26/2/54

(Saint Seiya) : When he was just a little boy.

Author : jes

Pairing : มู+ชิออน

ระดับ : ปลอดภัยไร้กังวล

Disclaimer : ตัวละครทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของอาจารย์ Masami Kurumada ค่ะ ...ฟิคนี้ HBD ชิออนซามะนะคะ
-----------------------------------------------------------------------

30 มีนาคม

แม้....ท้องฟ้าเหนือสตาร์ฮิลล์ในค่ำคืนนี้จะงดงามแพรวพราวไปด้วยแสงกระพริบระยิบระยับของกลุ่มดาวน้อยใหญ่นับร้อยนับพันดวงที่พร้อมใจกันทอประกายสุกสว่างกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา

แต่...

มันจะมีประโยชน์อะไร

ในเมื่อ...

หัวใจของคนที่เงยหน้าขึ้นมองดวงดาวบนฟ้าเวลานี้จะเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ความเศร้าเสียใจ และความผิดหวังที่ผสมปนเปกันจนแทบแยกไม่ออก

.....พอไม่มีท่านอยู่ใกล้ ก็ไม่มีใครคอยชี้ชวนให้ดูอะไรอีก นับแต่นั้นมา....ทุกครั้งที่เหม่อมองบนท้องฟ้าก็เห็นแต่สีดำมืดอันแสนโดดเดี่ยวและอ้างว้าง

ใครคนนั้นตรงเข้าไปคุกเข่าข้างๆร่างๆหนึ่งที่นอนสงบนิ่งอยู่บนแท่นสูง ก่อนจะประคองมือขาวซีดไร้เรี่ยวแรงของอีกฝ่ายขึ้นแนบแก้มอย่างแสนรัก แต่แล้วก็มีอันต้องสะดุ้งเมื่อปลายนิ้วที่เย็นเฉียบราวน้ำแข็งนั้นแตะโดนผิวเนื้อ

.....หัวใจเหมือนถูกมีดกรีดจนเจ็บแปลบปลาบ

.....ทั้งๆที่เมื่อก่อน...มือข้างนี้จะคอยประคับประคอง คอยดูแล ลูบศีรษะเด็กชายตัวน้อยๆด้วยความปราณีเสมอมาแท้ๆ

ลงท้ายโกลด์เซนต์แอเรียส มูก็ทิ้งตัวลงสู่อ้อมอกกว้างที่ยามเป็นเด็กรู้สึกว่ามันช่างอบอุ่นนักหนา พลางแนบหูลงไปที่ตำแหน่งของหัวใจ หวังว่าอาจจะได้ยินเสียงเต้นแผ่วเบาที่บ่งบอกถึงการมีชีวิต ทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่ามันเป็นไปไม่ได้

สุขสันต์วันเกิดครับ ท่านอาจารย์

เสียงเบาราวเสียงกระซิบ แต่ดังมาจากส่วนลึกที่สุดของหัวใจ นัยน์ตาที่มีหยาดน้ำใสๆคลอหน่วยจับจ้องไปยังใบหน้าที่อยู่ห่างกันแค่คืบ

ผมคิดถึงท่านเหลือเกิน....แล้วท่านล่ะครับ....จะคิดถึงศิษย์คนนี้สักนิดบ้างรึเปล่า

คำพูดของอาเธน่า....คำพูดของเทพีคนสำคัญยิ่งที่บอกกับเขาเมื่อไม่นานมานี้ยังดังก้องอยู่ในสมอง ยามที่เขาขอร้องให้ช่วยชุบชีวิตอดีตเคียวโกคนสำคัญขึ้นมาอีกครั้งเหมือนกับพวกโกลด์เซนต์ทุกคน

ขอโทษด้วยจริงๆ พลังของท่านชิออนอ่อนแอเกินไป คงต้องรอสักพัก ฉันถึงจะช่วยให้กลับมาได้

....สักพัก? นานเท่าไหร่ล่ะ ....อีก 1 ปี  2 ปี  10 ปี 20 ปี หรือจะ 100 ปี ท่านผู้นั้นถึงจะกลับมายิ้ม กลับมาหัวเราะพร้อมกับเขาได้อีกครั้ง

....เมื่อไหร่?

มูหยุดคิดแล้วหลับตาลง....หวังจะซ่อนน้ำตาเม็ดโตๆที่ไหลย้อนออกมาจากใจเอาไว้ไม่ให้ใครเห็นด้วยการซบใบหน้าลงกับอ้อมอกนั้นอีกครั้ง แต่แล้วน้ำแข็งบางๆที่ห่อหุ้มหัวใจไว้ก็ปริแตกออก ความอ้างว้างโหยหาที่เก็บสะสมมานานก็แสดงตัวออกมารวดเร็วทันใจ

มูปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น

......รัก รักจนใจแทบขาด คิดถึง...มากเสียจนไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ยังไง

แม้ตัวจะอยู่ใกล้กันขนาดนี้ แต่ใจกลับห่างไกลเสียเหลือเกิน

......

...............

ความตาย....ทรงอานุภาพเช่นนี้เอง

............

............................

ไม่นานนักก็มีเสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาใกล้ สักครู่มืออุ่นๆก็สัมผัสลงบนเส้นผมของคนที่เอาแต่ร้องไห้ไม่ยอมเลิก ก่อนที่น้ำเสียงคุ้นๆจะดังขึ้น

เจ้าแกะขี้แย

ชะ...ชากะ มูรีบลุกขึ้นนั่งตัวตรงพลางยกมือป้ายน้ำตาออกจากใบหน้า นายขึ้นมาบนนี้ได้ไง แล้วขึ้นมาทำไมไม่ทราบ

ทีนายยังขึ้นมาได้เลยบุรุษผู้ใกล้เคียงกับพระเจ้ามากที่สุดย้อนเข้าให้หลังจากทำความเคารพร่างของอดีตเคียวโก ตามด้วยการยัดเยียดอะไรบางอย่างใส่มือ แกะขี้แย

สายประคำ? มูมองของในมืองงๆ เอามาให้ฉันทำไม

มันขาด หางเสียงหลวงพี่ติดจะหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อสายประคำคู่มือไม่อยู่ในสภาพพร้อมใช้เหมือนทุกที แถมยังหายไปไหนไม่รู้อีกสองสามลูก นายซ่อมให้ทีสิ

ฉัน? แกะโดนใช้งานตั้งท่าเตรียมจะโวยวายอย่างเคย แต่แล้วก็พอจะเข้าใจอะไรขึ้นมาหน่อยๆ

....ขอบใจนะช่าที่เป็นห่วง แต่ไม่ถึงกับต้องลงทุนดึงสายประคำแสนรักของตัวเองจนขาดเลยนี่

นายขึ้นมาบนนี้เพราะจะเอาประคำมาให้ฉันซ่อมเนี่ยนะมูมองหน้าชากะแล้วถามตรงๆ

อืม....ขืนนายเทเลพอตกลับไปซะก่อน มีหวังฉันต้องลำบากปีนเขาจามิลตามไปพอดี

ธ่อ! หลวงพี่ที่ปากไม่ค่อยตรงกับใจเท่าไหร่ชักเขินเลยตอบกลับซะงั้นแถมยังเร่งยิกๆอีกตะหาก

รีบๆซ่อมเร็วๆเข้าล่ะ ฉันต้องรีบใช้ ...เอางี้ นายกับฉัน..เรากลับลงไปที่แซงทัวรี่พร้อมกันเลยดีกว่า ไป...

ก็...ก็ได้มูพยักหน้ารับแล้วเหลียวมองไปยังร่างที่อยู่บนแท่นสูงอีกครั้งอย่างอาลัยอาวรณ์ พอดีกับที่มีประกายแสงสว่างของดาวดวงน้อยร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า ทำให้ต้องรีบหลับตาลงพร้อมอธิษฐานความปรารถนาจากส่วนลึกของจิตใจ

.....ได้โปรด... ขอให้ได้พบกับท่านอาจารย์ชิออนอีกสักครั้ง อีกแค่ครั้งเดียว แม้จะแค่ไม่กี่นาทีก็ยอม

ลงท้าย น้ำตาเจ้ากรรมก็พาลไหลออกมาอีกอย่างช่วยไม่ได้

มู... เสียงหลวงพี่ดังขึ้นข้างๆตัว แต่แกะสีชมพูกลับหันหนี

แล้ว...แล้วเจอกันข้างล่างนะ ชากะ...

ว่าแล้วก็รีบเทเลพอตทันที

...........................................................

หน้าวิหารเคียวโก

ตอนนี้เจมินี่ ซาง่ากำลังเดินกลับไปกลับมาอยู่หน้าวิหารของตัวเองในสภาพที่ไม่ต่างอะไรจากคนโดนทวงหนี้มากนัก ใกล้ๆกันเป็นน้องคาน่อนที่นั่งไขว่ห้างพลางเอนอิงพิงขั้นบันไดอย่างแสนสบาย พอเห็นอาการเดินพล่านยิ่งกว่าหนูติดจั่นของแฝดผู้พี่นานๆเข้า รอยยิ้มโยยวนกวนโมโหก็ผุดขึ้นที่มุมปากอย่างไม่เกรงกลัวบารมีของคนเป็นเคียวโกเลยสักนิด

เอาน่า...ก็ส่งชากะไปตามแล้วไม่ใช่เรอะไง

หุบปากซาง่าที่ทั้งกลุ้มทั้งหงุดหงิดอยู่เป็นทุนเดิมหันมาตวาดแว้ด

จะกลุ้มไปทำไมนักหนา แค่เห็นศพอาจารย์สุดที่รัก..เจ้าแกะมูคงไม่คิดสั้นกระโดดสตาร์ฮิลล์ฆ่าตัวตายตามท่านชิออนไปหรอกน่า

คำพูดของน้องชายสุดเลิฟเล่นเอาท่านเคียวโกสง่าสะดุ้งโหยง.....มันสุดแสนจะแทงใจดำอะไรอย่างนี้

แก๊...เจ้าคาน่อน ฉันสั่งให้เงียบไง ไม่ได้ยินเรอะ รู้สึกสติสตังของพี่สง่าชักใกล้หมดเข้าไปทุกที แถมสีผมก็เริ่มอ่อนลงทุกขณะ

.....หนอย! คนเค้าพูดด้วยดีๆแท้ๆ เมื่อกี๊โดนตวาดใส่ยังพอทน นี่ยังจะมาขึ้นเสียงสั่งอีก โดนเข้าแบบนี้น้องบ้านไหนมันจะยอมฟะ

น้องขนุนกัดฟันกรอดแล้วเป็นฝ่ายชิงลงมือก่อน

เออ งั้นก็ไปกลุ้มที่อื่นซะไป๊ เห็นแล้วรำคาญลูกตา อนาเธอร์ ไดเมนช่านนนนนน

เฮอะ! แกน่ะแหละ จะไปไหนก็ไปเลย ไปไกลๆด้วยยิ่งดี อนาเธอร์ ไดเมนช่านนนนนนพี่สง่าเองก็ไวทายาดจัดการสวนกลับไปด้วยท่าไม้ตายเดียวกันทันที

แต่แล้วท่าไม้ตายเบื้องต้นของเซนต์ตระกูลเจมินี่ถูกปล่อยออกมาท่ามกลางเสียงตะโกนลั่นของบรรดาโกลด์เซนต์คนอื่นที่มารวมตัวกันอยู่แถวๆนั้น เพราะอยู่ๆก็มีเงาร่างๆนึงที่ดันเทเลพอตมาปรากฏตัวกะทันหันแล้วเลยเจอเข้ากับพลังเคลื่อนย้ายมิติแบบยกกำลังสองเข้าอย่าจัง

มู๊...เคียวโกสง่าร้องเสียงหลงเมื่อเห็นโกลด์เซนต์รุ่นน้องที่ตัวเองเป็นห่วงอยู่เมื่อกี๊หายวับไปต่อหน้าต่อตาด้วยน้ำมือตัวเอง ขณะที่น้องคาน่อนเกิดอาการใบ้รับประทานไปแล้วเรียบร้อย

เฮ้ย! เจ้ามู

มู....

เจ้าแกะ

..........................

..........................................

อูยยยยยยย... เจ็บ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

มูที่หล่นโครมลงมากองกับพื้นดินบ่นบู้บี้พลางสะบัดหัวไล่ความมึนงง

ฝากไว้ก่อนเถอะ...ซาง่า...คาน่อน... นาย 2 คนจะทะเลาะกันเองก็หัดระวังอย่าให้ชาวบ้านชาวช่องเขาเดือดร้อนไปด้วยเซ่ ไว้กลับไปนี่ฉันจะบอกให้อาเธน่าปลดพวกนายออกจากทุกตำแหน่งเลย คอยดู(เอ่อ! แบบนี้เค้าเรียก อาฆาตนะจ๊ะแกะ)

พอความมึนเริ่มจางหาย ดวงตาก็โฟกัสไปเห็นวัตถุกลมๆสีทองที่กระจายเกลื่อนอยู่ตามพื้น บ้างก็กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่แถวๆนั้น

อาเธน่าช่วย !!!!!!!!

แย่แล้ว....นี่มันลูกประคำสุดรักสุดหวงของชากะนี่หว่า ตาย ๆ ๆ ๆ ขืนหายไปสักลูกมีหวังโดนเจ้าช่าเทศนาธรรมมัน 3 วัน 3 คืนไม่จบไม่เลิกแน่

แต่หลังจากที่ใช้พลังไซโคคิเนซิสรวมรวบรวมลูกประคำเท่าที่พอจะหาได้มากองรวมกันแล้วปรากฏว่า.....

หายไปตั้ง 10 กว่าลูกแน่ะ

ก็ไอลูกประคำบ้านั่นมันดันหล่นไปในร่องหินแคบๆแถวหน้าผาที่ทั้งสูงทั้งชัน ใครที่ไหนมันจะมีปัญญาปีนตามลงเก็บ

ช่างมัน ทำใหม่ก็ได้... มูตัดใจ ไหนๆก็ต้องซ่อมอยู่แล้ว คราวนี้จะซ่อมให้ฟรีแล้วกัน

....ว่าแต่....

ที่นี่มันที่ไหน???

มูลุกขึ้นยืนแล้วกวาดตามองไปรอบๆตัวที่มีแต่หินกับดินและทราย ไม่เห็นแม้ต้นไม้สักต้นหรือยอดหญ้าสักยอด

....ว่าไง ซาง่า คาน่อน พวกนายส่งฉันมาแถวไหนล่ะเนี่ย

แล้วความคิดก็มีอันต้องสะดุดลงเมื่อได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง...มีคนแอบอยู่หลังก้อนหินใหญ่นั่น

ใครน่ะ มูส่งเสียงถามออกไปพร้อมกับสาวเท้าเข้าไปหา รู้มั้ยว่า....เดี๋ยว...เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งไป.....

แค่จะถามว่าที่นี่ที่ไหนหน่อยเดียวเอง แต่คนๆนั้นกลับวิ่งหนีจากไปซะก่อน เห็นแต่แผ่นหลังเล็กๆอยู่ไกลๆ เส้นผมยาวสีอ่อนที่ปลิวตามแรงลม กับ.....ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด

สักพักแอเรียส มู ตัดสินใจออกเดินไปตามทางที่ เด็ก คนนั้นวิ่งจากไป

แล้วในที่สุด....ก็ถอนใจเฮือกกับคำตอบที่ได้รับ

ไม่ต้องถามตัวเองหรือถามใครที่ไหนอีกต่อไปแล้ว

ที่นี่ก็...จามิลน่ะสิ

หอคอยเล็กๆที่เป็นมรดกตกทอดกันเรื่อยมาในสายตระกูลแกะตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าคือหลักฐานพิสูจน์อย่างดี

แต่....มันมีอะไรแปลกๆ บอกไม่ถูก

เริ่มตั้งแต่....ประตูบานใหญ่.....ที่ไม่รู้ว่ามีตั้งแต่เมื่อไหร่

ยิ่งเข้ามาข้างในหอคอยก็ยิ่งงง เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิมอย่างที่เคยเห็นอยู่ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นข้าวของเครื่องใช้ โต๊ะ เก้าอี้  อุปกรณ์ซ่อมคลอธ ฯลฯ ทุกๆอย่างอยู่ผิดที่ผิดทางไปหมด ที่สำคัญ... สิ่งที่วางอยู่บนแท่นขนาดใหญ่บริเวณกลางห้อง คือ กล่องใส่ชุดโกลด์คลอธแอเรียส

! ! ! ! ! ! !

! ! ! ! ! ! !

! ! ! ! ! ! !

......นี่มันอะไรกันเนี่ย????

ขณะที่มูได้แต่ยืนหมุนไปหมุนมาเพราะยังจับต้นชนปลายอะไรไม่ถูก เสียงของผู้หญิงคนนึงก็ดังขึ้นจากมุมห้อง ที่จริงเธออยู่ตรงนั้นตั้งแต่แรกแล้ว แต่มูไม่ทันได้สังเกตเห็นเองแหละ

ใครน่ะ แล้วมีธุระอะไร

เอ่อ... มูที่เริ่มออกอาการมึนอีกครั้งพูดอะไรไม่ออก แต่หญิงผมสีน้ำตาลไหม้แถมสวมหน้ากากคนนั้นกลับพยักหน้าเข้าใจ (ผิด) แล้วชี้มือมาที่ของในมือผู้มาเยือน

ถ้าจะให้ฉันซ่อมประคำนั่นให้ตอนนี้เลยคงไม่ได้หรอกนะ เพราะแร่มีไม่พอ ฉันกำลังจะออกไปหามาเพิ่ม ไว้มาอีกทีแล้วกัน เธอพูดพลางยกห่อสัมภาระส่วนตัวออกมาถือไว้เตรียมพร้อมออกเดินทาง แต่พอจะก้าวเท้าออกจากประตูก็ชะงักเล็กน้อยแล้วหันกลับมามองมูที่ยังยืนงงไม่เลิกอยู่อย่างใช้ความคิด

แบบนี้ดีมั้ย...เธอคนนั้นยื่นข้อเสนอ ฉันเข้าใจนะว่าการปีนเขาจามิลขึ้นมาที่หอคอยนี่ไม่ใช่เรื่องง่าย ไหนๆเธอก็มาถึงแล้ว ถ้ายอมอยู่ที่นี่สัก 3-4 วัน ช่วยดูแลเด็กเล็กๆคนนึงให้ระหว่างที่ฉันไม่อยู่ กลับมาเมื่อไหร่ฉันจะลัดคิวซ่อมของให้เธอก่อน ว่าไง...ตกลงนะ

เด็ก? คนที่กำลังจะกลายเป็น พี่เลี้ยงจำเป็นชักปวดหัวตุบๆ

ลูกศิษย์ฉันเองล่ะ ก็เป็นเด็กดีอยู่หรอกนะ แต่ดื้อ แม้จะสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าไว้มิดชิด แต่น้ำเสียงคนพูดก็บอกชัดเจนว่าทั้งรักทั้งเอ็นดู ลูกศิษย์คนที่พูดถึงชนิดสุดใจ ตามด้วยการส่งเสียงตะโกนเรียก

ชิออน ชิออนอยู่ไหน มานี่เร็ว

หารู้ไม่ว่า.... เสียงเรียกของเธอจะทำให้มูชาวาบไปทั้งตัว

......เด็ก? ชิออน? เด็กชื่อชิออน?

......หรือว่า ไอท่าดับเบิ้ลไดเมนชั่นของเจ้าแฝดเจมินี่นั่นจะส่งเขากลับมาในอดีตเมื่อ 200 ปีที่แล้ว....

สักพักเมื่อเด็กชายตัวน้อยเจ้าของชื่อ ชิออน วิ่งถลาเข้ามาใกล้ แค่แวบแรกที่แลเห็นมูก็ถึงกับตะลึงไปอย่างไม่เชื่อสายตา

แม้คนตรงหน้าจะเป็นแค่เด็กที่อายุคงไม่เกิน 5 ขวบ แถมดูรวมๆแล้วยังตัวเล็กนิดเดียว แต่เส้นผมสีเขียวอ่อนยาวค่อนข้างยุ่งที่ปลิวระใบหน้ากับนัยน์ตาสีม่วงสดใสที่จ้องมองผู้ใหญ่ 2 คนในห้องสลับกันไปมาอย่างไม่ค่อยไว้ใจเท่าไหร่นั่น....มันจะเป็นคนอื่นไปได้ยังไง

หัวใจของมูพองโตด้วยความดีใจ พอๆกับรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า

......อาจารย์ อาจารย์ชิออนใช่มั้ยครับ นั่น..เป็นท่านจริงๆสินะ

ไปเล่นซนที่ไหนมา ทำไมถึงได้มอมแมมแบบนี้ เสียงอาจารย์เอ็ดลูกศิษย์ส่งท้ายเมื่อเห็นสภาพที่ดูไม่จืดของศิษย์คนเดียว ก่อนจะหันมาออกคำสั่งกับมู

ชิออนน่ะ ทั้งดื้อ ทั้งซน แถมอ้อนเก่งเป็นที่หนึ่ง เธอก็อย่าตามใจให้มันมากนัก ถ้าพูดแล้วไม่เชื่อ ดุแล้วไม่ฟังก็ไม่ต้องเกรงใจ...ฟาดได้ฟาด ตีได้ตี เข้าใจมั้ย

ครับ มูรับคำไปอย่างนั้น

....ก็ใครมันจะทำโทษอาจารย์ตัวเองได้ลงคอกันล้ะ จริงม๊ะ  (แล้วจะรู้ทีหลังว่าคิดผิด)

 ส่วนชิออน ถ้าดื้อกับพี่เค้าล่ะก็...กลับมาโดนอีกรอบ ประมุขตระกูลแกะคาดโทษไว้ล่วงหน้า เล่นเอาหนูน้อยชิออนหน้าหงิก แต่ก็ยอมพยักหน้ารับแต่โดยดี

งั้นฉันไปล่ะนะ

ภาพสุดท้ายที่เธอได้เห็นก่อนจะเทเลพอตหายไปนั้น คือภาพแกะตัวเล็กกับแกะตัวใหญ่ที่ยืนโบกไม้โบกมือบ๊าย บาย ด้วยท่าทางที่ถอดแบบกันมาอย่างเดียวกันเป๊ะ

บ๊าย บายค๊าบ อาจารย์มิเอะ

...... แล้วจะรีบกลับนะ อย่าซนนักล่ะ เจ้าลูกแกะ!!

บ๊าย บายครับ อาจารย์ย่า

ประโยคสุดท้ายนี่สิเล่นเอาแอเรียส มิเอะ รักษาการเซนต์ราศีเมษชะงักไปนิดก่อนจะแวบหายไปพร้อมคำถามคาใจ

เมื่อกี้ว่าไงนะ ห๊า~~~~~.....

..........................................

และแล้วแกะ 2 ตัวก็ต้องอยู่หอคอยเดียวกันจนได้

อ้ะ นี่

แม้จะไม่ค่อยไว้ใจ คนแปลกหน้า ที่ยืนอยู่ข้างๆสักเท่าไหร่ แต่แกะตัวเล็กก็ยอมเป็นฝ่ายผูกสัมพันธไมตรีก่อนด้วยการยื่นลูกประคำ 5-6 ลูกที่เมื่อครู่ย้อนกลับไปเก็บมาให้

แกะตัวโตยิ้มรับตามสไตล์ก่อนจะค่อยๆย่อตัวลงให้ใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับเด็กน้อยแล้วยื่นมือออกไปแตะใบหน้าอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน เมื่อเห็นว่าชิออนไม่ได้หลบหรือสะบัดหนีมูก็คว้าทั้งของในมือทั้งตัวคนให้มากอดไว้แน่นพลางซบหน้าลงกับเส้นผมสีเขียวอย่างเต็มตื้นหัวใจ

.....อาจารย์ อาจารย์ชิออน

.....ในที่สุดก็ได้พบ

บางทีอาจจะเป็นเพราะรู้สึกถึงหยาดน้ำอุ่นๆที่ไหลซึมผ่านเสื้อมาถึงผิวเนื้อล่ะมั้ง...ชิออนถึงอยู่นิ่งๆยอมให้มูกอดแต่โดยดีก่อนจะยกแขนเล็กๆขึ้นโอบรอบคอ ลูกศิษย์ในอนาคต

โอ๋ๆ เป็นเด็กดีน้า อย่าร้องไห้น้า

แถมเจ้าตัวไม่พูดเปล่า ยังใจดีเอามือปาดน้ำตาออกจากใบหน้าอีกฝ่ายให้อีก เสียแต่ที่มือเล็กๆนั่นเลอะอยู่ก่อนแล้วเลยกลายเป็นเพิ่มรอยฝุ่นดำๆเป็นปื้นเข้าไป

เล่นเอามูถอนใจยาวแล้วอุ้มแกะในอ้อมแขนขึ้น

ประเดิมงานแรกด้วยการ จับแกะอาบน้ำ ก่อนเลยแล้วกัน

................

หนาว....วววววว เสียงแกะตัวเล็กโวยวายงอแงลั่นห้องน้ำ เมื่อโดนจับแช่ลงไปในอ่างน้ำเย็น

ต้องสระผมด้วย หลับตาซะ พี่เลี้ยงคนใหม่ทำหูทวนลมซะงั้นขณะเติมน้ำอุ่นจัดเป็นไอสีขาวบางๆลงผสมในอ่างอาบน้ำด้วยมือข้างเดียว เพราะมืออีกข้างต้องคอยจับร่างเล็กๆที่ไม่ค่อยจะยอมให้ความร่วมมือเท่าไหร่ไว้ให้แน่นๆกันไม่ให้ดิ้นหนี

นี่..ไม่เอาแล้ว เลิกเหอะนะ ชิออนเริ่มใช้ไม้อ้อนตามที่ถนัดก่อนจะรีบหลับตาปี๋เมื่อมูประเคนทั้งน้ำอุ่นทั้งแชมพูลงมาชนิดเต็มพิกัดอัตราศึก

ไม่ได้ ก็เลอะเทอะไปหมดทั้งตัวเลยนี่ จะอยู่เลอะๆแบบนี้ได้ยังไงกัน

เค้าอาบเองได้

อยู่นิ่งๆเถอะน่า รอยดำๆนี่เอาออกยากจัง มูบ่นพลางออกแรงถูคราบเหนียวๆที่ติดอยู่ตามเส้นผมออกก่อนจะถาม น้ำเย็นไปรึเปล่า จะเติมน้ำอุ่นอีกหน่อยมั้ย

เพราะน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยนั่นแท้ๆ ทำให้ชิออนสั่นหน้าแล้วยอมอยู่เฉยๆให้มูราดน้ำล้างเอาฝุ่นที่ติดตามตัวออกไปพร้อมกับฟองสบู่แต่โดยดี

สักพักใหญ่ๆ

เอาล่ะ เสร็จแล้ว มูอุ้มชิออนที่สะอาดเอี่ยมขึ้นจากอ่างอาบน้ำแล้วเช็ดตัวให้ด้วยผ้าขนหนูผืนโต ขึ้นไปใส่เสื้อผ้าซะแล้วเดี๋ยวมาทานข้าว ห้ามไปเล่นซนที่อื่นก่อนล่ะ

.......................

โต๊ะทานข้าวจ้ะ

ตอนนี้บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหาร แฮนเมดบายมู หน้าตาน่ากินนานาชนิดที่คนทำแสดงฝีมือเต็มที่ แต่ดูท่าว่าจะไม่ได้รับความนิยมจากคนกินเท่าไหร่ เพราะชิออนทานสลัดผักไปได้หน่อยเดียวก็วางช้อน

อิ่มแล้วเหรอ มูแปลกใจ

....เอ! หรือเราทำไม่อร่อย ก็สูตรเดียวกับที่อาจารย์เคยทำให้ทานเมื่อก่อนนี้นี่นา

กับข้าวประหลาด แกะตัวเล็กมองของกินบนโต๊ะอย่างหวาดๆ แน่ใจนาว่ากินแล้วไม่ตายน่ะ

....อ้อ! ที่แท้ก็ไม่รู้จัก ก็ใครจะไปรู้ว่ากับข้าวเมื่อ 200 ปีที่แล้วหน้าตามันเป็นยังไงน่ะ

กินได้สิแกะตัวโตพยายามจะใจเย็นให้ถึงที่สุด นี่ก็ไข่เจียวใส่เห็ด นั่นหมูชุบแป้งทอด ในถ้วยเป็นซุป จานข้างๆกันเป็นขนมปังผลไม้

เหรอ ชิออนทำตาโตพลางพยักหน้าหงึกหงัก แต่ก็ยังไม่ยอมเชื่อง่ายๆ

กินแล้วไม่ตายแน่นา

แน่ มูย้ำหนักแน่นแล้วตักซุปใสป้อนให้ถึงปาก

เอ้า! อ้าปาก

เค้ากินเองได้เจ้าแกะเรื่องมากเมินหน้าหนีไปอีกทาง

อ้าปาก เร็ว...นับหนึ่งถึงสาม ถ้าไม่ยอมทานเองดีๆล่ะก็.... มูขู่ฟ่อก่อนจะเริ่มนับ

หนึ่ง

สอง

สา...

ในที่สุดปากเล็กๆก็ยอมอ้ารับซุปช้อนนั้นจนได้ ทำเอามูแอบหัวเราะอยู่ในใจเมื่อเห็นหน้าตาบูดสนิทแต่ไม่กล้าออกฤทธิ์อาละวาดของอาจารย์ขณะกลืนซุปลงคอไป

เห็นมั้ย ของกินได้ทั้งนั้น ไม่ตายสักหน่อย

ว่าแล้วก็หันมาจัดการกับอาหารในจานตัวเองต่ออีกนิด แต่พอชำเลืองมองไปทางอาจารย์สุดที่รักก็เห็นว่าชิออนยังนั่งเฉย

....เชื่อแล้วว่าอาจารย์ดื้อจริงๆ อย่างที่อาจารย์ย่าบอกไว้เลย

แต่พอมูหันหน้ากลับไป ชิออนก็อ้าปากให้ทันที

เอาไข่เจียว

เล่นเอาพี่เลี้ยงที่ตามมุขไม่ทันงงเต้ก???

ป้อนต่อเร็ว กลืนหมดแล้ว เอาไข่เจียว

ทีนี้สมองค่อยแล่นแกร๊ก....มูหั่นไข่เจียวเป็นชิ้นเล็กๆแล้วป้อนเข้าปากที่รอรับอยู่

เอาหมูด้วย ชิออนที่ยังเคี้ยวตุ้ยๆสั่งคำต่อไปด้วยการชี้ไปที่จานหมูชุบแป้ง

...เฮ้อ! พอเลิกเล่นมุขดื้อก็มาต่อมุขอ้อนให้ป้อนข้าว สุดยอดจริงๆ อาจารย์ฉัน

เร็ว หมดปากแล้ว ขนมปังได้ยังมือเล็กๆยื่นมาสะกิดจิ๊กๆ เมื่อเห็นว่าความเร็วในการป้อนชักไม่ต่อเนื่อง ทำให้กินได้ไม่ทันใจ

.....คร้าบบบบบ คร้าบบบบบ...ทราบแล้วคร้าบ....ได้ตามที่สั่งเลยครับอาจารย์

....................

พอทานมื้อเย็นเสร็จ มูก็จัดการเก็บโต๊ะตามหน้าที่พี่เลี้ยงที่ดี แต่พอกลับออกมาอีกทีพร้อมจานขนม ก็ไม่เห็นชิออนแล้ว

....เอ อาจารย์หายไปไหน

....หายไปไหน

....หายไปไหนแล้ว

....นั่น อยู่นั่นไง

ร่างเล็กๆนั่งเงยหน้าคอตั้งบ่าอยู่บนก้อนหินเตี้ยๆ ข้างนอกหอคอย

อา...เอ่อ ชิออนทำอะไรน่ะ

ก็ดูดาวไง มาดูด้วยกันมั้ย คืนนี้ดาวเต็มฟ้าเลย คนตัวเล็กตอบพลางลุกขึ้นให้คนตัวใหญ่นั่งลงแทนที่ก่อนเจ้าตัวจะทำไม่รู้ไม่ชี้ทรุดตัวลงนั่งแหมะบนตักซะงั้น

เมื่อก่อนอา...เอ่อ....ก็เคยมีคนสอนดูดาว แต่ตอนนี้ไม่อยู่แล้ว

ไม่อยู่?

ฮื่อ... มูพยักหน้าช้าๆ หลับตาลงแล้ววางคางลงบนศีรษะเล็กๆที่เต็มไปด้วยเส้นผมนุ่มๆ

อยู่สิ ชิออนทำหน้าจริงจังแล้วชี้มือไปบนท้องฟ้า เค้าอยู่ที่โน่นไงล่ะ

กลุ่มดาวราศีเมษทอประกายแสงสุกสว่าง......

เค้าต้องคอยดูมูอยู่บนนั้นแน่ๆเลย ไม่เชื่อลองหาดูนะ ค่อยๆไล่ดูไปทีละดวง.....

มูเงยหน้าขึ้นไล่หาความทรงจำอันแสนมีค่าในอดีตที่แอบเก็บซ่อนไว้ในมุมเล็กๆของหัวใจตลอดมา

ไม่ว่าจะเป็น.....ภาพตอนที่มูได้พบอาจารย์ครั้งแรก

.....ภาพตอนฝึกวิชา

.....ภาพตอนโดนทำโทษ

.....ภาพที่ทั้งสองคนยิ้มและหัวเราะให้กัน

.....ภาพเวลามูร้องไห้แล้วได้อาจารย์ชิออนช่วยปลอบ

สุดท้าย.....ภาพข้างหลังของอาจารย์ที่เดินออกไปจากห้องแล้วไม่เคยกลับมาอีกเลย

จากดาวดวงแรก ....... จนถึงดวงสุดท้าย ความทรงจำที่เคยแตกออกเป็นเศษเสี้ยวก็กลับมารวมกันได้อีกครั้ง ทั้งหมดล้วนมีภาพและเสียงของแอเรียส ชิออนรวมอยู่ด้วยเสมอ

.....ที่แท้....อาจารย์ไม่เคยจากเขาไปไหน อาจารย์คอยอยู่ข้างๆเขาตลอดเวลากับความรักที่ไม่มีวันหมดหรือจบสิ้น

......อาจารย์อยู่ใกล้ๆนี่เอง อยู่ลึกลงไปในห้วงความคิด อยู่ในหัวใจและอยู่ในจิตวิญญาณ ขอเพียงแค่เขาจดจำมันเอาไว้

......อดีตของเราสองคน แค่เราสองคนเท่านั้น

เหมือนหัวใจได้รับการปลดปล่อยหลังจากที่ถูกคุมขังมาเป็นสิบปี

พอก้มหน้าลงก็เห็นหนูน้อยชิออนที่เลื่อนตัวลงมานอนขดตัวกลมบนตักส่งยิ้มมาให้

เห็นแล้ว เจอแล้วใช่ม้า

มูยิ้มสดใสตอบกลับไปพร้อมกอดกระชับร่างที่อยู่บนตักแน่นเข้า

เจอแล้ว

.................................

และแล้วเช้าวันใหม่...ที่เริ่มต้นด้วยเสียงโวยวายลั่นหอคอยของลูกศิษย์ตัวอย่างก็มาถึง ในเมื่อตื่นเช้าขึ้นมาแล้วไม่เห็นแม้แต่เงาของอาจารย์สุดที่รักที่นั่งกินลมชมดาวอยู่ด้วยกันทั้งคืน

อาจารย์.....อาจารย์คร๊าบ อาจารย์หายไปไหน

ในหอคอยก็ไม่มี หาตามบริเวณรอบๆจนทั่วก็ไม่พบ จะร้องเรียกยังไงก็ไม่มีเสียงตอบ

แล้วเวลาก็ล่วงเลยไป ตั้งแต่เช้า....

เป็นสาย

แล้วก็บ่าย

จนกระทั่งเย็น

และแล้วเมื่อได้เวลาเย็นย่ำใกล้ค่ำมืดเต็มที แกะตัวเล็กที่หนีเที่ยวหายไปทั้งวันก็ปรากฏตัวขึ้นในสภาพที่สุดแสนจะมอมแมมอย่างที่ไม่มีใครจะนึกสภาพออก

หลังจากยืนทำใจอยู่หน้าหอคอยสักพักก็ทำใจกล้ายื่นหน้าเข้าไปดูลาดเลาข้างใน อดคิดไม่ได้ว่าขืนโผล่หน้าเข้าไปตอนนี้มีสิทธิ์เจอพี่เลี้ยงมหาโหดยืนรอเชือดอยู่หลังประตูแหงแซะ

....อึ๋ย...อะไรมันจะสยดสยองปานนี้

....เอาน่า กล้าๆหน่อยชิออน ชิออนคนเก่ง ชิออนสู้ๆ

เอ....รู้สึกจะคิดผิดแฮะ ในเมื่อภายในหอคอยจามิลมีแต่ความว่างเปล่าและมืดสนิท

มองซ้าย....ผ่านตลอด

มองขวา....ทางสะดวก

......โอ้เย้! ลักกี้ งานนี้รอดตัวตามเคย

ชิออนน้อยๆแทบจะเต้นระบำด้วยความสุดแสนจะดีอกดีใจก่อนจะกระโดดเข้าห้องน้ำไปหวังจะทำลายหลักฐานที่ออกไปข้างนอกมาให้หมด

.....เท่านี้ก็เรียบร้อย โฮะๆๆๆๆ ชิออนซะอย่าง

สักพักเจ้าแกะตัวยุ่งในชุดนอนลายแกะสีเขียวอ่อนตัวเก่งก็ออกมาเมียงๆมองๆด้วยความสงสัย

สภาพภายในหอคอยยังคงเงียบสนิท โดยเฉพาะในตอนนี้ที่พระอาทิตย์ตกดินไปแล้วก็ยิ่งมืดตึ๊ดตื๋อเข้าไปใหญ่ในความคิดของเด็ก

.....มูอยู่ไหนน่ะ

......เอ หรือจะอยู่ในห้องน้ำ

ไม่มี มีแต่น้ำเย็นเต็มอ่าง ข้างๆเป็นกาต้มน้ำที่น้ำในกาเย็นหมดแล้วเหมือนกัน

......รู้แล้ว สงสัยจะอยู่ในห้องครัว

ไม่มีอีกเหมือนกัน บนโต๊ะมีแต่อาหารเช้าที่ยังไม่มีรอยพร่องวางอยู่เต็ม

......ต้องเป็นห้องซ่อมของแน่เลย สงสัยซ่อมสายประคำอยูในนั้น

ห้องซ่อมคลอธไม่มีใครอยู่ เช่นเดียวกับกล่องใส่แร่ที่ว่างเปล่าและค้อนซ่อมคลอธที่วางอยู่ในที่ในทางของมัน 

พอออกเดินหาตามห้อง หาเท่าไหร่ๆก็ไม่เห็นเจอ ทำเอาแกะน้อยชักหน้าเสียขึ้นมาบ้าง

.....เอ หรือจะกลับไปแล้ว แต่ความรู้สึกยังบอกว่าอยู่แถวๆนี้นี่นา

มูเสียงเล็กๆร้องเรียกเบาๆ แต่กลับดังสะท้อนไปในห้องนั่งเล่นที่มีแต่ความมืด

.....แหงเลย ต้องกลับไปแล้วแหงเลย

ชิออนชักน้ำตากบตาแล้วตัดสินใจใช้ไม้ตายขั้นสุดยอดด้วยการทิ้งตัวลงไปนั่งกับพื้นแล้วร้องไห้โฮๆ

มู.....มูจ๋า มูอยู่หนายยยย.....แงเจ้าตัวเล็กสะอื้นฮักๆ ตอนแรกก็คิดว่าจะร้องเล่นๆ แต่ไปๆมาๆพอคิดว่าต้องอยู่คนเดียวเลยชักอินจัด น้ำตาเม็ดโตๆเลยไหลพรากๆไม่ยอมหยุด สักพักก็รู้สึกถึงวงแขนแข็งแรงที่รัดเข้าที่เอว แล้วร่างเล็กๆก็ลอยขึ้นจากพื้นขึ้นมานั่งบนตักคนที่กำลังเรียกหาอยู่

จากนั้น ปฏิบัติการอ้อนสุดขีดคอสโม่ ก็เริ่มขึ้น

มู...มูโกรธเหรอ หนูน้อยชิออนตีหน้าซื่อสุดชีวิตขณะยืดตัวขึ้นแล้วโอบแขนเล็กๆไปรอบคอคนอุ้มก่อนจะแนบแก้มเล็กๆที่ชื้นน้ำตาลงกับใบหน้าคนข้างๆ โกรธมากๆไม่ดีนะ เรามาดีกันดีกว่า นะ นะ นะ นะ น๊า...มูคนดี๊ คนดี....

ฮึ!” มูที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็แพ้ทางอาจารย์สุดที่รักตามเคยเลยได้แต่ทำเสียงขึ้นจมูกทั้งๆที่ใจอ่อนยวบ

ไปไหนมา

ก็ไปหา นี่มาให้ไง ชิอนที่เริ่มยิ้มออกตอบทันใจแล้วล้วงกระเป๋าหยิบเอาวัตถุกลมๆ สีทองสองสามเม็ดติดมือออกมา

....ลูกประคำของชากะ

ไปเอามาจากไหน

ก็ แกะตัวเล็กขยับตัวขยุกขยิกพลางตอบอ้อมๆแอ้มๆชอบกล ก็เอามาจากที่ๆมันตกอยู่น่ะสิ

.....ที่ๆมันตกอยู่?

.....ตอนนั้นจำได้ว่า....เห็นลูกประคำกระเด็นตกลงไปในซอกเล็กๆข้างหน้าผา

มูใจหายวาบ ไม่รู้หัวใจหล่นไปอยู่ตรงไหน

หน้าผา มูตะโกนลั่น คอสโม่แห่งความยัวะที่มอดไปแล้วกลับมาลุกโชนอีกครั้ง ไปแถวนั้นทำไม รู้มั้ยว่ามันอันตรายน่ะ

ไม่เป็นไร ปลอดภัยดี ชิออนรับรองแข็งขันแล้วรีบประจบด้วยการฉีกยิ้มกว้างเอาใจ เรื่องอะไรจะบอกว่าเกือบร่วงลงไปนอนก้นเหวซะตั้งหลายหน

ก่อนไปทำไมไม่บอกเสียงพี่เลี้ยงชักเย็นลงๆจนรู้สึกได้ถึงสัญญาณอันตราย

.....ก็ถ้าบอกก็อดไปน่ะสิ

เจ้าแกะตัวยุ่งบ่นในใจแล้วตอบว่า

ถ้าบอกเดี๋ยวมูเป็นห่วง

เลยไม่บอกงั้นสิ

แหม....ให้เป็นห่วงว่าหายไปไหนยังดีกว่าห่วงว่าจะตกหน้าผาตายรึเปล่านา จริงมะ อุ๊บส์ ชิออนยกมือปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันช้าไปแล้ว เพราะมูได้ยินคำพูดหลุดๆนั้นเต็ม 2 หู

....เสร็จกัน พลาดซะแล้ว ไม่น่าเลย ชิออนเอ๊ย

แหม ไม่เป็นไรน่ะ นะ นะ นะ นะ เหมือนที่อาจารย์มิเอะสอนไว้ว่า เวลาทำความดีแล้วไม่ต้องบอกให้ใครรู้ก็ได้ ลูกศิษย์ที่ดีเลยต้องทำตาม เนอะแกะชิออนยกเอาวาทะของประมุขแกะ (ที่ไม่รู้ว่าพูดตั้งแต่เมื่อไหร่) ขึ้นมาอ้างพลางหันซ้ายแลขวาเตรียมหาทางหนีทีไล่ แต่วงแขนที่รัดอยู่กลับแน่นขึ้นยิ่งกว่าปลอกเหล็ก

อ๋อ..งั้นเหรอมูที่ทนฟังอยู่นานกัดฟันกรอดเพราะชักทนไม่ไหว ด๊าย....งั้นวันนี้ฉันยอมเป็นศิษย์อกตัญญูสักครั้ง ขอฟาดอาจารย์ให้หายมันเขี้ยวทีเถอะ มานี่เลย มา....

แย่แล้ว....

เพราะความที่ถูกอุ้มอยู่เลยหนีไม่ได้ แกะน้อยชิออนก็ได้แต่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนของแกะมูที่กำลังเงื้อมือขึ้นสูง

โอ๊ยยยย!!!” ชิออนน้ำตาไหลพรากอย่างเจ็บปวดสุดแสนร้องลั่น เจ๊บ..เจ็บๆๆๆๆๆ มันเจ็บน้า มูใจร้าย ใจร้ายยยยย...

เสียงร้องไห้นั่นเล่นเอาคนใจร้ายชะงักกึกแล้วแผดเสียงให้ดังยิ่งกว่า

ยัง...ยังไม่ทันตีเลย ร้องทำไม

อ้าว เหรอ ชิออนก็หยุดร้องไห้ทันทีเหมือนกัน มิน่ามันถึงยังไม่เจ็บ นี่! นั่นอะไรน่ะ

เพราะความไว้ใจอาจารย์เป็นทุนเดิม มูเลยเผลอมองตามที่มือเล็กๆนั่นชี้ เข้าทางชิออนที่รอจังหวะอยู่รีบสะบัดตัวหลุดออกมาได้สำเร็จก่อนจะใช้ความไวจรดปลายจมูกลงหอมแก้มพี่เลี้ยงฟอดใหญ่แล้ววิ่งหนีหายไปพร้อมเสียงหัวเราะถูกใจ ปล่อยให้พี่เลี้ยงที่เสียรู้เด็กได้แต่โวยวายตามหลังไป

อาจา....เอ้อ ชิออน กลับมานะ มากินข้าวก่อน บอกให้กลับมากินข้าวเย็นก่อนไง ชิอ๊อนนนนน....

.........

เช้าวันถัดไป เผอิญโชคดีเป็นวันฝนตก แกะตัวจ้อยเลยหมดสิทธิแอบหนีไปเที่ยวเล่นที่ไหน ส่วนมูก็มีเวลาว่างมาซ่อมสายประคำให้ชากะได้ซะที

ในที่สุดประคำที่ขาดก็กลับเป็นสายยาวเหมือนเดิม

.....หึหึหึ ชากะเอ๋ย นายต้องสำนึกบุญคุณอาจารย์ชิออนกับฉันด้วยล่ะ

เยี่ยมเลย!”  ชิออนเดินเข้ามาเกาะแขนมูพลางจ้องเป๋งไปที่สายประคำตาไม่กะพริบ มูเก่งจัง

รอไว้ชิออนโตอีกหน่อย อาจารย์ย่า เอ๊ย อาจารย์มิเอะก็จะสอนให้ทำมั่งเองล่ะ ถึงตอนนั้นต้องตั้งใจเรียนนะ รู้มั้ยมูส่งยิ้มให้แล้วยื่นสายประคำให้ชิออนที่รับมาถือไว้แล้วพลิกไปพลิกมาด้วยความสนใจ

.....แล้วอาจารย์จะได้สอนมูต่ออีกคนไงล่ะ

แต่แทบจะในทันทีที่มือเล็กๆสัมผัสกับสายประคำ พลังคอสโม่แปลกๆก็เกิดขึ้นรอบตัวแถมยังเพิ่มมากขึ้นๆ ขนาดชิออนตัวจ้อยที่ไม่รู้เรื่องอะไรยังสัมผัสได้

อะ..อะไรน่ะ หนูน้อยมองซ้ายมองขวาอย่างไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ขณะที่มูค่อยๆดึงสายประคำออกจากมือเล็กๆแล้วรีบหาเรื่องอื่นมาเบี่ยงเบนความสนใจ

ไม่มีอะไรหรอก ช่างเถอะ เราไปทำอาหารกลางวันกันดีกว่า เอาเป็น...สเต็กปลากับซอสครีมเห็ด มันบด แล้วก็สลัดผัก ดีมั้ย...

ได้ชิออนพยักหน้ารับแล้วยอมเดินไปที่ประตูห้องก่อน แต่นัยน์ตาสีม่วงยังเหลียวกลับมาเลยทันเห็นมูเอาสายประคำไปซุกไว้ในกล่องมุมห้องต่อด้วยการเอาผ้าผืนโตมาคลุมกระจกบานใหญ่ไว้มิดแล้วค่อยเดินตามมาอุ้มร่างเล็กๆกลมๆที่ยังรีๆรอๆอยู่ออกไปยังห้องครัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

....มีแต่คนตัวเล็กเท่านั้นที่รู้สึกว่าอ้อมแขนที่โอบรอบตัวอยู่ออกแรงรัดแน่นขึ้นกว่าปรกติที่เคย

....ทำไม?

แต่แล้วเมื่ออาหารกลางวันผ่านไปก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนเย็น จนค่ำทุกอย่างก็ยังอยู่ในสภาพเดิม

ชิออนมูร้องถามมาจากในครัว เอาส้มมั้ย มีส้มเย็นๆด้วยนะ

เงียบ....ไม่มีเสียงตอบรับ มูขวมดคิ้วแปลกใจ...มืดขนาดนี้ อาจารย์ไม่น่าจะออกไปข้างนอก...หรือว่า...หรือว่า...ไม่นะ !!!

แค่คิด....มูก็ถลาพรวดออกมาจากในครัว แต่แล้วภาพที่เห็นก็ทำเอาต้องเผลอยิ้มออกมา

ง่วงนอนแล้วสิ มูมองชิออนที่นอนขดกลมหลับสนิทอยู่บนเบาะหน้าเตาผิงด้วยสายตาเอ็นดู

เด็กน้อย...กินอิ่มแล้วก็นอนหลับได้ในทันใด

แล้วก็ตรงเข้าช้อนตัวแกะขี้เซาพาเข้าไปนอนในห้อง

แค่ก้าวเท้าเข้าไปข้างใน มูก็ต้องสะบัดหน้าหนี เมื่อกระจกบานใหญ่ในห้องนอนเล็กๆของชิออนฉายภาพของใครบางคนอยู่

รอจนมูวางร่างที่อุ้มอยู่ลงบนเตียงแล้วคลี่ผ้าห่มออกคลุมให้เรียบร้อย คนในกระจกที่รออยู่อย่างอดทนก็พูดขึ้นก่อน

ก็รู้ไม่ใช่เหรอว่า....

เงียบก่อน มูส่งเสียงห้ามแล้วเหลียวมองชิออนที่ยังหลับสนิท ไปคุยกันที่อื่น รับรองฉันไม่เบี้ยวนายแน่ ชากะ

.................................

ก็รู้ดีไม่ใช่เหรอว่าถ้าหลุดเข้าไปในห้วงมิติอื่นแล้วไม่รีบกลับออกมาใน 3 วันจะต้องติดอยู่ในมิตินั้นตลอดไปน่ะเวอร์โก้ ชากะเปิดฉากถามคำถามคาใจก่อน เมื่อมูยอมปลดผ้าที่คลุมกระจกในห้องซ่อมคลอธออก

รู้ มูตอบสั้นๆแล้วยืนหันข้างให้

แล้วทำไมไม่รีบกลับออกมา รู้มั้ยว่าอีกไม่กี่ขั่วโมงก็จะครบ 3 วันแล้ว หลวงพี่ขึ้นเสียงใส่อย่างคนที่เริ่มควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ค่อยอยู่

รู้ มูยังตอบเหมือนเดิม ก็ฉันยังไม่อยากกลับตอนนี้

....ก็ตอนนี้ มีท่านชิออนอยู่ข้างๆแล้วนี่นา

แล้วจะกลับเมื่อไหร่ อีก 1 นาทีก่อนจะหมดเวลารึไง

ทำไมชากะจะไม่รู้ว่าท่าทางเจ้าแกะหัวดื้อตรงหน้าออกจะบอกชัดแจ๋วว่าคำว่า กลับไม่เคยมีอยู่ในหัว

รู้มั้ยว่า...ซาง่ากับคาน่อน....2 คนนั่นเครียดจัดที่ทำให้นายหายไปจนแทบจะคว้านท้องตายอยู่แล้ว

ก็ให้มันตายไป มูยักไหล่ตอบง่ายๆ ไม่สนใจ

แล้วอาเธน่าล่ะ ยังจะเจ้าแกะคิกิที่เอาแต่ร้องไห้โฮๆคิดถึงอาจารย์วันละ 3 เวลาหลังอาหารอยู่ที่วิหารอันเดบารันอีก อย่าบอกนะว่านายจะทิ้ง 2 คนนั่นได้ลงคอ

ประโยคดักคอของชากะทำเอามูพูดไม่ออก

....อาเธน่าคงไม่เป็นไร เพราะมีเหล่าเซนต์ทั้งหลายคอยดูแลปกป้อง ส่วนคิกิถ้าฝากฝังให้อันเดบารันช่วยดูแลก็คงเติบโตเป็นเซนต์ที่ดีได้ไม่ยาก แต่...ท่านอาจารย์ชิออนคงไม่พอใจแน่ที่เขากลายเป็นคนไร้ความรับผิดชอบ

พอเห็นแกะเริ่มลังเล หลวงพี่ก็โจมตีต่อด้วยท่าไม้ตายสุดยอดอันแสนจะร้ายกาจ

ฉันคิดถึงนายนะ

ชากะ...

ไอโอเรียก็คิดถึงนายเหมือนกัน

ไอโอเรียด้วยงั้นเหรอ

ยังจะโกลด์เซนต์คนอื่นๆอีก พวกบรอนเซนต์ก็คอยถามอยู่ตลอดว่านายกลับมารึยัง แล้วนายจะให้ฉันตอบพวกเขาว่ายังไง

ไม่รู้แกะที่กำลังเครียดจัดตะโกนลั่น น้ำตาพาลจะไหลออกมาอีกแล้ว

ไม่รู้ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ได้ยินมั้ย บอกว่าไม่รู้ก็ไม่รู้สิ

....ถึงเวลาที่ต้องเลือกแล้วใช่มั้ย

มู... หลวงพี่ถอนใจยาว ถึงไม่อยากพูดแต่ก็จำใจต้องพูด...ที่จริงเจ้าแกะหัวดื้อนั่นมันก็รู้ดีทุกอย่างแหละแต่มันไม่ยอมรับความจริงเอง

เด็กคนนั้นไม่ใช่ท่านชิออนของนายหรอกนะ แต่เป็นคนที่จะเติบโตไปเป็นท่านชิออนต่างหาก ถึงนายจะยอมละทิ้งปัจจุบันมาอยู่เคียงข้างเขาในอดีตแบบนี้มันก็ไม่มีประโยชน์ แล้วถ้าเป็นแบบนั้นจริงท่านชิออนที่นายรู้จัก...แอเรียส ชิออนคนที่เป็นอาจารย์ของแอเรียส มูก็จะสาปสูญไปตลอดกาล ที่พูดมานี่เข้าใจรึเปล่า

....แน่นอน เพราะการเปลี่ยนแปลงอดีตแม้เพียงเล็กน้อย ย่อมหมายถึงการเปลี่ยนแปลงอนาคตด้วย

กลับแซงค์ทัวรี่เถอะมู แล้วรอวันที่อาเธน่าจะช่วยให้ท่านชิออนที่เป็นคนสำคัญของนายฟื้นขึ้นมา ตกลงนะ...

ให้ฉัน...ให้ฉันไปลาชิออนก่อน มูยกมือปาดน้ำตาแล้วออกเดินไปที่ประตูโดยไม่ฟังเสียงห้ามของชากะที่กลัวว่าเมื่อเห็นหน้าเด็กน้อยอีกที...มูจะตัดใจยอมกลับไปไม่ได้  

นึกไม่ถึงว่า...แค่เปิดประตูห้องซ่อมคลอธออกมา ก็เห็นชิออนยืนรออยู่ตรงหน้า

อาจา เอ่อ.. ทำไม

ก็มาส่งมูไงชิออนตอบด้วยน้ำเสียงสะลืมสะลือเพราะเพิ่งตื่นนอน เค้ามาตามมูกลับแล้วนี่นา

เจอเข้าแบบนี้มูเลยพูดอะไรไม่ออก

กลับเถอะ แกะตัวเล็กพยักหน้าหงึกหงัก ไม่ต้องห่วงนะ พรุ่งนี้อาจารย์มิเอะก็กลับแล้ว แล้วมูก็อย่าทำให้คนอื่นเป็นห่วงอีกนะ มันไม่ดี รู้มั้ย

รู้แล้ว มูฝืนยิ้มแล้วอุ้มชิออนไปส่งที่ห้องนอนอีกที

บ๊าย บาย แล้วเจอกันนะ ชิออนที่ลืมตาไม่ขึ้นแล้วย้ำสั้นๆ เมื่อมูห่มผ้าห่มให้แล้วจรดปลายจมูกลงบนศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีเขียวอ่อนเบาๆ

ลาก่อน แล้วเราจะได้พบกันอีกแน่นอน

............

ชากะ ฉันกำลังจะกลับไป นายที่อยู่ทางโน้นก็ช่วยด้วยล่ะมูที่ยืนอยู่ ณ ตำแหน่งเดียวกันกับที่ถูกส่งมาที่มิตินี้ครั้งแรกกำลังรวบรวมสมาธิเพื่อเทเลพอตกลับแซงค์ทัวรี่

เอาล่ะนะ

หนึ่ง....

สอง....

มูหลับตาลงช้าๆเพื่อทำจิตใจให้เข้มแข็งก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง

ทันใดนั้น!!!!

อาจเป็นความคิดถึงที่มีมากจนเกินไป หรือไม่ก็...อาจเป็นภาพลวงหลอกตาที่มายาแห่งแสงจันทร์บิดเบือนสร้างขึ้นมาปรากฏให้เห็น

...ใกล้ๆกันนั้นเงาจางๆของชายร่างสูงโปร่งเจ้าของเส้นผมสีอ่อนยาวและดวงตาสีม่วงในชุดเสื้อคลุมเคียวโกที่มูเห็นจนเจนใจกำลังยืนส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ ในขณะที่ยกมือข้างหนึ่งชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า

แต่แค่พริบตาเงาร่างนั้นก็เลือนหาย พร้อมกับที่ชากะส่งคอสโม่มาช่วยให้มูเทเลพอตกลับไป

สาม....

.......................

....ที่นี่ แซงค์ทัวรี่สินะ

ในที่สุดก็กลับมาจนได้

มูที่เทเลพอตกลับมาที่หน้าวิหารเคียวโกได้สำเร็จเงยหน้าขึ้นมองบนฟ้า

.....กลุ่มดาวราศีเมษกำลังเปล่งประกายระยิบระยับเหมือนจะกล่าวต้อนรับการกลับมา......

พอมูก้มหน้าลงอีกครั้งน้ำตาก็ไหลรินออกมา แต่.....

เจ้าตัวกำลังยิ้มอย่างมีความสุข!!!

.....ผมกลับมาแล้วครับ ท่านอาจารย์


...................................................


For HBD dear Shion-sama

Jeserith,

9 Apr. .

1 ความคิดเห็น:

  1. ซึ้งง่า......น้ำตาลาร์นี่ไหลพรากๆ 😭😭😭😭

    ฮืออออออ คือดีงามอ่ะ กินใจมาก แง้งงงงงง ไม่รู้จะพูดพิมคอมเม้นยังไงคือกินใจง่ะ TTwTT

    ชากะยังทำหน้าที่เพื่อนที่ดี

    ครานี้ซากะกะคาน่อนเปนสองบุรุษฮีโร่สินะ 555ให้มูเจอชิออนได้ถึงจะในรุปแบบแปลกๆกะเตอะ(?)

    ท่านชิน่ารักง่า....ดื้อมากและอ้อน มูนายเองกะติดมาสินะ!!! แต่รู้สึกมูจะอ้อนหนักกว่า ฮาาา

    สรุปชิออนฟื้นไหมง่าาาา แง่งงงง

    ตอบลบ