Title : ตามหาพี่ชาย....ยยยยยยย!
Author : jes
Pairing : อ่านดูเองเหอะ
Disclaimer : ตัวละครเป็นลิขสิทธิ์ของ square enix ค่ะ ไอเดียนี้เกิดขึ้นเพราะความเซ็งตอนฟังสัมมนา เพื่อถ่วงหนังตาไว้ไม่ให้หลับคาโต๊ะเลยขีดๆ เขียนๆ ฟิคมันแก้เบื่อ เลยได้ฟิคนี้ออกมา
Intro : เขียนตามใจอยากค่ะ เนื้อหาเลยไม่ตรงเนื้อเรื่องหลักและค่อนข้างไร้สาระ คิดว่าอ่านเอาสนุกแล้วกันนะเจ้าคะ ตามพล็อตเรื่องคราวนี้ตัวละครหลักจะเป็นฝ่ายชินระทั้งหมด เซฟจัง แซคกี้ แองจีล และเจเนซิสเลยได้มีบทกะเค้าบ้างหลังโดนเจสดองเก็บไว้ไม่เห็นหน้าค่าตาในฟิค brother เลยสักคน (เปลี่ยนมาดองบทเอริธ ทีฟ่า แบร์เร็ต และพวกพ้องคนอื่นๆ แทน -*-)
แต่แค่อ่านชื่อเรื่องก็รู้แล้วใช่มะว่า...หนีไม่พ้นคลาวด์คุงกับแก๊ง 3 หนุ่มผมเงินตามเคย
ปล. เจสเป็นแม่ยกคลาวด์ค่ะ (หรือจะพูดให้ถูกคือ เซฟี่คลาวด์) อย่าว่าคลาวด์กันเลยนะ ถึงจะยอมรับว่าหมอนี่พึ่งไม่ค่อยได้จริงๆ ก็เหอะ!
-----------------------------------------------------------------------
...น่าสนใจ
รูฟัส ชินระ ที่เพิ่งกลับจากกินข้าวกลางวันพร้อมกับเจรจาธุรกิจไปด้วยรามือจากเอกสารกองโตบนโต๊ะทำงาน ก่อนมาหยุดยืนมองภาพทิวทัศน์เบื้องล่างจากหน้าต่างชั้นบนสุดของตึกชินระ
รอยยิ้มบางๆ เหยียดๆ ราวตัวเองเป็นเจ้าของโลกทั้งใบผุดขึ้นที่ริมฝีปาก
...เด็กนั่นน่าสนใจ
ไอเรื่องมีคนจงใจตัดหน้ารถหวังเรียกเงินน่ะ เป็นเรื่องธรรมดาที่พบเจอได้บ่อยๆ แต่มันช่างแตกต่างกับเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไปอย่างสิ้นเชิง....
พอคนขับรถเบรกกระทันหัน จากหางตาก็เห็นร่างของเด็กคนนึงล้มลงหน้ารถ จากนั้นเส็งก็เปิดประตูลงไปดูเหตุการณ์เหมือนทุกที
สิ่งที่เกิดขึ้นเรียกเสียงถอนใจด้วยความเบื่อหน่ายระคนสมเพชให้ดังขึ้นจากคนที่นั่งอยู่บนที่นั่งตอนหลัง
...พวกไร้สมอง หวังจะหาเงินทางลัด แต่คิดจะเล่นไม่ซื่อกับชินระน่ะยังเร็วไปร้อยปี
...เสียเวลา น่ารำคาญเหลือเกิน คนพวกนี้
“เงียบไปเลยนะ”
เสียงแหวดังลั่นมาจากร่างเล็กๆ ที่แม้จะยังหน้าซีด มือสั่น แต่ก็พยายามจะพยุงตัวลุกขึ้นยืนให้ได้ ถ้าไม่ได้เส็งช่วยประคองไว้คงได้ทรุดลงไปกองกับพื้นอีก ...อะไรบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ในตัวเด็กนั่นสะดุดตาเสียจนทำให้ต้องลดกระจกลงเพื่อติดตามสถานการณ์ตรงหน้า
พอตั้งตัวติด หายตกใจ เด็กนั่นก็เท้าเอวฉับ..เปิดฉากสวนกลับทันที
“ถึงฉันจะไม่ค่อยมีเงิน แต่ก็ไม่บ้าพอจะเอาชีวิตมาแลกกับเศษเงินของของพวกนายล่ะน่า อย่าคิดเข้าข้างตัวเองไปหน่อยเลย”
เสียงตวาดแหวเหมือนลูกแมวขี้หงุดหงิดเพราะถูกแย่งชามใส่นมดังขึ้นเรื่อยๆ นัยน์ตาสีเขียวสว่างเป็นประกายวาววับด้วยความโกรธ เล่นเอาคนขับรถอ้าปากค้างบวกอึ้งกิมกี่
“โอเค.. ฉันยอมรับผิดที่ไม่ดูทาง แต่พวกนายก็ไม่มีสิทธิ์มาดูถูกหาว่าฉันหวังเงิน”
“ถ้างั้นก็เลิกแล้วต่อกัน” พอเห็นว่าอีกฝ่ายชักหัวเสียหนัก แล้วชาวบ้านร้านตลาดแถวนั้นก็เริ่มให้ความสนใจมามุงดูมากขึ้นทุกที เส็งก็พยายามทำให้เรื่องจบลงโดยไว “เธอแน่ใจนะว่าไม่เป็นอะไร”
“คงไม่มั้ง” เจ้าเด็กที่ทำตาขุ่นใส่คนขับรถไม่เลิกก้มลงมองสำรวจตัวเองพลางเช็กสภาพด้วยการขยับแขนขาไปมา ตามเนื้อตัวนอกจากรู้สึกเคล็ดขัดยอกนิดหน่อย มีรอยฟกช้ำกับแผลถลอกบ้างเล็กน้อย เสื้อผ้าบางส่วนก็มีรอยฉีกขาด..แต่ก็บอกไม่ได้ว่าขาดเพราะอุบัติเหตุเมื่อกี้หรือเพราะว่ามันค่อนข้างเก่าแล้วกันแน่ ลงท้ายเจ้าตัวก็ใจหายวาบก่อนอุทานลั่นแล้วถลาเข้าไปหารถจักรยานที่พังไม่มีชิ้นดีอย่างรวดเร็ว
“ดอกไม้ ดอกไม้...ไม่เป็นไร ค่อยยังชั่ว”
ตอนที่รถพุ่งเข้าใส่..เจ้าตัวคงห่วงของเลยหักหน้ารถหลบ ผลคือดอกไม้ปลอดภัยเพราะมีคนรับแรงกระแทกแทน ส่วนจักรยานไม่ต้องพูดถึง ส่งไปโรงหลอมเศษเหล็กได้เลย
“จักรยานนั่น ทางเราจะชดใช้ให้เอง” เส็งแตะไหล่เด็กหนุ่มเบาๆ “แต่เธอต้องไปเช็กร่างกายที่โรงพยาบาล”
“โรงพยาบาลน่ะช่างเถอะ ส่วนจักรยานก็ไปคุยกับปาป้าซัง เอ้ย เจ้าของร้านอาหารในซอยข้างๆ ร้านขายยาเอาเองแล้วกัน ไปล่ะ...” ว่าพลางใช้สองมือประคองช่อดอกไม้สีชมพูแจ๋นขึ้นมาแทบจะกอดไว้แล้วออกเดินต่อไป แต่เหมือนจะนึกอะไรได้เลยวกกลับมาเคาะกระจกรถเรียกเบาๆ
“เฮ้! คุณน่ะ ชื่อ ‘เส็ง’ ใช่มั้ย …ของมันเก่าอยู่แล้วนะ อย่ายอมให้ปาป้าหน้าเลือดโขกราคาเกิน 300 กิลล่ะ แล้วถ้ามีใครทำเนียนเรียกค่ารักษาพยาบาลหรือค่าทำขวัญล่ะก็ ฉันไม่รู้ไม่เห็นอะไรด้วยนะ โอเค๊...”
วินาทีนั้นที่เขาได้เห็นเด็กหนุ่ม ‘คู่กรณี’ ชัดๆ
...ถึงจะเป็นแค่แรงกระแทก ไม่โดนชนตรงๆ ก็เถอะ แต่ขนาดจักรยานยังพังยับ รับรองได้ว่าไม่มีใครหน้าไหนจะลุกขึ้นมาไหวแถมยังพูดฉอดๆๆๆ ได้ขนาดนั้น ที่สำคัญคือ..ผมสีเงินเป็นประกายกับนัยน์ตาสีเขียวสว่างนั่น มันช่างแสนจะสะดุดตา...
มือเร็วกว่าใจ ไวเกินความคิด รองประธานชินระกดปุ่มอินเทอร์คอมแล้วกรอกเสียงลงไป
“ให้รีฟขึ้นมาพบฉัน”
จากนั้นก็คว้าโทรศัพท์ส่วนตัวขึ้นมากดหมายเลข
........................................
เสียงเคาะประตูดังขึ้น พร้อมเสียงคนส่งของที่พร้อมใจกันประสานกำลังเรียก
“จากลิลลี่เดลิเวอรี่ครับ มีดอกไม้จากคุณรูฟัสส่งถึงคุณคาดาจครับ”
“ฟรุ๊ตตี้ เบเกอรีค่ะ มีสตรอเบอรีสดจากคุณรูฟัสถึงคุณคาดาจค่ะ”
“กรุณารับด้วยเถอะครับ”
“ได้โปรดช่วยรับของด้วยนะคะ”
“ของนายแน่ะ” ลอซที่เขมือบเค้กเนื้อนุ่มทั้งชิ้นหมดในคำเดียวเคี้ยวตุ้ยๆ พลางเอาส้อมชี้ไปที่ประตู “เมื่อวานซืนเป็นกุหลาบช่อโตกับเสื้อผ้าแบรนด์เนม เมื่อวานก็คาร์เนชั่น ช็อกโกแลตเค้ก แล้วก็โทรศัพท์มือถือพร้อมเบอร์คนให้ วันนี้เป็นลิลลี่ สตรอเบอรี แล้วจะเป็นอะไรอีก”
“จะเป็นอะไรก็ช่าง ฉันไม่อยากได้” คาดาจกระชากเสียงใส่ด้วยความหงุดหงิดก่อนถือลิลลี่สีชมพูช่องามกับตะกร้าใบใหญ่ใส่สตรอเบอรีลูกโตสีแดงสดหลายสิบลูกเข้ามาในห้อง “ไม่รู้เจ้าบ้านั่นคิดอะไรอยู่ ถึงได้ส่งของพวกนี้มา”
เรื่องราวมันต่อเนื่องมาจากวันนั้น วันที่เขาเกือบถูกรถชน...
ทั้งๆ ที่คิดว่าเคลียร์ทุกอย่างจบหมดจนเลิกแล้วต่อกันไปแล้วเชียวนะ
...
...
...
...หนัก ดอกไม้อะไรไม่รู้หนักเป็นบ้า แล้วตอนนี้ก็ใกล้เที่ยงแล้วด้วย แดดร้อนชะมัด
คำบ่นในใจอันแสนจะดุเดือดของหนุ่มน้อยที่อุ้มดอกไม้ช่อใหญ่เดินเลียบถนนใหญ่ไปเรื่อยๆ อย่างยอมแพ้ต่อโชคชะตา
...ขี่จักรยานยังตั้งครึ่งชั่วโมง นี่ต้องเดินไป..กว่าจะถึงชินระคงตกบ่าย กว่าจะได้กลับห้องก็คงเย็นเกือบค่ำ
... แล้ววันนี้...คงหาพี่ชายไม่เจออีกตามเคย
เฮ้อ!
แต่ก่อนที่จะคิดอะไรฟุ้งซ่านเรื่อยเปื่อยไปมากกว่านี้ เสียงแตรรถก็ดังขึ้นเบาๆ ข้างตัว พอหันไปมองก็เห็นลีมูซีนคันเก่าเจ้าปัญหากำลังขับชะลออยู่ใกล้ๆ ชนิดที่ว่าไม่สนใจเสียงบีบแตรไล่หลังของกองทัพรถที่ขับตามมาเลยแม้แต่น้อย สักพักกระจกด้านที่นั่งตอนหลังก็เลื่อนลง
“ไปด้วยกันมั้ย” ชายหนุ่มผมทอง ตาสีฟ้า สวมชุดสูทสีขาวล้วนสุดเนี้ยบเอ่ยชวน มือเรียวเสยปอยผมที่ตกลงมาระหน้าผากแล้วปัดขึ้นไปไว้ด้านหลังตามความเคยชิน
“ไม่ล่ะ” คาดาจสั่นหัวปฏิเสธ เมินหน้าไปอีกทาง พลางเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นอีกเท่าที่จะเร็วได้
...เห็นคนผมทอง ตาฟ้า แต่ก็ไม่ใช่พี่ชายทีไร มันชวนเจ็บที่ใจพิลึก แถมไอท่าทางอันแสนจะเย่อหยิ่งประมาณว่า ‘โลกทั้งใบอยู่ในมือข้าคนเดียว’ ของหมอนี่ ดูก็รู้ว่า ‘ไม่ใช่คนระดับธรรมดา’
...ไม่น่าไว้ใจ อย่าไปยุ่งด้วยเลยจะดีกว่า
น่าแปลกที่รถคันใหญ่ยังคงขับชะลอตามอยู่ไม่ห่าง จนรถข้างหลังทนไม่ไหวต้องยอมเลี่ยงออกไปวิ่งเลนอื่นแทน
“เธอจะไปตึกชินระไม่ใช่เหรอ” เจ้าหมอนั่นยังคงตามตอแยไม่ยอมเลิก “เดินไป อีกไกลนะกว่าจะถึง ดัจจี้”
“คาดาจ” เจ้าของชื่อหันขวับมาตวาดใส่ด้วยความลืมตัว แต่แล้วก็แทบอยากกัดลิ้นตัวเองเมื่อเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปนพออกพอใจปรากฎบนใบหน้าอีกฝ่าย
“คาดาจ คาดาจ” ชื่อเรียกถูกทวนซ้ำอีกครั้งอย่างล้อเลียนก่อนคนพูดจะเล่นบทตื้อครองโลกอีกครั้ง “ขึ้นมาเถอะ ในนี้เย็นกว่าข้างนอกเยอะ ดอกไม้นั่นก็ดูท่าจะหนักไม่ใช่เล่น.. แล้ว..คงดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะถ้ามันเฉาซะหมดก่อนถึงมือคนรับ”
“ช่างฉัน” แม้ในใจจะเริ่มเอนเอียงไปกับคำพูดของอีกฝ่ายไม่น้อย แต่คาดาจก็ยังคง ‘ดื้อเรียกแม่’ ไม่ยอมเลิกเหมือนกัน “นายจะไปไหนก็ไปเลย”
เสียงหัวเราะหึหึดังขึ้นเบาๆ คราวนี้..มือที่ยื่นออกมานอกรถถืออะไรบางอย่างอยู่ด้วย ก่อนจะโบกซ้ายโบกขวาไปมาช้าๆ เหมือนจะท้าทายสายตา แต่แค่แวบเดียวที่เห็นก็เล่นเอาหนุ่มน้อยใจหายวาบแล้วก้มลงมองช่อดอกไม้ที่อุ้มอยู่ทันที
...เอาล่ะสิ ไม่มีจริงๆ ด้วย
...ซองใส่การ์ด ใช่แล้ว..ซองเดียวกับที่ปาป้าซังฝากไปให้ ‘คุณรีฟ’ พร้อมช่อดอกไม้นั่นแหละ สงสัยจะทำหล่นตอนจักรยานล้ม
“เอาคืนมานะ”
แต่พอขยับเข้าไปใกล้หมายจะรีบตะครุบแย่งกลับคืนมา มือที่ถือซองอยู่ก็หดกลับรวดเร็วพร้อมๆ กับประตูรถที่เปิดออกกว้าง วินาทีถัดมาท่อนแขนแข็งแรงก็ตวัดรวบเข้าที่เอวเล็กๆ แล้วออกแรงดึงเข้าหาตัวได้อย่างไม่ยากลำบาก
...
...
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง
“เจ้าบ้านั่น เล่นไม่ยอมเลิก” คาดาจโมโหจี๊ด ในขณะที่ยาซูที่กำลังส่งสตรอเบอรีเข้าปากหันมาหลิ่วตาให้
“เจ้าบ้าที่นายว่าน่ะ เป็นลูกชายคนเดียวแถมรั้งตำแหน่งรองประธานของบริษัทชินระเชียวนะ จีบคนนี้ได้สบายไปทั้งชาติเลยล่ะ ขอบอก..”
“ไม่” อาการน้องเล็กเข้าขั้นเกือบอาละวาด “พี่ชาย...ฉันอยากเจอพี่ชายคนเดียว คนอื่นฉันไม่สน ฉันอยากเจอแค่พี่ชายของฉันเท่านั้น”
ตอนแรกๆ ยังออกแรงโวยวายได้อยู่เลย แต่ตอนท้ายๆ หางเสียงชักสั่น ใกล้จะร้องไห้อยู่รอมร่อ แต่พอดีมีเสียงจากหน้าประตูดังขึ้นก่อน
“น้องคนสวยครับ พี่เรโน่เอาดอกรักกับขนมแทนใจมาฝาก ช่วยเปิดประตูหัวใจต้อน’รับหน่อยนะครับ”
“ของนายต่างหาก” คาดาจได้ทีหยุดคร่ำครวญแล้วหันไปแสยะยิ้มแบบนางมารร้ายให้ยาซูที่ทำท่าเหมือนสตรอเบอรีจะติดคอ
“เพราะนาย เพราะนายคนเดียวเลย” ยาซูจ้องไปทางบานประตูด้วยสายตาราวกับโกรธแค้นกันมาสักสิบชาติแล้วหันกลับมาแยกเขี้ยวใส่คาดาจก่อนสบถมันยาวเหยียด “เจ้าหัวแดงนั่นเลยรู้ว่าฉันอยู่ที่นี่ ให้ตาย! ไม่น่าเลยจริงๆ ซวยชะมัด ซวยอะไรจะขนาดนี้”
...ก็พอส่งดอกไม้กับการ์ดให้ ‘คุณรีฟ’ เสร็จ ทีแรก...เส็งที่รับคำสั่งจากรูฟัสอาสาจะขับรถมาส่ง แบบว่า..ไม่สนใจฟังคำปฏิเสธอะไรทั้งนั้น แต่ไม่รู้ทำไมอยู่ๆ คนขับรถถึงกลายเป็นเรโน่ไปได้ คาดาจยังจำรอยยิ้มของเรโน่ตอนที่เห็นยาซูเดินออกมาเปิดประตูรับได้แม่น พอๆ กับที่จำสีหน้าซีดๆ พาลจะเป็นลมซะให้ได้ของยาซูได้ติดตา
คาดาจที่พอจะยิ้มออกบ้างรับตะกร้าใส่สตรอเบอรีที่ลอซยื่นมาให้ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเพราะเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งได้มาเมื่อวานดังขึ้นพร้อมโชว์เบอร์ที่มีอยู่เพียงเบอร์เดียวในเครื่องขึ้นที่หน้าจอ
...รูฟัส ชินระ
อื้อหือ...เจอครั้งแรกก็รุกเอาๆเลยนะรูฟัส พอกันเลยทั้งเรโน่ ทั้งรูฟัส... จากไม่มีจะกิน กลายเป็นของกินเพียบ หุหุ มีรองประธานบริษัทมาชอบมันก็ดีอย่างนี้แหละดัจจี้ ไรเตอร์เห็นรูพัสแล้วนึกถึงผู้พันเหรอ แต่เรานึกถึงคนเจ้าเล่ห์อ่ะ ชุดเห็นแล้วก็คิดว่าไมนายต้องใส่ซ้อนกันขนาดนั้นด้วย หน้าตาแบบรูฟัสเห็นแล้วรู้สึกเหมือนกับหมอนี่เจ้าเลห์ชะมัดคงรู้ไปหมดทุกอย่าง แนวๆนั้นเลย ว่าแต่เห็นคู่เรโน่ ยาซูที่ไรเรานึกคำๆนึงทุกที ดอกฟ้ากับ...นั่นแหละ =_=;; ยิ่งมาอ่านพร้อมกับคู่หนูคาดาจอย่างนี้ยิ่งเห้นได้ชัด รูฟัสมีคนมาส่งดอกไม้ ส่งขนมให้ แต่เรโน่ต้องเดินมาส่งเอง รู้สึกมันต่างกันอยู่แต่เอาเหอะ น ้องยาซูเค้าชอบ!!! เรโน่มาหาถึงห้องแบบนี้ หนูยาซูไม่ชินก็คงได้ชินล่ะกับมุขเสี่ยวไม่มีใครเกินของเรโน่ จะรอตอนต่อไปพรุ่งนี้นะจ๊ะ....ว่าแต่พี่ชายไม่มีบทเลยนะตอนนี้ คิดถึงหัวเหลืองๆของโจโคโบะแล้วน้อ(หายไปตอนเดียงวเองเนี่ยนะ -*-) ไรเตอร์มีพล็อตฟิคเซฟ+คลาวด์เป็นคู่หลักแบบเต็มๆ เหรอ เอามาให้เราอ่านหน่อยสิ 0-0 น้าาาาาาาาาาาาาาาาาา ปล. หลังจากกลับไปอ่านเริ่มต้นใหม่เป็นรอบที่ 30 (เว่อร์ -*-)
ตอบลบว๊าย>///< มาเป็นคู่ๆ
ตอบลบแล้วแบบนี้พี่ชายล่ะค่ะ พี่ชายล่ะ
หวงน้องนิดนึงก็ดีน้า..ฮ่ะๆ
ไรเตอร์เก่งมาก