26/2/54

(Saint Seiya) : The story of us (ความในใจของไอโอเรีย)


Author : jes

Pairing : ไอโอเรีย+ชากะ

ระดับ : ปลอดภัยไร้กังวล

Disclaimer : ตัวละครทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของอาจารย์ Masami Kurumada ค่ะ ฟิคนี้ HBD ไอโอเรียนะคะ

-----------------------------------------------------------------------

เช้าวันหนึ่ง.....

วันที่ท้องฟ้าทั่วทั้งแซงค์ทัวรี่เป็นสีครามใสกระจ่าง แลเห็นปุยเมฆขาวสะอาดแต่งแต้มเป็นรอยจางๆอยู่เป็นระยะ สายลมเย็นที่พัดพลิ้วไปมาพาให้ใบไม้และยอดหญ้าสีเขียวไหวลู่ไปตามแรงจนหยาดน้ำค้างเล็กๆที่เกาะพราวทอประกายระยิบระยับเมื่อสัมผัสเข้ากับแสงอาทิตย์ยามเช้า

แต่.....รู้สึกว่าจะมีใครคนนึงที่ไม่สดใสเบิกบานไปกับบรรยากาศอันแสนจะสดชื่นนี่ด้วย

ตอนนี้โกลด์เซนต์เลโอ ไอโอเรียที่อารมณ์บูด บูดมาก ใกล้เข้าขั้นบูดสนิทเต็มทีกำลังตั้งหน้าตั้งตาขุดหลุมขนาดใหญ่สำหรับปลูกต้นสาละอยู่หน้าวิหารตัวเอง

ใช่...หน้าวิหารเลโอ อ่านไม่ผิดหรอก

เพราะอะไรน่ะเหรอ....ก็มันมีเหตุการณ์ที่เจ้าแมวน้อยๆคาดคิดไม่ถึงเกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อนหน้านี้น่ะสิ

........

เช้าวันนั้น.....

บรรยากาศภายในแซงค์ทัวรี่ก็สดใสไม่ต่างจากที่เคยเป็น ส่วนมากวันสบายๆอย่างนี้ไอโอเรียจะอารมณ์ดีไปทั้งวันถ้าได้นั่งจิบกาแฟหอมกรุ่นถ้วยโปรดที่เสิร์ฟพร้อมอาหารว่างอีกนิดหน่อยอยู่ในมุมพักผ่อนเล็กๆส่วนตัวในวิหารราชสีห์ ยิ่งในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่มีแสงแดดอุ่นๆส่องผ่านบานหน้าต่างเข้ามาในตัววิหารได้ด้วยแล้วล่ะก็...ไอโอเรียจะยิ่งอารมณ์ดีมากเป็นพิเศษ (โปรดนึกภาพแมวสีส้มตัวโตๆกำลังนอนผึ่งแดด ไอท่าทางมีความสุขนิดๆ ขี้เกียจหน่อยๆนั่นล่ะ ใช่เลย!)

กาแฟ.....พร้อม

น้ำร้อน....ได้ที่แล้ว

ของว่าง... จะเป็นอะไรดีน้า

ตอนนี้เรียคุงที่สุดแสนจะอารมณ์ดีไม่มีอะไรเปรียบกำลังง่วนกับการจัดเตรียมของชอบอยู่ในบริเวณที่เจ้าตัวเรียกว่า ครัวจำเป็นก่อนจะรู้สึกได้ถึงคอสโม่ที่คุ้นเคยกำลังเข้ามาใกล้จนจำต้องวางมือออกไปทักทายที่หน้าประตูวิหารก่อนตามวิสัยเจ้าของบ้านที่ดี

ไง ชากะ

คงเป็นเพราะความสดใสของบรรยากาศยามเช้าบวกกับจวนจะได้เวลาจิบกาแฟเต็มทีนั่นล่ะมั้งที่ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าไอโอเรียมีเผื่อแผ่มาถึงหลวงพี่แห่งแซงค์ฯที่ปรกติชอบทำหน้าตาเฉยชาตลอดเวลาไปแบบเต็มๆ แต่คราวนี้ชากะกลับพยักหน้ารับรู้นิดนึงก่อนเอาไหล่ดันเจ้าเหมียวให้หลบไปอยู่ข้างๆแล้วเดินเบียดเข้าไปข้างในวิหารหน้าตาเฉย เล่นเอาหนูเรียงงเป็นแมวตาแตกเพราะไม่รู้ว่าวันนี้เพื่อนข้างวิหารจะมาไม้ไหน สุดท้ายเลยได้แต่มองตามร่างสูงโปร่งของ ผู้บุกรุกที่เดินวนไปเวียนมาเข้าห้องโน้นออกห้องนี้ตามใจชอบ ตู้เก็บของทุกใบถูกเปิดออกดู หมอนกับผ้าห่มก็โดนพลิกกลับดูข้างใต้เหมือนตั้งใจจะหาอะไรสักอย่าง บางทีก็เห็นเอานิ้วลากไปตามมุมห้อง ซอกประตู กรอบหน้าต่าง บนโต๊ะ ข้างเก้าอี้ หลังตู้ ระหว่างชั้นวางหนังสือ ฯลฯ

.....นายจะทำอะไรของนายน่ะ ช่า!!!  

..

.....

โอเค สะอาดพอใช้

เมื่อเดินสำรวจจนพอใจแล้ว ชากะที่พอจะยิ้มออกมาได้ก็เดินตรงไปยังมุมห้องที่หมายตาไว้ตั้งแต่แรกที่เดินเข้ามาแล้วว่าท่าทางเข้าทีดูดีที่สุดก่อนจะปล่อยละอองคอสโม่สีทองออกจากฝ่ามือ

ฉับพลัน.... ดอกบัวขนาดมหึมาก็ผุดขึ้นจากพื้นหิน

เฮ้ย! ชากะ

สิ่งที่แลเห็นเบื้องหน้าเล่นเอาลมหายใจของไอโอเรียชะงักกึก ลางสังหรณ์แห่งความซวยเริ่มส่อเค้าให้เห็นเด่นชัด

ในวินาทีต่อมา แค่ชากะยื่นมือออกไปแตะที่ฐานดอกบัวเบาๆเท่านั้น กลีบดอกก็ขยายออกกลายเป็นบัลลังก์ดอกบัวบานคู่บารมีหลวงพี่ประจำแซงค์ฯอย่างที่เคยเห็นกันจนชินตาเท่านั้นแหละ เรียคุงก็ร้องลั่นออกมาแทบไม่เป็นภาษา

ว้ากกกกกกกกกกกก ชาก๊า....แกทำอะไรกับวิหารฉันเนี่ย หา

แล้วก็ได้คำตอบที่สวรรค์ประทานลงมาให้ชนิดรวดเร็วทันใจ

นับแต่นี้ไป ฉันจะอยู่ที่นี่

ชากะตอบคำถามด้วยใบหน้าและน้ำเสียงที่นิ่งสนิทราวกับว่านี่เป็นเรื่องที่สุดแสนจะปรกติธรรมดาที่ใครๆเขาก็ทำกัน

ห๊า.....ท่าทางไอโอเรียเหมือนจะยังไม่ค่อยอยากเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยินเท่าไหร่

ไม่รู้ว่าจะเพราะรำคาญหรือจะเวทนาสงสารไอคนที่กำลังออกอาการเต้นเป็นเจ้าเข้าอยู่ตรงหน้านี่กันแน่ หลวงพี่ช่าเลยเมตตาช่วยเน้นย้ำคำพูดให้ได้ยินอีกทีแบบชัดๆถนัดหู

ฉันบอกว่า...ฉัน....จะ.....มา....อยู่....ที่นี่....ฟังชัดรึยัง

ได้ไงวะ เรียคุงช็อกค้างไป 5 วินาทีเต็มด้วยความไม่เข้าใจก่อนจะเริ่มต้นโวยวายประท้วง

แล้วมันเรื่องอะไรมาอยู่วิหารฉัน ไม่ไปอยู่วิหารเวอร์.......

ก็วิหารฉันพัง ชากะสวนกลับมานิ่มๆด้วยน้ำเสียงไม่ยินดียินร้ายอย่างเคย ก่อนจะตบท้ายด้วยประโยคที่เชือดเฉือนจิตใจไอโอเรียอย่างรุนแรง

ไม่บอกก็รู้ใช่มั้ยว่าฝีมือแมวตัวไหน....

เอ่อ....แมวชักเถียงไม่ออก ก็ทั้งแซงค์ฯนี่มันก็มีอยู่แค่ตัวเดียว

เพราะงั้น...คนไหนทำคนนั้นก็ต้องรับผิดชอบ แล้วฉันก็ขออนุญาตอาเธน่าเรียบร้อยแล้ว

ละ...ละ....แล้ว....แล้วทำไมต้องเป็นวิหารเลโอของช้าน...นตอนนี้ดูท่าว่าไอโอเรียคงใกงล้จะสติแตกเข้าไปทุกที..ไม่สิ..ป่านนี้สติสตังคงกระเจิดกระเจิงไปหมดแล้วเรียบร้อยมากกว่า ที่อยู่ๆ บ้านแสนรักก็มาถูกเทกโอเวอร์ไปต่อหน้าต่อตา แถมตัวคนยึดยังดูท่าว่าจะเผด็จการยิ่งกว่าผู้นำนาซีซะอีก 

คนทำพังใช่ฉันคนเดียวซะเมื่อไหร่ คนอื่นล่ะ...คนอื่นก็มี สมองของไอโอเรียเร่งค้นหารายชื่อผู้ร่วมขบวนการถล่มวิหารเวอร์โก้โดยด่วนตามด้วยการซัดทอดความผิดให้พ้นตัว อย่างไอมี่...ไอมี่ไง นายไปอยู่วิหารแมงป่องแทนก็ได้  

ตกลง

รู้สึกหลวงพี่จะว่าง่ายกว่าที่คิดไว้แฮะ

แต่ถ้าคามิวมาถามเหตุผล ฉันจะบอกว่าเป็นความคิดนาย

เอิกส์

หรือถ้านายอยากให้ฉันไปอยู่วิหารอควาเรียสของคามิว..ก็ได้เหมือนกัน แต่ถ้ามิโร่มาถาม.....

พอแล้ว หยุดเลย เจ้าแมวกระชากเสียงใส่พลางทำท่าขนลุกขนพอง

....จะเข็มจิ้มหรือโลงน้ำแข็ง อย่างไหนก็ไม่น่าเอาชีวิตน้อยๆเข้าไปเสี่ยงทั้งนั้นแหละ(วะ)

ปู่...ปู่ไง ไอโอเรียยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ปู่โดโกอยู่ที่โกโรโฮ วิหารคันชั่งว่างตลอด 24 ชั่วโมงอยู่แล้ว

แหม...ความคิดนี้มันช่างแจ่มบรรเจิดเลิศเลอเพอเฟกท์ซะไม่มี แต่หลวงพี่กลับทำหน้าเบ้ใส่ซะงั้น

ท่านผู้เฒ่าไม่อยู่เป็นร้อยกว่าปี ที่วิหารฝุ่นจับหนาไม่รู้กี่นิ้ว แต่ถ้านายไปปัดกวาดเช็ดถูให้เรียบร้อยก่อนก็ไม่แน่ บางทีฉันอาจเปลี่ยนใจไปอยู่ก็ได้ 

งั้น..บ้านเจ้าชูชู่ล่ะ วิหารมันออกใหญ่เบ้อเริ่ม แมวเริ่มเล็งหาแพะรับบาปตัวต่อไป

ตอนนี้ที่วิหารแกะขาวกับวิหารคนคู่มีเรื่องกันอยู่ อันเดบารันที่อยู่ตรงกลางคงทนคอสโม่ไซโคระหว่างมูกับซางะไม่ไหวเลยย้ายไปอยู่วิหารแคปริคอร์นชั่วคราว แลกกับการซ่อมรูบนหลังคาที่เจ้าชิริวมันทำไว้ตั้งแต่ครั้งบุกแซงค์ฯโน่นชากะสาธยายยืดยาว เพราะงั้น..ไม่ต้องถามถึงวิหารชูร่า สง่า อันเด มู ฉันไม่ไปทั้งนั้น

ถะ..ถ้า...ถ้างั้นก็... เจ้าแมวเคราะห์ร้ายชักอยากเอาหัวโขกเต้าหู้ไม่ก็ผูกคอตายใต้ต้นผักชีแล้วครับท่าน

ใช่...เหลือวิหารนี้วิหารเดียว เข้าใจแล้วนะ

พูดจบหลวงพี่ก็เมินใส่พลางเริ่มเข้าฌาณทำสมาธิทันที ทิ้งให้แมวน้อยที่น่าสงสารโวยวายต่อไปไม่ยอมเลิก

ไม่น้า ไม่ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ และไม่ ทำไมต้องเป็นช้าน.......น

เงียบนะพอหนวกหูมากๆเข้า หลวงพี่ที่ชักทนไม่ไหวก็ตวาดแว้ดออกมา

เอาวิหาร เอามุมพักผ่อน เอาที่จิบกาแฟของฉันคืนม๊าาาา....

หุบปากเดี๋ยวนี้ ได้ยินมั้ย

โฮ ๆ ๆ อาเธน่า..ท่านจะกลั่นแกล้งแมวน้อยๆตัวนี้ไปถึงหนาย....ย

ไม่เงียบแน่ใช่มั้ย งั้น เท็น..

ยังแถลงชื่อท่าไม้ตายไม่ทันจบแท้ๆ เจ้าตัวรู้ดีเลยรีบหุบปากแล้วเผ่นแผล็วออกไปนอกวิหารทันที เห็นแค่แผ่นหลังไวๆกับเส้นผมสั้นๆสีน้ำตาลที่ปลิวลมตามแรงวิ่งไปทางวิหารซาจิทาเรียสเท่านั้น ทำเอาชากะหัวเราะก๊ากออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่

....พอรู้ตัวว่าสู้ไม่ไหวก็รีบแจ้นไปฟ้องพี่ชายล่ะสิ เจ้าแมวเหมียวเอ๊ย!

......................................

....ซวย ๆ ๆ ๆ ๆ ซวยซับ ซวยซ้อน ซวยซ่อนเงื่อน

.... ซวยมหาซวย ดับเบิ้ลซวย ทริปเปิ้ลซวย ซุปเปอร์ซวย เวรี่ซวย

.... ซวย.. ซวยเออร์ ซวยเอสต์ 

.... ซวย....มอร์ซวย เดอะ โมสต์ซวย

.... อะไรมันจะซวยได้ขนาดเน้ ว้อยยยยยยย.....
เฮ้อ!

ลงท้ายเรียคุงก็ถูกทิ้งให้เผชิญหน้ากับความเป็นจริงที่แสนจะโหดร้ายเพียงลำพังจนได้

ป้าบ....

เสียงตบไหล่ทักทายจากเฮียไอโอรอสที่เพิ่งกลับจากภารกิจสอดแนมที่วิหารแกะขาวดังขึ้นเหมือนจะให้กำลังใจกลายๆ ก่อนจะมองเลยไปที่ต้นไม้ขนาดกลางที่วางพิงเสาวิหารไว้

ว่าไง ไอโอเรียน้องรัก ต้นสาละสวยดีนี่

สวยสิ น้องเรียทำหน้าบูดใส่พี่รอส ก็เจ้าช่ามันเลือก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ เลือกแล้วเลือกอีก เลือกอีกเลือกแล้ว เลือกมันตั้งแต่เช้าจรดเย็นกว่าจะเจอต้นที่ถูกใจ พอเจอแล้วก็ชี้นิ้วบัญชาการสั่งให้ฉันจัดการแบกกลับแซงค์ฯ แล้วคนปลูกจะเป็นใครไปได้ถ้าไม่ใช่น้องชายพี่คนเนี้ย...เฮอะ

น้องแมวระบายอารมณ์ใส่พี่ม้าฟ่อดแฟ่ด

เอาน่าๆ แล้วนี่ชากะอยู่ไหน

นั่งสมาธิโปรดสัตว์แต่เช้า ป่านนี้ยังไม่เลิก วันนี้โชคดีได้พึ่งบารมีไอต้นนี่ไม่งั้นมีหวังโดนเจ้าช่ามันบังคับให้หัดนั่งสมาธิกับเดินจงกรมด้วยแหงเลย

.....อ้อ! ใช้ข้ออ้างปลูกต้นไม้บังหน้าจะได้ไม่ต้องนั่งสมาธิงั้นสินะ ไอน้องเลิฟ

ไอโอเรีย....เฮ้!”

เสียงเจ้าแมงป่องมีมี่ที่มาพร้อมหมิ่วมิ้วสุดที่รักดังขึ้นจากข้างหลัง ในมือของทั้งคู่ถือถุงใส่อะไรสักอย่างพะรุงพะรังไปหมด พอมาถึงก็ยื่นส่งให้

อ่ะ....เอาไป แชมพู 6 โหลที่ฝากซื้อ ส่วนนี่..ตังค์ทอน

ขอบใจเว้ยมี่ ขอบใจคามิวด้วยนะ

ว่าจะเอาแชมพูไปทำอะไรเยอะแยะ มิโร่มองหน้าเพื่อนซี้งงๆ ผมบนหัวแกก็มีกะเค้าแค่เนี้ย

นั่นสิ เฮียรอสร่วมด้วยช่วยถามอีกคน ถ้าจะฆ่าตัวตายหนีชากะมันต้องซดน้ำยาล้างห้องน้ำ แชมพูแค่นี้ไม่ตายหรอก

....อะโห เฮีย ขนาดน้องแท้ๆยังแช่งไม่เว้นเลยนะเฮียนะ

ไม่ได้ใช้เองสักหน่อย หนูเรียถอนใจเฮือก ของฉันขวดเดียวใช้มัน 3 เดือนก็ยังไม่หมด แต่ไอคนผมยาวอีกคนน่ะสิใช้ครั้งเดียวหายไปเกือบครึ่งขวด แถมยังรักสะอาดเกินเหตุ...ต้องสระผมทุกวัน เฮอะ! เปลืองชะมัด

มิน่า นายถึงต้องตุนแชมพูไว้เป็นโหลๆ คามิวที่ผมยาวไม่แพ้กันพยักหน้าเข้าใจก่อนจะหยิบขวดจากถุงที่กองอยู่กับพื้นออกมาจ้องหน้าจับผิด แล้วต้องซื้อครีมนวดด้วยเหรอ

ก็...เจ้าช่ามันผมยาวใช่มั้ย ไหนๆก็ซื้อแชมพูแล้ว ครีมนวดด้วยก็ได้

เหรอ...ออออ

ทุกคนแถวนั้นลากเสียงยาวทำเอาแมวชักเขิน พอดีกับที่หลวงพี่ออกจากสมาธิแล้วส่งเสียงออกมา

ไอโอเรีย เอาชามั้ย ฉันจะชงเผื่อ

ได้ยินเท่านั้นแหละ ไอโอเรียถึงกับทิ้งจอบทิ้งเสียมในมือทันที

อย่านะชากะ ที่กดน้ำร้อนมันไม่ค่อยดี ฉันขี้เกียจเช็ดพื้น....

ซ่า!

พูดไม่ทันขาดคำเสียงน้ำหกก็ได้ยินชัดถนัดหู

เจ้าแมวกัดฟันกรอดแล้วตัดสินใจพูดต่อให้จบประโยค

....กับเก็บเศษแก้วแตก

เพล้ง!

เสียงแก้วแตกดังขึ้นตามหลังเสียงน้ำหกมาติดๆ ต่อด้วยเสียงแก้ตัวอ่อยๆของผู้ที่ได้ชื่อว่าใกล้เคียงพระเจ้ามากที่สุด

โทษที น้ำร้อนมันกระเด็นใส่ แก้วเลยหลุดมือ เดี๋ยวเก็บให้

ไม่ต้องเลย ไอโอเรียแผดเสียงลั่นได้ยินกันทั่วทั้งแซงค์ฯล่ะมั้งก่อนจะถลากลับเข้าไปในวิหาร

ถอยออกไปห่างๆ ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น เดี๋ยวเศษแก้วบาดมือให้ฉันต้องเสียเวลาทำแผลให้อีก...โดนบาดแล้วล่ะสิ ไหนดูซิ ไม่ต้องเอามือไปแอบไว้ข้างหลัง แล้วเมื่อกี้โดนน้ำร้อนลวกรึเปล่า นี่แกอายุเท่าไหร่แล้วห๊า ทีหลังฉันห้าม ฉันบอกอะไรก็ชัดเชื่อ หัดฟังซะมั่งเซ่

เสียงบ่นเป็นสิงโตแก่ยังมีมาให้ได้ยินอีกเป็นระยะ ลงท้ายไอโอรอส มิโร่ คามิวที่ยืนสังเกตการณ์อยู่นอกวิหารก็พยักหน้าให้กันเซ็งๆด้วยความรู้สึกที่ไม่ต้องพูดออกมาให้เปลืองน้ำลาย

....ชากะมันฉลาด หมอนั่นรู้ดีว่าแค่มาวิหารเลโอก็จะได้ทั้งเพื่อน โยมอุปัฏฐาก เด็กวัด คนทำความสะอาด คนรับใช้ คนทำสวน พร้อมๆกันในคราวเดียว

เวรกรรม...ไอโอเรียเอ๊ย!

ซวยแท้ๆ

.................................

เช้าตรู่...

ดวงอาทิตย์สีซีดจางแลเห็นอยู่ไกลๆทางปลายฟ้าทิศตะวันออก สรรพสิ่งรอบตัวดูสลัวเลือนและเย็นชื้นจากละอองน้ำในอากาศและหยาดน้ำค้างมากมายตามใบไม้และยอดหญ้า กาลเวลารอบตัวคล้ายหยุดนิ่งไปชั่วขณะด้วยต้องมนต์แห่งนิทรา

แม้เป็นห้วงเวลาที่คนนับร้อยนับพันยังอยู่ในนิทรารมณ์อันแสนหวาน แต่เพราะประกาศิตคำสั่งจากเคียวโกชิออนที่สั่งให้เหล่าเซนต์แบ่งกันทำหน้าที่เดินตรวจตราความเรียบร้อยรอบแซงค์ทัวรี่ยามเช้าคนละ 1 อาทิตย์ ทำให้ร่างสูงใหญ่ที่นอนเหยียดยาวบนพื้นหินที่ทั้งเย็นเฉียบและแข็งกระด้างต้องลืมตาขึ้นอย่างไม่ค่อยเต็มใจนักพลางขยับตัวช้าๆ บิดขี้เกียจไปมาสองสามทีแล้วกลั้นใจลุกขึ้นหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป

น้ำล้างหน้าเย็นกระชากใจพอจะช่วยให้หายสะลึมสะลือได้บ้าง แต่ไอสิ่งที่ทำให้หนูเรียตาสว่างได้โดยสมบูรณ์กลับเป็นกระดาษโน้ตแผ่นเล็กๆเขียนด้วยลายมือเป็นระเบียบที่บรรจงแปะไว้บนกระจกล้างหน้า
! ! ! !

...อย่าลืมเตรียมน้ำร้อนให้ด้วยนะ.....

ไอช่าเหมียวเรียพึมพำพลางถอนใจยาวด้วยความเซ็งสุดขีดคอสโม่ เพราะตั้งแต่หลวงพี่ย้ายวิหารมาก็เปลี่ยนเวลาสวดมนต์เช้าที่ปรกติเริ่มตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางไปเป็นตอนเช้าตรู่โดยอ้างเหตุผลอันสุดแสนจะซาบซึ้งใจว่าไม่อยากปลุกให้แมวที่กำลังหลับสบายตื่น......แต่ใครจะรู้ว่าจริงๆแล้ว มันมีแผน...

 อยากอาบน้ำอุ่นก็ลุกขึ้นมาต้มเองสิเฟ้ย ฉันยังอาบน้ำเย็นเลย

เจ้าเหมียวบ่นบู้บี้ แต่ถึงจะบ่นยังไงลงท้ายก็ยอมต้มน้ำร้อนใส่กระติกน้ำวางไว้ให้ในห้องน้ำจนได้ บางทีอาจเป็นเพราะยังเช้าอยู่มาก งานเล็กๆน้อยๆแค่นี้พอจะทำให้กันได้

อาบน้ำ(เย็นๆ)เสร็จออกมาก็แต่งตัวไปด้วย มองหน้าเจ้าคนที่ยังนอนหลับสนิทอย่างสบายใจเฉิบอยู่บนที่นอนที่ไม่ใช่ของตัวไปด้วยความหงุดหงิด

.... เพราะฉันเป็นเจ้าบ้านที่ดีหรอก เกือบอาทิตย์มานี่เลยยอมนอนพื้นให้ก่อน ไว้คืนนี้ตอนเจ้าช่ามันสวดมนต์รอบดึกต้องแย่งเตียงคืนมาให้ได้ หัดนอนกับพื้นซะบ้างเซ่

พอแต่งตัวเสร็จเตรียมพร้อมออกจากวิหาร อารมณ์ขุ่นๆของเรียคุงก็เริ่มต้องส่งซ่อมเมื่อพบกระดาษแผ่นที่สองแปะอยู่ที่กล่องใส่ชุดโกลด์คลอธเลโอ

...กลับมาแล้วก็อย่าลืมทำกับข้าวเผื่อล่ะ.....เอาข้าวสวย ไข่เจียว แล้วก็ซุปผักร้อนๆนะ อ้อ! เอาชาสมุนไพรอุ่นๆถ้วยนึงด้วย

มันช่วยไม่ได้ที่เจ้าของวิหารต้องเป็นคนลงมือทำอาหารเองทุกเช้า ในเมื่อ ผู้อาศัย ที่พอลืมตาขึ้นมาก็ไม่เป็นอันทำอะไรนอกจากอาบน้ำกับสวดมนต์เจริญภาวนาเป็นชั่วโมงๆไปถึงตอนสายๆโน่น จะให้แมวน้อยๆหิ้วท้องรอคงหน้ามืดตาลายหิวตายก่อน สุดท้ายก็กลายเป็นว่าพอสวดมนต์เสร็จปุ๊บหลวงพี่ก็จะมีภัตตาหารเช้าเสิร์ฟปั๊บทันที แต่ดูท่าอาหารคงไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่เจ้าตัวเลยต้องจัดการออเดอร์ซะเอง

หนอย! อุตส่าห์ทำให้กินแล้วยังเรื่องมากอีกนะแก บ๋อยจำเป็น กัดฟันกรอดด้วยความแค้นพลางหันหน้าไปแยกเขี้ยวใส่ คนเรื่องมากทีนึงก่อนยอมเดินหน้าบึ้งเข้าไปเช็กสต็อกของสดในครัวแต่โดยดี

คราวนี้คงไม่มีปัญหาอะไรแล้วนะ โกลด์เซนต์เลโอที่พร้อมออกปฎิบัติการภาคสนามทั้งอารมณ์บูดๆเท้าสะเอวพลางตั้งท่าจะเดินออกไป แต่แล้วก็ดันเหลือบไปเห็นกระดาษโน้ตเจ้ากรรมแผ่นที่สามที่แปะอยู่ข้างประตูวิหารจนได้

...เก็บที่นอนของนายให้เป็นที่เป็นทางด้วยล่ะ มันเกะกะเวลาเวลาฉันเดินจงกรม...

ว้ากกกกกก แมวเรียแทบคลั่งแต่ยังไม่กล้าอาละวาดอะไรก่อนสะกดใจเดินกระแทกเท้าโครมๆกลับเข้ามาเก็บที่นอน หมอน ผ้าห่มที่กองไว้เกลื่อนกลาดหน้าเตียงเข้าที่แล้วรีบโกยอ้าวออกไปทันทีเพราะกลัวว่าจะเจอะเข้ากับกระดาษคำสั่งอะไรอีก

ปล่อยให้คนบนเตียงที่แกล้งทำเป็นหลับอยู่ได้เป็นนานสองนานแย้มรอยยิ้มบางออกมาอย่างขบขันเต็มที

.................................

แต่แล้ว.....แผนปฏิบัติการชิงเตียงนอนคืน ของไอโอเรียก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า ในเมื่อคืนนี้ชากะบอกลาการสวดมนต์รอบดึกเอาดื้อๆแถมยังเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำยังกับนกรู้ (ว่าจะโดนแย่งเตียง)

ชากะ ทำไม...คนที่เพิ่งเก็บโต๊ะ ล้างถ้วยล้างชามของมื้อเย็นเสร็จมาหมาดๆอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก นัยน์ตาสีเขียวแฝงความกังวลอย่างเห็นได้ชัด หรือว่าจะไม่สบาย....

พรุ่งนี้เวรฉันเดินตรวจรอบแซงค์ฯตอนเช้าชากะตอบง่ายๆพลางซุกตัวลงใต้ผ้าห่มหนานุ่มแล้วหลับไปแทบจะในทันที

ลงท้ายเรียคุงก็ต้องนอนพื้นตามเคย แต่อย่างน้อยก็สบายใจได้ 2 อย่าง หนึ่ง..พรุ่งนี้ไม่ต้องตื่นแต่เช้า กับสอง..รอไว้ชากะออกไปเดินตรวจแซงค์ฯก่อนแล้วค่อยขึ้นไปนอนบนเตียงให้ชื่นใจก็ได้

ว่าแต่....มันจะเป็นไปตามที่คิดไว้แน่เร้อ!

ในเมื่อกำลังนอนหลับอยู่ดีๆแท้ๆ อยู่ๆก็มีเสียงประหลาดดังขึ้นตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสว่างเล่นเอาหนูเรียสะดุ้งตื่นก่อนพลิกตัวเอาหน้าซุกลงกับที่นอนราวเด็กสามขวบ ตามด้วยการดึงหมอนขึ้นมาปิดหัวปิดหูไว้แล้วหลับตาปี๋เหมือนพยายามจะนอนให้หลับอีกครั้ง กว่าจะรู้ว่าที่แท้ก็เป็นเสียงสวดมนต์ยามเช้าของหลวงพี่คนสวยก็ต้องใช้เวลานึกอยู่พักใหญ่

... สงสัยเพราะต้องออกไปตรวจรอบแซงค์ฯแต่เช้า เจ้าช่าเลยเปลี่ยนใจกลับมาสวดมนต์ตั้งแต่ไก่ยังไม่ตื่นเหมือนเดิม

... ดี รีบๆสวดๆซะให้เสร็จๆแล้วก็รีบๆออกไปเร็วๆเลย ฉันจะได้นอนสบายๆมั่ง

สักพักเสียงสวดมนต์ก็เริ่มแผ่วลงๆ เบาลงๆ ซาลงๆ จนกระทั่งเงียบหายไปในที่สุด เล่นเอาแมวน้อยนึกดีใจอยู่ครามครัน แต่แล้วในวินาทีถัดไปกลับมีมือมาสะกิดปลุกที่หัวไหล่แทนซะนี่

ไอโอเรีย...

เสียงคนที่ทั้งขับ ทั้งไล่ ทั้งไสส่งอยู่ในใจดังขึ้นริมหูเหมือนอยากจะกวนอารมณ์ให้ถึงที่สุด

อะไร แมวที่ออกอาการเคลิ้มๆอย่างใกล้จะหลับต่อเต็มทีตอบเสียงงัวเงีย

ออกไปเดินด้วยกันหน่อยสิ

เออ เช้านี้จะกินอะไรก็.. เฮ้ย ! แกว่าไงนะ  

ประโยคที่ได้ยินเล่นเอาไอโอเรียเส้นกระตุกลุกขึ้นนั่งพลางจ้องใบหน้าเฉยชาไร้ความรู้สึกของชากะชนิดตาไม่กะพริบ แน่ล่ะว่าหายง่วงนอนในฉับพลัน แต่พอจะอ้าปากโวยวายตามนิสัย มือเย็นๆก็เอื้อมมาจับท่อนแขนไว้เหมือนเป็นการขอร้องกลายๆ

ออกไปข้างนอกด้วยกันหน่อยนะ แม้ใบหน้าจะไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆเหมือนทุกที แต่ครั้งนี้น้ำเสียงของหลวงพี่กลับอ่อนลงจนไม่ว่าใครที่ได้ยินก็รู้สึกได้ ไปดูวิหารเวอร์โก้ด้วยกันหน่อย

หลังศึกสิบสองราศีเสร็จสิ้น การเดินผ่านวิหารร้างหลายวิหารที่ปราศจากโกลด์เซนต์ผู้เป็นเจ้าของคอยคุ้มครองดูแลก็ทำให้ไอโอเรียปวดใจได้ไม่น้อย มาตอนนี้แม้สงครามศักดิ์สิทธิ์จะยุติลง...แต่ชากะคงเจ็บปวดยิ่งกว่าถ้าต้องไปยืนอยู่หน้าวิหารเวอร์โก้ที่เหลือแต่ซาก  

... โทษทีนะช่า ฉันไม่ทันคิด

แล้วไอโอเรียก็ใจอ่อนจนได้

ไป

.................................

แค่ก้าวเท้าลงจากบันไดขั้นสุดท้ายที่เชื่อมต่อจากวิหารเลโอ โกลด์เซนต์ทั้งคู่ก็มาถึง....พื้นที่กว้างที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ตั้งของวิหารเวอร์โก้...วิหารราศีกันย์...วิหารอันแสนสุขสงบของเวอร์โก้ ชากะ

จากวิหารที่เคยสง่างามในอดีต แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นที่ตั้งของซากเสาขนาดใหญ่และก้อนหินขนาดยักษ์จำนวนนับไม่ถ้วนที่กระจายกองระเกะระกะไปทั่ว แถมทั่วริเวณยังรายล้อมไปด้วยเศษหินขนาดหลายคนโอบอีกจำนวนไม่น้อย

เอาน่า เรียคุงตบบ่าคนข้างตัวที่เอาแต่นิ่งเงียบเบาๆ เดี๋ยวอาเธน่าก็จัดการทั้งหมดเองแหละ

คงอีกนาน เสียงชากะพึมพำตอบพลางซ่อนยิ้มเจ้าเล่ห์ ถ้าไม่มีใครย้ายก้อนหินพวกนี้ออกไปให้หมดก่อน แล้วตอนนี้พวกบรอนเซนต์ก็ไปอัสการ์ดกันหมด ซิลเวอร์เซนต์ก็ไม่อยู่ซะด้วย

คำตอบของเซนต์เวอร์โก้ทำเอาเซนต์เลโอชะงักกึกก่อนมองอีกฝ่ายด้วยสายตาไม่ไว้ใจแล้วถอยหลังกรูดตามสัญชาติญาณเอาชีวิตรอด

...เอาเข้าแล้วไงล่ะ ตูว่าแล้ว แบบนี้มันต้องมีซัมติ้งรองอะไรสักอย่างแหงๆ

ว่าแล้วก็รีบหมุนตัวกลับ..เตรียมเผ่นแน่บกลับวิหารเลโอทันที แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น...มันช้าไปแล้ว เมื่อแมวที่น่าสงสารพลาดท่าถูกเทศบาล เอ้ย หลวงพี่ประจำแซงค์ฯตะครุบตัวเอาไว้ได้ แล้วลงว่าถ้าเจ้าของมือไม่ยอมปล่อยเองแล้วล่ะก็ ต่อให้สะบัดหนียังไงก็ไม่มีทางหลุดรอด

งานนี้มีนายคนเดียวที่จะช่วยฉันได้นะ แม้ชากะจะเริ่มต้นด้วยการใช้ไม้อ่อนก็ตาม แต่มือที่ดึงไหล่อีกฝ่ายไว้แน่นกลับออกแรงเพิ่มขึ้นอีกนิด

.... ม่ายยยย ไม่ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ   ฮือ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ อาเธน่าครับช่วยเรียน้อยๆด้วย

ไอโอเรียที่เพิ่งเข้าใจจุดประสงค์ของชากะที่จงใจขอให้ออกมาเดินด้วยกันถ่องแท้ตั้งป้อมเซย์โนท่าเดียวด้วยการสั่นหัววืดๆ

...วิหารก็โดนแย่งไปแล้ว นี่ยังจะถูกใช้แรงงานอีกเรอะ

ยิ่งวิหารเวอร์โก้เสร็จเร็วเท่าไหร่ ฉันก็จะย้ายกลับมาได้เร็วเท่านั้นนะ หลวงพี่ใช้มันทุกวิธีไม่ว่าจะขู่แล้วปลอบหรือตบหัวก่อนแล้วค่อยลูบหลังซ้ำอีกที

ไม่ว้อย หนูเรียแหกปากลั่นพลางคิดว่างานนี้ตายเป็นตาย ยังไงก็ไม่ยอม

“’งั้น... ชากะที่ยังใจเย็นอยู่ได้งัดเอาไม้ตายวิธีสุดท้ายออกมาเสนอโปรโมชั่นสุดพิเศษเพิ่มเติมด้วยการเอาของกินเข้าล่อ ถ้านายรับปากว่าจะช่วย ตลอดเวลาที่ยังอยู่วิหารเลโอ ฉันจะเป็นคนทำอาหารเอง

... เฮ้ย! น่าสนใจแฮะ

“3 มื้อ ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุด เริ่มตั้งแต่วันนี้เลย ไอโอเรียเริ่มออกอาการกระโจนลงหลุมดักแมวที่ชากะขุดล่อไว้ด้วยความเต็มใจ

ตกลง

ห้ามเกณฑ์ฉันไปนั่งฟังเทศน์ สวดมนต์ ทำสมาธิ เดินจงกรมเป็นเพื่อนไม่ว่าในกรณีใดๆทั้งสิ้น

ได้

รดน้ำต้นสาละเอง ถ้ามันเกิดตายขึ้นมาล่ะก็ ไม่ใช่ความผิดฉัน

โอเค หลวงพี่ที่แอบซ่อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ไว้อย่างแนบเนียนพยักหน้ารับง่ายๆ เป็นอันว่านายตกลงแล้วนะ ห้ามงอแง ห้ามเบี้ยว แล้วก็ต้องเคลียร์พื้นที่เอาหินพวกนี้ออกไปให้หมดภายใน 2 อาทิตย์ด้วย

อื้ม... ไอโอเรียที่ฝันหวานถึงอาหาร 3 มื้อที่ไม่ต้องลงมือทำเอง ยามว่างที่ไม่โดนเบียดบัง แถมยังได้หนีไปให้ไกลๆจากไอต้นไม้เอาใจยากพยักหน้าพลางยกมือขึ้นถูจมูก แค่นี้...สบายมาก 7 วันก็เรี่ยม นายนั่นแหละอย่าผิดสัญญาแล้วกัน

จากนั้นต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันทำหน้าที่ของตัวเอง ชากะผละออกเดินตรวจตราความเรียบร้อยรอบแซงค์ทัวรี่ต่อไปปล่อยให้ไอโอเรียเริ่มลงมือเคลื่อนที่ ถอดถอน โยกย้าย กำจัด ก้อนหินยักษ์ทั้งหลายที่แต่ก่อนเคยเป็นวิหารเวอร์โก้ออกไป จนสายๆเกือบจะเที่ยงแล้วนั่นแหละเจ้าตัวค่อยสำนึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่ได้กินข้าวเช้า จากนั้นเรียคุงที่ฉีกยิ้มหน้าบานยิ่งกว่าจานดาวเทียม 3 จานรวมกันก็เดินลงบันไดกลับไปวิหารเลโอด้วยท่าทางเหมือนกับจะเต้นระบำด้วยความดีอกดีใจไปตลอดทาง

...โอ้! เย้

... ดีใจจริง ดีใจจัง โฮะๆๆๆ อาเธน่าครับ...ในที่สุด ความฝันของเรียก็เป็นจริงจนได้ ต่อไปนี้เรียไม่ต้องทำกับข้าวกินเองแล้วครับ มีคนทำให้กินแล้ว อืมมมม...มื้อนี้เจ้าช่าจะทำอะไรให้กินน้อ!!! ข้าวสวยร้อนๆ กะเพราะไก่ ไข่ดาว หมูชุบแป้งทอด ปลาย่าง ปลาทอด ปลาปิ้ง ฯลฯ

.... เอ หรือจะเป็น โรตี มะตะบะ แกงเขียวหวาน แกงกะหรี่ แกงมัสมั่น เอ่ย หุหุหุ ^^

แต่แล้ว.....

เคร้ง!

เสียงช้อนหล่นจากมือคนที่หมายมั่นปั้นมือว่าจะกินให้เรียบก่อนจะเบิ่งตามองบรรดาอาหารที่วางเรียงรายเต็มโต๊ะชนิดเต็มพิกัดอัตราศึกอย่างไม่เชื่อสายตา

กินล่ะนะ แม่ครัวคนใหม่ไม่สนใจอาการดีใจ (!?) แทบบ้าของเพื่อนร่วมวิหารแต่อย่างใด พอวางกับข้าวจานสุดท้ายที่เพิ่งทำเสร็จสดๆร้อนๆลงบนโต๊ะได้ก็ลงมือกินทันที

ชากะ... เสียงหนูเรียเหมือนใกล้จะขาดใจตายอยู่รอมร่อ กับข้าวพวกนี้...มัน...มัน...มัน...

มันทำไม แม้น้ำเสียงคนทำกับข้าวจะฟังดูไม่ยินดียินร้ายตามปรกติ แล้วอะไรสักอย่างก็กระซิบบอกไอโอเรียเหมือนเคยว่าถ้าคำตอบไม่เป็นที่ถูกใจอาจมีสิทธิ์ได้แพ็กเกจทัวร์โลกภูมิทั้ง 6 ฟรีเอาง่ายๆ แต่คงเพราะความหิวเข้าครอบงำ เรียคุงเลยลืมตัวเสียงดังไปหน่อย

มันเป็นอาหาร เจ ทั้งนั้นเลยนี่หว่า

อ๋อ.. หลวงพี่คนสวยพยักหน้ารับรู้นิดนึงก่อนส่งกับข้าวเข้าปากต่อไปเรื่อยๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อเช้าลืมบอกไปว่าฉันทำเป็นแต่อาหารเจกับมังสวิรัติเท่านั้นแหละ....จะกินหรือไม่กินก็ตามใจนายแล้วกัน

ถั่ว เต้าหู้ แล้วก็ผักล้วนๆเนี่ยนะ ไอโอเรียที่ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเจออะไรแบบนี้ยังคงโวยวายไม่เลิกพลางทำจมูกฟุดๆฟิดๆดมกลิ่นกับข้าวที่ไม่เคยคุ้นแล้วตีหน้าเบ้ กลิ่นประหลาดๆพิลึก...ทำอย่างอื่น แบบที่คนปรกติธรรมดาเค้ากินกันไม่เป็นแล้วจริงๆเหรอช่า

ไม่เป็น เสียงคนทำกับข้าวเริ่มตวัด ฉันอุตส่าห์ไปถามไอโอรอสมาแล้วว่านายชอบกินอะไร เค้ายืนยันว่านายกินได้ทุกอย่าง ไว้พรุ่งนี้จะไปบอกใหม่ว่า...นายกินได้ทุกอย่างจริงๆ แต่...ยกเว้นของกินที่ฉันทำ

เท่านั้นแหละ...ไม่รู้ว่าเพราะหิวจนทนไม่ไหวหรือจะเกรงใจกลัวคนทำกับข้าวเสียน้ำใจก็ไม่ทราบได้ สุดท้ายราชสีห์หน้าบูดก็ยอมหย่อนก้นลงนั่งก่อนจะฝืนใจเล็มๆ ชิมๆ จิ้มๆ เขี่ยๆ อาหารในจานที่อยู่ใกล้ที่สุดไปทีละจาน จานละคำสองคำ จนชากะที่วางมือเพราะอิ่มก่อนลุกออกไปรดน้ำพรวนดินต้นสาละหน้าวิหาร

รอยยิ้มจางๆบนใบหน้าโกลด์เซนต์เวอร์โก้ขณะนี้บอกชัดว่าเจ้าตัวกำลังพอใจเต็มที่ ไม่ใช่เพราะต้นสาละที่มีทีท่าว่าจะเจริญเติบโตขึ้นและสวยงามไม่แพ้ต้นเดิมที่ตายไปคราวสงครามศักดิ์สิทธิ์หรือเพราะหาคนมาช่วยเคลียร์พื้นที่สร้างวิหารใหม่ได้สำเร็จ แต่เป็น...ภาพจานเปล่าหลายใบที่บอกไม่ได้ว่าเคยใส่อาหารอะไรไว้กับกับข้าวอีกหลายอย่างที่พร่องไปจนเห็นได้ชัด ที่สำคัญคือคนกินที่กำลังเอนจอยสุดๆกับการกวาดกับข้าวลงกระเพาะด้วยความเร็วและใบหน้าที่ไม่เหลือเค้าความบูดที่ตรงไหน

ไอโอเรีย

เสียงเรียกชื่อเบาๆดังมาจากหน้าต่างบานเล็กที่อยู่ใกล้ๆโต๊ะทานข้าว เรียกเสียงรีบวางช้อนส้อมลงบนโต๊ะอย่างรวดเร็วคล้ายเด็กที่ถูกจับได้ว่าแอบกินขนม

อะไร เสียงกระชากถามห้วนๆเพราะหวังใช้โทโสบังหน้าขานตอบ แต่ติดที่ว่ากับข้าวยังเต็มปากเลยลดความน่าเชื่อถือลงไปกว่าครึ่ง

กินหมดแล้วเก็บโต๊ะกับล้างชามด้วยนะ แล้วค่อยไปขนก้อนหินต่อ

..............................................................

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ แต่ดูเหมือนโกลด์เซนต์ทั้งสองที่ต้องแชร์วิหารกันอยู่จะชินชาซะแล้วกับกิจวัตรประจำวันที่แปลกออกไปจากเดิม ไม่ว่าจะเป็นเสียงโวยวายโมโหยามไม่ได้ดั่งใจที่ต้องยอมเงียบเพราะโดนเสียงนิ่มๆเบาๆแต่จิกๆกัดๆได้ถึงขั้วหัวใจตอบกลับมา หรือคนเจ้าระเบียบที่ต้องยอมปล่อยๆให้คน สบายๆได้ทำอะไรตามใจตัวเองบ้าง แล้วพอว่างๆเหงาๆไม่มีอะไรทำขึ้นมาต่างคนก็หาเรื่องแกล้งแหย่อีกฝ่ายเล่นจะได้มีเรื่องทะเลาะกันบ้างแก้เซ็ง จนโกลด์เซนต์วิหารอื่นที่ช่วยกันจับตามองว่าสงครามพันวันระหว่างไอโอเรียกับชากะจะระเบิดขึ้นเมื่อไหร่ต่างก็โล่งใจไปตามๆกัน

ครึ่งเดือนถัดมาหลังจากไอโอเรียจัดการย้ายก้อนหินออกไปหมด อาเธน่าก็สั่งปรับพื้นที่แล้วระดมกำลังสร้างวิหารเวอร์โก้หลังใหม่ขึ้นทันที ไม่ช้า..วิหารราศีกันย์ก็กลับมาตั้งเด่นเป็นสง่าอีกครั้ง จากนั้นอีกอาทิตย์ถัดไปชากะก็จัดการเก็บข้าวของย้ายออกจากวิหารเลโอกลับไปอยู่วิหารเวอร์โก้หลังใหม่พร้อมบัลลังก์ดอกบัวและต้นสาละคู่บารมี

เป็นอันว่า...แซงค์ทัวรี่ได้กลับเข้าสู่ภาวะปรกติดังเดิม และไอโอเรียก็ได้วิหารเลโอสุดที่รักกลับคืนมาเป็นของตัวเองอีกครั้ง หลังจากเวลาผ่านไปร่วม 3 เดือน

โว้ว ลักกี้ เจ้าเหมียวตัวโตแทบจะร้องไชโยโห่ฮิ้ว เมื่อพบว่าจุดแข็งถูกกำจัดออกไปจากวิหารราชสีห์เรียบร้อยแล้วจริงๆ

...แต่

....มันมีบางอย่างไม่เหมือนเดิม

เมื่อตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น เรียคุงก็ต้องถอนใจยาวก่อนลงมือเก็บหมอนกับผ้าห่มตามความเคยชิน เมื่อคืนไม่รู้ทำไมเตียงนอนมันถึงได้นิ่มนัก นิ่มเกินไปจนนอนไม่หลับ ลงท้ายทนไม่ไหวเลยต้องลงมานอนพื้นเหมือนเดิม....เฮ้อ! อย่างเจ้ามูจะซ่อมที่นอนเป็นมั้ยน้า

อาบน้ำเสร็จก็ไม่รู้ว่าต้มน้ำร้อนไปทำไมในเมื่อไม่มีคนอาบ....ไม่เป็นไร เก็บไว้ชงกาแฟแทนแล้วกัน

แชมพูกับครีมนวดที่เหลืออยู่เป็นโหลๆ ใช้มัน 3 ชาติก็ไม่หมด....ไว้วันหลังเอาไปฝากเจ้ามี่ให้แบ่งกันใช้กับคามิวดีกว่า

โต๊ะอาหารที่ว่างเปล่าเพราะคนทำกับข้าวให้กินไม่อยู่....เชอะ ทำเองก็ได้เฟ้ย

พอบ่ายๆ แสงสว่างก็เหมือนจะส่องเข้ามาข้างในวิหารมากกว่าปรกติ ก็เจ้าต้นไม้ตัวปัญหามันไม่อยู่บังแดดให้แล้วนี่เนอะ....โชคดีที่ยังไม่ได้กลบหลุม เดี๋ยวไปหาต้นใหม่มาปลูกแทนท่าจะดี

เฮ้อ!.........

ลงท้าย..พอแสงตะวันลับขอบฟ้า ทั่วทั้งวิหารก็กลับมาสงบเงียบและเยียบเย็นอีกครั้งจนไอโอเรียที่พยายามทำตัวให้ร่าเริงเข้าไว้มาตลอดทั้งวันสุดที่จะทนไหวก่อนทรุดตัวลงนั่งแปะกับพื้นที่เคยเป็นที่ตั้งของบัลลังก์ดอกบัวอย่างหมดแรง

...เพิ่งรู้นะนี่ว่าวิหารเลโอมันทั้งกว้างทั้งเงียบขนาดนี้ !


ด้านชากะเอง แม้จะพอใจอยู่มากที่ได้กลับมาอยู่วิหารเวอร์โก้อีกครั้ง

...แต่

....มันมีบางอย่างแปลกไป

เช้าตื่นขึ้นมาสวดมนต์ด้วยความง่วงงุนเพราะนอนหลับไม่สนิท ก็เตียงนอน..แม้จะนุ่มดี แต่มันทั้งเล็กทั้งแคบบอกไม่ถูก สงสัยต้องปรับขนาดใหม่ให้ใหญ่กว่านี้

ช่วยไม่ได้! เช้านี้ต้องอาบน้ำเย็นเพราะไม่มีใครต้มน้ำร้อนเตรียมไว้ให้ แถมแชมพูก็ยังไม่ได้ซื้ออีก

เสร็จแล้วก็เผลอเดินออกมารดน้ำต้นสาละที่หน้าวิหารแทนที่จะเดินไปในสวนอย่างที่ควรจะทำ ส่วนบัลลังก์ดอกบัวก็เหมือนกัน..เมื่อเช้าหาไม่เจอเพราะตั้งไว้คนละด้านกับที่วิหารเลโอ ยืนงงอยู่ตั้งนานกว่าจะนึกออกว่าอยู่ตรงไหน

สุดท้าย..เหงา...พอไม่มีเจ้าแมวจอมโวยวายแถมทื่อบื้อไว้ให้คอยแหย่เล่นหรือหาเรื่องชวนทะเลาะนี่สิ..แย่ที่สุด

เฮ้อ!.........

แต่แล้วหลังจากสวดมนต์ภาวนา นั่งสมาธิ ทำวัตร เดินจงกรม เพื่อสงบสติและปรับสมองให้เข้าที่เข้าทางอยู่ตลอดวัน ชากะก็ยังต้องมานั่งกลุ้มใจกับกับข้าวที่บานเบอะเต็มโต๊ะ เกินกว่าจะกินคนเดียวหมด

แค่ไปอยู่วิหารอื่นหน่อยเดียว เอ๋อไปเลยเหรอเรา

แล้วใครมันจะกินเข้าไปไหว หมดนี่

วินาทีนั้น คอสโม่ที่แสนจะคุ้นเคยก็ตรงเข้ามาใกล้แถมยังถือวิสาสะคว้าส้อมที่เจ้าของวิหารยังถือค้างไว้ในมือมาจิ้มอาหารเข้าปากหน้าตาเฉย

อร่อยดีนี่ ทีเมื่อก่อนไม่เห็นทำให้กินบ้างเลย

แทนที่จะรีบตะเพิด แขกไม่ได้รับเชิญออกจากวิหารไป ชากะกลับทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ ได้แต่นิ่งมองคนที่กำลังเคี้ยวอาหารตุ้ยๆแบบสะกดคำว่าเกรงใจไม่เป็นตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกว่าจะตกใจ...แปลกใจ....หรือ...ดีใจ กันแน่

ไอโอเรีย?

ฉันเอง โกลด์เซนต์ราศีสิงห์เงยหน้าขึ้นยักคิ้วให้พลางฉีกยิ้มกวนๆใส่แถมอีกนิดก่อนเตะกระเป๋าเดินทางใบเบ้อเริ่มที่หิ้วติดมาไปไว้มุมห้องแล้วรีบรายงานตัวเสียงใส

โทษทีนะช่า พอดีวิหารเลโอปิดซ่อม 3 เดือน อาเธน่าเลยอนุญาตให้ฉันมาอยู่ที่นี่ชั่วคราว

for HBD Aioria ,

Jeserith

6 / 08 / 2008

11.30  p.m.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น