Author : jes
Pairing : ครอบครัวแกะ
ระดับ : ปลอดภัยไร้กังวล
Disclaimer : ตัวละครทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของอาจารย์ Masami Kurumada ค่ะ
-----------------------------------------------------------------------
บนยอดเขาสูงชันบริเวณรอยต่อชายแดนทิเบต-อินเดีย.....จามิล
ที่ที่น้อยคนนักจะไปถึง
ที่ที่ไม่มีอะไรเลย ไม่เห็นแม้แต่ต้นไม้สักต้นหรือยอดหญ้าสักยอด
แต่กลับมีหอคอยไร้ประตูที่แกะ 2 ตัวอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข (คิดว่างั้นนะ)
.......อย่างเช่นเช้านี้
“มู” เสียงชิออนเรียกหาลูกแกะในปกครอง
..........
(เงียบกริบ)
...........
10 นาทีผ่านไป
...........
...........
...........
ยังไม่เห็นแม้แต่เงา
............
“มู!!” น้ำเสียงเริ่มทั้งขุ่นทั้งเข้มขึ้นอย่างเริ่มมีน้ำโหหน่อยๆ
“ค้าบ” เสียงดังมาก่อนจากตรงไหนสักที่ แต่ตัวคนพูดยังหายจ้อย
“มู!!!!!” เรียกคราวนี้เสียงบอกชัดว่าโมโหเดือด
“ค้าบบบบบบบบบบบบ มาแล้ววววววววววว”
เด็กชายตัวเล็กน่ารัก อายุไม่เกิน 6 ขวบวิ่งถลาหน้าตั้งเข้ามายืนตัวตรงแหน๋วข้างหน้าอาจารย์ที่เคารพเพื่อรายงานตัวก่อนจะเงยหน้าขึ้นฉีกยิ้มกว้าง ดวงตาใสแจ๋วมองสบเข้ากับนัยน์ตาสีม่วงที่ดูหงุดหงิดเล็กๆของคนตรงหน้าแล้วกระพริบตาปริบๆอย่างแสนซื่อบริสุทธิ์ (!?)
....ทำหน้าแบบนี้ทีไร อาจารย์ใจอ่อนทุกทีสิน่า
แกะน้อยแอบยิ้มอยู่ในใจ
ผิดคาด....
คราวนี้ชิออนไม่ยักใจอ่อนอย่างที่คิดแถมยังหรี่ตามองสภาพอันแสนจะดูไม่ได้ของลูกศิษย์คนเดียวไล่มาตั้งแต่หัวจรดเท้า
.....ผมยาวสีม่วงอ่อนทั้งยุ่งเหยิงทั้งรุงรัง ที่แก้มก็มีอะไรดำๆเปื้อนเป็นแถบ เนื้อตัวก็เต็มไปด้วยเศษหินเศษดินสกปรกเลอะเทอะไปหมด แอบไปเล่นซนที่ไหนมาล่ะสิ บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าจะไปไหนให้มาบอกก่อน ฮึ! มันน่านัก.....
“เมื่อกี้ เรียกกี่หน” หลังจากพยายามสงบสติอารมณ์อยู่พักใหญ่ ชิออนก็ถามขึ้นเสียงเรียบๆ
“3 ครับ” มูตอบฉะฉาน
“ได้ยินแล้วทำไมไม่รีบมา”
“ก็..ถ้าเรียกครั้งเดียวแล้วเงียบแปลว่าอาจารย์ไม่อยากเจอเท่าไหร่ แต่ถ้าเรียกซ้ำหลายๆหนแสดงว่าอยากเจอมาก...ถึงมากที่สุด จริงมั้ย เนี่ย...ว่าจะรอให้เรียกหนที่ห้าก่อนด้วยนะ แต่กลัวอาจารย์เจ็บคอ เลยรีบวิ่งมาก่อน”
คำตอบที่ได้เล่นเอาคนเป็นอาจารย์แทบสะอื้นด้วยความปลาบปลื้มในความเป็นห่วงเป็นใยของศิษย์รัก
....เอากะเจ้านี่สิ
....ร้าย
.....มันร้ายขึ้นทุกวันๆ
พอแน่ใจว่ารอดตัวไม่โดนดุหรือทำโทษแน่ๆ แกะน้อยก็เริ่มเล่นลูกอ้อนตามที่ตัวเองถนัด
“แล้วอาจารย์เรียกทำไมฮะ”
...เออ จริงด้วย
“เห็นค้อนซ่อมคลอธที่วางอยู่ตรงนั้นมั้ย” ชิออนชี้ปับไปยังบรรดาเครื่องมือที่วางเป็นระเบียบอยู่บนโต๊ะตัวใหญ่กลางห้องทำงาน
มูสะดุ้งเล็กน้อยเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ก่อนจะรีบกลบเกลื่อนสีหน้าให้เป็นปรกติ
“เมื่อเช้ายังเห็นอยู่เลย” แกะน้อยเสียงอ่อยพลางนึกในใจว่าไม่น่าถามคำถามฆ่าตัวตายขึ้นมาเล้ยจริงๆ
“แน่นะ” พ่อแกะ (!?) หรือแม่แกะดูท่าไม่ค่อยอยากเชื่อเท่าไหร่ เล่นเอาลูกแกะเสียวสันหลังวาบแต่ก็ยังยิ้มสู้
“เราช่วยกันหาดีกว่า เดี๋ยวก็เจอ” นะ นะ นะ อาจารย์ชิออนคนดี๊คนดีแถมใจดีที่สุดในโลกเลย น๊า....”
“ฮึ!” พอเจอท่าไม้ตายแบบนี้เข้าไปชิออนก็แพ้ทางศิษย์รักตามเคย สมใจมูที่เริ่มเหลียวซ้ายแลขวาพยายามหาทางแวบออกไปเล่นข้างนอกต่ออีก
...ยัง
.......รู้สึกว่าปัญหาประจำวันจะยังไม่หมด เมื่อชิออนเริ่มถามคำถามคาใจข้อต่อไป
“แล้วขนมปังผลไม้ที่อบไว้เมื่อคืนล่ะ เช้ามามันหายไปไหนครึ่งนึง”
“เอ...” เจ้าตัวร้ายยืนหมุนซ้ายหมุนขวาไปมาทำท่าคิดหนักก่อนจะยกมือขึ้นเท้าเอวแล้วพยักหน้าหงึกๆเลียนแบบท่าทางที่เห็นอาจารย์ทำบ่อยๆพลางลอยหน้าลอยตาพูด “รู้แล้ว ต้องเป็นฝีมืออาเธน่าแน่ๆเลย ที่อาจารย์สอนไว้ว่าถ้าดื้อ..ถ้าซน..ถ้าทำเรื่องไม่ดีจะถูกอาเธน่าลงโทษ....นี่แสดงว่าอาจารย์ต้องเก็บของไม่เป็นที่เป็นทางแน่ๆ อาเธน่าเลยแอบมาเอาค้อนกับขนมปังไปซ่อน”
“เหรอ... แล้วตอนนี้อาเธน่าอยู่บนสวรรค์ เราจะไปเอาค้อนกับขนมปังคืนมาได้ยังไงล่ะ”
“ค้อนคงอยู่แถวๆนี้แหละเพราะอาเธน่าคงซ่อมคลอธไม่เป็น แต่ขนมปังป่านนี้อาเธน่ากินหมดแล้วมั้ง” แกะน้อยยังคงไหลตามน้ำไปได้เรื่อยๆ จนอาจารย์ที่พยายามจะอดทนให้ถึงที่สุดชักเหลืออดขึ้นมามั่ง
....หนอย...เจ้าแกะเจ้าเล่ห์ มันน่านัก ไม่รู้ใครสั่งใครสอน ลูกศิษย์ใครฟะเนี่ย!!!!
“แต่ถ้าหาแกะมาบูชายันต์สักตัว อาเธน่าอาจจะยอมบอกที่ซ่อนของให้รู้ก็ได้” ชิออนกระตุกยิ้มโหดแล้วชิงความได้เปรียบพุ่งตัวเข้าหามูด้วยความเร็วแสงพลางยื่นแขนออกไปหมายคว้าเอาเจ้าตัวแสบมาฟาดก้นสักสองสามทีให้หายมันเขี้ยว “แล้วยิ่งเป็นแกะนิสัยไม่ดี ทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิดด้วยล่ะก็....อาเธน่ายิ่งชอบ”
แล้วมันเรื่องอะไรจะยอมให้ตีง่ายๆล่ะ !!! ไม่มีทาง !!!!
เจ้าตัวดีตั้งท่าเตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว..พอเห็นอาจารย์พุ่งตัวเข้ามาใกล้ก็รีบเทเลพอตหนีไปอยู่แถวมุมห้องได้ทันแบบเฉียดฉิวชนิดที่ว่าปลายนิ้วของชิออนแตะโดนเพียงผิวเนื้อนุ่มๆช่วงเอวตรงที่ชายเสื้อเปิดขึ้นเท่านั้น ครั้นจะเทเลพอตไล่ตามก็ค่อนข้างลำบาก...มูน่ะตัวนิดเดียวจะเทเลพอตไปมายังไงก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าผู้ใหญ่ตัวโตๆอย่างชิออนจะมาเล่นเทเลพอตไล่จับกันภายในหอคอยเล็กๆนี่มีหวังข้าวของหล่นกระจุยกระจายระเนระนาดให้ต้องมาเหนื่อยจัดห้องกันใหม่แหงๆ
“มานี่เลย มาให้ตีซะดีๆ สอนแล้วใช่มั้ยว่าทำผิดต้องกล้ารับผิดน่ะ แล้วพอถามยังไม่ยอมบอกความจริงกับอาจารย์อีก เดี๋ยวก็ไปรักคนอื่นแทนซะเลยนี่” พูดจบก็พุ่งใส่ลูกศิษย์อีกครั้งอย่างไม่ยอมแพ้
....พลาด
ไม่ว่าจะพยายามสักกี่ครั้งก็จับเจ้าแกะจอมยุ่งที่เอาแต่ร้องกรี๊ดๆ ดังลั่นไปทั่วหอคอยไร้ประตูแห่งนี้ไม่ได้แถมยังโดนเจ้ามูฉวยเอาผ้าที่ใช้รวบผมเก็บไว้ข้างหลังติดมือออกไปอีก
...ใช้ได้ เดี๋ยวนี้เก่งถึงขนาดเทเลพอตได้เร็วกว่าการเคลื่อนไหวของโกลเซนต์แล้วหรือนี่ คงไปแอบซุ่มฝึกข้างนอกมาล่ะสิท่า อย่างนี้ค่อยน่าอภัยให้หน่อย
เพราะจมอยู่กับความคิดส่วนตัวและไม่ทันระวัง แกะตัวโตเลยโดนแกะตัวเล็กกว่ามากโถมตัวเข้ากอดจนล้มลงไปกองกับพื้นทั้งคู่
“จับได้แล้ว” ลูกแกะขยับตัวขึ้นพลางใช้น้ำหนักตัวเองกดไว้ไม่ยอมให้แม่แกะพยุงตัวลุกขึ้น
“โอ๊ย! เจ้ามู!! เจ้าแกะอ้วน เจ้าแกะตัวหนัก เจ้าแกะร้อยโล ลงไปจากตัวอาจารย์เดี๋ยวนี้นะ ได้ยินมั้ย” ชิออนโวยลั่นพลางเสยเส้นผมสีเขียวอ่อนยาวเหยียดของตัวเองให้พ้นจากใบหน้า
“ก็ได้ แต่ต้องเล่นอีกรอบนะอาจารย์ นะ นะ” ดูท่ามูจะยังสนุกไม่ยอมเลิก เสียงเล็กๆสดใสแม้จะเหนื่อยจนหอบหายใจไม่หยุด
“พอแล้ว เลิกเล่น...นี่จะไม่ยอมลุกขึ้นดีๆแน่ใช่มั้ย นี่แน่ะๆ...”
“อะ...อะ...อาจารย์ขี้โกง” มูระเบิดหัวเราะพลางดิ้นไปมาจนน้ำตาไหลเมื่อโดนคนที่ตัวเองนอนทับไว้เอานิ้วยาวๆจี้ไปตามเอวเล็กๆเข้าให้
“ยอมรึยัง จะยอมแพ้ดีๆมั้ย...” ชิออนได้ทีเอาคืนก่อนจะร้องโวยวายอีกรอบเมื่อลูกศิษย์สุดที่รักฮึดสู้พลิกตัวกลับมาประกาศศึกจั๊กจี้เอาบ้าง
“มู หยุดเดี๋ยวนี้ เลิกเล่น บอกว่าเลิกเล่นไง”
แล้วสงครามแบบแกะๆก็ยังดำเนินต่อไปตามแต่จะคิดสรรหาบรรดามุขใหม่ๆมาเล่นกันในแต่ละวัน
จนกระทั่ง.....
เช้านี้แกะน้อยมูออกมาหาอะไรเล่นสนุกอยู่ข้างนอกเหมือนทุกวัน...ปล่อยให้แม่แกะชิออนทำงานเงียบๆอยู่คนเดียวในหอคอย
ระหว่างที่กำลังเทเลพอตไปทางโน้นทีทางนี้อยู่แถวๆริมหน้าผาก็สังเกตเห็นชายชราตัวเล็กๆสวมหมวกปีกกว้าง มือหนึ่งถือไม้เท้า บนหลังก็แบกกล่องใบเบ้อเริ่มมาด้วยกำลังเดินมุ่งหน้าไปยังหอคอยจามิลอย่างกระฉับกระเฉงผิดวิสัยคนชรา แค่แต่แว๊บเดียวร่างของผู้เฒ่าก็หายวับไป
“ตาฝาดมั้ง” มูสรุปด้วยความคิดแบบเด็กๆแล้วหาเรื่องเล่นซนต่อไปอีกพักใหญ่ก่อนจะช็อกค้าง ใจหายวาบ มือไม้เย็นเฉียบเมื่อภาพเหตุการณ์ในหอคอยที่ทำร้ายจิตใจอย่างแสนสาหัสแวบเข้ามาให้เห็น
....ไม่นะ
..... อาจารย์ชิออนกำลังยิ้มให้ใครที่ไหนก็ไม่รู้ ท่าทางมีความสุขมากด้วย
พอคิดถึงตรงนี้มูก็นึกอะไรขึ้นมาได้อย่างนึง
....เมื่อหลายวันก่อนอาจารย์เคยพูดว่าอะไรนะ
‘เดี๋ยวก็ไปรักคนอื่นแทนซะเลยนี่’
!!!!
!!!!!!!!!!!
“ไม่จริง มันไม่จริงงงงงงง”
ว่าแล้วแกะน้อยก็รีบเทเลพอตรวดเดียวกลับมาที่หอคอยทันที แล้วก็เจอเข้ากับสิ่งที่ตัวเองไม่คิดว่าจะได้เห็นเล่นเอาน้ำตาไหลพรากด้วยความน้อยใจ
มัน คือ
ประตู!!!!
อาจารย์ทำแบบนี้ได้ยังไง ทีตอนพามูมาจามิลครั้งแรกยังแกล้งทิ้งไว้ให้อยู่ข้างนอกคนเดียว กว่าจะหาวิธีเทเลพอตตามเข้าไปข้างในได้ก็ใช้เวลาตั้ง 3 วันแน่ะ แล้วหมอนี่เป็นใคร....ทำไมอาจารย์ถึงต้องสร้างประตูให้ แกะไม่เข้าใจ!!!!! ฮือออออออออ.....แง........
....ฮึกกกก....ไม่ เราต้องไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
....งานนี้สู้ตาย เป็นไงเป็นกัน
มูคิดพลางป้ายน้ำตาออกจากพวงแก้มแรงๆก่อนจะหายใจเข้าลึกๆแล้วเดินเข้าไปในหอคอยอย่างมาดมั่น
....นั่น หมอนั่นอยู่ตรงนั้น
....จากผู้เฒ่าตัวเล็กๆกลายเป็นชายร่างสูงรุ่นราวคราวเดียวกับอาจารย์
.............................................
ที่มุมน้ำชาเล็กๆในหอคอยจามิลที่ตอนนี้มีประตูแล้ว
“ไม่ได้เจอกันนานนะ” เจ้าของบ้านกล่าวทักทายผู้มาเยือนก่อน
“เออ...ฉันไม่เคยเห็นหน้านายที่เขาโกโรโฮสักครั้งเลยนี่หว่า” ‘แขก’ยักไหล่แล้วหยิบคุกกี้ข้าวโอ๊ตในจานเข้าปากทีเดียว 3 ชิ้นรวด
“นายก็ไม่ยอมมาเยี่ยมฉันที่จามิลบ้างเหมือนกันล่ะน่า” ชิออนชะงักกึกแล้วมองกาน้ำชาสมุนไพรในมือพลางคิดว่าจะรินใส่ถ้วยดีหรือจะกรอกใส่ปากไอคนตรงหน้าดี
“นายแค่เทเลพอตแว๊บเดียวก็ถึงโกโรโฮแล้ว แต่ถ้าฉันมาจามิลก็ต้องออกแรงปีนหน้าผาขึ้นมาตั้งครึ่งวันกว่าจะถึง....หิวข้าวชะมัด” แขกคนสำคัญบ่นอุบแล้วคว้าถ้วยน้ำชายื่นเข้าไปใกล้ๆคนเสิร์ฟที่ถือกาค้างไว้ไม่ยอมรินซะที
“ขี้เกียจ” แกะเริ่มแขวะอย่างไม่ไว้หน้า
“แหงสิ...ชาได้ยัง” มือที่ถือถ้วยชาอยู่ขยับร่อนไปร่อนมา
....อยากได้น้ำชาเหรอ ได้เลย เดี๋ยวมูจัดให้
“อาจารย์” เจ้าแกะหวงครูส่งเสียงดังลั่นเรียกร้องความสนใจแล้วถลาพรวดเข้าไปกลางวงน้ำชาก่อนจะกอดเอวชิออนหมับเพื่อประกาศความเป็นเจ้าของ
“มู.....
แรงกระแทกทำให้น้ำชาร้อนๆที่กำลังรินออกจากพวยกาในมือชิออนกระฉอกใส่หน้าคนหิวน้ำเข้าอย่างจัง แต่นั่นยังไม่แสบที่สุด...ที่แสบยิ่งกว่านั้นคือ ‘สายตาแกะน้อยพิฆาต’ ที่จ้องหน้าคนไม่รู้จักแบบไม่กระพริบชนิดบอกชัดเจนว่า
.....อาจารย์ข้าใครอย่าแตะ ไม่เชื่อ.....ตายยยยย!!!!!
พอส่งสัญญาณเตือนเสร็จเรียบร้อยเจ้าแกะน้อยก็สะบัดหน้าพรืดก่อนรีบเงยหน้าขึ้นทำตาแป๋วพร้อมส่งรอยยิ้มหวานปานน้ำเชื่อมเข้มข้นให้อาจารย์ที่เมื่อกี้มัวแต่มองหาผ้าเช็ดโต๊ะมาซับน้ำชาที่หกไปทั่วเลยไม่ทันเห็นปฏิกิริยาไล่แขกของลูกศิษย์ พอหันกลับมาอีกทีก็เห็นรอยยิ้มใสๆนั่น...จากที่ตั้งใจว่าจะดุให้รู้สำนึกก็เปลี่ยนเป็นแจกยิ้มบางๆกลับไป เป็นภาพที่ผู้เสียหายจากการถูกน้ำชาลวกหน้าถึงกับพูดอะไรไม่ออก
“โดโก นี่ ‘มู’ ลูกศิษย์ฉัน” ชิออนแนะนำสมาชิกครอบครัวแกะที่มีอยู่กับเขาแค่ตัวเดียวให้กับเพื่อนที่รอดตายจากสงครามศักดิ์สิทธิ์คราวที่แล้วมาด้วยกันรู้จักต่อด้วยการหันไปอธิบายความรู้เพิ่มเติมให้ศิษย์รัก
“มู... ท่านโดโกจะมาพักอยู่กับเราที่นี่ 3 เดือนเพื่อรักษาอาการกระดูกพรุน ทีนี้พอพรุนมากๆเข้าตัวก็เลยหด เวลาจะยืดกระดูกแต่ละทีก็แสนจะยากลำบากแถมดีไม่ดีมีสิทธิ์ได้ตัวเตี้ยไปตลอดชีวิต สมน้ำหน้า! อยากนั่งจุมปุ๊กไม่ยอมลุกหรือขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวไปไหนต่อไหนบ้างเอง”
“พอเลยชิออน” โดโกรีบขัดจังหวะเพราะกะแล้วว่าต้องโดนเจ้าแกะตัวโตแขวะไม่เลิกก่อนตัดสินใจประนีประนอมยอมทำสนธิสัญญาสงบศึกกับแกะตัวเล็กทันทีแลกกับชีวิตที่แสนสงบสุขตลอดระยะเวลาที่อยู่จามิล
“รบกวนด้วยนะ มู”
ลงท้ายแกะน้อยก็พอยิ้มออกได้บ้างนิดหน่อย แต่แววตากลับวูบไหวด้วยความหวาดระแวง
.....โกลด์เซนต์ไลบร้า โดโก
.....คนสำคัญของอาจารย์
.....คนๆนี้ถ้าเทียบกับตัวเองแล้ว ลางแพ้ลอยมาแต่ไกลเลยมูเอ๊ย..
.....เฮ้อ!
------------------------------------------------
ดึกดื่นคืนนั้น
“จารย์......” เสียงเล็กๆดังขึ้นท่ามกลางความมืดยามราตรี
........
(เงียบกริบ)
.........
“อาจารย์” เสียงเล็กๆใกล้จะร้องไห้เต็มแก่
........
ยังเงียบอยู่
..........
..........
..........
“อาจารย์ชิออน” เสียงเล็กๆเริ่มสั่นน้อยๆตามแรงสะอื้นที่เจ้าตัวกลั้นเอาไว้ไม่อยู่
“ว่ามา”
ในที่สุดคนใจอ่อนที่แกล้งทำเป็นนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงก็ทนไม่ไหวตามเคย พอพลิกตัวหันกลับมาก็มองเห็นมูในชุดนอนลายแกะสีชมพูอ่อนตัวโปรดยืนน้ำตาซึมอยู่ข้างๆ ในมือกอดหมอนใบโตไว้แน่น
“ขอนอนด้วยคนได้มั้ย”
“ฝันร้ายล่ะสิ”
“ฮื่อ...” มูพยักหน้าน้อยๆ “ฝันว่ากลายเป็นแกะหัวเน่า”
....โธ่ถัง กาละมัง ปี๊บ เด็กเอ๋ยเด็ก
“มา..” มือเรียวตบลงบนที่นอนข้างตัวเบาๆเป็นสัญญาณให้แกะน้อยรีบมุดเข้าไปอยู่ใต้ผ้าห่มผืนใหญ่อย่างไม่รอช้าก่อนจะคว้าเอาแขนข้างนึงของอาจารย์มากอดเป็นหมอนข้างชั่วคราวแล้วซบหน้าลงกับหัวไหล่
....อยู่แบบนี้อุ่นดีจริงๆด้วย
สักพัก......
“จารย์......” ลูกแกะยังไม่เลิกอ้อน “เล่านิทานให้ฟังหน่อย”
“จะเอาเรื่องอะไรล่ะ...หมาป่ากับลูกแกะ เด็กเลี้ยงแกะ ลูกแกะขี้เหร่ แกะน้อยหมวกแดง เจ้าชายแกะ แกะนิทรา แกะกับคนแคระทั้งเจ็ด แกะผู้ฆ่ายักษ์ อาละดินกับแกะในตะเกียง.....”
“ไม่เอา เคยฟังหมดแล้ว เอาเรื่องใหม่”
“งั้น เรื่องนี้เป็นไง....ลูกแกะเจ้าปัญหากับแม่แกะใจร้าย....”
“เอ๋...” คนอยากฟังนิทานชักขมวดคิ้ว
“ไม่เคยฟังใช่มั้ยล่ะ.... กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว.....มีแกะสีชมพูหัวดื้อตัวเล็กๆตัวนึงอาศัยอยู่ในทุ่งหญ้าเล็กๆนอกเมืองกับแม่แกะสีเขียวที่แสนจะจุกจิกจู้จี้ ขี้บ่นแถมยังเรื่องมาก อยู่มาวันนึงลูกแกะเกิดน้อยใจหาว่าแม่แกะไม่รักเลยแอบหนีออกจากบ้าน...”
ชิออนชำเลืองมองศิษย์รัก เห็นว่ายังตั้งใจฟังอยู่ก็เล่าต่อไป
“ทั้งๆที่ออกจากบ้านมาแล้วแต่ลูกแกะก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองจะไปอยู่ไหน...ก็บังเอิญโชคดีพบอาเธน่า...พระราชินีที่แสนจะใจดีเข้าระหว่างทาง พอรู้เรื่องราวทั้งหมดราชินีอาเธน่าก็พาลูกแกะเข้าไปในเมืองของพระนาง ที่นั่นมีบ้านอยู่ 12 หลัง เป็นบ้านร้าง 1 หลังและอีก 11 หลังมีคนอาศัยอยู่แล้ว อาเธน่าให้สัญญาว่าถ้าแกะน้อยชอบบ้านไหนก็ให้เข้าไปอยู่ได้เลย...”
“ไม่อยู่บ้านร้าง” มูที่ชักอินกับนิทานตอบทันควัน “เหงา ไม่มีข้าวกิน อยู่คนเดียวเดี๋ยวโดนผีหลอก”
ชิออนพยักหน้าหงึกหงัก
“ใช่เลย แกะน้อยคงคิดแบบนั้นเลยตัดสินใจไปเคาะประตูบ้านหลังถัดไป...บ้านหลังเล็กของวัวตัวโตที่หน้าบ้านปลูกดอกไม้สวยๆไว้เต็มไปหมด แต่ลูกแกะก็จำต้องตัดใจเพราะแค่คุณวัวตัวเดียวก็เต็มบ้านแล้ว แกะน้อยจึงไปเคาะประตูบ้านหลังที่สามที่เจ้าของบ้านเป็นสองพี่น้องฝาแฝดมหัศจรรย์ แต่นิสัยแฝดพี่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย นิสัยแฝดน้องก็เดี๋ยวร้ายเดี๋ยวดี”
“ไม่เอา ไม่ปลอดภัย เกิดถูกฆ่าหมกบ้านขึ้นมาจะว่ายังไง” แกะมูสั่นหัวดิก
“เอ้า! ไม่อยู่ก็อย่าอยู่ แกะน้อยเดินต่อไปหน้าบ้านหลังที่สี่ แต่แค่ชะโงกผ่านบานหน้าต่างเข้าไปดูข้างใน...แกะน้อยก็ขนหัวลุกจนต้องรีบโบกมือลา เพราะคุณปูเจ้าของบ้านเป็นช่างทำหน้ากากฝีมือดี มีงานอดิเรกคือการทำหน้ากากสยองขวัญประดับไว้เต็มผนังห้องรับแขก ทีนี้ก็มาถึงบ้านเลขที่ห้า...เป็นบ้านหลังใหญ่ของคุณสิงโตใจดี..ที่สำคัญ...เป็นสิงโตมังสวิรัติด้วย แกะน้อยคงอยู่ได้สบาย”
“ไม่อาววววว ไม่เสี่ยง ถ้าสิงโตเกิดทนไม่ไหว...อยากกินแกะขึ้นมาล่ะ” แกะน้อยอีกตัวยังมีปัญหา
“เรื่องมากจริง...แล้วเจ้าลูกแกะจอมยุ่งก็มาถึง...อืม...บ้านหลังที่หกเป็นวัดล่ะ มีหลวงพี่ผู้น่ารักคอยดูแลอยู่ แล้วพระก็ห้ามฆ่าสัตว์ตัดชีวิตด้วย คราวนี้แกะน้อยน่าจะโอเคแล้วนะ”
“ยัง ขืนอยู่บ้านนี้มีหวังถูกบังคับให้ทำวัตรเย็น สวดมนต์ นั่งสมาธิ เดินจงกรมทั้งวันทั้งคืนแน่เลย น่าเบื่อออก...” มูเซย์โน
“ต่อมาก็บ้านหลังที่เจ็ด แต่ตอนนี้เจ้าของบ้านไม่อยู่ ไปค้างบ้านเพื่อนชั่วคราว แกะน้อยไม่มีทางเลือกเลยมาต่อที่บ้านหมายเลขแปดของคุณแมงป่อง”
“ไม่ดีอ่ะ ถ้าคุณแมงป่องโกรธขึ้นมาอาจโดนเข็มจิ้ม...เจ็บ” มูส่ายหน้าพลางหาวจนน้ำตาไหล
หลังถัดไปก็เป็นบ้านเบอร์เก้าของคุณเซ็นทอร์ที่เป็นครึ่งคนครึ่งม้าแล้วก็หลังที่สิบเป็นบ้านของคุณแพะ ว่าไง น่าอยู่มั้ย เข้าท่าออก...”
“...เอ...” มูชักลังเลแล้วสิ ก็ แพะ แล้วก็ม้าน่ะมันก็สปีชี่ย์ใกล้ๆกันกับแกะนี่นา ถึงแกะจะน่ารักกว่านิดหน่อยก็เหอะ
“ส่วนบ้านที่เหลืออีก 2 หลัง บอกไว้ก่อนเลยว่าบ้านเลขที่สิบเอ็ดเป็นวังของเจ้าหญิงหิมะ หนาวจะตาย...นอกจากแมงป่องแล้วไม่มีใครทนอยู่ได้หรอก ส่วนบ้านหลังสุดท้ายก็ดันเป็นสวนดอกกุหลาบหนามแหลมกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาซะนี่ เอาล่ะ ครบหมดทั้ง 12 หลังแล้ว ลูกแกะจะอยู่บ้านไหนดี เลือกมาได้”
“ถ้ากลับบ้านในทุ่งหญ้าตอนนี้ยังทันมั้ยอาจารย์” ท่าทางแกะน้อยตาใกล้จะปิดเต็มทีแต่นิทานยังไม่จบเลยต้องพยายามฝืนลืมตาเข้าไว้
“น่าจะทันนะ พอดีวันนี้แม่แกะออกไปซื้อของแต่เช้ากว่าจะกลับก็เย็น”
“งั้นกลับบ้าน” ลูกแกะสีชมพูในอ้อมแขนชิออนตอบง่วงๆ “กลับบ้านไปอ้อนแม่ดีกว่า”
“นั่นสิ” ชิออนพยักหน้าเห็นด้วย “แม่แกะคงดีใจน่าดูถ้ารู้ว่าลูกแกะเลือกจะกลับบ้านมากกว่าอยู่ที่อื่น...เนอะ”
พอเห็นลูกศิษย์คนโปรดเริ่มตาปรือชิออนก็ยิ้มน้อยๆแล้วจรดปลายจมูกลงบนศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีม่วงอ่อนเบาๆ
“ไม่เหม็น หัวยังไม่เน่าหรอก หลับซะเจ้าแกะขี้อ้อน”
แค่นี้แกะน้อยของเราก็หลับฝันหวานพร้อมรอยยิ้มที่แต่งแต้มอยู่บนริมฝีปาก
ฮร้อยยยย~~~~ ///A\\\ อ่านไปยิ้มไปง่าาาาาาา
ตอบลบน่ารักมากง่าาาาาา แอร้ย~~~~ //แก้มจะบานและ 555
อยากอ่านโมเม้นอาจารย์กับศิษย์มานานแย้วววว ฟินเว่ออออ -/////-b
มูน้อยน่ารักน่าหยิกง่าาาาาาาา
แม่ชิออนกะใจร๊ายยย~~~ <3
#รักท่านนะ
#รักแกะมากกก
นิทาน.....ช่างตรงเฟ่ออออ 55555554555
ชอบอ่ะ แต่งอีกเรื่อยๆนะงับบบอยากอ่านนน