26/2/54

FF7 (AU) advent children: ตามหาพี่ชาย....ยยยยยยย! (p1)

Shonen ai Warning : รังสีอัลตราไวโอเล็ตรุนแรงเล็กน้อย (คิดว่านะ) แต่รับรองว่ายังปลอดภัยต่อสุขภาพ

Title : ตามหาพี่ชาย....ยยยยยยย!

Author : jes

Pairing :
ไม่มี๊...ไม่มี อีกอะแหละ

Disclaimer :
ตัวละครเป็นลิขสิทธิ์ของ square enix ค่ะ ไอเดียนี้เกิดขึ้นเพราะความเซ็งตอนฟังสัมมนา เพื่อถ่วงหนังตาไว้ไม่ให้หลับคาโต๊ะเลยขีดๆ เขียนๆ ฟิคมันแก้เบื่อ เลยได้ฟิคนี้ออกมา

Intro : เขียนตามใจอยากค่ะ เนื้อหาเลยไม่ตรงเนื้อเรื่องหลักและค่อนข้างไร้สาระ คิดว่าอ่านเอาสนุกแล้วกันนะเจ้าคะ ตามพล็อตเรื่องคราวนี้ตัวละครหลักจะเป็นฝ่ายชินระทั้งหมด เซฟจัง แซคกี้ แองจีล และเจเนซิสเลยได้มีบทกะเค้าบ้างหลังโดนเจสดองเก็บไว้ไม่เห็นหน้าค่าตาในฟิค brother เลยสักคน (เปลี่ยนมาดองบทเอริธ ทีฟ่า แบร์เร็ต และพวกพ้องคนอื่นๆ แทน -*-)  

แต่แค่อ่านชื่อเรื่องก็รู้แล้วใช่มะว่า...หนีไม่พ้นคลาวด์คุงกับแก๊ง 3 หนุ่มผมเงินตามเคย

ปล. เจสเป็นแม่ยกคลาวด์ค่ะ (หรือจะพูดให้ถูกคือ เซฟี่คลาวด์) อย่าว่าคลาวด์กันเลยนะ ถึงจะยอมรับว่าหมอนี่พึ่งไม่ค่อยได้จริงๆ ก็เหอะ!

-----------------------------------------------------------------------


กลับมาแล้ว ไม่มีใครอยู่เลยเหรอ” เสียงเรียกเบาๆ ดังขึ้นจากเด็กหนุ่มผมสีเงินยาวสลวยที่เปิดประตูเข้ามาในห้องเช่าแล้วพบว่ามีเพียงความมืดมิดและความหนาวเย็นเท่านั้นที่รอคอยอยู่

กลับมาแล้วเหรอเสียงตอบรับเบาๆ ดังขึ้นหลังกองผ้าห่มเก่าๆ ก่อนเด็กหนุ่มร่างเล็กที่มีผมสีเดียวกันแต่สั้นกว่าจะพยุงตัวลุกขึ้นนั่ง ท่าทางงัวๆ เงียๆ บอกชัดว่าเจ้าตัวคงเผลองีบหลับแล้วเลยตื่นขึ้นมาเมื่อมีแสงไฟสว่างจ้าแยงตา

พอเปิดไฟ เครื่องทำความร้อนรุ่นลายครามตรงมุมห้องก็เริ่มต้นทำงาน ส่งเสียงดังสนั่นสะท้านสะเทือนไปทั่ว แต่คงต้องรออีกพักใหญ่ๆ กว่าอุณหภูมิในห้องจะอุ่นพอ

วันนี้ได้ทิปเยอะ ยาซูส่งถุงใส่บะหมี่ซองกับอาหารกึ่งสำเร็จรูป 2-3 อย่างให้ ลอซไปไหน ทำไมไม่เปิดไฟ

“ลอซไปทำงานที่บาร์ คงกลับดึก แล้วเครื่องทำความร้อนน่ะเปลืองไฟจะตาย อยู่คนเดียวห่มผ้าเอาเดี๋ยวก็อุ่น ว่าแต่กินพิซซามั้ย เมื่อวานยังมีเหลืออยู่นิดหน่อย”

คาดาจที่รับถุงใส่ของไปเก็บในตู้ใบย่อมที่มีอยู่เพียงใบเดียวในห้องพยายามส่งเสียงพูดจ้อไม่หยุด เพื่อให้ความทดท้อ ห่อเหี่ยว และเหงาหงอยที่อบอวลในทุกอณูของบรรยากาศรอบตัวคลายลงไปบ้าง แต่ยาซูที่แทรกตัวเข้าไปกึ่งนั่งกึ่งนอนในกองผ้าห่มบ้างสั่นหน้าปฏิเสธพลางหลับตาลงพักให้หายเหนื่อยล้าจากที่ต้องทำงานเสิร์ฟอาหารมาตลอดทั้งวัน

...นับเป็นเวลาเกือบปีแล้วที่พวกเขาสามคนมาเช่าห้องเช่าโทรมๆ แคบเท่าแมวดิ้นตายอยู่ในมิดการ์

ในกรอบรูปขนาดเท่าฝ่ามือที่ตั้งอยู่บนตู้ ข้างในมีรูปภาพเบลอมัวของเด็กชายผมบลอนด์อายุไม่เกิน 3 ขวบ กำลังส่งรอยยิ้มแจ่มใสมาให้ ขณะอยู่ในอ้อมกอดของหญิงสาวที่ยิ้มอย่างมีความสุข ผมสีบลอนด์ไม่ต่างจากของเด็กชายหยิกเป็นลอนน้อยๆ อยู่บนชุดกาวน์ตัวยาวสีขาวที่สวมอยู่

พี่ชาย ริมฝีปากสีชมพูซีดบิดเบี้ยวจากแรงสะอื้นที่เจ้าตัวกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ พี่อยู่ไหนน่ะ รีบมาหาพวกเราเถอะ รีบมานะ มาเร็วๆนะ

........................................

ตั้งแต่จำความได้ พวกเขา 3 คน คาดาจ ยาซู และลอซ ก็อยู่กับ แม่ที่บ้านหลังเล็กๆ ในนีเบิลเฮล์ม หมู่บ้านเล็กที่ล้อมรอบด้วยภูเขาจนเกือบเรียกได้ว่าถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ชีวิตความเป็นอยู่ก็เป็นเหมือนคนชนบทธรรมดาทั่วๆ ไป แม้ไม่ได้ร่ำรวย ไม่ได้กินอยู่อย่างหรูหรา ไม่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบาย แต่ทุกคนก็ได้รับความรัก ความอบอุ่น และความสงบสุขกันอย่างเต็มที่

จนกระทั่ง ... “แม่” ที่แสนจะใจดีและอ่อนโยนจากไปอย่างไม่มีวันกลับ พวกเขาถึงพบรูปใบนี้สอดอยู่ในหนังสือที่แม่ชอบหยิบมาอ่านบ่อยๆ

...แม่ไม่ได้อ่านหนังสือ แต่นั่งมองรูปพี่ชายมากกว่า

...นั่นคือเหตุผลว่าทำไมทั้ง 3 คนถึงต้องด้นดั้นมาถึงมิดการ์

...ก็เพื่อตามหา “พี่ชาย” ญาติ...เพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ และบอกเรื่อง “แม่”

แต่...

ทั้งๆ ที่เตรียมใจไว้แล้วว่าความเป็นอยู่ในเมืองใหญ่ของเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะจะไม่มีอะไรใกล้เคียงกับคำว่า “สบาย” แต่ก็นึกไม่ถึงว่าจะ “ยากลำบาก” ถึงขนาดนี้

นับวัน...ความอ่อนล้า ความเหน็ดเหนื่อย ความท้อถอย และความผิดหวัง จะยิ่งทวีมากขึ้นจนทับถมเป็นตะกอนหนักอึ้งในจิตใจ

ลงท้ายคาดาจที่หมดความอยากอาหารก็ตัดสินใจกลับเข้าไปนอนขดใกล้ๆ ยาซู แล้วหลับตาลงพร้อมภาวนาคาถาที่ใช้ยึดหนี่ยวไม่ให้ความหวังอันริบหรี่หลุดลอยไป...

...พรุ่งนี้ พรุ่งนี้ วันพรุ่งนี้จะเจอ อดทน อดทน อดทนไว้ ต้องเจอ ยังไงก็ได้เจอ เดี๋ยวก็จะได้เจอ

พี่ชาย

...............................................................

“พรุ่งนี้ ต้องไปตรวจสอบสภาพเตาปฏิกรณ์ที่ได้รับรายงานว่าผิดปรกติที่ไอซีเคิลครับท่าน” คลาวด์ สไตรฟ์ รายงานภารกิจที่ต้องปฏิบัติในวันรุ่งขึ้นเหมือนทุกวัน นัยน์ตาสีฟ้าสดสงบนิ่งขณะจับจ้องไปยังร่างสูงที่ยืนอยู่ริมกระจกหน้าต่างบานใหญ่

ข้างนอก..หิมะตกไม่หยุด ฟ้าเลยมืดขมุกขมัวจนมองไม่เห็นแสงจันทร์

รอจนอีกฝ่ายเบือนหน้ามานิดๆ เสียงรายงานจึงดังต่อไป “ระยะเวลาปฏิบัติงานที่ไอซีเคิล 3 วันครับ หลังจากนั้นถ้าการเจรจาของทาส์กที่ก็องกาก้าล้มเหลว ก็ให้เดินทางไปจัดการต่อให้เรียบร้อย ทั้ง 2 ภารกิจให้เวลาไม่เกิน 10 วัน”

“ใครบ้าง”

ในเมื่อเป็นภารกิจที่ได้รับมอบหมายมาโดยตรง โซลเยอร์อย่างเซฟิรอธก็มีหน้าที่ทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด นัยน์ตาสีเขียวแสนเย็นชาหรี่ลงนิดๆ อย่างใช้ความคิด

“ฉันเอง” เสียงตอบดังมาจากชายหนุ่มผมดำ ท่าทางเคร่งขรึม ที่นั่งจิบเครื่องดื่มอยู่บนโซฟารับแขกมุมห้องดังขึ้น

“ส่วนฉันกับเจ้าหนูแซคกี้จะตามไปสมทบระหว่างทาง เพราะแน่ยิ่งกว่าแช่แป้งว่าต้องไปต่อที่ก็องกาก้าแหงๆ” ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มค่อนข้างยาวเล็กน้อยวางแก้วเครื่องดื่มในมือลงกับโต๊ะตัวเล็กข้างตัวแล้วเอาหนังสือ loveless ที่ถืออยู่อีกมือตบไหล่พ่อหนุ่มหัวเม่นที่กำลังยกกระป๋องเบียร์ขึ้นซดแบบไม่เบานัก เล่นเอาแช็คที่ไม่ทันระวังตัวแทบสำลัก

“นานๆ จะได้ทำงานด้วยกันสักที” เจเนซิสคว้าแก้วเครื่องดื่มของตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง “เรามาฉลอง....”

“10 โมงเช้าที่ประตูใหญ่” เซฟิรอธที่ไม่สนใจเรื่องไร้สาระทั้งปวงพูดกับแองจีลด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน ตามด้วยการส่งมาซามุเนะคู่ใจให้คลาวด์ที่ยังยืนอยู่ที่เดิมก่อนออกคำสั่ง

“เอาไปตรวจเช็ก ฉันต้องการให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด”

“ครับ”

ระหว่างที่สายตา 3 คู่ 6 ข้างมองตามหลังเด็กหนุ่มผมบลอนด์ที่ทำความเคารพแล้วถือมาซามุเนะออกไปจากห้องเงียบๆ ประโยคไล่แขกก็ดังขึ้นต่อเนื่องชนิดไม่ต้องรอนาน

“หมดธุระก็ออกไปได้ ห้องพักของฉันไม่ใช่ห้องรับรอง”

จากนั้นนักรบผู้ยิ่งใหญ่ก็เดินกลับเข้าไปในห้องชั้นใน

.....................................

“ไม่ว่าเมื่อไหร่ หมอนั่นก็ยังมนุษยสัมพันธ์เข้าขั้นแย่....แย่...ไม่สิ..ยอดแย่ ไม่เคยเปลี่ยน” เจเนซิสบ่นอุบขณะที่ทั้งกลุ่มเดินไปตามระเบียงเล็กๆ ที่เชื่อมต่อระหว่างอาคารส่วนกลางกับเขตห้องพักของโซลเยอร์เฟิร์สคลาส “ไม่รู้เจ้าเด็กนั่น สไตร์ฟน่ะ ทนอยู่ได้ยังไง”

ภาพการ์ดตัวเล็กๆ ที่คอยเดินตามหลังเงียบๆ ไม่ก็วิ่งวุ่นทำโน่นทำนี่ตามคำสั่งเป็นภาพที่เห็นกันจนชินตา ไม่ว่าใครในชินระต่างสงสัยกันทั่วหน้าว่า..ทั้งๆ ที่เป็นแค่พลทหารไร้ระดับ แท้ๆ แต่ทำไม คลาวด์ สไตรฟ์ ถึงได้มีโอกาสเสนอหน้าคอยติดสอยห้อยตามโซลเยอร์ระดับเอ็กซ์ตราเฟิร์สคลาสในตำนานอย่างเซฟิรอธได้

“ลองไม่มีบารมีเซฟิรอธคุ้มหัวซะอย่าง การ์ดระดับโนเนมอย่างนั้นคงไม่มีทางรอดมาจนถึงเดี๋ยวนี้” เจเนซิสยังบ่นต่อไปเรื่อยๆ “ทางเซฟิรอธเองก็คงนึกเอ็นดูอยากเลี้ยงลูกโจโคโบะไว้ดูเล่นสักตัวละมัง”

“ไม่รู้สิ หมอนั่นไม่เคยบ่นอะไรให้ได้ยินสักครึ่งคำเลยซะด้วย” แซคที่เรียกได้ว่าเป็น เพื่อนสนิทสุดๆ คนนึงของคลาวด์ถอนใจยาว “รับคำสั่งมา ก็ก้มหน้าก้มตาทำไป คิดไปคิดมาก็น่าอิจฉาเซฟิรอธนะ เนอะ...แองจีล โอ๊ยยยย!

กะว่าจะหยิกแกมหยอกคนที่เป็นทั้งเพื่อน รุ่นพี่ และคนที่เทรนด์วิชาการใช้ดาบให้เจ็บๆ คันๆ หน่อยเดียว แต่กลับมีมือใหญ่ๆ ตรงเข้าขยี้ทรงผมตั้งๆ ชี้ๆ ที่เจ้าตัวสุดแสนจะภูมิใจนักหนาจนกระเซิงไม่เป็นทรงเป็นการตอบแทนซะนี่

“นายก็หัดทำตัวเป็นเด็กดี ว่านอนสอนง่ายอย่างคลาวด์บ้างสิ” แองจีลได้ทีสั่งสอนพลางแจกมะเหงกเขกกะโหลกแถมท้ายให้อีกรอบ “รอจนชาติหน้าบ่ายๆ นั่นล่ะ นายถึงจะเอาบัสเตอร์ซอร์ดของฉันไปเช็กสภาพแล้วก็จัดข้าวจัดของเตรียมออกเดินทางให้อย่างที่คลาวด์ทำ”

พูดจบก็เอื้อมมือไปขยี้ผมแซคจนยุ่งเหยิงด้วยความเอ็นดูแกมมันเขี้ยวซ้ำอีกรอบแล้วแยกเดินกลับไปห้องพักของตัวเอง

รอยยิ้มบางเบาปรากฏขึ้นบนใบหน้า ขณะโบกมือให้กับเสียงประท้วง 2 เสียงที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง

“อีกอย่าง...ในมุมมองฉัน ฉันคิดไม่เหมือนพวกนายหรอกนะ ระหว่างสองคนนั่น ลองขาดใครไปสักคน ใครกันแน่ที่จะอยู่ไม่ได้”

3 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ2/26/2554

    สนุกมากๆค่า ฮิฮิ ตามอ่านมาตั้งแต่เรื่องแรกแล้ว เราก็เป็นแฟนคลับเซฟี่คลาวด์เหมือนกันนะ ฮุฮุ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ5/23/2554

    >//< แบบว่าสามีขออะไร ภรรยาก็หาให้ใช่ไหมค่ะ(ปกติต้องปเ็นสามีหาให้สินะ)แต่ในที่นี้คงเป็นหน้าที่ภรรยามากกว่า อิอิ

    ตอบลบ
  3. เซฟิรอธธธธ!!! 😍

    ตอบลบ