Author : jes
Pairing : LL ???
ระดับ : ปลอดภัยไร้กังวล
Disclaimer : ตัวละครทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของคุณ rabbit ค่ะ
-----------------------------------------------------------------------
เจมิไน : ที่พึ่งพายามยาก
ชายแดนเวนอล-เอเธนส์
กาลเวลาเลยผ่าน นับจากวันพระราชพิธีบรมราชาภิเษกแห่งทริสทอร์ในวันนั้นก็ล่วงมาเกือบสามเดือนแล้ว
เช้าวันนี้อากาศแจ่มใสเป็นพิเศษ แสงสีทองของดวงตะวันทอประกายอบอุ่นส่งให้ทั่วทั้งผืนฟ้าเป็นสีครามใสกระจ่าง แลเห็นปุยเมฆบางๆ สีขาวแต่งแต้มเป็นรอยจางๆ อยู่เป็นระยะ ต้นไม้ใบหญ้าสีเขียวอ่อนโบกพลิ้วไปมาตามสายลมที่โชยชายแผ่วเบาพัดเอากลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ป่าจากที่ไกลๆ ให้กระจายฟุ้งไปทั่วบริเวณ เช่นเดียวกับเสียงร้องเพลงเบาๆ ของฝูงนกป่าตัวเล็กๆ ที่โผบินไปมาหาอาหารอยู่อย่างเป็นสุข
บรรยากาศรอบตัวสุดแสนจะงดงามจนร่างสูงโปร่งเจ้าของเส้นผมและนัยน์ตาสีน้ำเงินที่อยู่บนหลังอาชาสีขาวสะอาดต้องเผยรอยยิ้มออกมาด้วยความพึงใจระคนสงสัย!?
...ว่าแต่ ทำไมเมจิกปรินซ์คนเก่งแห่งเจมิไนถึงตัดสินใจทิ้งงานทิ้งการที่ยังทำค้างอยู่แล้วรีบโดดขึ้นหลังม้ามาเดินโต๋เต๋อยู่แถวนี้ได้
ถ้าไม่ใช่...
...ข่าวสงครามระหว่างแอเรียสและทริสทอร์ที่ลือสะพัดไปทั่วเอเดน...
ดีไม่ดีอาจจะดังข้ามแดนไปถึงเดมอสด้วยก็ได้ เพราะได้ข่าวมาอีกว่าเจ้าหญิงจอมแสบกับมาดัส เดอเบอโรว์ได้ฤกษ์วางแต้มต่อพนันกันแล้วว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ โดยมีจ้าวปิศาจเอวิเดสเป็นแหล่งเงินทุนใหญ่
แอเรียส ปะทะ ทริสทอร์
การปะทะที่ใครๆ ต่างไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ ทั้งนี้กษัตริย์ทั้งสองแผ่นดินยังเคยเป็นสหายเก่าแก่กันสมัยยังทรงศึกษาอยู่ที่เอดินเบิร์ก
ทว่า…การที่ศึกษามาด้วยกันนี่แหละ เลยเป็นที่มาของปัญหา
โรเวนถอนหายใจยาว สายตาไล่มองไปตามผืนดิน ผืนป่าที่แสนเงียบสงบ
...ทุกสิ่งมันช่างน่าแปลกนัก ทั้งที่เหตุการณ์น่าจะผ่านมาอาทิตย์กว่าแล้ว แต่กลับไม่มีการประกาศบุกโจมตี ไม่มีรายงานมูลค่าความเสียหาย หรือแม้แต่จำนวนผู้บาดเจ็บล้มตายใดๆ ออกมาให้ได้รู้กัน...
อย่างน้อยก็สภาพป่ารอบตัวตอนนี้ที่ไม่มีทีท่าว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงอะไรขึ้น
หรือว่า...
...มันจะเป็นเพียงแค่ข่าวลือ
แม้พื้นที่บริเวณนี้ส่วนใหญ่จะเป็นเทือกเขาสูงชันที่ทอดตัวยาวเรียงรายสลับซับซ้อน สองข้างทางก็รกทึบไปด้วยป่าไม้สีเขียวสดที่ขึ้นเบียดเสียดกันหนาแน่น แต่พอเดินทางพ้นเขตป่ามาได้สักระยะก็จะถึงหมู่บ้านชายแดนขนาดใหญ่ที่มีชาวบ้านอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น ตลอดเวลาจะมีพ่อค้าเร่หรือคนเดินทางผ่านไปมาแวะหยุดพักค้างคืนเสมอ ทำให้ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นแต่ความคับคั่ง จอแจไปด้วยผู้คนและเสียงพูดคุย เสียงตะโกนโหวกเหวกที่ติดจะหนวกหูเอาเรื่อง
สภาพอันเป็นปรกติสุขที่เห็นทำเอาเจ้าชายผู้ตั้งใจมาสำรวจสภาพความเป็นไปของการสู้รบเป็นงง
...ไหนล่ะสงคราม การต่อสู้ อาวุธสังหาร คนเจ็บ คนตาย มันหายไปไหนหมด...
...ไม่เห็นมีอะไรสักอย่าง!...
แต่ก่อนที่โรเวนซึ่งหยุดพักมานั่งจิบชายามสายพลางกินขนมอยู่ในร้านเล็กๆ ซึ่งตั้งอยู่ ณ ใจกลางหมู่บ้านอย่างสบายอารมณ์จะลงความเห็นใจว่า ‘สงครามเป็นเพียงข่าวลือ’ แล้ววางแผนหาที่เที่ยวสักวันสองวันเป็นของแถมก่อนกลับเจมิไนอยู่เพลินๆ ก็พลันเกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น.
เพียงแค่เสียงระฆังใบใหญ่บนหอสังเกตการณ์ที่อยู่บนยอดเขาดังขึ้นเป็นจังหวะเท่านั้น ชาวบ้านร้านตลาดทั้งหลายก็พากันหยุดชะงักทุกกิจกรรมที่ทำอยู่ ไม่นานความสับสนอลหม่านก็เกิดขึ้นพร้อมเสียงกรีดร้องโวยวายฟังไม่ได้ศัพท์เมื่อผู้คนต่างกรูกันกลับเข้าไปในบ้านเรือนของตนราวกับนัดคิวกันไว้ ส่วนคนที่เหลืออยู่ข้างนอกก็มีอันต้องทะเลาะตบตี แย่งชิง ตะเกียกตะกายหาที่ที่ดูจะมั่นคงแข็งแรงที่สุดที่อยู่ใกล้ตัวเพื่อหลบเอาชีวิตรอด
ในช่วงเวลาไม่ถึงนาทีดีจากหมู่บ้านที่มีคนพลุกพล่านก็เปลี่ยนสภาพไปเป็นสถานที่รกร้างว่างเปล่าได้อย่างน่าประหลาด
...นี่มันอะไรกัน...
“เกิดอะไรขึ้น”
หลังจากยืนหมุนซ้ายหมุนขวาเก้ๆ กังๆ อยู่ครึ่งอึดใจ โรเวนก็ได้คำตอบจนได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อมีอะไรสักอย่างบินหวือมาปักฉึกบนกำแพงข้างๆ ชนิดเฉี่ยวแก้มของเมจิกปรินซ์คนเก่งไปเส้นยาแดงผ่าสิบหกอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว
เจอเข้าแบบนี้ เมจิกปรินซ์ก็เมจิกปรินซ์เถอะ หัวใจก็ร่วงลงไปอยู่ปลายเท้าได้เหมือนกันล่ะน่า
“พี่โรเว๊น... พี่โรเวน หมอบลงพี่ หมอบลง” เสียงคุ้นๆ ตะโกนลั่นอยู่ตรงไหนสักที่ แต่ตอนนี้โรเวนยังไม่มีเวลาคิดอะไรทั้งนั้นนอกจากทำตามเสียงบอกอย่างเดียวพลางดันเก้าอี้ตัวโตที่ตัวเองใช้นั่งจิบชาอยู่เมื่อครู่มาบังไว้ข้างหน้าอีกที และนี่ก็เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุด เพราะในนาทีต่อมาเจ้าสิ่งนั้นอีกนับร้อยนับพันก็สาดโครมเทโครมเข้ามาราวห่าฝน ช่วยให้เลือดในตัวเจ้าชายแห่งเจมิไนแข็งเป็นน้ำแข็งได้อีกรอบ
สักชั่วอึดใจใหญ่ๆ ผ่านไปและ ‘สายฝนมรณะ’ ก็เริ่มซาลงแล้ว เสียงเรียกเดิมก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“เป็นไงมั่งพี่ บาดเจ็บหรือเปล่า”
โรเวนเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วตะแคงมองไปตามเสียง ที่แท้ก็เจ้าห้องสมุดเดินได้ โร เซวาเรส นั่นเองที่ยืดหน้าออกมาจากหน้าต่างบ้านหลังเล็กที่อยู่ฝั่งตรงข้ามห่างออกไปสักยี่สิบเมตรได้
“เข้ามาหลบในนี้ดีกว่า แต่พี่ต้องเข้ามาเองนะ ผมไม่อยากเสี่ยงกับลูกหลงที่อาจจะยังเหลือ” เจ้าห้องสมุดพูดหน้าตายพร้อมรอยยิ้มละไม
นี่คงเป็นยี่สิบเมตรที่ยาวนานและต้องจำไปตลอดชีวิต เมื่อโรเวนตกลงใจพุ่งตัวออกไปโดยมีเป้าหมายอยู่ที่ประตูบ้านซึ่งโรเปิดคอยไว้
แน่ล่ะว่าต้องอาศัยความไวหลบ ‘ลูกหลง’ นิดๆ หน่อยๆ ตอนวิ่งผ่านพื้นที่โล่งระหว่างถนนบ้าง แต่จากประสบการณ์เจ็ดปีที่เคยเห็นเหตุการณ์คล้ายๆ กันนี้มาตลอดก็ช่วยให้พอเอาตัวรอดได้แม้จะไม่เชี่ยวชาญเท่าต้นตำรับ แต่กว่าจะมาถึงหน้าบ้านได้โดยสวัสดิภาพก็เล่นเอาเหงื่อตก
คนที่อยู่ในบ้าน ไม่ได้มีแค่เจ้าชายขอทานกำมะลอที่ยืนยิ้มแหยๆ อยู่ข้างประตูเท่านั้น แต่ยังมีคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจออีกหลายคนกำลังนั่งสุมหัวเอามือกุมขมับกันอยู่
เจ้าหญิงเอฟิน่าแห่งเอเธนส์ เจ้าชายแห่งไนล์ และผู้แทนองค์กษัตริย์แห่งฟรานซ์ ทั้งสามนั่งหน้าเครียดอยู่บนเก้าอี้นวมรับแขกตัวใหญ่มุมห้อง บนเก้าอี้ไม้ข้างๆ กันเป็นนักรบสุดโจ๋ที่คงจะได้รับมอบหมายให้มาดูแลความปลอดภัยให้เจ้าชายของตัว แต่วันนี้ดู ครี้ด ธันเดอร์ ออกจะหงอยๆ ผิดหูผิดตาชอบกล อีกฟากของห้องเป็นที่นั่งของอดีตเจ้าแม่ประจำป้อมอัศวิน...มาทิลด้า ซิลเวอร์ แห่งอเมซอน ที่ดูท่าทางไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่แต่ยังควบคุมสติไว้ได้ไม่ซัดเอาเจ้าสามนักบวช...ซีบิล สเวน กัส โทนีย่า และเอ็ดเวิร์ด ลอเรนโซ่ที่กลับทำหน้าชื่นยิ้มแฉ่งแข่งกันเล่นไพ่ป๊อกเด้งอยู่ได้โดยไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับเหตุการณ์รอบตัว
“ดีใจที่ได้เจอทุกคน” โรเวนไล่แจกรอยยิ้มตามสไตล์ให้ทุกคนเป็นการทักทายก่อนจะเริ่มเข้าประเด็นทันที “ใครช่วยอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้บ้าง”
“ง่ายๆ เลยพี่ ดูนี่ดิ” ครี้ดเปิดหน้าต่างแล้วเอื้อมมือออกไปทำท่าควานหาอะไรสักอย่างข้างนอก ก่อนจะหดมือกลับมาพร้อมลูกธนูขนาดเล็กที่มีปลายเรียวแหลม
“นี่มัน...” โรเวนอ้าปากค้าง เริ่มเข้าใจอะไรขึ้นมาลางๆ “คล้ายๆ มีด....”
“ใช่เลย” โรพยักหน้าหงึกหงักแล้วต่อคำพูดของรุ่นพี่ที่เคารพให้จบประโยค
“มันไม่คล้ายหรอกพี่ แต่มันเป็นมีดบินของพี่ลอเรนซ์ตัวจริงเสียงจริงเลยล่ะ”
เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อเดือนก่อน ในงานฉลองแสดงความยินดีกับกษัตริย์แห่งแอเรียสพระองค์ใหม่ ลอเรนซ์ โมนาโรค เดอะคิง ออฟแอเรียส ที่อดีตกษัตริย์ริชาร์ดพระบิดาใช้เวทมนตร์ป่าวประกาศไปทั่วทั้งเอเดนและเดมอสว่าเป็นกษัตริย์ที่อายุน้อยและหล่อที่สุดในเอเดนตัวจริง นัยว่าเป็นการแก้แค้นและเกทับทางทริสทอร์ที่บังอาจทำให้เจ้าตัวเจ็บใจนักหนาก่อนหน้านี้
...เฮ้อ! สงสัยต้องไปทวงตำแหน่งจากท่านพ่อบ้างซะแล้ว...
เจ้าชายโรเวนแห่งเจมิไนคิดในใจอย่างขำๆ ขณะก้าวเท้าเข้าไปในห้องจัดงานที่ตกแต่งใหม่อย่างหรูเลิศอลังการแบบว่าขนหน้าแข้งอดีตกษัตริย์ริชาร์ดร่วงไปแค่เส้นสองเส้นเท่านั้น แต่พอโผล่หน้าเข้าไปปุ๊บก็เจอหน้าเจ้าห้องสมุดเคลื่อนที่เจ้าเก่าวิ่งถลาเข้ามาหาพลางฉุดกระชากลากถูให้ออกไปด้วยกัน
สุดปลายทางเดินเป็นระเบียงขนาดใหญ่ อดีตคู่หูนักบวชซาตานประจำป้อมอัศวินกำลังยืนประจันหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร
...ตำแหน่งกษัตริย์เท่าเทียมกัน...
...ทรงศักดิ์ ทรงสิทธิ์ และทรงอำนาจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน...
ทำเอาคนสองคนที่ยังเป็นแค่เจ้าชายหันมามองหน้ากันอย่างทำใจลำบาก ส่วนความคิดที่จะไปตามอดีตกษัตริย์ริชาร์ดมาห้ามศึกน่ะไม่เคยจะมีอยู่ในหัว เพราะรู้ดีว่าจะยิ่งทำให้เกิดศึกหนักมากขึ้นกว่าเดิม ลงท้าย โรเวนเลยเอามือเคาะผนังเป็นเชิงเบี่ยงเบนความสนใจ
คนที่หันมาก่อนคือกษัตริย์ลอเรนซ์ที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยังให้ความสำคัญกับเจ้าชายแห่งเจมิไนผู้เป็นทั้งเพื่อน และอดีตเสนาธิการฝ่ายซ้ายที่มีอำนาจควบคุมดูแลผู้คุมกฎทั้งสี่เสมอ
“โรเวน ดีใจที่มา”
“ขอแสดงความยินดีด้วย” โรเวนยิ้มพลางลอบถอนใจโล่งอก
แต่...เรื่องมันคงไม่ง่ายขนาดนั้น
“ดีใจที่มา” กษัตริย์ลูคัสทวนคำด้วยท่าทางสุดแสนจะน้อยพระทัย “ทีตอนฉันมาไม่เห็นพูดแบบนี้เลย”
“ฉันเป็นคนเชิญโรเวนมาเอง แต่ทางทริสทอร์น่ะไปถามอดีตคิงริชาร์ดที่เป็นคนเชิญดีกว่าว่าดีใจมั้ย”
“ใจร้ายจริง พูดแบบนี้ฉันเสียใจนะ ลอรี่”
เฟี้ยว~ ฉึก!
พระแสงดาบขนาดจิ๋วในพระหัตถ์กษัตริย์องค์ใหม่แห่งแอเรียสสะบัดรวดเร็วเหมือนรอจังหวะอยู่นาน แน่ล่ะว่ากษัตริย์อีกพระองค์ก็หลบได้เชี่ยวชาญไม่ต่างจากที่เคย
“หยุดเรียกฉันด้วยชื่องี่เง่านั่น ถ้ายังไม่อยากตาย วันนี้ฉันจะไม่ทนต่อไปแล้ว”
“พี่โรเวน” โรเข้ามากระซิบกระซาบ “ข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพกษัตริย์แห่งแอเรียสกับข้อหาจงใจทำร้ายกษัตริย์แห่งทริสทอร์นี่ อะไรโทษหนักว่ากันน่ะ”
“เจ๊า” โรเวนเอ่ยพลางส่ายหัวไปมาอย่างอ่อนใจ “ปล่อยไว้งี้แหละ เราไปหาอะไรกินกันดีกว่า”
ว่าแล้วสองเจ้าชายก็เดินจากมาง่ายๆ
จากนั้นอีกไม่นาน ข่าวการทำสงครามระหว่างแอเรียสกับทริสทอร์ก็เกิดขึ้นและแพร่กระจายไปทั่วเอเดนอย่างรวดเร็ว
...ลอเรนซ์ ลูคัส...
...จริงๆ เลย ถ้าตอนนี้ยังเป็นเสธ.ซ้ายอยู่ล่ะก็จะเรียกตัวมาชำระความซะให้เข็ด...
“เซ็ง” โรเวนหมายความตามที่พูดจริงๆ เมื่อรู้สาเหตุที่มาของสงครามบ้าๆ บอๆ นี่พลางถามต่อ “แล้วแต่ละวันมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง”
“ไม่มีอะไรมากค่ะ” มาทิลด้าเอ่ยแทนโรที่ยื่นหน้าเสี่ยงตายออกไปดูสถานการณ์ภายนอก “แค่หลังเวลาอาหารสามมื้อพี่ลูคัสจะมาตะโกนเรียกชื่อต้องห้ามของพี่ลอเรนซ์จากฝั่งทริสทอร์ พอพี่ลอเรนซ์ได้ยินเข้าก็จะปามีดบินออกมาจากชายแดนแอเรียสอย่างเมื่อกี้ที่พี่เห็นนั่นล่ะ แต่ตรงนี้อยู่หลังสันเขาเลยไม่ได้ยินเสียงพี่ลูคัส ถึงต้องมีการสั่นระฆังเตือนแทน”
...เสียงล้อจากกษัตริย์ขี้เล่นแห่งทริสทอร์ กับ มีดบินของกษัตริย์จอมหงุดหงิดแห่งแอเรียส...
...ให้มันได้อย่างนี้สิ ที่แท้เจ้าสองคนนั่นยอมรับตำแหน่งคิงเพราะเหตุผลนี้เองเรอะ...
ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกละเหี่ยใจ อยากจะยิ้มก็ยิ้มไม่ออก ได้แต่ถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้ พลางไล่สายตามองรุ่นน้องทั้งหลาย
“สรุปว่า ที่ทุกคนมารวมตัวที่นี่ก็เพราะ โดน ‘ลูกหลง’ อย่างที่เคยโดนสมัยอยู่ป้อมอัศวินสินะ”
“ใช่” เจ้าหญิงเอฟิน่าแห่งเอเธนส์ที่รู้กิตติศัพท์ของพวกป้อมอัศวินดีตอบเสียงกระชาก
“ทางแอเรียสต้องการให้มีดบินพุ่งเข้าไปในเขตแดนของทริสทอร์ แต่บางส่วนกลับมาตกในไนล์” เจ้าชายจากไนล์อธิบาย
“ไม่ใช่แค่ไนล์ที่เดียวนะเจ้าชาย ฟรานซ์ เอเธนส์ อเมซอน เวนอล ก็ด้วย” ผู้แทนพระองค์จากฟรานซ์โอดครวญ ในใจยังรู้สึกสยดสยองไม่หายที่ต้องเสี่ยงตายฝ่าฝูงมีดบิน ‘ลูกหลง’ ที่ส่งตรงมาจากแอเรียส
“บารามอสกับกิลดิเรกก็เหมือนกันรึ” โรเวนขมวดคิ้วหันไปถามพวก ‘ไม่ใช่คนแถวนี้’ อย่างซีบิล กัส และเอ็ดเวิร์ด เพราะรู้สึกว่ารัศมีมีดบินมันจะกระจายวงกว้างเกินความจริงไปหน่อย
“เปล่าครับ” นักบวชแห่งบารามอสทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมตอบกลับไปอย่างสุภาพ “ผมได้รับคำสั่งจากเจ้าหญิงเฟลิโอน่าให้มาสืบข่าวว่าใครได้เปรียบเสียเปรียบยังไงแล้วส่งข่าวกลับไป เพื่อทางโน้นจะได้วางเงินพนันได้ถูก โดยท่านเอวิเดสสัญญาว่าจะมอบห้าเปอร์เซ็นของรายได้ทั้งหมดช่วยสมทบทุนซ่อมแซมมหาวิหารแห่งบารามอสครับ”
...เอากะเขาสิ พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้หน้าตาเฉย นิสัยแบบนี้มันคล้ายใครล่ะเนี่ย...
“แล้วนายสองคน...” โรเวนหันมาถามสองนักบวชจากกิลดิเรกบ้างด้วยน้ำเสียงเพลียๆ
“เบื่อ...” คนพูดน้อยตอบง่ายๆ
“อยู่บ้านไม่มีอะไรทำน่ะครับ เลยมาที่นี่เผื่อมีอะไรตื่นเต้นบ้าง” เอ็ดเวิร์ดยิ้มกว้างขณะตอบเหมือนจะช่วยขยายความคำพูดสหายนักบวชข้างๆ ที่หลายคนยังติดใจว่าเป็นนักบวชของเทียมหรือเจ้าชายของแท้กันแน่
คำตอบอันสุดแสนจะจริงใจจริงๆ ของสามนักบวชบ้านไกลเล่นเอาคนทั้งบ้านหันขวับกลับมาจ้องด้วยสายตาอยากจะกินเลือดกินเนื้อเต็มแก่ แต่แล้วก็สะบัดหน้าพรืดกันไปคนละทางด้วยความปลงในโชคชะตาที่ดันดลบันดาลให้สองคู่หูนักบวชซาตานแห่งป้อมอัศวินขึ้นเป็นกษัตริย์
...หากตอนนั้นขอตำแหน่งคืนคงดี...
ถ้อยความคิดที่ตอกย้ำอดีตขอทานให้ช้ำใจกับความผิดพลาดที่แสนใหญ่หลวงในชีวิต
“แล้ว...” โรเวนเริ่มคิดหาตัวช่วยอย่างเคย แม้มันจะไม่เคยเจอเลยมาตั้งแต่สมัยเรียน “อดีตคิงริชาร์ดไม่ว่าอะไรเลยหรือไง”
“นั่นน่ะตัวร้ายเลย” โรทำหน้ายุ่ง “อดีตคิงริชาร์ดนั่นแหละที่เป็นตัวตั้งตัวตีคอยสนับสนุนพี่ลอเรนซ์ทุกอย่าง ไม่เชื่อดูนี่”
จากลูกธนูสีเงินที่ครี้ดเก็บรวบรวมมาเมื่อครู่ ตอนนี้กลายสภาพเป็นแค่เศษใบไม้ กิ่งไม้กองอยู่บนโต๊ะ
...ต้องเป็นฝีมือตาอดีตคิงพ่อมดสุดแสบนั่นแน่ๆ อย่างลอเรนซ์ไม่ทำอะไรแบบนี้หรอก...
“แล้วอดีตคิงวีเมย์....” โรเวนยังพยายามหาตัวช่วยตัวต่อไป
“พอมอบตำแหน่งกษัตริย์ให้พี่ลูคัสได้ ท่านทวดวีเมย์ก็ละเรื่องทางโลก ออกไปแสวงหาความสงบอยู่ที่วิหารนักบวชหญิงเป็นการถาวรแล้วครับ อำนาจสั่งการทั้งหมดเลยอยู่ในมือพี่ลูคัสแบบเต็มๆ แล้วคงไปตามญาติๆ สายตระกูลซาโดเรียมาเป็นผู้ช่วย”
...กรรม กำไม่ต้องแบ...
ศึกสองพ่อลูกมหัศจรรย์ ปะทะ ก๊กผู้วิเศษจากทริสทอร์.
...บ้านอื่น เมืองอื่นเขาเลยเดือดร้อนกันทั่วหน้า (แต่งานนี้รู้สึกว่าเจมิไนรอดตัว)...
...แต่ว่า มันก็สนุกดีแฮะ...
...ในโลกนี้คงหาเรื่องบ้าๆ บอๆ แบบนี้ได้ยาก
“เพราะงั้น พี่ครับ”
“เพราะงั้น พี่คะ”
เสียงประสานจากน้องๆ ร่วมป้อมและร่วมโรงเรียนดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง เรียกให้โรเวนที่กำลังคิดอะไรอยู่เงียบๆ เพลินๆ สะดุ้งเฮือก
“อะไร...” เจ้าชายแห่งเจมิไนเบือนหน้าไปทางเหล่ารุ่นน้องอย่างหวาดๆ แม้สีหน้าที่แสดงให้เห็นดูนิ่งสงบเหมือนไม่มีอะไร แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความสยอง สมองคาดเดาล่วงหน้าถึงชะตากรรมที่ต้องประสบไปเกินร้อยละร้อยแล้วว่ามันต้องมีเรื่องปวดหัวอะไรตามมาอย่างแน่นอน โดยเฉพาะเสียงที่ดังยืนยันมาราวกับคำพิพากษา
“ช่วยทำอะไรสักอย่างสิ อะไรก็ได้ที่ทำให้พี่ลอเรนซ์กับพี่ลูคัสเลิกเล่นอะไรไร้สาระแบบนี้ซะที”
ชายแดนเวนอล-เอเธนส์
กาลเวลาเลยผ่าน นับจากวันพระราชพิธีบรมราชาภิเษกแห่งทริสทอร์ในวันนั้นก็ล่วงมาเกือบสามเดือนแล้ว
เช้าวันนี้อากาศแจ่มใสเป็นพิเศษ แสงสีทองของดวงตะวันทอประกายอบอุ่นส่งให้ทั่วทั้งผืนฟ้าเป็นสีครามใสกระจ่าง แลเห็นปุยเมฆบางๆ สีขาวแต่งแต้มเป็นรอยจางๆ อยู่เป็นระยะ ต้นไม้ใบหญ้าสีเขียวอ่อนโบกพลิ้วไปมาตามสายลมที่โชยชายแผ่วเบาพัดเอากลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ป่าจากที่ไกลๆ ให้กระจายฟุ้งไปทั่วบริเวณ เช่นเดียวกับเสียงร้องเพลงเบาๆ ของฝูงนกป่าตัวเล็กๆ ที่โผบินไปมาหาอาหารอยู่อย่างเป็นสุข
บรรยากาศรอบตัวสุดแสนจะงดงามจนร่างสูงโปร่งเจ้าของเส้นผมและนัยน์ตาสีน้ำเงินที่อยู่บนหลังอาชาสีขาวสะอาดต้องเผยรอยยิ้มออกมาด้วยความพึงใจระคนสงสัย!?
...ว่าแต่ ทำไมเมจิกปรินซ์คนเก่งแห่งเจมิไนถึงตัดสินใจทิ้งงานทิ้งการที่ยังทำค้างอยู่แล้วรีบโดดขึ้นหลังม้ามาเดินโต๋เต๋อยู่แถวนี้ได้
ถ้าไม่ใช่...
...ข่าวสงครามระหว่างแอเรียสและทริสทอร์ที่ลือสะพัดไปทั่วเอเดน...
ดีไม่ดีอาจจะดังข้ามแดนไปถึงเดมอสด้วยก็ได้ เพราะได้ข่าวมาอีกว่าเจ้าหญิงจอมแสบกับมาดัส เดอเบอโรว์ได้ฤกษ์วางแต้มต่อพนันกันแล้วว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ โดยมีจ้าวปิศาจเอวิเดสเป็นแหล่งเงินทุนใหญ่
แอเรียส ปะทะ ทริสทอร์
การปะทะที่ใครๆ ต่างไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ ทั้งนี้กษัตริย์ทั้งสองแผ่นดินยังเคยเป็นสหายเก่าแก่กันสมัยยังทรงศึกษาอยู่ที่เอดินเบิร์ก
ทว่า…การที่ศึกษามาด้วยกันนี่แหละ เลยเป็นที่มาของปัญหา
โรเวนถอนหายใจยาว สายตาไล่มองไปตามผืนดิน ผืนป่าที่แสนเงียบสงบ
...ทุกสิ่งมันช่างน่าแปลกนัก ทั้งที่เหตุการณ์น่าจะผ่านมาอาทิตย์กว่าแล้ว แต่กลับไม่มีการประกาศบุกโจมตี ไม่มีรายงานมูลค่าความเสียหาย หรือแม้แต่จำนวนผู้บาดเจ็บล้มตายใดๆ ออกมาให้ได้รู้กัน...
อย่างน้อยก็สภาพป่ารอบตัวตอนนี้ที่ไม่มีทีท่าว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงอะไรขึ้น
หรือว่า...
...มันจะเป็นเพียงแค่ข่าวลือ
แม้พื้นที่บริเวณนี้ส่วนใหญ่จะเป็นเทือกเขาสูงชันที่ทอดตัวยาวเรียงรายสลับซับซ้อน สองข้างทางก็รกทึบไปด้วยป่าไม้สีเขียวสดที่ขึ้นเบียดเสียดกันหนาแน่น แต่พอเดินทางพ้นเขตป่ามาได้สักระยะก็จะถึงหมู่บ้านชายแดนขนาดใหญ่ที่มีชาวบ้านอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น ตลอดเวลาจะมีพ่อค้าเร่หรือคนเดินทางผ่านไปมาแวะหยุดพักค้างคืนเสมอ ทำให้ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นแต่ความคับคั่ง จอแจไปด้วยผู้คนและเสียงพูดคุย เสียงตะโกนโหวกเหวกที่ติดจะหนวกหูเอาเรื่อง
สภาพอันเป็นปรกติสุขที่เห็นทำเอาเจ้าชายผู้ตั้งใจมาสำรวจสภาพความเป็นไปของการสู้รบเป็นงง
...ไหนล่ะสงคราม การต่อสู้ อาวุธสังหาร คนเจ็บ คนตาย มันหายไปไหนหมด...
...ไม่เห็นมีอะไรสักอย่าง!...
แต่ก่อนที่โรเวนซึ่งหยุดพักมานั่งจิบชายามสายพลางกินขนมอยู่ในร้านเล็กๆ ซึ่งตั้งอยู่ ณ ใจกลางหมู่บ้านอย่างสบายอารมณ์จะลงความเห็นใจว่า ‘สงครามเป็นเพียงข่าวลือ’ แล้ววางแผนหาที่เที่ยวสักวันสองวันเป็นของแถมก่อนกลับเจมิไนอยู่เพลินๆ ก็พลันเกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น.
เพียงแค่เสียงระฆังใบใหญ่บนหอสังเกตการณ์ที่อยู่บนยอดเขาดังขึ้นเป็นจังหวะเท่านั้น ชาวบ้านร้านตลาดทั้งหลายก็พากันหยุดชะงักทุกกิจกรรมที่ทำอยู่ ไม่นานความสับสนอลหม่านก็เกิดขึ้นพร้อมเสียงกรีดร้องโวยวายฟังไม่ได้ศัพท์เมื่อผู้คนต่างกรูกันกลับเข้าไปในบ้านเรือนของตนราวกับนัดคิวกันไว้ ส่วนคนที่เหลืออยู่ข้างนอกก็มีอันต้องทะเลาะตบตี แย่งชิง ตะเกียกตะกายหาที่ที่ดูจะมั่นคงแข็งแรงที่สุดที่อยู่ใกล้ตัวเพื่อหลบเอาชีวิตรอด
ในช่วงเวลาไม่ถึงนาทีดีจากหมู่บ้านที่มีคนพลุกพล่านก็เปลี่ยนสภาพไปเป็นสถานที่รกร้างว่างเปล่าได้อย่างน่าประหลาด
...นี่มันอะไรกัน...
“เกิดอะไรขึ้น”
หลังจากยืนหมุนซ้ายหมุนขวาเก้ๆ กังๆ อยู่ครึ่งอึดใจ โรเวนก็ได้คำตอบจนได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อมีอะไรสักอย่างบินหวือมาปักฉึกบนกำแพงข้างๆ ชนิดเฉี่ยวแก้มของเมจิกปรินซ์คนเก่งไปเส้นยาแดงผ่าสิบหกอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว
เจอเข้าแบบนี้ เมจิกปรินซ์ก็เมจิกปรินซ์เถอะ หัวใจก็ร่วงลงไปอยู่ปลายเท้าได้เหมือนกันล่ะน่า
“พี่โรเว๊น... พี่โรเวน หมอบลงพี่ หมอบลง” เสียงคุ้นๆ ตะโกนลั่นอยู่ตรงไหนสักที่ แต่ตอนนี้โรเวนยังไม่มีเวลาคิดอะไรทั้งนั้นนอกจากทำตามเสียงบอกอย่างเดียวพลางดันเก้าอี้ตัวโตที่ตัวเองใช้นั่งจิบชาอยู่เมื่อครู่มาบังไว้ข้างหน้าอีกที และนี่ก็เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุด เพราะในนาทีต่อมาเจ้าสิ่งนั้นอีกนับร้อยนับพันก็สาดโครมเทโครมเข้ามาราวห่าฝน ช่วยให้เลือดในตัวเจ้าชายแห่งเจมิไนแข็งเป็นน้ำแข็งได้อีกรอบ
สักชั่วอึดใจใหญ่ๆ ผ่านไปและ ‘สายฝนมรณะ’ ก็เริ่มซาลงแล้ว เสียงเรียกเดิมก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“เป็นไงมั่งพี่ บาดเจ็บหรือเปล่า”
โรเวนเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วตะแคงมองไปตามเสียง ที่แท้ก็เจ้าห้องสมุดเดินได้ โร เซวาเรส นั่นเองที่ยืดหน้าออกมาจากหน้าต่างบ้านหลังเล็กที่อยู่ฝั่งตรงข้ามห่างออกไปสักยี่สิบเมตรได้
“เข้ามาหลบในนี้ดีกว่า แต่พี่ต้องเข้ามาเองนะ ผมไม่อยากเสี่ยงกับลูกหลงที่อาจจะยังเหลือ” เจ้าห้องสมุดพูดหน้าตายพร้อมรอยยิ้มละไม
นี่คงเป็นยี่สิบเมตรที่ยาวนานและต้องจำไปตลอดชีวิต เมื่อโรเวนตกลงใจพุ่งตัวออกไปโดยมีเป้าหมายอยู่ที่ประตูบ้านซึ่งโรเปิดคอยไว้
แน่ล่ะว่าต้องอาศัยความไวหลบ ‘ลูกหลง’ นิดๆ หน่อยๆ ตอนวิ่งผ่านพื้นที่โล่งระหว่างถนนบ้าง แต่จากประสบการณ์เจ็ดปีที่เคยเห็นเหตุการณ์คล้ายๆ กันนี้มาตลอดก็ช่วยให้พอเอาตัวรอดได้แม้จะไม่เชี่ยวชาญเท่าต้นตำรับ แต่กว่าจะมาถึงหน้าบ้านได้โดยสวัสดิภาพก็เล่นเอาเหงื่อตก
คนที่อยู่ในบ้าน ไม่ได้มีแค่เจ้าชายขอทานกำมะลอที่ยืนยิ้มแหยๆ อยู่ข้างประตูเท่านั้น แต่ยังมีคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจออีกหลายคนกำลังนั่งสุมหัวเอามือกุมขมับกันอยู่
เจ้าหญิงเอฟิน่าแห่งเอเธนส์ เจ้าชายแห่งไนล์ และผู้แทนองค์กษัตริย์แห่งฟรานซ์ ทั้งสามนั่งหน้าเครียดอยู่บนเก้าอี้นวมรับแขกตัวใหญ่มุมห้อง บนเก้าอี้ไม้ข้างๆ กันเป็นนักรบสุดโจ๋ที่คงจะได้รับมอบหมายให้มาดูแลความปลอดภัยให้เจ้าชายของตัว แต่วันนี้ดู ครี้ด ธันเดอร์ ออกจะหงอยๆ ผิดหูผิดตาชอบกล อีกฟากของห้องเป็นที่นั่งของอดีตเจ้าแม่ประจำป้อมอัศวิน...มาทิลด้า ซิลเวอร์ แห่งอเมซอน ที่ดูท่าทางไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่แต่ยังควบคุมสติไว้ได้ไม่ซัดเอาเจ้าสามนักบวช...ซีบิล สเวน กัส โทนีย่า และเอ็ดเวิร์ด ลอเรนโซ่ที่กลับทำหน้าชื่นยิ้มแฉ่งแข่งกันเล่นไพ่ป๊อกเด้งอยู่ได้โดยไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับเหตุการณ์รอบตัว
“ดีใจที่ได้เจอทุกคน” โรเวนไล่แจกรอยยิ้มตามสไตล์ให้ทุกคนเป็นการทักทายก่อนจะเริ่มเข้าประเด็นทันที “ใครช่วยอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้บ้าง”
“ง่ายๆ เลยพี่ ดูนี่ดิ” ครี้ดเปิดหน้าต่างแล้วเอื้อมมือออกไปทำท่าควานหาอะไรสักอย่างข้างนอก ก่อนจะหดมือกลับมาพร้อมลูกธนูขนาดเล็กที่มีปลายเรียวแหลม
“นี่มัน...” โรเวนอ้าปากค้าง เริ่มเข้าใจอะไรขึ้นมาลางๆ “คล้ายๆ มีด....”
“ใช่เลย” โรพยักหน้าหงึกหงักแล้วต่อคำพูดของรุ่นพี่ที่เคารพให้จบประโยค
“มันไม่คล้ายหรอกพี่ แต่มันเป็นมีดบินของพี่ลอเรนซ์ตัวจริงเสียงจริงเลยล่ะ”
เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อเดือนก่อน ในงานฉลองแสดงความยินดีกับกษัตริย์แห่งแอเรียสพระองค์ใหม่ ลอเรนซ์ โมนาโรค เดอะคิง ออฟแอเรียส ที่อดีตกษัตริย์ริชาร์ดพระบิดาใช้เวทมนตร์ป่าวประกาศไปทั่วทั้งเอเดนและเดมอสว่าเป็นกษัตริย์ที่อายุน้อยและหล่อที่สุดในเอเดนตัวจริง นัยว่าเป็นการแก้แค้นและเกทับทางทริสทอร์ที่บังอาจทำให้เจ้าตัวเจ็บใจนักหนาก่อนหน้านี้
...เฮ้อ! สงสัยต้องไปทวงตำแหน่งจากท่านพ่อบ้างซะแล้ว...
เจ้าชายโรเวนแห่งเจมิไนคิดในใจอย่างขำๆ ขณะก้าวเท้าเข้าไปในห้องจัดงานที่ตกแต่งใหม่อย่างหรูเลิศอลังการแบบว่าขนหน้าแข้งอดีตกษัตริย์ริชาร์ดร่วงไปแค่เส้นสองเส้นเท่านั้น แต่พอโผล่หน้าเข้าไปปุ๊บก็เจอหน้าเจ้าห้องสมุดเคลื่อนที่เจ้าเก่าวิ่งถลาเข้ามาหาพลางฉุดกระชากลากถูให้ออกไปด้วยกัน
สุดปลายทางเดินเป็นระเบียงขนาดใหญ่ อดีตคู่หูนักบวชซาตานประจำป้อมอัศวินกำลังยืนประจันหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร
...ตำแหน่งกษัตริย์เท่าเทียมกัน...
...ทรงศักดิ์ ทรงสิทธิ์ และทรงอำนาจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน...
ทำเอาคนสองคนที่ยังเป็นแค่เจ้าชายหันมามองหน้ากันอย่างทำใจลำบาก ส่วนความคิดที่จะไปตามอดีตกษัตริย์ริชาร์ดมาห้ามศึกน่ะไม่เคยจะมีอยู่ในหัว เพราะรู้ดีว่าจะยิ่งทำให้เกิดศึกหนักมากขึ้นกว่าเดิม ลงท้าย โรเวนเลยเอามือเคาะผนังเป็นเชิงเบี่ยงเบนความสนใจ
คนที่หันมาก่อนคือกษัตริย์ลอเรนซ์ที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยังให้ความสำคัญกับเจ้าชายแห่งเจมิไนผู้เป็นทั้งเพื่อน และอดีตเสนาธิการฝ่ายซ้ายที่มีอำนาจควบคุมดูแลผู้คุมกฎทั้งสี่เสมอ
“โรเวน ดีใจที่มา”
“ขอแสดงความยินดีด้วย” โรเวนยิ้มพลางลอบถอนใจโล่งอก
แต่...เรื่องมันคงไม่ง่ายขนาดนั้น
“ดีใจที่มา” กษัตริย์ลูคัสทวนคำด้วยท่าทางสุดแสนจะน้อยพระทัย “ทีตอนฉันมาไม่เห็นพูดแบบนี้เลย”
“ฉันเป็นคนเชิญโรเวนมาเอง แต่ทางทริสทอร์น่ะไปถามอดีตคิงริชาร์ดที่เป็นคนเชิญดีกว่าว่าดีใจมั้ย”
“ใจร้ายจริง พูดแบบนี้ฉันเสียใจนะ ลอรี่”
เฟี้ยว~ ฉึก!
พระแสงดาบขนาดจิ๋วในพระหัตถ์กษัตริย์องค์ใหม่แห่งแอเรียสสะบัดรวดเร็วเหมือนรอจังหวะอยู่นาน แน่ล่ะว่ากษัตริย์อีกพระองค์ก็หลบได้เชี่ยวชาญไม่ต่างจากที่เคย
“หยุดเรียกฉันด้วยชื่องี่เง่านั่น ถ้ายังไม่อยากตาย วันนี้ฉันจะไม่ทนต่อไปแล้ว”
“พี่โรเวน” โรเข้ามากระซิบกระซาบ “ข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพกษัตริย์แห่งแอเรียสกับข้อหาจงใจทำร้ายกษัตริย์แห่งทริสทอร์นี่ อะไรโทษหนักว่ากันน่ะ”
“เจ๊า” โรเวนเอ่ยพลางส่ายหัวไปมาอย่างอ่อนใจ “ปล่อยไว้งี้แหละ เราไปหาอะไรกินกันดีกว่า”
ว่าแล้วสองเจ้าชายก็เดินจากมาง่ายๆ
จากนั้นอีกไม่นาน ข่าวการทำสงครามระหว่างแอเรียสกับทริสทอร์ก็เกิดขึ้นและแพร่กระจายไปทั่วเอเดนอย่างรวดเร็ว
...ลอเรนซ์ ลูคัส...
...จริงๆ เลย ถ้าตอนนี้ยังเป็นเสธ.ซ้ายอยู่ล่ะก็จะเรียกตัวมาชำระความซะให้เข็ด...
“เซ็ง” โรเวนหมายความตามที่พูดจริงๆ เมื่อรู้สาเหตุที่มาของสงครามบ้าๆ บอๆ นี่พลางถามต่อ “แล้วแต่ละวันมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง”
“ไม่มีอะไรมากค่ะ” มาทิลด้าเอ่ยแทนโรที่ยื่นหน้าเสี่ยงตายออกไปดูสถานการณ์ภายนอก “แค่หลังเวลาอาหารสามมื้อพี่ลูคัสจะมาตะโกนเรียกชื่อต้องห้ามของพี่ลอเรนซ์จากฝั่งทริสทอร์ พอพี่ลอเรนซ์ได้ยินเข้าก็จะปามีดบินออกมาจากชายแดนแอเรียสอย่างเมื่อกี้ที่พี่เห็นนั่นล่ะ แต่ตรงนี้อยู่หลังสันเขาเลยไม่ได้ยินเสียงพี่ลูคัส ถึงต้องมีการสั่นระฆังเตือนแทน”
...เสียงล้อจากกษัตริย์ขี้เล่นแห่งทริสทอร์ กับ มีดบินของกษัตริย์จอมหงุดหงิดแห่งแอเรียส...
...ให้มันได้อย่างนี้สิ ที่แท้เจ้าสองคนนั่นยอมรับตำแหน่งคิงเพราะเหตุผลนี้เองเรอะ...
ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกละเหี่ยใจ อยากจะยิ้มก็ยิ้มไม่ออก ได้แต่ถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้ พลางไล่สายตามองรุ่นน้องทั้งหลาย
“สรุปว่า ที่ทุกคนมารวมตัวที่นี่ก็เพราะ โดน ‘ลูกหลง’ อย่างที่เคยโดนสมัยอยู่ป้อมอัศวินสินะ”
“ใช่” เจ้าหญิงเอฟิน่าแห่งเอเธนส์ที่รู้กิตติศัพท์ของพวกป้อมอัศวินดีตอบเสียงกระชาก
“ทางแอเรียสต้องการให้มีดบินพุ่งเข้าไปในเขตแดนของทริสทอร์ แต่บางส่วนกลับมาตกในไนล์” เจ้าชายจากไนล์อธิบาย
“ไม่ใช่แค่ไนล์ที่เดียวนะเจ้าชาย ฟรานซ์ เอเธนส์ อเมซอน เวนอล ก็ด้วย” ผู้แทนพระองค์จากฟรานซ์โอดครวญ ในใจยังรู้สึกสยดสยองไม่หายที่ต้องเสี่ยงตายฝ่าฝูงมีดบิน ‘ลูกหลง’ ที่ส่งตรงมาจากแอเรียส
“บารามอสกับกิลดิเรกก็เหมือนกันรึ” โรเวนขมวดคิ้วหันไปถามพวก ‘ไม่ใช่คนแถวนี้’ อย่างซีบิล กัส และเอ็ดเวิร์ด เพราะรู้สึกว่ารัศมีมีดบินมันจะกระจายวงกว้างเกินความจริงไปหน่อย
“เปล่าครับ” นักบวชแห่งบารามอสทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมตอบกลับไปอย่างสุภาพ “ผมได้รับคำสั่งจากเจ้าหญิงเฟลิโอน่าให้มาสืบข่าวว่าใครได้เปรียบเสียเปรียบยังไงแล้วส่งข่าวกลับไป เพื่อทางโน้นจะได้วางเงินพนันได้ถูก โดยท่านเอวิเดสสัญญาว่าจะมอบห้าเปอร์เซ็นของรายได้ทั้งหมดช่วยสมทบทุนซ่อมแซมมหาวิหารแห่งบารามอสครับ”
...เอากะเขาสิ พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้หน้าตาเฉย นิสัยแบบนี้มันคล้ายใครล่ะเนี่ย...
“แล้วนายสองคน...” โรเวนหันมาถามสองนักบวชจากกิลดิเรกบ้างด้วยน้ำเสียงเพลียๆ
“เบื่อ...” คนพูดน้อยตอบง่ายๆ
“อยู่บ้านไม่มีอะไรทำน่ะครับ เลยมาที่นี่เผื่อมีอะไรตื่นเต้นบ้าง” เอ็ดเวิร์ดยิ้มกว้างขณะตอบเหมือนจะช่วยขยายความคำพูดสหายนักบวชข้างๆ ที่หลายคนยังติดใจว่าเป็นนักบวชของเทียมหรือเจ้าชายของแท้กันแน่
คำตอบอันสุดแสนจะจริงใจจริงๆ ของสามนักบวชบ้านไกลเล่นเอาคนทั้งบ้านหันขวับกลับมาจ้องด้วยสายตาอยากจะกินเลือดกินเนื้อเต็มแก่ แต่แล้วก็สะบัดหน้าพรืดกันไปคนละทางด้วยความปลงในโชคชะตาที่ดันดลบันดาลให้สองคู่หูนักบวชซาตานแห่งป้อมอัศวินขึ้นเป็นกษัตริย์
...หากตอนนั้นขอตำแหน่งคืนคงดี...
ถ้อยความคิดที่ตอกย้ำอดีตขอทานให้ช้ำใจกับความผิดพลาดที่แสนใหญ่หลวงในชีวิต
“แล้ว...” โรเวนเริ่มคิดหาตัวช่วยอย่างเคย แม้มันจะไม่เคยเจอเลยมาตั้งแต่สมัยเรียน “อดีตคิงริชาร์ดไม่ว่าอะไรเลยหรือไง”
“นั่นน่ะตัวร้ายเลย” โรทำหน้ายุ่ง “อดีตคิงริชาร์ดนั่นแหละที่เป็นตัวตั้งตัวตีคอยสนับสนุนพี่ลอเรนซ์ทุกอย่าง ไม่เชื่อดูนี่”
จากลูกธนูสีเงินที่ครี้ดเก็บรวบรวมมาเมื่อครู่ ตอนนี้กลายสภาพเป็นแค่เศษใบไม้ กิ่งไม้กองอยู่บนโต๊ะ
...ต้องเป็นฝีมือตาอดีตคิงพ่อมดสุดแสบนั่นแน่ๆ อย่างลอเรนซ์ไม่ทำอะไรแบบนี้หรอก...
“แล้วอดีตคิงวีเมย์....” โรเวนยังพยายามหาตัวช่วยตัวต่อไป
“พอมอบตำแหน่งกษัตริย์ให้พี่ลูคัสได้ ท่านทวดวีเมย์ก็ละเรื่องทางโลก ออกไปแสวงหาความสงบอยู่ที่วิหารนักบวชหญิงเป็นการถาวรแล้วครับ อำนาจสั่งการทั้งหมดเลยอยู่ในมือพี่ลูคัสแบบเต็มๆ แล้วคงไปตามญาติๆ สายตระกูลซาโดเรียมาเป็นผู้ช่วย”
...กรรม กำไม่ต้องแบ...
ศึกสองพ่อลูกมหัศจรรย์ ปะทะ ก๊กผู้วิเศษจากทริสทอร์.
...บ้านอื่น เมืองอื่นเขาเลยเดือดร้อนกันทั่วหน้า (แต่งานนี้รู้สึกว่าเจมิไนรอดตัว)...
...แต่ว่า มันก็สนุกดีแฮะ...
...ในโลกนี้คงหาเรื่องบ้าๆ บอๆ แบบนี้ได้ยาก
“เพราะงั้น พี่ครับ”
“เพราะงั้น พี่คะ”
เสียงประสานจากน้องๆ ร่วมป้อมและร่วมโรงเรียนดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง เรียกให้โรเวนที่กำลังคิดอะไรอยู่เงียบๆ เพลินๆ สะดุ้งเฮือก
“อะไร...” เจ้าชายแห่งเจมิไนเบือนหน้าไปทางเหล่ารุ่นน้องอย่างหวาดๆ แม้สีหน้าที่แสดงให้เห็นดูนิ่งสงบเหมือนไม่มีอะไร แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความสยอง สมองคาดเดาล่วงหน้าถึงชะตากรรมที่ต้องประสบไปเกินร้อยละร้อยแล้วว่ามันต้องมีเรื่องปวดหัวอะไรตามมาอย่างแน่นอน โดยเฉพาะเสียงที่ดังยืนยันมาราวกับคำพิพากษา
“ช่วยทำอะไรสักอย่างสิ อะไรก็ได้ที่ทำให้พี่ลอเรนซ์กับพี่ลูคัสเลิกเล่นอะไรไร้สาระแบบนี้ซะที”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น