Author : neoaries+jeserith
Pairing : LL ???
ระดับ : ปลอดภัยไร้กังวล
Disclaimer : ตัวละครทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของคุณ rabbit ค่ะ
-----------------------------------------------------------------------
เอเดน: กับเวลาที่ไม่สิ้นสุด
ชายแดนแอเรียส-ทริสทอร์
...ทำอะไรก็ได้เหรอ ‘อะไรก็ได้’ นี่มันอะไรล่ะ...
...พูดน่ะมันง่าย แต่ทำจริงมันยาก...
...ลองถ้าสองคิงนั่นพูดว่า ‘ไม่’ คำเดียวก็จบ แล้วเจ้าชายตัวเล็กๆ อย่างเราจะไปทำอะไรได้...
...กลุ้ม!...
ถ้อยความคิดที่ใครก็มิอาจรู้ ว่าภายใต้หน้ากากยิ้มละไมและท่าทางอันสุดแสนจะมั่นอกมั่นใจเหลือล้นที่เมจิกปรินซ์แห่งเจมิไนแสดงออกต่อหน้าน้องๆ ซึ่งเดินตามหลังมาเป็นพรวนตอนนี้จะซ่อนความกลัดกลุ้มทุกอย่างไว้ในใจ ขณะเดินขึ้นไปบนสันเขาบริเวณที่ชายแดนเวนอล เอเธนส์ แอเรียส และทริสทอร์บรรจบกัน
...กลับไปเจมิไนคราวนี้ เห็นทีต้องทำคะแนนแล้วเป็นกษัตริย์ให้ได้ คอยดู! ให้มันรู้กันไปว่าคิงแห่งเจมิไนจะสู้คิงจากแอเรียสและทริสทอร์ไม่ได้…
...หรือทางที่ดี เราควรเลิกยุ่งเกี่ยวกับเจ้าพวกนี้ จะเป็นทางออกที่ดีกว่า...
สักพักทั้งขบวนก็มาถึงหอคอยสังเกตการณ์บนภูเขาของเวนอล
จะว่าไปก็ต้องขอบใจไอคิวเกินคนของเจ้าชายขอทานอัจฉริยะที่สั่งให้สร้างหอคอยสังเกตการณ์เป็นรูปตัววาย ปลายด้านล่างสุดอยู่ในเขตเวนอล ปีกด้านซ้ายยื่นเข้าไปในเขตแอเรียส ส่วนปีกด้านขวาสร้างล้ำเข้าไปในเขตทริสทอร์ ทั้งสองด้านมีทหารคอยจับตาดูการกระทำของทั้งสองฝ่ายอยู่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เพราะฉะนั้นแค่เดินไปจนสุดทางของแต่ละด้านก็พอจะตะโกนพูดกับคนที่อยู่อีกฟากได้
ทว่าแค่อยู่ในเขตเวนอลแล้วมองออกไป เจ้าชายโรเวนก็อึ้งรับประทานจนพาลจะอยากหนีกลับบ้านเอาดื้อๆ
ป้อมปราการฝั่งทริสทอร์สร้างขึ้นเป็นรูปโทรโข่งยักษ์นับสิบตัว แถมทุกตัวยังกำกับมนตร์ขยายเสียงแบบอินฟินิตี้ ส่วนทางด้านแอเรียสก็ไม่น้อยหน้า บนยอดหอคอยนับสิบป้อมที่เรียงรายกันราวกำแพงสูงตระหง่านบนยอดเขาต่างติดตั้งอุปกรณ์การยิงวิสัยไกลขนาดใหญ่ไว้พร้อมเพรียงเตรียมรับมืออีกฝ่าย
ยังไม่ทันที่เมจิกปรินซ์จะคิดทำอะไรต่อไป เวลาแห่งสงครามยามบ่ายก็อุบัติขึ้น เมื่อพระวรกายสูงสง่าของกษัตริย์ลูคัสปรากฎขึ้นด้านหลังโทรโข่งเวทมนตร์ตัวใหญ่ที่สุดแล้วกรอกสุรเสียงลงไปพร้อมรอยยิ้มสนุกสุดๆ
“ลอรี่... ลอรี่... ลอรี่... ลอรี่...”
วินาทีต่อมา กษัตริย์ลอเรนซ์ที่ยืนหน้าหงิกคอยอยู่แล้วบนหอคอยที่อยู่ตรงกลางก็โบกมือให้สัญญาณกองทัพทหารเวททั้งซ้ายและขวาให้ยิงอะไรบางอย่างลักษณะกลมออกไปข้างหน้า กะเล็งทีเดียวให้ตรงกับปราการโทรโข่งที่อยู่ตรงข้ามให้มากที่สุด
พลัน เมื่อยิงขึ้นไปกลางอากาศ เจ้าลูกกลมๆ นั่นก็กลายเป็นมีดสั้นขนาดเล็กส่องประกายแวววาวคมกริบนับพันนับหมื่นเล่มพุ่งตรงไปยังเป้าหมายยังกับติดเรด้าร์นำวิถี
เฟี้ยว~
แต่พอเข้าไปใกล้อีกแค่ไม่ถึงครึ่งเมตรจะถึงหน้าหอคอยทริสทอร์ บาเรียป้องกันที่ผู้ใช้เวทตระกูลซาโดเรียช่วยกันร่ายไว้ก็ทำงานทันทีด้วยการสะท้อนมีดบินส่วนใหญ่ออกไปชนิดคนละทิศละทางจนบางเล่มเลยข้ามพรมแดนไปทั้งอย่างนั้น มีเพียงไม่กี่เล่มที่ผ่านทะลุเข้ามาได้ เลยเป็นหน้าที่ของกลุ่มราชองครักษ์ประจำพระองค์ต้องวิ่งวุ่นวายหาอะไรมาป้องกันไว้ท่ามกลางรอยยิ้มสนุกสนานของกษัตริย์แห่งทริสทอร์ที่สามารถยั่วโมโหกษัตริย์อดีตคู่หูได้สำเร็จอีกครั้ง
...ทุกอย่างแทบไม่แตกต่างจากสมัยอยู่ป้อมอัศวิน แถมยังอัพเกรดกลายมาเป็นเรื่องระดับประเทศ...
“เอาไงดีพี่” เสียงถามจากโรที่ยืนอยู่ใกล้สุด เรียกสติที่ล่องลอยของโรเวนกลับมาอีกครั้ง
“อะ...อืม...” เมจิกปรินซ์คนเก่งแอบกลืนน้ำลายเอื๊อกแล้วขยับเดินไปทางซ้าย
“ลองเจรจากับทางแอเรียสก่อนแล้วกัน”
หอคอยฝั่งแอเรียส
พอเดินมาถึงสุดทางปุ๊บโรเวนก็รีบกวาดสายตาหาอดีตเพื่อนร่วมป้อมฯ ที่เจ้าตัวเลือกสรุปด้วยเหตุผลข้างๆ คูๆ เต็มทีว่าน่าจะเป็นคนที่พูดด้วยง่ายกว่าในบรรดาคู่หูตัวแอลทั้งสองคน
กษัตริย์ลอเรนซ์ โมนาโรคในชุดฉลองพระองค์สีขาวสะอาดสมกับที่เป็นอดีตนักบวชกำลังยืนมองอุปกรณ์เล่นแร่แปรธาตุทั้งหลายที่วางกองสุมๆ อยู่บนโต๊ะตัวใหญ่ข้างตัวด้วยสีพระพักตร์บึ้งตึงเหมือนทุกครั้งที่เห็น สักพักก็เงยหน้าขึ้นมองอดีตกษัตริย์ริชาร์ดพระบิดาที่กำลังตะโกนลั่นถามบรรดานักเล่นแร่แปรธาตุกับพ่อมดในปกครองถึงผลลัพธ์ของการโจมตีที่เพิ่งผ่านไป
“ว่าไง เข้าเป้ากี่เปอร์เซ็นต์ หา!”
“อา...” พ่อมดคนที่ถูกถามหน้าแหย “ยี่สิบสองเปอร์เซ็นต์กระหม่อม”
“ยี่สิบสองเปอร์เซ็นต์” พ่อมดมหัศจรรย์ทวนคำด้วยความอึ้งนิดๆ ก่อนโวยแหลก “ทำไมมันน้อยนักห๊า...เมื่อสองวันก่อนยังได้ตั้งสี่สิบสี่เปอร์เซนต์ ทำตามสูตรแปรธาตุที่ฉันคำนวณให้ไปถูกรึเปล่า ไม่ได้มั่วแน่นะ”
“เป๊ะๆ เลยพ่ะย่ะค่ะ รับรองได้ แต่ยี่สิบสองเปอร์เซ็นต์คราวนี้มีที่ทะลุผ่านบาร์เรียไปได้ตั้งสองเปอร์เซ็นต์นะฝ่าบาท คราวสี่สิบสี่เปอร์เซ็นต์นั่นไม่มีผ่านบาร์เรียเลยสักนิด”
“เรอะ งั้นก็ค่อยยังชั่วหน่อย” อดีตกษัตริย์ริชาร์ดค่อยยิ้มออก แต่พอหันไปเห็นลูกชายสุดที่รักที่พอรู้ผลก็เมินหน้าไปอีกทางด้วยความหงุดหงิด พ่อที่ดีที่สุดในเอเดนก็รีบแก้ตัวทันที
“ลอเรนซ์...ไม่เป็นไรนะลูก คราวหน้ามันต้องเกินห้าสิบเปอร์เซ็นต์ให้ได้ นั่นใครน่ะ....”
“โรเวน?” ลอเรนซ์ที่หันไปมองตามเสียงพระบิดาขมวดคิ้วเมื่อเห็นรุ่นเพื่อนและรุ่นน้องยืนมองมาหน้าสลอนอยู่ทางหอคอยฝั่งเวนอล
“ว่าไง” เมื่อเห็นหน้าคนรู้จัก ลอเรนซ์ก็เดินตรงมาคุยด้วยที่หอคอยที่อยู่ติดกับทางเวนอลมากที่สุด
ยังไม่ทันที่โรเวนจะได้อ้าปากพูดอะไร บรรดาน้องๆ ที่เพิ่งได้ชมการต่อสู้ทางอากาศอันน่าตื่นตาตื่นใจก็ส่งเสียงกันให้แซ่ดยิ่งกว่านกกระจอกแตกรัง
“สุดยอดไปเลยพี่” ครี๊ดชมเปาะด้วยความประทับใจสุดๆ ท่ามกลางสายตาจิกกัดของเจ้าชายแห่งไนล์ที่จ้องมา
“ขอบใจ” ได้ยินเสียงสนับสนุนแบบนี้ ใบหน้าของลอเรนซ์ค่อยหายกระด้างขึ้นบ้าง
“ใช้เวทอะไรถึงทำให้เศษไม้กลายเป็นอาวุธได้” กัสสงสัย
“ไม่รู้สิ ถามพ่อฉันโน่น รายนั้นงกไม่ยอมให้ใช้แร่ของจริง หาว่าเปลือง ใช้ของเหลือแบบนี้จะได้เป็นการกำจัดขยะในแอเรียสไปในตัว”
ว่าแล้วก็ชี้ไปที่อดีตกษัตริย์ริชาร์ดที่กำลังเรียกประชุมพลพรรคนักเล่นแร่แปรธาตุเพื่อวางแผนการโจมตีครั้งใหม่อยู่ที่หอคอยกลาง
“แล้วพี่จะทำแบบนี้ต่อไปถึงเมื่อไหร่ครับ” เอ็ดเวิร์ดถาม
“ไม่รู้สิ จนกว่าเจ้าบ้าลูคัสมันจะหยุดตะโกนเรียกชื่อบ้าๆ บอๆ นั่นมาจากฝั่งโน้นล่ะมั้ง”
“มันยากนะพี่ ยังไงก็ถือซะว่าทำบุญบุญกรวดน้ำแผ่เมตตาอย่าไปสนใจเลยดีกว่า” มาทิลด้าพยายามโน้มน้าวสุดชีวิต แน่นอนล่ะว่าไม่ได้รับคำตอบใดๆ กลับมา
“แล้วถ้ามีดบินเกิดไปโดนใครเค้าเข้าล่ะครับ บาปกรรมแย่” ซีบิลทำหน้าหวาดเสียวด้วยความสยองแทนประชาชนของประเทศเพื่อนบ้านที่ยังต้องรับกรรมกันต่อไปพลางรู้สึกหัวใจพองโตที่เกิดมาเป็นคนบารามอส
“ไม่ต้องห่วง ถ้าไม่ใช่พวกที่อยู่หลังบาร์เรียนั่น ถึงใครจะโดนมีดบินเวทมนตร์ที่ถูกสะท้อนออกไปปักขั้วหัวใจก็แค่เจ็บๆ คันๆ ไม่ถึงตายหรอก”
...เหรอ แต่มันจะตกใจตายไปก่อนหน้า ตั้งแต่เห็นมีดบินพุ่งเข้าใส่แล้วน่ะสิ...
“ฉันรู้ว่านายคิดอะไรอยู่โรเวน” ลอเรนซ์มองอดีตเสธ.ซ้ายแห่งป้อมอัศวินด้วยสายตาจริงจังพลางกวาดสายตาไปยังรุ่นน้องแต่ละคนแล้วถอนใจยาว
“แล้วรู้ด้วยว่าพวกนายมานี่ที่เพื่ออะไร แต่อย่างที่บอกไว้ สงครามบ้าๆ นี่จะหยุดลงก็ต่อเมื่อฉันไม่ได้ยินเสียงเรียกชื่อประสาทๆ นั่นอีก”
หอคอยฝั่งทริสทอร์
“โรเวน โรรี่ ครี๊ดดี้ ซีบี้ กัสซี่ เอ็ดดี้ มาที่ เอฟี่ ดีใจจังที่ทุกคนมาเยี่ยม อ้อ! รวมคนอื่นที่ฉันไม่เคยเจอด้วยนะ”
พอทั้งกลุ่มเดินมึนตึ้บกันออกมาจากฝั่งแอเรียสที่อยู่ด้านซ้าย ก็ได้ฤกษ์ย้ายมาทางทริสทอร์ที่อยู่ทางฝั่งขวาบ้าง
เมื่อเดินมาสุดทางปุ๊บก็ได้ยินเสียงทักด้วยชื่อประสาทๆ อย่างที่ลอเรนซ์ว่าไว้ทันที เรียกให้ทุกสายตามองตรงไปยังต้นเสียงอย่างไม่ต้องนัดหมายบนป้อมปราการแห่งทริสทอร์
กษัตริย์ลูคัสในชุดฉลองพระองค์สีดำสนิทยืนส่งยิ้มสไตล์ซาตานมาให้อย่างเริงรื่นชื่นบานเต็มพิกัดอยู่หลังโทรโข่งยักษ์ที่พรุนไปด้วยรอยคมมีด แต่ประสิทธิภาพเสียงยังเต็มร้อย
แค่เห็นหน้าเซ็งหลุดโลกของคนนับสิบที่อยู่ตรงหน้า ลูคัสก็หัวเราะออกมาเบาๆ แล้วตรงเข้าประเด็นทันที
“ลอรี่ยืนกรานไม่ยอมเลิกขว้างมีด ถ้าฉันไม่ยอมเลิกเรียกชื่อก่อนล่ะสิ”
“แล้วนายจะยอมทำตามที่บอกไหมล่ะ” โรเวนชิงพูดก่อนด้วยน้ำเสียงเนือยๆ เพราะเบื่อกับปัญหาโลกแตกของสองกษัตริย์เต็มที
“ก็อยากอยู่หรอกนะ ฉันรู้ว่ามันทำให้คนอื่นลำบาก” ลูคัสพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ “แต่...เมื่อก่อนตอนฉันยังเด็ก ชีวิตมันเหงามากเลย เช้าตื่นขึ้นมาก็ต้องฝึกการใช้เวท ค่ำก็หลับไปพร้อมหนังสือเวทที่ยังอ่านไม่จบ วันแต่ละวันผ่านไปมันช่างชักช้า ซ้ำซากและสุดแสนจะน่าเบื่อ จนได้มาอยู่ในโรงเรียนพระราชาเนี่ยแหละ ชีวิตฉันถึงมีสีสันต์ขึ้นเยอะ มีคนให้ยั่วโมโหเล่น มีมีดบินให้คอยหลบ มีเสียงตะโกนด่า มีเรื่องบ้าๆ บอๆ เยอะแยะให้แปลกใจได้ทุกวัน ชีวิตแบบนี้เป็นสิ่งที่ฉันต้องการมาตลอดเลยนายรู้ไหม”
...ช็อค...
...คนที่ได้ยินต่างช็อคค้างไปตามๆ กันกับกุศโลบายการใช้ชีวิตของกษัตริย์ลูคัส...
“ตอนที่ทางทริสทอร์ยังไม่ติดต่อมา ฉันยังนึกในใจเลยว่าถ้าลอรี่กลับแอเรียสเมื่อไหร่ฉันคงแย่เพราะตามเข้าไปป่วนในวังไม่ได้ โชคดีที่บังเอิญได้เป็นกษัตริย์ขึ้นมา แต่ก็ดันมีกฎระเบียบบ้าๆ บอๆ เต็มไปหมด ทำโน่นก็ไม่ได้ ทำนี่ก็ไม่ดี วิธีแก้เหงามันก็เลยเหลืออยู่ทางเดียวนี่ล่ะ แหม...ก็แค่สามเวลาหลังอาหารเอง ทนๆ กันหน่อยแล้วกันนะทุกคน”
เปรี้ยง!
เหมือนเส้นด้ายตึงๆ ที่ขึงอารมณ์ของทุกคนขาดผึงลง เมื่อได้รับคำตอบแจ่มแจ้ง
ที่แท้ความหมายของวิชาหัวใจกษัตริย์ที่ร่ำเรียนมามันเป็นอย่างนี้ตะหาก
...หัวใจกษัตริย์ของกษัตริย์ลูคัส คือ การคลายเหงายามว่าง
...หัวใจกษัตริย์ของกษัตริย์ลอเรนซ์ คือ การฆ่าได้หยามไม่ได้ แต่...ถ้าจะมองอีกแง่มุมหนึ่ง บางทีกษัตริย์ลอเรนซ์ก็อาจจะเหงาไม่ต่างจากกษัตริย์ลูคัสก็ได้ เลยใช้วิธีคลายเหงาแบบเดียวกัน
...หัวใจกษัตริย์ของ (ว่าที่) กษัตริย์โรเวน น่าจะเป็น การตั้งปณิธานว่าจะเลิกยุ่งกับเรื่องชาวบ้านไม่ว่าในกรณีใดๆ จะได้หายปวดประสาท
...หัวใจกษัตริย์ของ (ว่าที่) จักรพรรดิชาเบรียน คือ หาสารพัดวิธีเพื่อสกัดดาวรุ่งกษัตริย์รุ่นพี่ทั้งหลายไม่ให้เด่นเกินหน้าเกินตาไปมากกว่านี้
...หัวใจกษัตริย์ของ (อดีต) กษัตริย์ริชาร์ด หนีไม่พ้นความสุข สนุกสนานได้ตลอดเวลา ตามประสาคน (มัน) เก่ง
...หัวใจกษัตริย์ของ (อดีต) กษัตริย์วีเมย์ คงเป็นการหาตัวตายตัวแทนไว้ ตัวเองจะได้หมดทุกข์หมดโศกกะเค้าบ้าง
เฮ้อ!
...ลาก่อน ปรากฏการณ์มีดบินที่ต้องทนกันมาตลอดเจ็ดปีในป้อมอัศวิน...
แล้ว
...สวัสดี สงครามโทรโข่งที่ยังมองไม่ออกว่าจะยุติวันไหน...
...ต่อจากนี้ไปก็ตามบุญตามกรรมแล้วกันนะทุกคน หมดปัญญาจะช่วยแล้ว...
...จบ...
“เดี๋ยวสิพี่ จะจบแบบนี้จริงน่ะ”
เสียงเหล่ารุ่นน้องตะโกนไล่หลังโรเวนที่จู่ๆ ก็ตัดสินใจหันหลังก้าวฉับๆ กลับออกไปด้วยใบหน้านิ่งสงบ
“ฉันก็ช่วยเท่าที่ฉันจะทำได้แล้ว ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับสองกษัตริย์นั่นจะตัดสินใจเถอะ” โรเวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่พยายามปรับให้ราบเรียบที่สุด แต่สายตาบ่งชัดแล้วว่าไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องปวดหัวนี้เต็มแก่ ทว่าในใจกลับเต็มไปด้วยถ้อยคำอาฆาต พยาบาท และมาดร้ายอันแสนจะดุเดือด
…….ใช่ ตอนนี้อาจทำอะไรไม่ได้ แต่อีกไม่นานหรอก รอให้ฉันได้ขึ้นเป็นคิงก่อนเถอะ ตำแหน่งไฮคิงที่ยังว่างอยู่รับรองว่าเสร็จฉันแน่......แล้ววันนั้นกษัตริย์ทั้งเอเดนต้องยอมสยบให้......มหาราชโรเวน คอยดู!”
เสียงเหล่ารุ่นน้องตะโกนไล่หลังโรเวนที่จู่ๆ ก็ตัดสินใจหันหลังก้าวฉับๆ กลับออกไปด้วยใบหน้านิ่งสงบ
“ฉันก็ช่วยเท่าที่ฉันจะทำได้แล้ว ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับสองกษัตริย์นั่นจะตัดสินใจเถอะ” โรเวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่พยายามปรับให้ราบเรียบที่สุด แต่สายตาบ่งชัดแล้วว่าไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องปวดหัวนี้เต็มแก่ ทว่าในใจกลับเต็มไปด้วยถ้อยคำอาฆาต พยาบาท และมาดร้ายอันแสนจะดุเดือด
…….ใช่ ตอนนี้อาจทำอะไรไม่ได้ แต่อีกไม่นานหรอก รอให้ฉันได้ขึ้นเป็นคิงก่อนเถอะ ตำแหน่งไฮคิงที่ยังว่างอยู่รับรองว่าเสร็จฉันแน่......แล้ววันนั้นกษัตริย์ทั้งเอเดนต้องยอมสยบให้......มหาราชโรเวน คอยดู!”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น