตุผล ใครมาจีบก็ไล่ตะเพิดไปหมด ส่วนน้องสาวก็เห็นแก่บุญคุณพี่ชายที่เลี้ยงดูมาเลยยอมขึ้นคาน....ลงท้ายก็แก่ตายกันอยู่สองคนพี่น้อง..... แย่ที่สุด แบบนี้ให้ส่งไปเป็นลูกน้องเจ้าคีกันต์ แล้วไม่ให้เจอน้องสาวไปอีก 1,000 ปี....”
“เดี๋ยวครับ”
เสียงประท้วงเบาๆดังมาอีกแล้ว
“ท่านฮาเดส...” รูเน่ทำเสียงเหมือนจะขาดใจตายอยู่อีกในไม่กี่นาทีนี้
....เอาอีกแล้ว มันเกิดอะไรขึ้นกับท่านกันแน่ ทำไมถึงได้ใจดีแบบเน้... ทะมายถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ จ้าวยมโลกผู้แสนจะเย็นชาคนเดิมหายไปไหน ฮือๆๆๆๆๆ
“จะลงโทษแบบนั้นก็ได้ แต่ให้เค้าพบกับน้องสาวเป็นครั้งสุดท้ายหน่อยเถอะครับ น่าสงสารออกนะ เค้าต้องคิดถึงน้องแน่ๆเลย”
“คือ...” รูเน่อ้ำๆอึ้งๆพลางมองไปที่ 3 ผู้ยิ่งใหญ่แล้วส่งสายตาขอความช่วยเหลือ
....ท่านมินอส ท่านไออาคอสก็ได้ อย่าเอาแต่ยืนเฉยเด้ ช่วยข้าที้
แน่ละ ถ้าไม่ช่วยลูกน้องคนสำคัญ แล้วจะเป็นลูกพี่ไปเพื่ออะไรไม่ทราบ
“น้องสาวเป็นคนดี จิตใจเมตตา แล้วยังเสียสละยอมอยู่เป็นเพื่อนพี่ชายไม่ยอมหนีไปอยู่กับชายคนรัก เราเลยส่งวิญญาณเธอไปที่ทางเข้าแดนสวรรค์แล้ว รูเน่คงทำตามคำสั่งท่านไม่ได้” มินอสที่ยืนขนาบข้างชุนอยู่ตอบเสียงเครียดพร้อมรอยยิ้มนิดๆดูจิตๆเล็กน้อยตามสไตล์จนชุนที่ถูกไซโคชักไม่กล้างอแงอะไรอีก
“รูเน่...ต่อ”
....ค่อยยังชั่วหน่อย
รูเน่ถอนใจเฮือกด้วยความโล่งอกแล้วก้มลงอ่านบัญชีรายชื่ออีกครั้งสลับกับมองวิญญาณที่ถูกพาเข้ามาใหม่
“สมาชิกหัวโจกแก๊งอันธพาล...นิสัยเดี๋ยวร้ายเดี๋ยวดี ตอนแรกคิดแย่งตำแหน่งหัวหน้าแก๊งแต่พลาดซะก่อนเลยถูกอัปเปหิออกมา ทีนี้เกิดแค้นจัด...จัดการวางแผนหลอกอีกแก๊งนึงให้มาถล่มแก๊งเดิม แต่ก็ไม่สำเร็จอีก ทีนี้ไปๆมาๆเกิดสำนึกผิดได้ยังไงก็ไม่รู้เลยไปขอรับโทษกับหัวหน้าแก๊งเดิม แล้วก็ตายตอนนำทีมลูกน้องไปสู้กับแก๊งคู่ปรับ”
.....หึหึ ออกจะชั่วร้ายซะขนาดนี้ คงไม่มีใครอยากช่วยให้เปลืองแรง
“เอาตัวไปขังในนรกขุมที่ 10 ซะ 5,000 ปี ไม่มีการลดโทษ” รูเน่ตัดสินความผิดไปตามเนื้อผ้า
แต่.....
“เพิ่มโทษ” เสียงราดามันทิสขัดขึ้น “นรกขุมที่ 20....10,000 ปี คนแบบนี้น่าจะให้อยู่ในนรกนานๆหน่อย รับโทษหมดแล้วค่อยส่งต่อมาเป็นลูกน้องข้าก็ได้”
“รับทราบ” อย่างรูเน่มีรึจะขัดศรัทธาก่อนจะรีบสั่งการให้สเป็คเตอร์รับใช้ลากตัววิญญาณออกไป ก่อนที่จะ....
“อย่าเพิ่งครับ”
ชุนจังที่ใจอ่อนร้องห้ามตามเคย
“แต่สุดท้ายแล้วคุณคนนี้เค้าก็สำนึกผิดแล้วกลับมาทำความดีนี่นา คนสำนึกผิดน่าจะได้รับการให้อภัยสิครับ เหมือนที่หัวหน้าแก๊งเดิมทำไง ผมว่าลงโทษเค้าแค่ครึ่งนึง ไม่สิ สัก 50 ปี 100 ปีก็พอแล้ว”
“ขอปฏิเสธ” ราดามันทิสสั่นหัว “เราต้องทำตามกฎที่ตั้งไว้ อย่างเจ้านี่...โทษต่ำสุดก็ขังลืม 5,000 ปีเป็นอย่างต่ำ”
“แต่...คุณราดา...” ชุนจังยังไม่ละความพยายามที่จะช่วย
“รูเน่..พิพากษาคนต่อไปเลย” ไออาคอสที่เห็นท่าไม่ค่อยดีรีบหาทางทำให้เรื่องยุ่งๆนี่จบลงโดยเร็ว ขณะที่ราดามันทิสลงไปยืนคุมเชิงให้ลูกน้องเอาวิญญาณตัวปัญหากลับไปลงโทษด้วยตัวเอง
“คุณราดามันทิส อย่าเลย ผมขอร้อง”
เพราะความลืมตัวบวกกับความสงสารแท้ๆ ชุนเลยลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือออกมาข้างหน้า ตั้งใจว่าจะคว้าแขน 1 ใน 3 ผู้ยิ่งใหญ่แห่งนรกไว้แล้วขอให้ลองพิจารณาใหม่อีกครั้งโดยไม่ทันได้ระวังพลังของเทพเจ้าชั้นสูงที่มีอยู่ตอนนี้ ข้างราดามันทิสเองก็ชะงักค้างกับคำว่า ‘ขอร้อง’ ที่ไม่เคยคิดว่าชาตินี้จะได้ยินจากปากจ้าวยมโลกเลยหมุนตัวกลับมา ผลก็คือ...โดนพลังคอสโม่มหาศาลซัดใส่เข้าอย่างจังจนกระเด็นปิ๋วไปกระแทกกับกำแพงฝั่งตรงข้าม
เปรี๊ยะ ๆ ๆ ๆ ....
รอยร้าวขนาดใหญ่ลามไปทั่วกำแพงหินหนาเท่าฝ่ามือ ก่อนจะพังครืนลงมากองกับพื้น
“คุณราดามันทิส” หนูชุนใจหายวาบก่อนจะร้องลั่นเมื่อเห็นผลงานฝีมือตัวเอง
....ผมขอโทษนะ อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะครับ ไม่งั้น...ผมโดนคุณคาน่อนเอาตายแน่เลย
“ราด้า...”
“ราดามันทิส”
ทั้งไออาคอสและมินอสต่างกรูกันเข้าไปดูใจ เอ้ย! ดูอาการของ 1 ในผู้ยิ่งใหญ่แห่งนรกที่ยังพอมีแรงพยุงตัวลุกขึ้นยืนได้แม้สภาพจะดูย่ำแย่ ร่อแร่เต็มที ในขณะเดียวกันบรรดาสเป็คเตอร์และพวกลิ่วล้อทั้งหลายที่เข้าใจว่าจ้าวยมโลกออกอาการโมโหโกรธาเพราะถูกขัดใจก็พากันแยกย้าย หายหัว เอาตัวรอดกันไปหมด เหลือเพียงรูเน่ที่ยังนั่งยิ้มแหยๆอยู่หลังโต๊ะพิพากษาตัวเดิม
แล้วนัยน์ตา 4 คู่ 8 ข้าง ต่างก็จ้องเป๋งมาตรงด้วยความหวาดระแวงระคนแคลงใจ เล่นเอาชุนที่ไม่รู้ว่าจะแก้สถานการณ์ยังไงพาลอยากร้องไห้ขึ้นมาดื้อๆ ตามด้วยการสารภาพความจริงทั้งหมดออกมาให้มันรู้แล้วรู้รอด
แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร เสียงตะโกนดังลั่นของเหล่าสเป็คเตอร์ที่หนีหายกันไปเมื่อครู่ก็ดังขึ้นเซ็งแซ่
“มหาเทพเสด็จ”
“ท่านเซอุสมา”
“อะไรนะ เซอุสเหรอ....”
“ตอนนี้อยู่ที่จูเด็คก้าแล้วด้วย”
“ใครก็ได้ รีบไปบอกท่านฮาเดส เร้ว...”
“เซอุส!!!!”
สามผู้ยิ่งใหญ่กับอีกหนึ่งลูกน้องช่วยกันประสานเสียงดังสนั่น
“มาอีกแล้ว....ไม่รู้จะมาทำไม” น้ำเสียงรูเน่บอกชัดถึงความเซ็งสุดขั้วหัวใจ
“คราวที่แล้วก็เพิ่งโดนท่านฮาเดสตะเพิดกลับไป ยังจะกล้ามาอีกเรอะ” ไออาคอสเองก็ทั้งเบื่อทั้งรำคาญไม่แพ้กัน
“มาได้ ก็ไล่กลับได้” รู้สึกราดามันทิสจะลืมสภาพรุ่งๆริ่งๆของตัวเองไปชั่วขณะ เพราะมีเรื่องอื่นเข้ามาหันเหความสนใจ
“ช่าย...รีบๆไล่กลับไปเลย ยิ่งเร็วยิ่งดี” มินอสพยักหน้าหงึกหงักแล้วขมวดคิ้วพลางเหลียวซ้ายแลขวา “นี่...ท่านฮาเดสหายไปไหนแล้ว”
“คือว่า...” คำตอบมาจากมารูคิโน่ที่ยืนอยู่ข้างบานประตูใหญ่ที่เปิดกว้าง “ท่านฮาเดสกลับไปจูเด็คก้าแล้วครับ รู้สึกว่าจะรีบไป ‘ต้อนรับ’ ท่านเซอุส”
“ห๊า....”
“อะไรน๊า....”
“ไม่จริง....”
....................
จูเด็คก้า
....ดีใจจัง นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีโอกาสได้เจอท่านเซอุส
ชุนจังที่กำลังเร่งฝีเท้าเดินกลับไปยังห้องรับรองทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจที่อยู่ๆบรอนเซนต์ตัวเล็กๆก็มีวาสนาได้พบมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์
....ไว้จะเก็บกลับไปเล่าให้พี่อิกกิกับทุกๆคนฟังให้หมดเลย
หลังผ้าม่านผืนบางที่ใช้กั้นแบ่งอาณาเขตส่วนตัวออกจากบริเวณที่ใช้รับรองแขกเผยให้เห็นเทพเจ้าร่างสูงในอาภรณ์สีขาวเจือสีฟ้าจางๆที่เดินกลับไปกลับมาด้วยความกังวล นิ้วเรียวยาวพันเส้นผมยาวสีทองเป็นประกายที่ซอยไล่เป็นระดับไปมาเพราะไม่รู้ว่าคราวนี้ตัวเองจะพบเจอกับการต้อนรับแบบไหน
....เพราะคิดถึงเลยมาเยี่ยม อย่าใจร้ายกับน้องชายที่น่ารักคนนี้นักเลย....ท่านพี่ฮาเดส
แต่ในทันทีที่คนที่อยากเห็นหน้าใจจะขาดก้าวออกมาจากหลังม่าน นัยน์ตาสีน้ำเงินสดก็เบิกกว้าง...
....ท่านพี่ยิ้มให้ข้า แทนที่จะเอาดาบไล่ฟันเหมือนทุกที
เพราะความดีใจสุดๆของหนูชุนแท้ๆ เลยทำให้รอยยิ้มอ่อนหวานที่แต่งแต้มอยู่บนใบหน้าของฮาเดสมีหลงเหลือเผื่อแผ่มาถึงเซอุส เรียกรอยยิ้มอบอุ่นจากเทพเจ้าสูงสุดแห่งสวรรค์ให้เกิดขึ้นบ้างขณะสาวเท้าเดินเข้าไปใกล้
เมื่อนัยน์ตาสีน้ำเงินราวสีท้องฟ้าสบเข้ากับนัยน์ตาสีทอง มนตราอันทรงอานุภาพก็ขับขานออกมาแผ่วเบาราวเสียงดนตรีอันไพเราะ
....พี่ชายที่รักของข้า ท่านง่วงแล้ว
....จงหลับตาลง แล้วเข้าสู่ห้วงนิทราอันแสนหวาน
....โปรดวางใจ ข้าคนนี้จะอยู่เคียงข้างท่านเอง
เหมือนมีสายหมอกสีดำสนิทเข้าปกคลุมอย่างรวดเร็ว พื้นหินใต้เท้าเริ่มโคลงเคลง ชุนหลับตาลงแล้วทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดลงในอ้อมแขนของเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ที่ก้าวยาวๆเข้ามารับตัวไว้พลางกอดกระชับไว้แน่น ปลายนิ้วอุ่นๆช่วยปัดเส้นผมที่ปรกระใบหน้าออกไป
.... คงมีแต่เวลานี้เท่านั้นที่ท่านยอมให้ข้ากอดดีๆ
.... เพราะคนๆนี้ ไม่ใช่ท่าน
.......................................
นอกห้อง
“หมายความว่ายังไงยะ ทำไมพวกนายถึงปล่อยให้ท่านฮาเดสอยู่กับเซอุสแค่สองคนในห้องแบบนี้ได้” เจ๊แพนโดร่าที่เพิ่งกลับจากที่ไหนสักแห่งวีนแหลกแตกกระจายด้วยการขึ้นเสียงสูงปรี๊ดดดดดดดด เมื่อสามผู้ยิ่งใหญ่และรูเน่ที่ยืนหน้าเครียดอยู่หน้าประตูห้องส่วนตัวของจ้าวยมโลกรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ก็....” บัลร็อก รูเน่เมื่อต้องปะทะเจ้าแม่แพนด้าก็มีอันแหยไปเหมือนกัน
“แล้ว...แทนที่จะคอยติดตามท่านฮาเดส ไม่ทราบ...ท่านแพนโดร่าหายไปไหนมา” มินอสที่ทั้งเครียดทั้งหงุดหงิดชักทนไม่ไหวเลยขอ ‘จิก’ กลับคืนไปบ้าง
“ฉันก็....”
ไม่ทันที่เจ๊ใหญ่จะทันได้ชี้แจงแถลงไข ก็มีเสียงเรียกดังออกมาจากข้างใน เล่นเอาคนทั้งห้าถลาพรวดเข้าไปยืนเรียงหน้ากระดานข้างเตียงของจ้าวยมโลกที่กำลังนอนหลับสนิทกันให้สลอน
“ท่านฮาเดส”
“ยังปลอดภัยอยู่รึเปล่าครับ”
“ท่านเซอุสทำอะไรท่านรึเปล่า”
“ท่านฮาเดส ลืมตาขึ้นพูดกับพวกเราหน่อยเถอะ”
“นั่นมันท่านพี่ฮาเดสที่ไหน” เซอุสที่นั่งอยู่บนเตียงพลางขยับผ้าห่มคลุมร่างที่กำลังนิทราอย่างเบามือพูดเสียงสะบัดๆ “จะนั่งมอง ยืนมอง ตะแคงมอง ตีลังกามอง (แต่ยังไม่ทันได้นอนมอง) ยังไงก็เป็นเจ้าเซนต์แห่งอาเธน่าที่เป็นร่างสถิตย์คนนั้น”
“หา”
ทั้งราดามันทิส ไออาคอส มินอส และรูเน่ที่ติดกลุ่มมากะเขาด้วยได้แต่มองหน้ากันไปมาอย่างไม่เข้าใจ มีเพียงแพนโดร่าเท่านั้นที่พยักหน้ารับน้อยๆเหมือนพอจะรู้อยู่บ้าง
“ท่านฮาเดสมีท่าทางแปลกๆตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะ หลังจากที่แอบหลบไปฉลองวันเกิดกันสองคนกับอันโดรเมด้า ชุน พอลองไปสืบดูก็รู้ว่าบรอนเซนต์คนนั้นก็ทำตัวผิดไปจากเดิมเหมือนกัน แต่ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าไปอยู่ซะที่ไหน เอ่อ..ข้าคิดว่า...ว่า....”
“ต้องเกิดอะไรขึ้นสักอย่าง...ที่มีพลังมากพอจะทำให้ดวงจิตของทั้งสองคนสลับร่างกายกัน” เซอุสต่อประโยคที่แพนโดร่ายังพูดไม่จบได้อย่างรวดเร็ว
เพราะฉะนั้น ตอนนี้....
....ดวงจิตของจ้าวยมโลกฮาเดสติดอยู่ในร่างของบรอนเซนต์อันโดรเมด้า ชุน
และ
....ดวงจิตของบรอนเซนต์อันโดรเมด้า ชุนก็ติดอยู่ในร่างของจ้าวยมโลกฮาเดส
“ว่าแต่ท่านเซอุสใจดีจัง ทั้งๆที่นี่เป็นโอกาสดีที่สุดแล้ว” ไออาคอสชักซาบซึ้งกับมโนธรรมอันดีงามและสูงส่งของมหาเทพแห่งสวรรค์ขึ้นมานิดหน่อย “ข้าล่ะนึกว่า..ท่านจะทำไม่รู้ไม่ชี้แล้วจัดการรวบหัวรวบหางไว้แบล็กเมล์ท่านฮาเดสตัวจริงทีหลังซะอีก”
“ตอนแรกก็กะอยู่” เซอุสสารภาพเสียงเบาพลางถอนใจยาว “แต่..พอรู้ว่าไม่ใช่ตัวจริง ก็พาลหมดอารมณ์เอาซะงั้น”
“ทั้งๆที่ท่านฮาเดสเอาแต่ไล่ตะเพิดทุกทีที่เห็นหน้า ไม่ก็เอาดาบไล่ฟันทุกครั้งที่ท่านมาหาเนี่ยนะ” รู้สึกรูเน่จะเริ่มนับถือความอดทนของเซอุสขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน
“ท่านพี่น่ะนะ” เซอุสตอบพลางอมยิ้มเจ้าเล่ห์ “ข้ารู้ ท่านพี่ไม่ได้เกลียดข้าหรอก ก็แค่...ไร้เดียงสาไปหน่อยเท่านั้นเอง”
คำตอบนั่น...ไม่ค่อยจะหลงตัวเองเลยนะท่าน
“ไม่ว่าจะคนไหนก็เป็นท่านฮาเดสอยู่ดีน่ะแหละ” ราดามันทิสที่ไม่ชอบอะไรยุ่งยากยักไหล่ “ถึงดวงจิตจะเป็นเด็กนั่น แต่ร่างกายก็เป็นท่านฮาเดส ส่วนอีกคนนึง...แม้ร่างจะไม่ใช่ แต่ดวงจิตข้างในก็คือท่านฮาเดส เพราะงั้นไม่ว่าท่านจะจีบคนไหนมันก็เหมือนกัน”
“เหมือนกันตรงไหนไม่ทราบ” เซอุสที่เริ่มหงุดหงิดขึ้นมานิดหน่อยกระชากเสียงใส่ “ถ้าแกไปขอหมั้นเจ้าเจมินี่คนน้อง แต่วันแต่งจริงกลับได้คนพี่มาแทน..จะเอามั้ยล่ะ เฮอะ”
...ซางะ งั้นเหรอ
ไวเวิร์นแห่งนรกเริ่มคิดตามคำพูดของเซอุส
....อืมม...ก็ได้นะ หน้าตาก็เข้าทีดูดีเหมือนกัน แถมท่าทางออกจะอ่อนโยน+ว่าง่ายกว่าน้องชายเยอะ เฮ้ย!....ม่ายยยย....นี่!ช้านคิดอาราย...อยู่
“จริงด้วย” จู่ๆเซอุสก็นึกอะไรดีๆขึ้นมาได้ก่อนจะหันขวับกลับมาเอามือขยุ้มคอเสื้อคนที่กำลังสติแตกกระเจิงไว้พลางเขย่าไปมาจนหัวสั่นหัวคลอนเพื่อเรียกสติให้กลับคืน “เจ้าราด้า..แกมีเบอร์โทรติดต่อเจ้าเซนต์เจมินี่สุดที่รักของแกใช่มั้ย ดี...รีบโทรเดี๋ยวนี้เลย ถามซิว่าท่านพี่สุดที่รักของข้าอยู่ที่แซงค์ทัวรี่รึเปล่า...ได้ยินมั้ย....เร็วๆเข้า”
......................................
หลังจากฮอตไลน์...สายด่วนจากนรกวางหูไปหมาดๆ ทั้งแซงค์ทัวรี่ก็แตกตื่นกับข่าวใหญ่ เมื่อซางะส่งกระแสจิตมาสั่งการให้โกลด์เซนต์ทุกคนรีบไปที่วิหารเคียวโกให้เร็วที่สุด
“อาจ๊ารย์....อาจารย์ค้าบ....ท่านอาจา....รย์” เจ้าแกะน้อยที่ห่วงแต่ความปลอดภัยของอาจารย์สุดที่รักรีบเทเลพอตหายไปต่อหน้าต่อตาบรรดาเพื่อนฝูงแบบว่าไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น
“หมายความว่าไง ฮาเดสบุกผ่าน 12 วิหารไปได้ แถมตอนนี้อยู่ที่วิหารเคียวโกแล้ว” นายปูแช่มร้องเสียงหลงขณะโผล่หัวออกมานอกวิหารปูยักษ์
“ราด้ามันโทรหาขนุน..ถามว่าชุนมาที่แซงค์ทัวรี่รึเปล่า” อันเดบารันตะโกนตอบขณะกำลังกระโดดขึ้นบันไดทีละ 3 ขั้นตรงเข้ามาหา
“แล้วไงอีก” ไอโอเรียที่ตั้งท่าเตรียมออกวิ่งอยู่หน้าวิหารราชสีห์ถามขึ้นบ้าง
“ราดามันทิสยืนยันมั่นเหมาะว่าร่างกายภายนอกเป็นชุนแต่จิตใจข้างในเป็นฮาเดสน่ะสิ” คาน่อนที่ผนึกกำลังกับซางะช่วยกันขุดศพไอโอรอสที่เริ่มขึ้นอืดอยู่หลังซากกองกับดักหักๆพังๆช่วยตอบให้
“แถมยังบอกอีกนะว่าตอนนี้ในร่างของฮาเดสที่นรกก็มีดวงจิตของชุนอยู่” ซางะที่กำลังพยุงไอโอรอสในสภาพยับเยินให้ลุกขึ้นยืนอธิบายเพิ่ม
“แล้วเจ้าราด้ามันรู้ได้ไง” อีกคำถามชวนสงสัยจากพ่อแมงป่องมิโร่
“เซอุสบอก” ซางะบอกง่ายๆขณะส่งต่อไอโอรอสให้กับไอโอเรียที่วิ่งมาถึงวิหารคนครึ่งม้าพอดี ก่อนที่คู่แฝดเจมินี่จะออกวิ่งตามหลังชูร่าที่กำลังเลี้ยวโค้งเข้าวิหารปลาทองไปเป็นคนแรกด้วยความเป็นห่วงอาเธน่าจนพูดอะไรไม่ออก
“เซอุส!!!!”
พวกโกลด์เซนต์วิหารล่างๆที่ต้องออกแรงตะเกียกตะกายปีนบันไดขึ้นมาวิหารบนๆมองหน้ากันอึ้งๆ
....แปลว่าข่าวนี้ ‘จริงแท้’ 99.99+1% ขนาดมหาเทพแห่งสวรรค์ยังช่วยการันตีให้
“เจ้านั่น..ฮาเดสเลยใช้หน้าตาของชุนเป็นวีซ่าฝ่าด่านอรหันต์ ผ่านด่าน 12 วิหารไปได้แบบสบายๆเลยงั้นสิ” จากน้ำเสียง..ดูท่ามิวมิว (ที่อุตส่าห์ยืนคอยมิโร่) จะเจ็บใจเอาเรื่อง
“งานนี้มีหวังพวกเราโดนทั้งเคียวโก ทั้งอาเธน่าเล่นงานไม่มีเหลือ” หลวงพี่ชากะที่วิ่งตามหลังไอโอเรียมาบ่นพึมพำเบาๆ
ก็นะ...โกลด์เซนต์สายใช้แรงงานอย่าง...อันเดบารัน ไอโอเรีย มิโร่ ชูร่า ดูไม่ออกว่าไม่ใช่ชุนก็ไม่แปลก ส่วนสายไม่ค่อยได้ใช้สมองประมาณเดธมาสก์ อะโฟรดิตี้ พวกนี้ยังพออภัยให้ เพราะขนาดโกลด์เซนต์รุ่นใหญ่อย่างซางะ-คาน่อน กับ ไอโอรอสก็ยังพลาดเอาง่ายๆ แต่พวกสติปัญญาเกินหน้าเกินตาชาวบ้านเค้าอย่าง..มู ชากะ แล้วก็คามิวนี่สิ.....
(คำตอบก็คือ...มูเห็นว่าเป็นชุนเลยไว้ใจ... อันเด เรีย มี่ ชู่ แช่ม ตี้ พวกนี้ยังไงมันก็ดูไม่ออกอยู่แล้ว ไม่ต้องไปสนใจ... สง่า-ขนุน ตอนนั้นสองคนนี้กำลังซ้อมบทละครเรื่องซินเดอเรลล่ากับน้องสาวใจร้ายอยู่ เลยปรับโหมดไม่ทัน... เฮียรอสบังเอิญโดนซากกำแพงถล่มทับก่อนทันเห็นหน้า... ช่าก็มัวแต่แผ่เมตตาให้เจ้าของขนมที่รอให้มาง้ออยู่หลายวัน... มิวมิวกำลังมันส์กับการบังคับให้แมงป่องกินน้ำแข็งไสให้หมดถ้วย...ส่วนเจ้ามีมี่ที่ใกล้จะแข็งตาย มันจะมีปัญญาเห็นอะไรได้.....สรุปแล้ว....ฮาเดส ผ่านโลด! )
“ถามจริง นายเป็น ‘ผู้ใกล้เคียงพระเจ้าแท้ๆ’ ทำไมยังดูไม่ออกวะช่า”
คำถามของเพื่อนข้างวิหารเล่นเอาหลวงพี่กัดฟันกรอด โทสะเริ่มพุ่งเป็นริ้วๆ
....ที่แกถามนี่..เพราะซื่อ(จนบื้อ)หรือจงใจจะกัดฉันกันแน่หา เจ้าเหมียว
“ก็ชุนเอาขนมมาให้ ฉันก็นึกว่านายฝากมาขอโทษ (อีกนัยนึงก็คือ ‘ง้อ’ น่ะแหละ) เรื่องที่ลืมรดน้ำต้นสาละตอนฉันไม่อยู่”
“ถึงว่า...ขนมมันหายไปไหนโหลนึง” เจ้าแมวพยักหน้ารับรู้หงึกหงัก
ถึงหน้าวิหารเคียวโกซะที
“ไอโอเรีย” ท่าทางหลวงพี่ช่ายังข้องใจอะไรบางอย่างเลยเรียกคนที่ตั้งท่าจะแบกพี่ชายขึ้นบันไดให้หันกลับมามอง “แล้วขนมนั่น...”
“เออ...ฝากเอาไว้ก่อน ไว้ว่างๆจะไปเอาคื.....”
“ป้าบ!”
“โอ๊ย!”
แค่สะบัดนิดเดียว...ลูกประคำในมือชากะก็ฟาดโครมเข้าให้เต็มหน้า เล่นเอาไอโอเรียพูดไม่ออกก่อนจะล้มคว่ำลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้ากับพื้น ส่วนเฮียรอสที่น้องชายช่วยพยุงอยู่ก็ไวทายาดสะบัดตัวหลบได้ทันท่วงที เลยรอดพ้นรัศมีลูกประคำจะเหวี่ยงโดนไปแบบหวุดหวิด
“ไอช่า..” เสียงแมวโวยวายไล่หลังหลวงพี่คนสวยที่เดินหน้าเชิดขึ้นบันไดวิหารเคียวโกไป “อะไรวะ!! นายนี่เอะอะอะไรก็จ้องจะกัด จะตี จะทุบ จะทำร้ายร่างกายฉันทุกที!! จะจองเวรอะไรนักหนา ห๊า! พี่รอสก็เหมือนกัน ทีงี้ล่ะทิ้งกันเฉยเลยนะพี่”
....โทษที ไอน้องเลิฟ พี่ก็รักตัวกลัวตายเป็นเหมือนกันฟ่ะ ส่วนอีกเรื่องนึง...ถ้าแกไม่รู้ก็จงโง่ต่อไปเถอะ ไอโอเรียเอ๊ย!!
.............................
ข้างในวิหารเคียวโก
พอกองทัพโกลด์เซนต์ทั้ง 12 (รู้สึกทุกคนจะลืมปู่โดโกไปซะสนิท) มาถึงปุ๊บ ต่างคนก็พร้อมใจกันสู้ศึกด้วยการยืนตั้งท่าเตรียมแถลงไม้ตายประจำสายตระกูลตัวเองกันเต็มที่ แต่สิ่งที่ได้เห็นกลับเป็น.....
เจ้ายมโลกฮาเดสในร่างหนูชุนนั่งอยู่บนบัลลังก์เคียวโก..กำลังเอ็นจอยกับการจั่วไพ่ มีอาเธน่าที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ใกล้ๆกันเป็นคู่มือ ส่วนเคียวโกชิออนก็กลายสภาพเป็นเด็กเสิร์ฟชาไปแล้วเรียบร้อย
....ไม่มีใครสนใจอะไรกับเหล่าเซนต์ที่แสนจะจงรักภักดีกันบ้างเล้ย
เสียงทิ้งไพ่ลงกับโต๊ะดังขึ้นแทบจะพร้อมกับเสียงโวยวายประท้วงของพวกเทพไม่ยอมรับความจริง
“แพ้อีกแล้ว กี่รอบแล้วเนี่ย”
“ใจเย็นก่อนสิคะ”
คิโดะ ซาโอริ หรือ อาเธน่า วางไพ่ ‘เอ’ สี่ตัวในมือลงบนโต๊ะบ้างอย่างอารมณ์ดี เพราะไม่ว่าจะเล่นสักกี่ครั้งก็เป็นฝ่ายชนะมันทุกรอบ
สำหรับฮาเดส..ชีวิตอยู่แต่ในโลงหินไม่ก็ปราสาทจูเด็คก้า โอกาสจะได้จับไพ่แทบเป็นศูนย์ แล้วจะมาเชี่ยวชาญเท่าเทพีที่อยู่บนพื้นโลกมาเป็นสิบปีได้ไง โฮะๆๆๆๆๆๆ แล้วก็ โฮะ
....รอบนี้ดูท่าแล้วก็ชนะอีก
“อีกรอบๆ เอ้า!”
....ผลก็ออกมาไม่ต่างจากเดิม
จ้าวยมโลกกระทืบเท้าอย่างหงุดหงิด....ทำไมถึงเอาชนะไม่ได้ซะทีนะ
“อีกทีๆ คราวนี้ชนะแน่”
....เหมือนเดิมอยู่ดี
“เลิกเล่น แล้วมาทานของว่างกันก่อนดีมั้ยครับ” ชิออนที่เอาชามาเสิร์ฟเพิ่มใช้ความพยายามเต็มที่ในการเบรกเกมส์อันแสนจะไม่ยุติธรรมนี้ให้จบโดยไว เพราะทนดูอาเธน่าแกล้งฮาเดสต่อไปไม่ไหว
“หนวกหูน่า เล่นต่อๆ”
ฮาเดสโบกมือห้ามชิออนขัดจังหวะด้วยท่าทางเหมือนคนเมาน้ำชา
“พอได้แล้วล่ะค่ะ เปล่าประโยชน์ ยังไงท่านก็สู้ไม่ได้หรอก”
“ไม่..” จ้าวยมโลกยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
....เพิ่งรู้นะนี่ว่าฮาเดสก็หัวดื้อใช่เล่น
แต่
....ก็แพ้อีกจนได้
“เอาอีกรอบ”
“อีกรอบนึง”
“อีกๆๆๆ”
แล้วเซนต์ทั้งหลายก็สลายตัวแยกย้ายกันกลับวิหารใครวิหารมันด้วยความเซ็ง ปล่อยให้เทพเจ้าทั้งสองนั่งเล่นไพ่โต้รุ่งกันต่อไปจนเย็นย่ำค่ำมืด ลงท้ายเคียวโกชิออนก็ตัดสินใจใช้ความเป็นเจ้าของวิหารจัดการยึดสำรับไพ่มาเก็บไว้เองแล้วไล่ให้ไปนอนทั้งคู่
...........
ดึกดื่นคืนนั้นอีกนั่นแหละ
ทั้งๆที่เวลานี้ทุกคนกำลังหลับสบายแท้ๆ แต่เทพีคนสำคัญกลับต้องมาเดินสะลึมสะลืออยู่หลังแซงค์ทัวรี่ บริเวณที่ฮาเดสกับชุนแอบนัดกันออกมาฉลองวันเกิดเมื่อสองสามวันก่อน
“ได้เรื่องอะไรมั้ย” เซอุสที่ใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบบีบบังคับให้อาเธน่าออกมาช่วยหาสาเหตุที่ทำให้ชุนกับฮาเดสสลับร่างกัน
“ได้สิค้า...”อาเธน่าตอบเสียงยานคางเพราะความง่วงสุดแสนผสมความกับหงุดหงิดเล็กๆที่ถูกปลุกขึ้นมาใช้งานกลางดึก
“ก็แถวนี้...เมื่อ 1,000 ปีก่อนเป็นที่ตั้งของวิหารอาเธน่าในสมัยแรกๆก่อนย้ายไปสร้างวิหารใหม่ในแซงค์ฯ ...คิดว่า...พื้นดินคงดูดซับคอสโม่ของอาเธน่ารุ่นแรกๆที่เกิดขึ้นตอนสวดมนต์ อวยพร ไม่ก็ช่วยเหลือคนอื่นๆเอาไว้”
อืม...เหตุผลฟังดูเข้าที มันก็พอจะมีทางเป็นไปได้เหมือนกัน
“โดยเฉพาะอย่างยิ่งหินก้อนเนี้ย...อ้อ! ก้อนนี้ก็ด้วย... ” อาเธน่าเอามือตบๆไปที่ก้อนหินยักษ์ 2 ก้อนที่ก้อนนึงฮาเดสกับชุนไปนั่งหลบอยู่ข้างหลังเพื่อใช้เป็นที่กำบังไม่ให้มีใครมาเห็นเข้า กับอีกก้อนที่ทั้งคู่ใช้วางจานขนมเค้ก “เดิมทีก็เป็นรูปสลักอาเธน่าที่ไม่ได้เอาไปไว้ในแซงค์ พอโดนฝนโดนแดดมากๆเข้าเลยกร่อนจนดูไม่ออกว่าเคยเป็นอะไรมาก่อน.... ตอนนั้น....จ้าวยมโลกกับบรอนเซนต์อันโดรเมด้าที่เกิดวันเดียวกันต้องพูดอะไรสักอย่างเป็นเชิงอธิษฐานขอพรวันเกิดแน่ๆ”
“หมายความว่าต้นเหตุของเรื่องเป็นเพราะพลังที่ยังหลงเหลืออยู่ของอาเธน่ารุ่นก่อนช่วยทำให้คำอธิษฐานที่ไม่ได้ตั้งใจของทั้งคู่เป็นจริงงั้นสิ” เซอุสที่เข้าใจอะไรได้เร็วพยักหน้าเห็นด้วย “แล้วจะลบล้างหรือเปลี่ยนแปลงได้มั้ยล่ะ”
“ย่อมได้” คิโดะ ซาโอริที่เป็นอาเธน่าคนปัจจุบันรับคำสั่งจากมหาเทพแล้วเร่งคอสโม่เพื่อดึงเอาพลังส่วนเกินนั่นคืนมาเก็บไว้ในพื้นดินและก้อนหินตามเดิม เพราะการลบล้างพลังศักดิ์สิทธิ์ที่สะสมมานานไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้าแค่ผนึกเอาไว้ล่ะก็ พอไหว
“เรียบร้อย” อาเธน่าเริ่มยิ้มออก
....ทีนี้ก็กลับไปนอนได้ซะที
แต่ทางเซอุสดูท่าจะยังไม่หมดปัญหา
“แล้วสองคนนั่นล่ะ จะเป็นยังไงต่อ”
“ไม่รู้สิคะ” เทพีประจำแซงค์ยักไหล่พลางก้าวเท้าเดินกลับวิหารมันดื้อๆ “พรุ่งนี้เช้าถ้ากลับเป็นคนเดิมก็ดีไป ถ้าไม่ก็ค่อยมาคิดหาวิธีกันอีกรอบแล้วกัน”
.................
เช้าแล้วจ้า....
ร่างที่นอนสงบนิ่งมาทั้งคืนค่อยๆเผยอเปลือกตาอันหนักอึ้งขึ้นช้าๆด้วยความง่วงงุน นัยน์ตาสีทองกระพริบช้าๆพลางหายใจยาวก่อนจะพยุงตัวลุกขึ้น แต่แล้วกลับหน้ามืดจนต้องยึดแขนใครสักคนที่นั่งอยู่ข้างๆไว้เป็นที่พึ่งพลางซบหน้าลงกับไหล่
ใครคนนั้นยืดแขนเข้ามาช่วยประคองไว้จากด้านหลัง แล้วน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยสุดแสนก็ดังขึ้นที่ริมหู
“เป็นไงบ้าง”
...ไม่..เป็นไร แค่เวียนหัวหน่อยเดียว ว่าแต่ใครน่ะ
เพราะเพิ่งตื่นนอน ประสาทสัมผัสเลยยังไม่เข้าที่เข้าทางเท่าไหร่ รู้แต่ว่ามีเสียงโวยวายโหวกเหวกดังอยู่รอบๆตัว
“ราดามันทิส...เจ้าราด้า...หายไปไหน โทรหาเซนต์เจมินี่อีกทีซิ ทางแซงค์ทัวรี่เป็นไงบ้าง”
“เอ่อ...” ไออาคอสกับมินอสสั่นหน้าไปมา ไม่รู้ว่าอีกหนึ่งสมาชิกหายไปไหนแต่เช้า
ก็เมื่อคืน ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามพร้อมใจกันทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แล้วหอบที่นอน หมอน มุ้ง ผ้าห่มเข้ามาปูนอนรอบเตียงฮาเดส เล่นเอาเซอุสที่เพิ่งกลับจากแซงค์ทัวรี่แทบอาละวาด เพราะต้องไปนอนในห้องรับรองแทน
ร่างบางบนเตียงเริ่มตั้งสติได้
....เสียงคุ้นๆนะ
....ราด้า ?
....เจมินี่ ? แซงค์ทัวรี่ ?
....ที่นี่ ?
นัยน์ตาสีทองมองกวาดไปรอบๆก่อนจะยิ้มบางๆออกมา
....จูเด็คก้า นี่!ข้ากลับมาแล้วสินะ
แต่แล้วสายตาที่มองไปทั่วๆก็มาหยุดอยู่ที่คนผมทอง ตาฟ้าที่นั่งอยู่ติดกัน แถมยังถือโอกาสกอดไว้ไม่ยอมปล่อยอีกตะหาก
วินาทีต่อมาจ้าวยมโลกฮาเดสก็ตาสว่างโดยสมบูรณ์
“เจ้าเซอุส!!!!”
เสียงร้องลั่นดังมาก่อนสะบัดตัวออกจากอ้อมแขนที่โอบไว้หลวมๆ ตามด้วยการกระเด้งตัวผึงขึ้นจากเตียงนอนทันที
“แกมาทำอะไรอยู่แถวนี้ หา กลับไปโอลิมปัสบ้านแกซะ ไป๊....”
“ท่านพี่” มหาเทพเซอุสยิ้มกว้างเมื่อเจอเข้ากับปฏิกิริยาที่คุ้นเคย
“ท่านฮาเดสกลับเป็นเหมือนเดิมแล้ว” ไออาคอสกับมินอสแทบไชโยโห่ฮิ้วแล้วตบมือกันกลางอากาศดังแปะ
“ท่านฮาเดส” เจ๊แพนด้าที่ยืนอยู่หน้าประตูก็แทบกรี๊ดเหมือนกัน
คนอื่นเค้าดีใจกันแท้ๆ แต่ฮาเดสกลับไม่สนใจ พอคว้าดาบคู่ใจที่ชุนเอาไปวางหลบไว้ใต้เตียงได้ก็ยุ่งอยู่กับการใช้ดาบคู่มือไล่ฟันน้องชายคนเล็กที่บังอาจมาแหยมถึงถิ่น
คราวนี้ยิ่งหนักข้อ เพราะเข้ามาถึงในห้องนอน
“ท่านพี่”
“ไม่ต้องมาเรียก รีบๆกลับไปเลย แล้วไม่ต้องเสนอหน้ามาอีกนะ”
.......................
ทางแซงค์ทัวรี่เองก็ลุ้นระทึกไม่แพ้กัน
ทั้งอาเธน่า เคียวโกชิออน โกลด์เซนต์ทั้งกลุ่ม (วันนี้พี่ซางะฉายเดี่ยว เพราะไม่รู้น้องคาน่อนหายไปไหน...) กับบรอนเซนต์อีกยกโขยงมายืนออกันอยู่หน้าห้องที่เมื่อคืนใช้เป็นห้องนอนของเจ้ายมโลก
ไม่มีใครกล้าเข้าไปปลุกหรือสังเกตการณ์ใดๆทั้งสิ้น เพราะไม่แน่ใจว่าใครกันแน่ที่อยู่ในห้อง
คงต้องรอจนเจ้าตัวเดินออกมาเองน่ะแหละ
สักพัก...
ประตูบานใหญ่ก็เปิดออก แล้วร่างเล็กๆก็เดินงัวเงียออกมาในเสื้อผ้าชุดเดิมที่เห็นเมื่อวาน เส้นผมสีเขียวอ่อนพันกันค่อนข้างยุ่งเพราะเพิ่งตื่น
“พี่ครับ.. พี่อยู่ไหนน่ะ”
เสียงเฮดังสนั่นเกิดขึ้นราวมีคำสั่งอนุมัติขึ้นเงินเดือนก็ไม่ปาน ที่ดีใจสุดๆคงไม่พ้นอิกกิที่ได้น้องชายสุดที่เลิฟคนเดิมกลับมา อาเธน่าก็ถอนใจเฮือกที่จะได้หมดทุกข์หมดโศกซะที เหล่าโกลด์เซนต์รุ่นพี่ก็โล่งอกที่เห็นจะไม่ต้องเหนื่อยออกแรงทำสงครามศักดิ์สิทธิ์กันอีกรอบ
เช้าวันนี้ดูจะสดใสกว่าทุกๆวัน
แต่มันจะเป็นอย่างนี้ตลอดไปแน่เหรอ
.....เพราะอีกหลายเดือนต่อมา
“ชุน...จะไปไหนน่ะ”
เสียงพี่ไก่ตะโกนถามมาจากกลางสนามฝึก เพราะดันตาไวมองไปเห็นน้องชายกำลังเดินออกจากประตูอยู่ไกลๆ
“ไปเอาเค้กครับ มีคนฝากบอกมาว่าอยากกิน”
สนุกๆๆๆ แต่งออกมาอีกน่ะค่ะ
ตอบลบBody & Soul 1,2,3 เป็นฟิคที่สนุกที่สุดเลยค่ะ (แต่เรื่องอื่นก็สนุกนะคะ)
ตอบลบอยากอ่านฟิคใหม่ๆ ของเซนต์เซย่าอีกค่ะ
น่ารักจัง สนุก ชอบๆ ><!
ตอบลบ