Author : jes
Pairing : ยังคงเป็นครอบครัวแกะอยู่ดี
ระดับ : ปลอดภัยไร้กังวล
Disclaimer : ตัวละครทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของอาจารย์ Masami Kurumada ค่ะ
-----------------------------------------------------------------------
ดึกดื่นค่อนคืนแล้ว...ทั่วทั้งจามิลเงียบกริบ...ได้ยินแต่เสียงลมหายใจเบาๆของแกะ 2 ตัวที่กำลังหลับสนิทดังประสานกันท่ามกลางความมืด
เสียงอะไรไม่รู้ดังกุกๆกักๆมาจากทางหน้าห้อง ถึงแม้จะเบาแสนเบายังไงแต่ก็ทำให้ชิออนกับมูรู้สึกตัวตื่นจนได้
.....มีผู้บุกรุก!?
....ฮึ่มมม...ใครบังอาจบุกจามิล จับตัวได้ล่ะก็ เจ็บ!
เงาตะคุ่มๆของแขกยามวิกาลเริ่มขยับเขยื้อนเคลื่อนที่เข้ามาใกล้ๆ
จากหน้าประตูห้องนอน
ใกล้เข้ามา...
ใกล้เข้ามา....
อีกนิดเดียวก็จะถึงปลายเตียงอยู่แล้ว
ชิออนที่ยังนอนนิ่งหันไปยิ้มให้มูแทนสัญญาณเตรียมพร้อม ซึ่งเจ้าตัวเล็กก็ส่งยิ้มกลับมาเป็นเชิงว่า
...พร้อมแล้ว ลุยเลย ‘จารย์
เอาล่ะนะ
3
2
1
READY….
GO!
เจ้าแกะมูเทเลพอตวืบเดียวไปกดสวิตช์โคมไฟที่มุมห้องพร้อมๆกับที่ชิออนลุกพรวดขึ้นจากเตียง มือซ้ายตวัดผ้าห่มขึ้นคลุมตัวเป้าหมายไว้อย่างแม่นยำแล้วยันโครมลงไปข้างเตียง มือขวากำค้อนซ่อมคลอธเป็นอาวุธพิฆาตไว้มั่นเตรียมพร้อมประเคนลงบนหัวผู้ไม่หวังดีสักเปรี้ยง
...เอาแค่เบาะๆพอกระโหลกยุบเป็นใช้ได้ ไม่ถึงกับต้องออกแรงทุบจนน่วมให้เหนื่อยเปล่า
เชื่อมือซ่อมคลอธอันดับหนึ่งอย่างแอเรียส ชิออนได้เลย รับรองไม่มีพลาด
“ยู๊ดดดดด หยุด หยุด ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ฉันเอ๊ง ชิออน ฉันเอง”
....แล้วไอ ‘ฉันเอง’ นี่มันใครล่ะฟะ
พอได้ยินเสียงคุ้นๆร้องลั่น ค้อนที่ลอยอยู่ในอากาศแค่ไม่กี่มิลล์เหนือหัวแขกไม่ได้รับเชิญก็ชะงักกึก พอดีกับที่ใครบางคนตะกุยตะกายโผล่หน้าออกมาจากใต้ผ้าห่มได้ทันเวลา
“โดโก ??? ”
นึกไม่ถึงว่าจะได้เห็นโกลด์เซนต์ราศีคันชั่ง...ผู้ทำหน้าที่วัดความดีความชั่วของเหล่าเซนต์ทั้งหมดจะนั่งแปะอยู่ที่พื้นห้องชนิดไม่เหลือมาด ข้างตัวมีหมอนกับผ้าห่มที่หอบติดตัวมาวางกองอยู่
“นายเข้ามาทำอะไรในห้องฉันไม่ทราบ ดึกดื่นป่านนี้ทำไมไม่รู้จักหลับจักนอน หา” หางเสียงชิออนบอกชัดว่าเจ้าตัวกำลังพยายามสงบสติอารมณ์อย่างสุดความสามารถขณะเก็บค้อนเข้าที่แล้วกระตุกเอาผ้าห่มของตัวเองคืนมาก่อนจะทรุดนั่งบนเตียงอีกครั้ง
“คือ..คือ..คือว่า..เอ่อ..” โกลด์เซนต์ไลบร้าตอบอึกๆอักๆชอบกลก่อนจะตัดสินโพล่งออกมาดื้อๆ
“คืองี้ ขอฉันนอนห้องนี้ด้วยคนได้ป่ะ”
“ไม่ได้” มูกระชากเสียงตอบทันควันแบบไม่ต้องคิด ร่างเล็กๆวิ่งตื๋อกลับมาที่เตียงขนาดใหญ่ที่มีอยู่เพียงเตียงเดียวในห้องทันทีแล้วสปริงตัวกระโดดขึ้นไปนอนยืดแขนกางขา พยายามทำทุกวิธีให้บนเตียงเหลือที่ว่างน้อยที่สุดก่อนจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้คว้าผ้าห่มขึ้นนอนคลุมโปงซะงั้น
...แกล้งหลับแบบนี้แหละดี อาจารย์จะได้ไม่ไล่กลับห้อง
“มูจ๋า...อย่าทำเป็นแกะใจร้ายเด้ น่า นะ ชิออนนะ นะ นะ” เสียงโดโกยังดังหงุงๆหงิงๆกวนประสาทไม่ยอมเลิก
ร้อนถึงคนกลางต้องหาหนทางไล่ไกล่เกลี่ยจนได้ ไม่งั้นคืนนี้คงไม่ได้นอนสบายๆสักที
“ที่ห้องนายมีปัญหาอะไร เดี๋ยวฉันไปจัดการให้” ชิออนถอนใจยาวพลางขยับตัวแต่ก็ลุกไม่ได้ เพราะมีมือเล็กๆที่ไม่รู้ว่าเอื้อมไปกำชายเสื้ออาจารย์สุดที่รักตั้งแต่เมื่อไหร่ดึงไว้แน่นไม่ยอมปล่อย...ชนิดที่ว่าถ้าคิดจะไปจริงๆก็ต้องยอมให้เสื้อขาดไม่งั้นก็อุ้มเจ้าแกะตัวแสบนี่ติดออกไปด้วย
“ไม่มี” โดโกส่ายหน้าก่อนตัดสินใจสารภาพความจริง “ฉันนอนไม่หลับ
ก็คนเคยนอนเฝ้าน้ำตกมาตั้งนาน พอไม่ได้ยินเสียงน้ำกระทบโขดหินแล้วชีวิตมันเหมือนขาดอะไรไปอย่าง
“แล้วที่แย่ที่สุดนะ...ชิออน...” โดโกที่ลดอายุลงไปใกล้ๆกับมูทำท่าขนลุกขนพองด้วยความหยดหยองสุดขีด “เหมือนฉันได้ยินเสียงครางฮือๆดังมาจากข้างนอกด้วยล่ะ เสียงร้องโอ๊ยเงี้ย ร้องอ๊ากงี้ก็ใช่ ไม่รู้เป็นพวกผีแถวก้นเหวจามิลรึเปล่าอ่ะเซ่ะ”
....กรรม....นี่นายอายุเท่าไหร่แล้วเนี่ย ฉันล่ะเชื่อเลยจริงๆ
“ก็แค่เสียงลมพัดไปมาตามช่องระหว่างหุบเขาเท่านั้นล่ะน่า กลับไปนอนไป” เจ้าของห้องที่ออกอาการเซ็งสุดขีดคอสโม่ออกปากไล่เอาดื้อๆ แต่ดันเหลือบไปเห็นลูกแกะที่แกล้งทำเป็นหลับแอบพยักหน้าเห็นด้วยหงึกๆจากหางตาไวๆ ชิออนก็เปลี่ยนใจกระทันหัน
....ขอแกล้งหน่อยเถอะน่า
“โอเค โดโก ฉันยอมแพ้ อยากนอนก็นอน”
....อ้าว เฮ้ ! ไหงงั้นล่ะ
ทั้งๆที่ขัดขวางมันทุกอย่างแล้วแท้ๆแต่ในที่สุดชิออนกลับยอมเซย์เยสเอาง่ายๆ เจ้าแกะมูที่ยังวางฟอร์มแกล้งหลับเสมอต้นเสมอปลายเลยหูตั้งหางชี้ขึ้นมาประมาณว่า...ยอมไม่ได้!!!!
แต่พออ้าปากเตรียมโวยวายประท้วงปุ๊บ ก็โดนหมัดเด็ดชิออนที่รอจังหวะอยู่แล้วสอยร่วงน็อกคาเวที
“นอนพื้นไปก่อนแล้วกัน ไว้มูตื่นขึ้นมาอีกทีเมื่อไหร่ฉันจะให้ไปนอนเป็นเพื่อนนายที่ห้อง”
พอถูกดักคอเข้าให้...ปากเล็กๆก็หุบฉับลงแทบไม่ทัน แต่ลีลายังเหลือร้ายอยู่ด้วยการพลิกตัวเข้าไปใกล้ๆอีกหน่อย เบียดๆเข้าไปอีกนิด กระแซะๆเข้าไปจนชิดแล้วยึดเอาแขนอาจารย์มากอดไว้ตามเดิม
....เท่านี้ก็เรียบร้อย หมดเรื่อง......
ชิออนยักคิ้วแล้วเอนตัวลงนอนบ้าง
“โดโก พรุ่งนี้ตื่นเช้าๆล่ะ..เอาคลอธที่ซ่อมเสร็จแล้วไปส่งให้ที”
.......................................
วันต่อมา
ทั้งๆที่อากาศยามบ่ายข้างนอกหอคอยจามิลออกจะแจ่มใสได้ใจแท้ๆ...แต่แกะน้อยของเราตอนนี้กำลัง‘รมณ์บ่จอยสุดๆ
เพราะอะไรน่ะเหรอ...
ฮึ!...
เมื่อ 15 นาทีที่แล้ว
“มู.... มู....” เสียงท่านอาจารย์ร้องเรียกศิษย์รักดังมาจากในครัวที่มีกลิ่นขนมอบเสร็จใหม่ๆหอมฟุ้งลอยมาเป็นเอฟเฟกท์ประกอบฉาก
“ค้าบบบบบ” มูที่ฝึกฝนการใช้พลังจิตอยู่ในห้องข้างๆรีบถลาเข้าไปหาอย่างรวดเร็วพร้อมรอยยิ้มใสๆ ดวงตาเป็นประกายวับๆเมื่อเห็นเอแคลร์ไส้ช็อกโกแลตชิ้นเล็กๆรางเรียงรายอยู่เต็มถาด
....ว้าว...น่ากินจัง เนื้อแป้งนุ่มๆสีเหลืองอ่อนแล้วยังจะครีมช็อกโกแลตเหลวๆที่อยู่ข้างในอีก มาๆเดี๋ยวช่วยชิม เย้!
แต่แล้วรอยยิ้มน้อยๆก็เลือนหายไปพร้อมกับคำพูดดับความหวังจากปากชิออนที่ยื่นจานใบย่อมมาให้
“รีบเรียงขนมใส่จานด่วนจี๋ เดี๋ยวโดโกก็จะกลับมาแล้ว ทันเวลาน้ำชาตอนบ่ายพอดี” ชิออนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ขณะหยิบผ้าปูโต๊ะผืนใหม่ออกจากลิ้นชักแล้วเดินออกไปจัดโต๊ะข้างนอก
“เรียงเสร็จแล้วค่อยยกตามออกมา ห้ามแอบกินก่อนเด็ดขาดนะ”
ฮึ!....
แกะน้อยได้แต่หงุดหงิดไปเรียงเอแคลร์ใส่จานตามคำสั่งไป
.....ใจร้าย ใจร้ายนะเนี่ย อาจารย์ใจร้ายอ่ะ ใจร้ายมากๆเลย
ว่าแล้วอาการน้อยใจกับงอนเล็กๆก็เข้ามาแทนที่
......ฮือออออออ แง.... เค้าเสียจายยยยยย ทำไมอาจารย์รักแต่ท่านโดโก ไม่รักมูแล้วเหรอ
ลงท้ายก็ต้องเป็นการเข้าข้างตัวเองแกมประชดนิดๆ
......ดีล่ะ งั้นจะกินให้หมดเลย คอยดู
เอแคลร์ชิ้นใหญ่ถูกส่งเข้าปากพร้อมๆกับเสียงฝีเท้าของชิออนที่เดินกลับเข้ามาในครัวอีกที
“เสร็จรึยังมู..เอ๊ะ....” ชิออนเป็นงงเมื่อเห็นท่าทางประหลาดๆของศิษย์คนเดียว
ก็เจ้าแกะตัวยุ่งเบิกตาโตเหมือนตกใจอะไร ที่สำคัญ..ไม่ยอมมองหน้าอาจารย์สุดที่รักเหมือนทุกที มือน้อยๆยกขึ้นปิดปากไว้ แก้มก็พองผิดปรกติ...เหมือนกินอะไรเข้าไปแล้วยังกลืนไม่ได้เพราะเคี้ยวไม่ละเอียด
“ขนมหายไปไหนชิ้นนึง” ชิออนที่ชักเอะใจขึ้นมาหน่อยๆเหลียวซ้ายแลขวาหาอะไรบางอย่าง
“ไอ้อู๊ ” มูส่ายหัวดิก
“แน่นะ”
“ไอ้อู๊อิงๆ” มูยังปฏิเสธ แต่เหงื่อเย็นๆจากที่แค่ซึมๆเริ่มแตกพลั่กออกมาอย่างช่วยไม่ได้
....เรื่องปากแข็งล่ะกินขาด รับรองไม่มีใครเกิน
“ไม่รู้งั้นเหรอ ไหนอ้าปากซิ อ้า! บอกให้อ้าปากไง”
มูส่ายหัวอีกครั้งพร้อมน้ำตาที่รินออกมาเป็นทางในวินาทีเดียวกับที่ชิออนหาสิ่งที่ต้องการเจอ
ถังขยะที่ซุกอยู่มุมห้องถูกคว้าออกมาวางข้างหน้าแกะน้อยอย่างรวดเร็ว
“อย่ากลืนลงไปนะ รีบคายออกมาซะ คายออกมาให้หมด อย่างงั้น...ดีมาก...เฮ้อ !”
พอคาย ‘เอแคลร์เปิบพิสดาร’ ชิ้นนั้นออกจากปากได้ แก้วน้ำอุ่นๆก็ถูกยื่นส่งมาให้เหมือนรู้ใจ เมื่อบ้วนน้ำไปหลายครั้งกับจิบน้ำไปหลายอึกเรียบร้อย แกะน้อยก็ผวาเข้ากอดอาจารย์ไว้แน่นแล้วปล่อยโฮออกมาแบบลืมอาย
เล่นเอาชิออนที่กำลังลูบหัวลูบหาง เอ้ย ลูบหลังลูบไหล่ศิษย์รักอดหัวเราะไม่ได้
“มูเอ๊ย...บอกแล้วว่า..อย่ากิน..อย่ากิน ก็ไม่เชื่อกันนี่น้า ในแป้งเอแคลร์นั่นมีเกลือผสมอยู่สักกิโลได้มั้ง ไส้ก็ไม่ใช่ช็อกโกแลตหรอก...เป็นซีอิ๊วที่เคี่ยวจนข้นแล้วใส่กลิ่นโกโก้หลอกไว้น่ะไม่ว่า...”
เจ้าของสูตรมรณะใช้นิ้วปาดน้ำตาให้เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายเป็นการปลอบใจแล้วกระซิบถามเบาๆ
“แต่ไหนๆก็กินเข้าไปแล้ว..ถามจริง..รสชาติมันเป็นไงมั่ง เข้าขั้น ‘ยอดแย่สมบูรณ์แบบ’ แล้วยัง”
พอแกะตัวเล็กในอ้อมแขนชะงักไปนิด แกะตัวโตก็ชักกังวลขึ้นมาหน่อยๆ
“เอ...ยังพอกินได้อยู่เหรอ งั้นเอาพริกป่นยัดเพิ่มเข้าไปอีกนิดท่าจะดี”
รู้สึกชิออนจะมีความพยายามเป็นเลิศในการสร้างสรรค์สูตรขนมสำหรับโดโกโดยเฉพาะ ถ้ายังไม่เจอสูตรที่ ‘กินเมื่อไหร่เป็นตายคาที่’ เจ้าตัวคงไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจ
“อาจ๊ารย์~~~~~~” เจ้าแกะมูร้องเสียงสูงปรี๊ดดดดดดดดพร้อมปล่อยโฮอีกรอบ คราวนี้ไม่ร้องเปล่า กำปั้นเล็กๆรัวกระหน่ำลงไปบนตัวคนข้างๆแบบไม่ยั้ง
.....‘จารย์ใจร้าย เค้ารู้ทันหรอกน่า นี่วางแผนหลอกหาคนตายแทน เอ้ย หาคนกินแทนเอาไว้แต่แรกแล้วใช่มั้ย
เสียงหัวเราะกับเสียงร้องไห้ดังไปทั่วห้องครัวเล็กๆกับ ‘ยกที่หนึ่ง’ ของมหาสงครามกับข้าววินาศ
แล้ว ‘ยกที่สอง’ ก็ตามมาแบบไม่ทันตั้งตัวในมื้อเย็นวันถัดไป
แป๊ง! แป๊ง! แป๊ง! แป๊ง!
เสียงตะหลิวเคาะกระทะดังขึ้นเป็นสัญญาณนัดรวมพลที่โต๊ะอาหาร
“ช้า” พอเข้าประจำที่ปั๊บชิออนก็เริ่มแขวะพ่อครัวก่อนเป็นการเรียกน้ำย่อย มีมูที่หิวข้าวจนท้องร้องจ๊อกๆไปหลายรอบพยักหน้าสนับสนุน
“เออน่า ช้าแต่ชัวร์นะบอกให้” โดโกในชุดเชฟเต็มยศยกจานอาหารออกมาแต่ไม่ยอมเสิร์ฟสักที เพราะเอาแต่วาดลวดลายเลี้ยงจานใบโตให้หมุนไปหมุนมาบนแท่งตะเกียบยักษ์หลายสิบคู่ยังกับเคยฝึกกายกรรมโกโรโฮมาก่อนยังไงยังงั้น
“อย่าให้ตกลงหัวนะ” ชิออนร้องลั่นแล้วใช้พลังจิตคว้าจานอาหารทั้งหมดมาตั้งบนโต๊ะได้สำเร็จ
...โอ้โฮเฮะ หน้าตา (อาหาร) ดีชะมัด
“เป็นไงล่ะขอรับ ตะลึงกันไปเลยล่ะสิ” ยอดเชฟแดนมังกรนามโดโกยืดอกคุยด้วยความภูมิใจแล้วยิ้มปลื้ม “เมนูเด็ดประจำวันนี้ขอนำเสนอขาหมู-หมั่นโถว ปลากระพงนึ่งบ๊วย โกยซีหมี่ แล้วก็ผัดผักแปดอย่างฝีมือท่านโดโก เอาเลย...กินเลย ไม่ต้องเกรงใจ”
“งั้น ลงมือเลยนะ ทานล่ะนะคร๊าบบบบ” มูลงมือประเดิมก่อนเป็นคนแรก
เพราะความหิวเป็นทุนเดิมล่ะมั้ง สามสี่คำแรกๆเลยพอทนที่จะกล้ำกลืนฝืนกินลงท้องไปได้ แต่พอมาถึงคำที่ห้าที่หกนี่สิ.....ชักสุดทน!!!
.....จะจำไว้จนวันตายว่าอาหารฝีมือท่านโดโกหน้าตากับรสชาติไปกันคนละทาง ก็นั่นสินะ...คนที่เขมือบเอแคลร์มรณะของท่านชิออนเข้าไปจนกลี้ยงจานโดยที่ไม่เป็นอะไรเลยแถมยังชมไม่ขาดปากอีกว่าอร่อยอย่างโน้น อร่อยอย่างนี้ คงมีกระเพาะที่ไม่ธรรมดาเหมือนมนุษย์มนาคนอื่นเขา
....นี่สิถึงจะเรียกว่า ‘ห่วยแตกสมบูรณ์แบบ’ ของจริง
มูวางตะเกียบก่อนจะน้ำตาไหลพรากกกกก...ที่ดันตระหนักถึงสัจธรรมแห่งแห่งชีวิตช้าเกินไป
“อ้าว มู เพิ่งกินไปนิดเดียวเอง อิ่มแล้วเหรอ” จะเพราะความใจดีของโดโกหรือความซวยของมูก็ไม่ทราบได้ อยู่ๆโดโกที่กำลังเอ็นจอยอีทติ้งสุดๆก็ดันหันมาถามไถ่ตามประสา...ศิษย์เพื่อนก็เหมือนศิษย์เรา...พอเห็นสีหน้าแกะน้อยเข้าก็เข้าใจ (ผิด) ว่าเกิดอะไรขึ้น
“หน้ามุ่ยเชียว สงสัยตักไม่ถึงล่ะสิ เอ้า...กินเยอะๆนะจะได้โตเร็วๆ”
....ไม่นะ ม่ายยยยยยย ไม่เอาแล้ว
ช้าไปแล้ว...แค่โดโกสะบัดปลายตะเกียบ...เนื้อปลาชิ้นเท่ายักษ์กับเส้นหมี่กองเท่าภูเขาก็มีอันลอยมาอยู่ในจานของมูจนได้
“จารย์” แกะน้อยหาผู้ร่วมทุกข์ “แบ่งไปหน่อยมั้ย”
“กินไปเหอะ” ชิออนมองจานกับข้าวกลางโต๊ะที่พร่องไปได้นิดหน่อยแล้วทำเฉย “ยังมีเหลืออีกเยอะเลย”
คำตอบของอาจารย์สุดเลิฟเล่นเอาลูกศิษย์แสนรักเป็นงงที่เห็นชิออนยังคีบกับข้าวเข้าปากได้เรื่อยๆเหมือนไม่รู้สึกอะไร หรือว่า...อาจารย์ชิออนก็มีกระเพาะเหล็กอย่างท่านโดโกเหมือนกัน!?
ไม่ไหวแล้ว.....
ในที่สุดมูก็ยอมแพ้ด้วยการเทเลพ็อตกลับห้องก่อนที่จะเป็นลมหมดสติถ้าต้องกินอะไรเสี่ยงตายมากไปกว่านี้ หารู้ไม่ว่า...หลังจากที่ตัวเองเทเลพ็อตหายไปแล้ว ชิออนก็รวบรวมเรี่ยวแรงที่ยังพอมีเหลืออยู่บ้างวางตะเกียบลงแล้วหันไปบอกโดโกสั้นๆ
“เก็บโต๊ะด้วยล่ะ”
จากนั้นก็ชิ่งหนีกลับห้องส่วนตัวไปด้วยอีกคน หวังจะเอาของที่ฝืนกินเกทับเพื่อนเซนต์กับลูกศิษย์ออกมาจากกระเพาะให้หมด
ถึงจะทำเพื่อศิษย์ได้ทุกอย่าง แต่เรื่องเสียฟอร์มนี่ยอมไม่ได้.........เอิกส์...แหวะ!
........................................
เช้าวันรุ่งขึ้น...
กับ ‘ยกที่สาม’ ของมหาสงครามกับข้าว
“มู...มู....มูจ๋า มูอยู่หนายยยยย~~~” เสียงเรียกหาเจ้าแกะน้อยดังขึ้นอีกแล้ว ทำเอามูในสภาพทรุดโทรมขนาดหนักเพราะท้องเสียอย่างแรงตลอดคืนชักอยากโดดลงหน้าผาจามิลให้ตายไปซะรู้แล้วรู้รอด
“มู...มู เจอแล้ว ออกมาอยู่ข้างนอกนี่เอง มิน่าหาในหอคอยเท่าไหร่ก็ไม่เจอ” โกลด์เซนต์ไลบร้า โดโกเดินยิ้มแต้เข้ามาหาพร้อมจานใส่อะไรบางอย่างในมือ
....เซอุส อาเธน่า ฮาเดส โพเซดอน เฮร่า ดีมิเตอร์ เพอร์เซโฟนี อพอลโล่ อาร์เธมิส เฮอร์เมส ใครก็ได้ช่วยแกะด้วย แกะกลัวแล้ว แกะยังไม่อยากตายยยยย แงงงงง....
“เป็นไงบ้าง หายปวดท้องยัง ไปกินอะไรเข้าถึงท้องเสียได้ ชิออนก็จริงๆทำไมไม่ดูแลลูกศิษย์ให้มันดีๆหน่อย” โดโกบ่นบู้บี้อย่างไม่รู้ว่าไร้เดียงสาหรือพาซื่อกันแน่ ทั้งๆที่คนที่ตัวเองบ่นถึงอยู่ก็อาการเพียบหนักไม่แพ้กัน ไม่สิ..อาจจะเข้าขั้นโคม่าไปแล้วด้วยซ้ำเพราะปริมาณการกินที่มากกว่า แต่เจ้าตัวก็ยังอุตส่าห์กัดฟันตื่นแต่เช้ามาต้มข้าวต้มหม้อใหญ่รอไว้เพราะกลัวลูกศิษย์คนเดียวจะเจอ ‘มื้อเช้ามหาโหด’ เข้าให้อีกรอบก่อนจะรีบตัดช่องใหญ่แต่พอตัวปิดประตูขังตัวเองอยู่แต่ในห้องนอน
“กินนี่สิ จะได้มีแรง” โดโกยื่นของในมือให้
มูมอง ‘พายบลูเบอร์รี่’ ที่โดโกเอามาเสิร์ฟอย่างสนใจขึ้นมานิดหน่อย จริงๆแล้วหน้าตาก็น่ากินดีอยู่หรอก...แป้งพายอบใหม่ๆสีเหลืองนวล หอมกลิ่นครีมวานิลาหวานๆ ยังจะแยมบลูเบอร์รี่ข้นๆสีม่วงอมน้ำเงินนั่นอีก แต่...โทษที คนเรามันเจ็บแล้วจำนะบอกให้
“ไม่” มูสะบัดหน้าไปอีกทาง
“เอาน่า กินหน่อย นี่ชิ้นสุดท้ายแล้วนา นะ นะ” โดโกยังพยายามหลอกเด็กเต็มที่
“ไม่กิน” มูเมินไปทางอื่นอีกทีอย่างไม่มีอะไรมาเปลี่ยนใจได้
“ไม่กิน งั้นฉันกินแทนนะ”
พอเห็นมูยังเฉย โดโกก็อ้าปากกว้างงงงงงงง...พลางยัดพายบลูเบอร์รี่ที่ชิ้นไม่เล็กนักเข้าไปคำเดียวหมด เคี้ยวช้าๆแล้วหลับตาลงอย่างมีความสุข
“อืม....พายฝีมือชิออน..ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยังอร่อยไม่เปลี่ยน”
......วะ...วะ...ว่าไงนะ อะ....อาจารย์อบพาย มะ...มะ....เมื่อไหร่ ทะ...ทำไมเมื่อเช้าไม่เห็น ละ...ละ...แล้วอะไรนะ.....ชิ้นสุดท้าย~~~~~เอิ้กส์
...ช็อก
.....ก็ช็อกอ่ะเซ่ะ
.....ช็อกสนิทเลยท่าน
กว่าจะรู้ตัวอีกทีโดโกก็เดินจากไปแล้วพร้อมจานเปล่าทิ้งให้แกะน้อยที่หัวใจสลายหมดเรี่ยวหมดแรงทรุดลงไปกองกับพื้นในสภาพไร้วิญญาณ
.... ม่ายยยยย...ไม่น้า ฮืออออ....เอาขนมของเค้าคืนมา...เอาคืนมา.....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น