Author : jes
Pairing : สง่า+ชิออน+มู+โดโก
ระดับ : ปลอดภัยไร้กังวล
Disclaimer : ตัวละครทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของอาจารย์ Masami Kurumada ค่ะ ฟิคนี้เป็น HBD ท่านสง่า แต่...ทำไมเจ้าของวันเกิดถึงไม่ค่อยแฮปปี้เท่าไหร่ล่ะเนี่ย
-----------------------------------------------------------------------
การต่อสู้กับเจ้ายมโลกเสร็จสิ้นลงเมื่อโกลด์เซนต์ทุกคนผนึกกำลังกันสร้างแสงอาทิตย์เพื่อทำลายกำแพงวิปโยคและถูกผนึกไว้ในเสาหิน และในท้ายที่สุดเมื่อสงครามกับเหล่าทวยเทพบนสวรรค์ปิดฉากลง......อาเธน่าก็ได้ชุบชีวิตพวกเขากลับคืนมาอีกครั้ง
.... ไม่มีอีกแล้ว การต่อสู้ที่เดิมพันด้วยชีวิต
.... ลาก่อน การพลัดพราก ความเศร้าและความเจ็บปวดทั้งหลาย
.... พอกันที กับพวกเทพจิตผิดปรกติที่ขยันหาเรื่องหาราวให้เหล่าเซนต์ต้องออกแรงเหนื่อยฟรีได้ตลอดปีตลอดชาติ
แต่......
นึกว่าต่อจากนี้ไปแซงค์ทัวรี่ก็จะมีแต่ความสงบสุขงั้นเรอะ !!!!!!!
เฮอะ! ฝันไปเถอะ
เช้าวันหนึ่ง.....ทั่วทั้งท้องฟ้าเป็นสีครามใสกระจ่าง แลเห็นปุยเมฆขาวสะอาดแต่งแต้มเป็นรอยจางๆอยู่เป็นระยะ ยอดไม้ยอดหญ้าสีเขียวอ่อนและดอกไม้นานาพันธุ์โบกพลิ้วไปตามสายลมที่พัดไปมาพาให้ใบไม้สีน้ำตาลทองกับกลีบดอกที่ใกล้จะโรยร่วงหล่นลงบนผืนหญ้าดูราวกับลวดลายบนผืนพรมขนาดใหญ่
แต่บรรยากาศอันสุดแสนจะสดใสกลับเหี่ยวเฉาเหงาหงอยลงทันใจเมื่อจู่ๆก็มีแขก (ไม่ได้รับเชิญ) มาเยือนถึงหน้าวิหารแกะขาว
พอเห็นว่าเป็นใครเท่านั้น มูที่ออกมาต้อนรับตามประสาเจ้าของบ้านที่ดีก็ทำหน้าบอกบุญไม่รับเอาดื้อๆก่อนจะยืนปักหลักขวางประตูไว้พลางออกปากไล่ชนิดไม่ไว้หน้า
“มีธุระ ‘ไรไม่ทราบ รีบๆบอกๆมาแล้วก็รีบๆกลับๆไปซะ”
แค่ได้ยินประโยค “ไล่แขก” ชัดๆถนัดหูเท่านั้นแหละ รอยยิ้มบนใบหน้าเคียวโกซางะที่วันนี้มาแปลกเพราะแต่งตัวด้วยชุดธรรมดาก็หุบฉับทันทีพลางชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวเข้ามาในวิหาร
“ฉันมาพบท่านชิออน”
“เจอศิษย์ก็เหมือนเจออาจารย์ มีอะไรก็พูดมา เดี๋ยวบอกต่อให้” ยังไงซะมูก็ไม่ยอมถอยจนแล้วจนรอด
“เสียมารยาท นี่เหรอคำพูดที่ใช้กับโกลด์เซนต์รุ่นพี่แถมเป็นเคียวโก” ท่านสง่าที่ใช้ตำแหน่งเป็นใบเบิกทางขู่ฟ่อ “หลีกทาง....ฉันจะเข้าไปข้างใน”
“ไม่...ก็มันเรื่องอะไรที่ฉันต้องยอมทำตามคำสั่งไอบ้าที่ไหนไม่รู้ อยู่ดีๆก็ขโมยอาจารย์ฉันไปไว้ที่สตาร์ฮิลล์ตั้ง 13 ปี แล้วนี่ยังจะมีหน้ามาหาอีก ห๊ะ” มูที่อดรนทนต่อไปไม่ไหวแผดเสียงเข้าใส่ก่อน แบบว่า..... มารย่ง มารยาทน่ะ ไม่ต้องรักษามันแล้ว.....เลิก
แต่โทษที มีเหรอที่คน(เดี่ยว)อย่างเจมินี่ ซางะมองจะยอมแพ้ง่ายๆ ในเมื่อพี่ท่านงัดเอาอดีตเมื่อ 28 ปีก่อนออกมาเถียงกลับชนิดเจ็บแสบไม่แพ้กัน
“ใครบอก ฉันอยู่ที่แซงค์ทัวรี่แล้วก็รู้จักท่านชิออนมาตั้งแต่เกิด ก่อนจะรับแกะเมื่อวานซืนไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเป็นศิษย์ตั้งหลายปี ทีนี้เจ้าแกะบ้านั่นเลยแย่งเคียวโกของฉันไปเฉยเลย”
อ้าว....กรรมล่ะสิ....
.... จากลูกศิษย์หมายเลขหนึ่ง กลายมาเป็น “คนมาทีหลัง” ไปซะงั้น
พอรู้ตัวว่าเถียงสู้คนตรงหน้าไม่ได้ ‘แกะเมื่อวานซืน’ ก็ตัดสินใจใช้ไม้ตายขั้นสุดยอด
“ไม่รุไม่ชิ” มูสะบัดหน้าพรืด“ท่านชิออนเป็นอาจารย์ฉัน ฉันรักของฉัน แกไม่เกี่ยว อยากไปเป็นศิษย์สายเจมินี่เองทำไม”
“แล้วแกรักได้คนเดียวรึไง” รุ่นพี่สง่าที่เพิ่งรู้ว่าโมเมเก่งเอาเรื่องยักไหล่ “แกรักได้ ฉันก็รักได้เหมือนกัน มีอะไรมั้ย”
“เจ้าซางะ”
มูตาเขียวปั้ด จ้องหน้าอาฆาตพร้อมประกาศศึก
“เจ้ามู”
สงสัยว่าสง่าคุงจะลืมอายุตัวเองไปชั่วขณะเลยถลึงตาใส่ไปทึนึงแบบไม่มียอมแพ้เหมือนกัน
....ไม่มีใครยอมใครให้เสียแกะ เอ้ย! เสียฟอร์ม
ตอนนี้ นัยน์ตาสีน้ำเงินแสนเย็นเยียบบอกชัดแจ๋ว
.....ถอยไปเลยเจ้าแกะ ฉันไม่มีธุระกับนาย
นัยน์ตาสีเขียวหรือจะยอมแพ้ โต้ตอบกลับทันควันเหมือนกัน
......เฮอะ! ไอตัวอันตราย เป็นตายร้ายดียังไงฉันก็ไม่ยอมให้แกได้พบอาจารย์ชิออนหรอกเฟ้ย
นัยน์ตาสีน้ำเงินเริ่มดุจัด บ่งบอกถึงความอดทนที่ใกล้หมดสิ้น สีผมก็เริ่มจางลง..จางลงไปทุกขณะ
........ หนอย! ไอแกะ อย่าเผลอเชียวนะแก พ่อจับส่งไปมิติอื่นแบบไม่มีวันกลับซะเลย
นัยน์ตาสีเขียวเลยเป็นประกายท้าทายแฝงไว้ด้วยอาการโยยวนกวนโทโสเล็กน้อย
........เออ แน่จริงก็ลองดูเด้ ไม่แน่....ไม่แกก็ฉัน งานนี้คงต้องมีใครตายกันไปข้าง แน่จริงเข้ามาเล้ย...
ดูเหมือนสงครามพันวันระหว่างโกลด์เซนต์แอเรียส VS โกลด์เซนต์เจมินี่มีทีท่าว่าจะเกิดขึ้นในไม่ช้า พอดีกับที่ใครคนหนึ่งเดินถือโถข้าวต้มหอมกรุ่น ร้อนควันฉุยออกมาจากในครัวแล้วเลยทันได้เห็นเคียวโกคนปัจจุบันกับศิษย์รักคนเดียวของตัวเองยืนมองหน้ากันอยู่ เล่นเอาอดีตเคียวโกอย่างชิออนชะงักไปเล็กน้อย นัยน์ตาสีม่วงวูบไหวด้วยความตกใจกับเรื่องที่เพิ่งจะได้รับรู้
.....เจ้าสองนั่น รึว่า....
แต่เมื่อเห็นคนสองคนตรงหน้าที่เอาแต่ส่งสายตาให้กันโดยไม่มีทีท่าว่าจะหันมาสนใจ ชิออนเลยตัดสินใจทำลายบรรยากาศสวีทหวาน(ปานภูเขาไฟที่ใกล้จะระเบิด)ด้วยการออกเสียงเรียกชื่อ
“มู...ซางะ”
“ท่านชิออน อะ..อรุณสวัสดิ์ครับ”
ซางะที่ยืนหันหน้าเข้าหาประตูพอดีเป็นฝ่ายเอ่ยทักทายขึ้นก่อนเพื่อชิงความได้เปรียบ แต่พอมูอ้าปากเตรียมโกยคะแนนบ้างกลับโดนชิออนที่กำลังเดินตรงมาหาโบกมือห้ามซะนี่
“มานี่ มีธุระอะไร ทำไมไม่อยู่ที่วิหารเคียวโก”
“อ่า...คือว่า...คือ....คือ....” สง่าคุงอึกอัก
....จะบอกยังไงดีว่ามาหาท่านน่ะแหละ คิดถึงนะครับ
เพราะคำตอบอ้ำๆอึ้งๆนั่นแท้ๆ ทำให้ชิออนเดินตรงเข้ามาใกล้อีกนิดเพื่อจับผิดเจ้าคนที่บังอาจมาจีบลูกแกะในปกครองต่อหน้าต่อตา ถึงแม้ว่าคนๆนั้นจะเป็นถึงเคียวโกก็ตามทีเถอะ
.....ที่มานี่...มาหามูล่ะสิ ฉันรู้ทันหรอก
ท่าทีของอาจารย์ทำเอาลูกศิษย์จอมหวงชักเห็นท่าไม่ค่อยดีเลยรีบปิดเกมส์ก่อนด้วยการถลาเข้ามาขวางไว้ก่อนจะฉวยโถข้าวต้มในมือชิออนมาถือไว้เองพลางรุนหลังอาจารย์สุดที่รักให้รีบกลับเข้าไปในข้างในโดยด่วน
“หิวแล้ว เราไปกินข้าวกันดีกว่า นะ อาจารย์ นะๆๆๆๆ ไปเถอะ”
เพราะในใจคิดแต่จะกันท่าซางะสถานเดียว มูเลยไม่รู้ตัวสักนิดว่าคำพูดกับท่าทางของตัวเองจะทำให้ชิออนเกิดน้อยอกน้อยใจขึ้นมาซะงั้น
.....ปกป้องกันเข้าไป เดี๋ยวนี้เห็นคนอื่นดีกว่าอาจารย์แล้วสินะ
พอดี๊ พอดีกับซางะที่อุตส่าห์เค้นสมองทั้งซีกซ้ายซีกขวาเพื่อหาทางเข้าไปในวิหารแกะให้ได้พูดโพล่งออกมาชนิดหน้าไม่ค่อยบางเท่าไหร่ว่า
“มาขอกินข้าวเช้าด้วยคนครับ”
“ข้าวเช้า?” ชิออนกระพริบตาปริบก่อนทวนคำด้วยความประหลาดใจ ขนาดมูเองยังอึ้งสนิทเพราะคิดไม่ถึงว่าจะเจอมุขด้านๆอะไรขนาดนี้
“อ่า...ครับ” สง่าคุงทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม พยายามให้ดูน่ารักน่าสงสารให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“เข้ามา”
ประกาศิตคำสั่งจากอดีตเคียวโกที่เดินกลับเข้าไปข้างในพร้อมพกความเข้าใจผิดสุดๆติดหัวใจไปด้วยดังขึ้น ทิ้งมูที่ยืนหน้าบูดสนิทผิดกับซางะที่ฉีกยิ้มจนแก้มแทบปริเอาไว้ข้างหลัง
สักพัก เสียงช้อนกระทบชามเบาๆเป็นจังหวะก็ดังขึ้นเป็นการพักยกชั่วคราว
...........................
ที่วิหารวัวทองที่อยู่ถัดออกไป
ขณะนี้เหล่าโกลด์เซนต์วิหารบนๆต่างมารวมตัวกันพร้อมอาวุธครบมือ ม่ายช้ายยย.....แค่แต่ละคนต่างขนเอาอุปกรณ์สอดแนมประจำตัวติดมาแบบเต็มพิกัดอัตราศึกตะหาก
“โห แบบนี้ก็เข้าทางเจ้าซางะเลยสินั่น” ไอโอรอสที่ลงทุนปีนหลังคาวิหารขึ้นไปติดตั้งสัญญาณดาวเทียมจารกรรมรุ่นใหม่ล่าสุดหัวเราะก๊าก
“ถึงว่า...อยู่ดีๆทำไมคอสโม่แถวนี้มันถึงได้ระเบิดระเบ้อแต่เช้า” แมงป่องมีมี่ซูมกล้องส่องทางไกลขนาดพกพาเข้าไปใกล้ประตูวิหารแกะขาวอีกนิดเพื่อส่งไฟล์ภาพเข้าไปในมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ที่มิวมิวกำลังก้มหน้าก้มตาเซตเครื่องอยู่
“สงสัยจะเกิดศึกชิงตำแหน่งเคียวโกล่ะมั้งย๊า” น้องตี้ที่บอกลาตลับแป้งคู่ใจชั่วคราวแล้วไปคว้าเอากล้องส่องทางไกลกำลังขยาย 500 เท่ามาถือแทนเสนอไอเดีย
“ถ้าเป็นซางะธรรมดานะ...ไม่สนใจตำแหน่งเคียวโกหรอก แต่ถ้าเป็นคนที่เคยเป็นเคียวโกล่ะก็ไม่แน่”
“หมายความว่าไงง่ะเฮียรอส ไม่เข้าใจ” นายปูแช่มที่ง่วนอยู่กับการปรับระยะกล้องดูดาวหันมาถามงงๆ
“จริงดิ เออใช่ พวกนายไม่ได้อยู่ที่แซงทัวรี่แต่แรกนี่หว่า คืองี้....” ผู้อยู่ในเหตุการณ์แถมควบตำแหน่งเหยื่อคดีฆาตกรรมเมื่อ 10 กว่าปีก่อนทำหน้านึกขึ้นได้
“คืองี้นะ เจ้าซางะน่ะ มันทั้งรักทั้งเทิดทูนบูชาท่านชิออนมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว วันๆเอาแต่เดินตามต้อยๆ ลองท่านชิออนสั่งให้ทำอะไรต่อให้ต้องบุกสวรรค์หรือถล่มนรก เจ้านั่นก็ไม่เกี่ยง จนคนทั้งแซงค์พากันแปะป้ายประจานเลยว่าโกลด์เซนต์ราศีเมษคนต่อไปยังไง๊...ยังไงคงหนีไม่พ้นชื่อแอเรียส ซางะแหงๆ แต่ทีนี้มันเกิดพลิกโผขึ้นมา”
“พลิกโผ?...” พวกโกลด์เซนต์รุ่นเล็กประสานเสียงกันลั่นเหมือนสะกดกลั้นความอยากรู้อยากเห็นเอาไว้ไม่อยู่
“....พูดแล้วเหยียบไว้เลยนะพวกนาย” เฮียรอสที่ไม่รู้จะขัดศรัทธาน้องๆไปทำไมกระซิบกระซาบ....”ก็ที่เจ้าซางะกับคาน่อนมันดันเป็นฝาแฝดกันอ่ะดิ เลยโดนรักษาการเซนต์เจมินี่ฉกตัวไปซะก่อน...ต่อมาพอท่านชิออนรับเจ้ามูเป็นศิษย์ ซางะมันก็ซึมไปพัก แต่พอรู้เรื่องที่ท่านชิออนจะสละตำแหน่งเคียวโกให้ฉันแล้วย้ายไปอยู่ที่จามิลเงียบๆคนเดียวเท่าแหละ มันก็เกิดอาการสติแตกทันที”
“เข้าใจล่ะ” โกลด์เซนต์มือสังหารอย่างชูร่าที่เคยเป็นคู่กรณีกันมาก่อนดีดนิ้วเปาะ “พอควบคุมตัวเองไม่ได้เลยกลายเป็นดาร์กซางะ แล้วก็...อย่างที่รู้ๆกันอยู่”
“โอ้! เยส น่านล่ะ” ไอโอรอสพยักหน้ารับหงึกหงัก
“มิน่า” มิโร่ถอนใจเฮือก “ตอนพวกสเปกเตอร์บุกแซงค์เฮียถึงไม่ยอมขึ้นมาแจมกับคนอื่นเค้า ปล่อยให้เจ้าไอโอเรียมันรอเก้ออยู่ตั้งนานสองนาน”
“ก็ให้ซางะมันมาแทนไง เจ้ามี่เอ๊ย...รู้ป่ะ ตอนเจอกันอีกทีในนรกนะมันไม่ขอโทษฉันสักคำ แต่กลับไปคุกเข่าร้องไห้โฮๆให้ท่านชิออนปลอบใจอยู่ตั้งนานสองนาน พอท่านชิออนตัดสินใจบุกแซงค์..มีเรอะเจ้านั่นจะยอมพลาด นี่ถ้าฉันไม่ยอมสละสิทธิ์ให้มันตามท่านชิออนมามีหวังถูกจับเชือดหมกโทคิวโทสแหง” ไอโอรอสทำหน้าหยดหยอง “แต่ตอนนี้ทุกอย่างก็กลับเป็นปรกติแล้ว มันคงคิดจะทวงเคียวโกสุดที่รักของมันคืนล่ะมั้ง”
“คงยากส์...” เจ้าของวิหารอย่างอันเดบารันทำสีหน้าหมดอาลัยตายอยากพลางส่ายหัววืด “ลองมีเจ้ามูเป็นแกะขวางคอตัวเบ้อเร่ออยู่ทั้งตัวแบบนี้ล่ะก็”
“แล้วยังจะปู่โดโกอีก....ว่าแต่ปู่แกหายไปไหนทำไมไม่เสนอหน้ามา..ชิออนจ๋า~~~~...แถวๆนี้แข่งกับซางะ” คามิวเหลียวซ้ายแลขวามองหาโกลด์เซนต์ราศีตุลย์ ผู้ปาวารณาตัวเป็นหนึ่งใน ‘พลพรรคคนรักชิออน’ (มา 200 กว่าปีแล้ว) อย่างเหนียวแน่น
ทันใดนั้นก็มีคำตอบที่สวรรค์ประทานมาให้โดยเฉพาะดังขึ้นจากข้างหลัง
“อยู่ที่โกโรโฮโน่นแน่ะ”
.....ใคร
พอทุกคนพร้อมใจกันหันขวับไปตามเสียงเรียกก็เจอเข้ากับชายร่างสูงในชุดสีขาวยาวกรอมเท้าที่กำลังถอดหน้ากากกับหมวกที่ปิดบังใบหน้าและศีรษะทั้งหมดไว้ออกพลางสะบัดผมสีน้ำเงินยาวเหยียดไปมาเพราะทนกับสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวต่อไปไม่ไหว
“เคียวโก…เคียวโกคาน่อน?”
“เออ ฉันเอง” น้องขนุนที่โดนพี่สง่าบังคับขู่เข็ญให้เป็นรักษาการเคียวโกชั่วคราวถอนใจเฮือกอย่างมีความสุขเมื่อรู้สึกถึงลมเย็นๆที่พัดมาถูกใบหน้า
“เจ้าสง่ามันเซ็นต์คำสั่งสายฟ้าแลบ...ย้ายโกลด์เซนต์ไลบร้า โดโก ไปฝึกพวกเซนต์ฝึกหัดที่ภูเขาโกโรโฮแบบไม่มีกำหนดตั้งแต่เมื่อวาน แถมถ้าไม่มีคำสั่งเรียกตัวก็ไม่ต้องกลับมาที่แซงค์ทัวรี่นี่อีกตะหาก”
คำชี้แจงแถลงไขที่เชื่อถือได้ 100% ของคาน่อนทำให้ทุกคนตาสว่าง
.....อะโห....สง่ามันแน่ ที่แท้มันจัดการเขี่ยปู่ออกไปอยู่นอกวงโคจรก่อนเพื่อนเลยตะหาก เหลือไว้ก็แต่เจ้ามู เพราะรู้อยู่แก่ใจดีว่า ‘ที่ไหนมีมู รับรองว่าที่นั่นต้องมีชิออน’ แต่ต่อจากนี้ไปไม่แคล้วต้องหาสารพัดวิธีเพื่อแยกมูออกจากชิออนให้จงได้
“อ๊าย! เงียบหน่อยสิย๊า” เสียงน้องตี้ที่ไม่ยอมพลาดช็อตเด็ดตื่นเต้นสุดๆพลางปรับเลนส์กล้องส่องทางไกลในมือ “ดูๆ ซางะเดินเข้าไปหาท่านชิออนแล้ว”
...................
กลับมาที่วิหารแกะขาวอีกครั้งหลังเวลาอาหารเช้า แต่รู้สึกว่าบรรยากาศในวิหารตอนนี้ก็ไม่มีทีท่าว่าจะดีไปกว่าตอนแรกสักเท่าไหร่ ก็มันช่วยไม่ได้...ในเมื่อแขกไม่มีทีท่าว่าจะกลับสักทีจนเจ้าของบ้านที่เอาแต่เกาะแขนอาจารย์แน่นสนิทชนิดปลิงยังอายชักยัวะ
“ยังไม่อิ่มอีกเรอะ” มูเริ่มต้นแขวะก่อน
“คือ...ท่านชิออนครับ...คือ.....” ถึงจะรู้ว่าโดนแขวะ แต่ซางะก็เลิกใส่ใจ (ก็คนตรงหน้าน่าสนใจกว่าตั้งเยอะ)
“คือ...ท่านช่วยรับตำแหน่งเคียวโกคืนไปได้มั้ย ไม่ก็ช่วยประกาศยกตำแหน่งให้ไอโอรอสแทนก็ได้”
“ทำไมล่ะ” ชิออนสงสัย แต่ในใจมูเดือดปุดๆเพราะรู้ทัน
.....จะอะไรล่ะครับอาจารย์ ไอคนร้อยเล่ห์นั่นคิดจะเรียกคะแนนสงสารล่ะสิ อย่าไปเชื่อนะ อย่าไปเชื่ออออออ...
“ก็....” ซางะไม่พูดต่อ แต่หน้าจ๋อยลงอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่เป็นไรน่า” ชิออนยิ้มน้อยๆแล้วลูบศีรษะที่เต็มไปด้วยเส้นผมสีน้ำเงินนั้นเบาๆอย่างเข้าใจดี “เราคุยกันรู้เรื่องแล้วนี่นา อีกอย่าง..10 กว่าปีมานี้เธอก็ดูแลแซงค์ทัวรี่ได้เรียบร้อยดี จากนี้ไปก็ให้เข้มงวดเรื่องคุณธรรมของเหล่าเซนต์ให้มากขึ้นกว่าเดิมแล้วกัน”
“คะ..ครับ” สง่าคุงยิ้มชื่นเพราะคะแนนที่โกยมาได้อีกอื้อ แล้วเริ่มดำเนินแผนการขั้นต่อไปทันที
“งั้นขออะไรอีกสักอย่างนะครับ ไหนๆวิหารแกะขาวก็มีมูที่เป็นโกลด์เซนต์คอยดูแลอยู่แล้ว ท่านจะกรุณาไปเป็นที่ปรึกษาให้ผมที่วิหารเคียวโกได้มั้ย....”
“ไม่ได้”
มูกระชากเสียงตอบทันควันแบบไม่ต้องคิด เล่นเอาเคียวโกสง่าที่พูดยังไม่ทันจบตวัดตามองฟึ่บด้วยความไม่พอใจ
.....แก ไอแกะตัวแสบ ถ้าแกไม่เปิดปากพูดก็ไม่มีใครเค้าหาว่าแกเป็นใบ้หรอกเฟ้ย ช่วยหุบปากแล้วอยู่เงียบๆหน่อยได้มั้ย
แต่เพื่อเพิ่มระดับภาพพจน์ที่ดีในสายตาชิออน ซางะที่มีชั่วโมงบินสูงกว่าเลยเลือกที่จะจิกนิ่มๆตอบกลับไปแม้ว่าในใจจะคันไม้คันมืออยากเชือดแกะแถวๆนี้บูชายัญมากขนาดไหนก็ตาม
“หน้าที่คุ้มครองอาเธน่ากับดูแลแซงค์ทัวร์รี่น่ะถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด คนเป็นโกลด์เซนต์อย่างนายน่าจะเข้าใจดีที่สุดนะ...โกลด์เซนต์แอเรียส”
“ไม่” มูยังคงปฏิเสธเสียงแข็งพร้อมกอดแขนชิออนแน่นเข้าไปอีก
.....ไม่มีทาง แกคิดจะงุบงิบอาจารย์ฉันไว้เองคนเดียวอีกแล้วเรอะเจ้าสง่า ชาติหน้าเถอะ!
“อาจารย์ฉันเป็นถึงอดีตเคียวโก แล้วยังเป็นอดีตโกลด์เซนต์ราศีเมษอีกต่างหาก จะให้ลดตัวไปเป็นที่ปรึกษาของเคียวโกห่วยๆความคิดไม่อยู่กับร่องกับรอยแถมสติสตังยังไม่ค่อยจะสมประกอบ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายได้ไง” (อ้าว! ไอแกะ แกหรอกด่าฉันนี่หว่า - สง่า)
ท่าทางสงครามพันวันที่กลายสภาพมาเป็นสงครามน้ำลายกำลังจะเริ่มต้นยกสองในอีกไม่ช้า ทำเอาชิออนมองหน้า ‘แกะ’ กับ ‘คน’ สลับกันไปมาด้วยความไม่เข้าใจ
.....เจ้าพวกนี้ ตกลงจะ ‘ดี’ กันหรือจะ ‘ตี‘ กันกันแน่
“ท่านชิออนไปช่วยงานผมที่วิหารเคียวโกเถอะครับ นะ”
“อาจารย์...กลับไปจามิลดีกว่า ที่นั่นสงบดี ไม่มีใครบังอาจเสนอหน้ามากวนใจแถมได้พักผ่อนสบายๆด้วยนะ ‘จารย์นะ”
แล้วโกลด์เซนต์ทั้งคู่หันขวับมาประสานสายตากันอีกครั้งยังกับนัดคิวกันไว้ยังไงยังงั้น
ชิ้ง!
ตามมาด้วยเสียงเถียงกันของ ‘1 คน’ กับอีก ‘1 ตัว’ ก็ดังสนั่นสั่นสะท้านแก้วหูจนนวิหารแกะขาวสะทือนไปทั้งหลัง
“เป็นผู้ช่วยเคียวโก...ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ต้องเป็นผู้ช่วยเคียวโกเซ่...”
.
.
.
“กลับจามิล....ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ กลับไปอยู่จามิลตะหากถึงจะดีที่สุด”
.
.
.
“หยุดที! เงียบเดียวนี้นะทั้งสองคน”
ในที่สุดชิออนที่พยายามจะใจเย็นให้ถึงที่สุดก็ทนต่อไปไม่ไหวตวาดแว้ดออกมาด้วยมาดเคียวโกในอดีต
วินาทีต่อมาทั่วทั้งวิหารก็เงียบกริบเพราะมูกับซางะเลิกวิวาทะกันโดยพลันแล้วหันมามองชิออนตาแป๋วด้วยความลุ้นระทึก
....โอมเพี้ยง!เจ้าแม่ซาโอริช่วยด้วย! ถ้าถูกหวยงวดนี้ เอ้ย! ไม่ใช่ ถ้าท่านชิออนยอมใจอ่อนล่ะก็ ลูกช้างจะทุ่มงบประมาณซ่อมวิหารทั่วแซงค์ฯแถมยังจะขึ้นเงินเดือนให้พวกเซนต์อีกคนละ 50% ตลอด 3 เดือนเลย
....สา~~~ธุ อาจารย์ปู่ อาจารย์ย่า อาจารย์ตา อาจารย์ยาย อาจารย์ทวดทั้งหลาย ช่วยดลใจให้อาจารย์ใจแข็งทีเถ้อะ หนูยังไม่อยากเป็นแกะหัวเน่าง่ะ ฮือออออ........
“ฉันตัดสินใจแล้ว กลางวันไปช่วยงานที่วิหารเคียวโก ค่ำๆกลับมาพักที่วิหารแกะขาว ตกลงตามนี้ ห้ามใครมีปัญหา เข้าใจนะ”
พูดจบชิออนก็เดินกระแทกเท้าปึงปังกลับเข้าห้องไปด้วยความน้อยใจยกกำลังสอง
....ที่แท้เจ้าสองคนนั่นก็วางแผนจะกำจัดฉันออกไปให้พ้นทาง ฮึ! ซางะอยากให้ฉันมัวแต่ทำงานอยู่ในวิหารเคียวโกแล้วจะได้แวบมาหามูสะดวกๆ ส่วนมูก็คิดจะให้อาจารย์ไปนั่งเหงาอยู่ที่จามิลคนเดียวจะได้เจอซางะบ่อยๆ ฮึ! คิดแล้วมันน่าน้อยใจจริงๆนะเนี่ย
.....................................
กลับมาที่วิหารวัวทองกันอีกที
“แบบนี้มันก็เข้าทางเจ้าซางะอีกอะแหละ”
“ทำไมล่ะรอส ก็เห็นอยู่ชัดๆว่าท่านชิออนไม่ยอมเข้าข้างใครสักคน” ชูร่าสงสัย
“ซางะมันกะไว้ก่อนแล้วน่ะสิ....เมื่อก่อนตอนเป็นเคียวโกท่านชิออนก็ทำงานมันตั้งแต่เช้ายันดึกทุกวัน ถ้ายอมไปเป็นที่ปรึกษาให้จริงๆรับรองว่าได้อยู่ใกล้ๆไม่ต่ำกว่าวันละ 15 ชั่วโมง อยากอ้อนอะไรก็ค่อยอ้อนได้ถนัดๆหน่อย...จริงป่ะ ส่วนมูอย่างมากก็ได้แต่กางคริสตัล วอลล์ ปิดทุกประตูวิหารตอนกลางคืนกันไม่ให้ซางะแอบเข้าไปข้างในกลางดึกเท่านั้นแหละ” เฮียรอสเจ้าเก่าวิเคราะห์สถานการณ์ได้เป็นฉากๆแถมสมจริงสมจังซะไม่มี
“คริสตัล วอลล์ ก็ คริสตัล วอลล์เถอะ เจอกาแลคเชี่ยนฯเข้าไปทีรับรองไม่มีเหลือ” น้องขนุนที่เชียร์พี่สง่าสุดใจขาดดิ้นทำหน้าเบ้ “แต่ลองซางะใช้กาแลคเชี่ยนฯพังคริสตัล วอลล์จริงๆมีหวังเจอสตาร์ไลต์ เอ็กซ์ทิงชั่นของชิออนเสยกลับมาโทษฐานเล่นอะไรไม่รู้จักเวล่ำเวลาแหง”
“อืมมมม.....” โกลด์เซนต์ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยหงึกหงัก
“ฉันถึงว่าสถานการณ์มันเข้าทางซางะไง” ไอโอรอสว่าพลางเก็บอุปกรณ์สอดแนมประจำตัว “ฉันกลับล่ะ จะไปดูซิว่าป่านนี้เจ้าไอโอเรียน้องรักมันจะปลูกต้นสาละต้นใหม่ให้ชากะเสร็จรึยัง”
............................
เช้าวันถัดไป
ดูเหมือนว่าอะไรๆมันจะไม่เป็นไปตามที่หลายๆคนคิดไว้
“โกลด์เซนต์แอเรียส มู ” เคียวโกซางะที่นั่งวางมาดอยู่บนบัลลังก์ประจำตำแหน่งกัดฟันกรอดอย่างพยายามควบคุมสติอารมณ์และสีผมเต็มที่ “ทำไมมาอยู่ที่นี่ ไม่ไปเฝ้าวิหารแกะขาว”
“ลากิจชั่วคราว เอ้า! ใบลา เอาไป.....”
คำตอบแบบมะนาวไร้น้ำจากแกะตัวเล็กที่ตามประกบติดผู้นำสายตระกูลแกะไม่ห่างสวนกลับไปแทบจะในทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบ ตามด้วยการยอมสละเวลาอันมีค่า 2 วินาทีละมือที่กอดเอวอาจารย์สุดที่รักไว้แน่นเพื่อหยิบกระดาษที่เตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อคืนออกมาโยนส่งให้ พอเคียวโกที่แสนจะหงุดหงิดหัวใจเพราะทุกอย่างผิดไปจากแผนที่วางไว้คว้าเอามาไว้ในมือได้ก็มองลายเซ็นอนุญาตจนแผ่นกระดาษแทบทะลุ
....มันเอาไปให้อาเธน่าเซ็นให้ตั้งแต่เมื่อไหร่นี่
แต่ไม่ทันจะได้ถามอะไร ‘เจ้าแกะเลี้ยงคน’ (ในกรณีนี้มูเป็นแกะ และสง่าเป็นคน เลยเป็น ‘เด็กเลี้ยงแกะ’ไม่ได้) ก็รีบดักคอหวังกลบเกลื่อนเรื่องลายเซ็นที่เจ้าตัวอุตส่าห์ยอมอดตาหลับขับตานอนพยายามปลอมอยู่ทั้งคืนกว่าจะเหมือนต้นฉบับที่ป่านนี้ก็ย้งไม่มีใครรู้ว่าเทพีคนสำคัญหายหัวไปอยู่ซะที่ไหน
“ของจริงหรือปลอม ท่านเคียวโกผู้ชาญฉลาดมองปราดเดียวก็ดูออก เนอะ”
....แหงสิ ซางะที่ตายตั้งกะท้ายตอนศึก 12 วิหารแล้วก็โผล่ออกมาอีกทีตอนสงครามศักดิ์สิทธิ์น่ะ มีเหรอ...จะเคยเห็นลายเซ็นอาเธน่า
“ฮึ่มมมมม! แก....”
คนเป็นเคียวโกเครียดสุดขีด เพราะไม่รู้จะกำจัดไอแกะขวางคอจอมเจ้าเล่ห์ที่นั่งยิ้มหวานพลางทำหน้าใสซื่อตรงหน้ายังไงดี ปล่อยให้มูที่ยินดีกับชัยชนะที่เพิ่งได้มากลั้นหัวเราะ(เยาะ)แล้วเชิดใส่อีกที
“เห็นมะ เงินเดือนก็ไม่ต้องจ่าย แถมถ้ามีศัตรูบุกมา ฉันก็จะตั้งรับมันที่วิหารเคียวโกให้ฟรี ประหยัด สะดวก คุ้ม ดีจะตาย”
นัยน์ตาสีน้ำเงินทอประกายเย็นเยียบอีกครั้ง
....เล่นแบบนี้ก็สวยเซ่ แกอยากมีเรื่องแน่ใช่มั้ย
แน่ละ นัยน์ตาสีเขียวก็ถลึงตอบกลับมาอยู่แล้ว
....เอาซี่.... จะได้รู้ๆกันไปว่าอาจารย์ชิออนจะเข้าข้างใครกันแน่ระหว่างศิษย์รักแสนดีที่ร้อยกว่าปีจะมีสักคนอย่างฉัน กับ เด็กนอกสำนักแถมยังนิสัยผีเข้าพระเจ้าออกอย่างแก เฮอะ
นัยน์ตาสีน้ำเงินแทบลุกเป็นไฟพลางจ้องหน้าคู่อาฆาตแทบไม่กระพริบ
........ แน่จริง แกลงมือก่อนเด่ะ
นัยน์ตาสีเขียวมองสบกลับไปแล้วเมินไปทางอื่น
........ เรื่องอะไรล่ะ แกน่ะแหละก่อน
..
..
..... แกก่อนนนนนนนนนน....
..
..
.....ไม่เฟ้ย ก็บอกหลายทีแล้วว่าแกแหละก่อน เอ๊...พูดไม่รู้เรื่องรึไงนะ
หารู้ไม่ว่า....ไอการจ้องตาท้าทายกันไปมานี่จะทำให้ชิออนที่ตอนแรกก็มีสมาธิทำงานดีๆพาลหงุดหงิดอารมณ์เสียขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย เพราะดันคิดว่าตัวเองกลายเป็นส่วนเกินในบรรยากาศสีชมพูอันแสนจะสวีทหวานแหววซะงั้น พอสุดที่จะทนต่อไปได้ก็ยื่นมือไปกระชากกระดาษเจ้าปัญหาที่สง่าถือไว้มาฉีกทิ้งแล้วออกประกาศิตคำสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดชนิดที่ใครได้ยินเข้าเป็นต้องสะดุ้งเฮือกแล้วเผ่นแน่บ
“มู”
“คะ...คะ...คร้าบ”
.... อ๋อย ‘จารย์ค้าบ เค้ากัวแย้วอ่า อย่าดุเลยน้า นะ นะ
“เลิกเล่นอะไรเป็นเด็กๆ แล้วกลับไปเฝ้าวิหารแกะขาวซะ”
“อาจา..” แกะที่ชักสีหน้าไม่ค่อยดีเรียกเสียงอ่อย น้ำตาก็ชักคลอๆขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ แต่คนเป็นอาจารย์กลับไม่สนใจซะนี่
“ไป...เดี๋ยว....นี้...ได้ยินมั้ย”
เจอไม้นี้เข้าไปไม่ว่าศิษย์รักสำนักไหนก็มีอันจอดทุกราย เหมือนกับมูในตอนนี้ที่เดินกลับลงบันไดวิหารเคียวโกไปด้วยความน้อยใจสุดแสน
“เธอก็เหมือนกัน”
พอเล่นงานแกะในปกครองเสร็จชิออนก็หันมาไล่เบี้ยอีกคนที่เหลือ ทำให้รอยยิ้มสะใจที่เห็นเจ้าแกะตัวร้ายถูกกำจัดออกไปได้ซะทีของซางะกลายเป็นยิ้มแหยๆไปในบัดดล
“ตั้งใจทำงานได้แล้ว ไม่งั้นฉันจะยึดอำนาจคืนแล้วยกตำแหน่งเคียวโกให้ไอโอรอสแทน เข้าใจมั้ย”
“ครับ...ครับ จะตั้งใจทำงานแล้วครับ”
ว่าแล้วก็รีบก้มหน้าก้มตามุดลงไปในเอกสารกองท่วมหัวตรงหน้า แต่อ่านมันไปได้สองสามบรรทัดก็ต้องหากำลังใจด้วยการเงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังแยกประเภทเอกสารอยู่ข้างๆซะทีนึง ก่อนจะแย้มรอยยิ้มบางให้กระดาษ ปากกา และขวดหมึกที่โชคดีบังเอิญตั้งอยู่ตรงหน้า
.... เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน เมื่อครั้งที่แซงค์ทัวรี่ยังเต็มไปด้วยความทรงจำอันสวยงามและอบอุ่น
.... ดีใจจริงๆ ที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ ท่านชิออนก็ยังคงเหมือนเดิม
..... จะต้องทำยังไงนะ ให้ทุกๆวันที่เหลือในชีวิตเป็นแบบนี้ตลอดไป
.... คิด คิด คิดสิซางะ วิธีกำจัดแกะส่วนเกินออกไปให้พ้นๆน่ะ มันต้องมีทางสิ มันต้องมี....
“มัวแต่เหม่ออะไรอยู่ ทำงานต่อไปเร็วๆเข้า”
“ครับ...ครับ ทราบแล้วครับ ไม่เหม่อแล้วครับ”
......................................................................
เย็นย่ำค่ำมืดคืนนั้น...
อย่างที่ไอโอรอสว่า...กว่าท่านอดีตเคียวโกจะยอมรามือจากงานที่ปรึกษาแล้วกลับมาพักผ่อนที่วิหารแกะขาวอย่างที่ตกลงกันไว้แต่แรกก็ปามันเข้าไปหลังพระอาทิตย์ตกดินแล้วจริงๆด้วย
อาหารเย็นที่ลูกศิษย์อุตส่าห์เตรียมไว้ให้อาจารย์เลย ‘เย็น’ สมชื่อ ถึงแม้ว่าคนกินจะตั้งหน้าตั้งตากินเอาๆจนหมดทุกอย่างก็เถอะ จนใกล้จะเข้านอนแล้วนั่นแหละ..ชิออนถึงเข้าใจว่ามูที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แล้วมานั่งแหมะอยูบนเตียงนอนของตัวเองกำลังเข้าโหมด ‘งอน’ อย่างสมบูรณ์
.... เฮ้อ! ทำตัวเป็นเด็กๆอีกแล้ว
แต่...ง้อหน่อยดีกว่า
ลงท้ายหัวหน้าแกะก็ทรุดตัวลงนั่งข้างๆพลางยื่นมือออกไปสัมผัสเส้นผมสีม่วงอ่อนเบาๆเหมือนที่เคยทำยามคนตรงหน้าเป็นเด็กเล็กๆ
“โกรธเหรอ”
“มากด้วย” มูที่เอาแต่เงียบตลอดเวลายอมเปิดปากพูดจนได้ หลังจากใจอ่อนยวบเพราะเผลอหันไปเห็นรอยยิ้มอบอุ่นที่อาจารย์สุดที่รักบรรจงยิ้มใส่ตา
“มูเคยบอกอะไรกิกิแล้วกิกิไม่ทำตามมั้ย”
“เคย” มูพยักหน้ารับหงึกหงักก่อนจะรีบออกตัว “แกะน่ะ ดื้อทุกตัวแหละ”
“แล้วทำไงต่อล่ะ”
“นิดหน่อยก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเตือนแล้วยังไม่ฟังก็ต้องลงโทษกันบ้าง”
“แล้วถ้ากิกิขัดคำสั่งทั้งๆที่ยังอยู่ต่อหน้าเซนต์คนอื่นล่ะ”
“ก็...เอ่อ....”
..
.... เหมือนกับที่มูดื้อกับอาจารย์ต่อหน้าซางะสินะ
...
“เข้าใจรึยัง”
“ครับ”
“ไหนยิ้มซิ”
ฟังจากเสียงตอบรับแล้วเจ้าตัวคงไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ แต่ถ้าดูจากสีหน้าและรอยยิ้มบางๆนั่นบอกชัดแจ๋วเลยว่า ‘หายโกรธ’ แล้วเรียบร้อย คนที่ลงทุนยอมง้อก่อนเลยโล่งใจไปตามระเบียบ
“งั้นก็ไปนอนซะ”
พอหมดเรื่องก็ต้องรีบไล่ จะได้นอนซะที ก็ลองมีแกะตัวเล็กที่จริงๆแล้วตอนนี้ก็ไม่เล็กเท่าไหร่มาแกล้งนั่งขวางอยู่ แกะที่ตัวโตอยู่แล้วจะนอนได้ยังไง
แต่....
รู้สึกว่าปัญหาจะยังไม่หมดแค่นั้น เมื่อมูเอียงหน้าเล็กน้อยแล้วเอานิ้วจิ้มที่แก้มเหมือนจะบอกใบ้กลายๆ..
.... หอมแก้มทีนึงก่อนแล้วถึงจะยอมลุก
รอยยิ้มอ่อนๆเกิดขึ้นอีกครั้งพร้อมปลายจมูกที่จรดลงไปเบาๆ
วินาทีนั้นดูจะยืดยาวเหมือนไม่รู้จบหรือแสนสั้นเพียงชั่วอึดใจ..ไม่มีใครสามารถบอกได้
ดึกแล้ว แต่มูที่นอนพลิกกลับไปกลับมาบนเตียงนอนที่ตั้งอยู่อีกด้านของห้องยังตาสว่าง สักพักก็ลุกขึ้นนั่งพลางหันไปมองร่างของชิออนที่พอหัวถึงหมอนปุ๊บก็หลับปั๊บอย่างครุ่นคิด
.... จะทำยังไง ทำยังไงดีน้า ถึงจะกำจัดเจ้าสง่าตัวป่วนออกไปให้พ้นๆ
.... คิดสิมู คิด คิด วิธีกำจัดคนไม่ได้รับเชิญน่ะ มันต้องมีทางสิ มันต้องมีทาง....
...................................
3 วันต่อมา สถานการณ์ระหว่างวิหารเคียวโกและวิหารแกะขาวก็ไม่ได้แตกต่างไปจากวันแรกเท่าไหร่ ทุกเช้าเมื่อเจ้าแกะตัวเล็กกับคนที่ยื่นใบสมัครขอเป็นแกะเจอหน้ากันก็มีอันต้องจิกกัดกันเล็กน้อยให้รู้ว่าทั้งสองฝ่ายยังไม่มีใครยอมถอย ส่วนชิออนก็ยังคงตั้งอกตั้งใจทำงานต่อไปแต่ในใจจะคิดอะไรอยู่นี่สิ...ไม่มีใครรู้ได้
จนถึงวันที่ 4 นี่สิ
ดันเกิดเหตุ!!!
เพราะอยู่ๆก็มีแขกไม่ได้รับเชิญบุกเดี่ยวมาที่แซงค์ทัวรี่แถมยังวิ่งตรงดิ่งผ่านทุกวิหารมาโดยไม่สนใจใครหน้าไหนด้วยอีกตะหาก แน่ล่ะว่าต้องมีโกลด์เซนต์ทั้ง 11 วิหารวิ่งตามหลังมาเป็นหางว่าวด้วยความสนอกสนใจผสมความอยากรู้อยากเห็น นำทีมโดยไอโอรอสเจ้าเก่า
พอถึงหน้าวิหารเคียวโก ผู้บุกรุกก็จัดการเปิดประตูออกโดยไม่เอ่ยขออนุญาตใดๆ เล่นเอาท่านเคียวโกที่กำลังหนักใจเพราะยังคิดมุขสำหรับอ้อนที่ปรึกษาประจำวันนี้ไม่ออก กับท่านที่ปรึกษาที่ก้มหน้าก้มตาทำงานเพลินๆสะดุ้งสุดตัวแล้วหันมามองกันเป็นตาเดียว
ขนาดยังไม่ทันเห็นหน้า เจ้าตัวก็รีบประกาศศักดาให้รู้ว่าตัวเองเป็นใคร
“ชิอ๊อน ชิออนจ๋า ชิออนอยู่หนายยยย... โดมาแล้ว คิดถึงจังเลย”
ที่แท้ก็....โกลด์เซนต์แห่งราศีตุลย์ ไลบร้า โดโก....ที่กลับจากเขาโกโรโฮแบบปัจจุบันทันด่วนน่ะเอง
“โกลด์เซนต์ไลบร้า” เคียวโกซางะที่หาเสียงตัวเองเจอเป็นคนแรกเป็นฝ่ายเปิดประเด็นก่อน
“ไม่มีคำสั่งเรียก ท่านกลับมาทำไม”
ตามด้วยการหันไปส่งสายตาอาฆาตและมาดร้ายใส่มูที่เพิ่งเดินเข้าประตูมาเป็นคนสุดท้าย (ก็วิหารมันดันอยู่ไกลที่สุดนี่นะ)
.... แก ไอแกะตัวร้าย แกเป็นคนไปตามเจ้าตาชั่งลายครามให้กลับมาขวางทางฉันใช่มั้ย แกนะแก แบบนี้เล่นสกปรกนี่หว่า
“ก็มา ‘ทำไม’ ไง” โดโกกวนประสาทกลับไปแบบไม่เกรงใจเคียวโกรุ่นเหลนเลยสักนิดก่อนจะปราดเข้าไปยืนเกาะโต๊ะประจำตำแหน่งที่ปรึกษาแล้วยื่นหน้าเข้าไปซะชิด
“ชิออ...”
ป้าบ!
โอ๊ย!
หนังสือเล่มไม่เล็กนักปลิวกระเด็นใส่หน้าพร้อมเสียงตวาดแว้ดอย่างแกะที่อารมณ์ใกล้ฟิวส์ขาดเต็มที เล่นเอาเพื่อนซี้ที่รอดตายจากสงครามศักดสิทธิ์ครั้งที่แล้วมาด้วยกันถึงกับตัวลีบ
“ฉันรู้ตั้งแต่เกิดแล้วว่าชื่อชิออนจะเรียกทำไมนักหนา หุบปากซะแล้วถอยออกไปห่างๆ คนจะทำงาน เดี๋ยวเงินเดือนออกช้าจะหาว่าฉันไม่เตือน.. พวกเธอก็เหมือนกัน..มามุงดูอะไรที่นี่ ไม่อยู่เฝ้าวิหารตัวเอง หา”
พอเล่นงานทุกคนจนสบายใจแล้ว ชิออนก็หอบงานปึกเบ้อเริ่มเดินหนีหายเข้าไปในห้องด้านใน ปล่อยให้พวกโกลด์เซนต์รุ่นเหลนช่วยกันประสานเสียงเกลี้ยกล่อมโกลด์เซนต์รุ่นเดอะกันสุดใจขาดดิ้น เพราะสำหรับเหล่าเซนต์ผู้มีจิตใจอันแสนจะเข้มแข็งแล้ว...คำขู่เรื่องไหนก็ไม่น่ากลัวเท่าเรื่อง....เงินเดือนไม่ออก
“เฮ้ย! พวกเรากลับ” มิโร่ คามิว ชูร่า อันเดบารัน เตรียมชิ่งก่อนเป็นกลุ่มแรก
“ท่านผู้เฒ่าอย่าหาเรื่องนะย้า เดือนหน้ายิ่งต้องซื้อเครื่องสำอางชุดใหม่อยู่ด้วย” น้องตี้ที่คว้าแขนนายปูแช่มหันมาส่งยิ้มหวานให้แต่สายตาที่มองมากลับตรงกันข้ามกับรอยยิ้มชนิดเหนือฟ้าและก้นเหว
“ไม่ได้นะท่านโดโก สงสารพวกหลานๆเถอะ” ไอโอรอสที่ขำไม่ออกร่วมด้วยช่วยขอร้อง
“กลับไปก่อนน่ะปู่ ถ้าไม่กลับโกโรโฮก็ไปอยู่ที่วิหารตาชั่งฟ้าก่อนก็ได้ นะ นะ นะ” ไอโอเรียที่พ่วงท้ายด้วยชากะรวมพลังกันไซโคเต็มที่ด้วยการเสนอทางออกที่คิดว่าดีที่สุด หารู้ไม่ว่าเป็นการเปิดช่องว่างให้เคียวโกสมองใสคิดหาวิธีไล่แขกไม่ได้รับเชิญพร้อมกำจัดแกะขวางคอไปพร้อมกันในคราวเดียวออก
“กลับไปโกโรโฮแหละดีแล้ว ปล่อยให้ชิริวดูแลเซนต์ฝึกหัดเป็นร้อยอยู่คนเดียวได้ยังไง (ถ้าไม่แอบไปจีบสาวอยู่แถวๆน้ำตกซะก่อน)... ส่วนโกลด์เซนต์แอเรียส ตามโกลด์เซนต์ไลบร้าไปที่โกโรโฮแล้วสำรวจความก้าวหน้าของการฝึกกลับมารายงานด้วย...”
พูดยังไม่ทันขาดคำ เสียง 2 เสียงก็ดังสวนขึ้นแทบจะในทันที
“ตกลง ไปกันวันนี้เลยนะปู่นะ” มูรีบขยับรับคำสั่งพลางขยิบตาส่งซิกให้โดโกที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็รับมุขทันเสมอ
“ได้เล้ย ” เสียงตอบรับก็แสนจะสดชื่น “จะอยู่สักเดือน ทั้งปี หรือจะย้ายสำมะโนครัวไปแบบถาวรเลยก็ไม่มีปัญหา”
แล้วแกะกับตาชั่งก็หันมาฉักยิ้มใส่กันก่อนทำท่าตบมือกันกลางอากาศดังแปะ แม้ว่าจะรู้สึกได้ถึงคอสโม่อำมหิตนิดๆไม่น่าไว้ใจหน่อยๆที่อีกฝ่ายมีอยู่ก็เหอะ
.... เรื่องอะไรจะไปให้โง่ ถ้าเป็นไปตามแผนล่ะก็... เทเลพอตกลับจามิลอย่างเดียวเฟ้ย
.... ไว้กลับถึงโกโรโฮก่อนเถอะน่า เจ้าแกะมูเอ๋ย...ฉันจะจับแกใส่หม้อถ่วงไว้แถวน้ำตกชั้นล่างสุดเลย คอยดู
มันช่วยไม่ได้! ตอนนี้ผลประโยชน์ร่วมต้องมาก่อน
แต่พอจะดำเนินการตามแผนขั้นต่อไปด้วยการตะโกนบอกโกลด์เซนต์แอเรียสอีกคนที่เดินหนีไปอยู่ข้างในให้ไปด้วยกันตามคำสั่งของท่านเคียวโกที่ไม่ว่าเซนต์คนไหนก็ขัดไม่ด้ายยย....ก็โดนซางะที่วางแผนล่อไว้เพื่อให้ได้กินสองต่อจัดการดักคอก่อนด้วยใบหน้าสะใจถึงสะใจสุดขีด
“โกลด์เซนต์แอเรียสที่ฉันออกคำสั่งเมื่อกี้หมายแอเรียส มูคนเดียว ไม่เกี่ยวกับโกลด์เซนต์แอเรียสในอดีตอย่างท่านชิออน เข้าใจ๋! ทีนี้ก็ขอให้แอเรียส มู กับ ไลบร้า โดโก ช่วยทำตามคำพูดที่ออกปากรับปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดด้วยนะ”
เสร็จกัน! เวรแล้วไง เสียรู้เจ้าสง่าจนได้
“ลากิจๆ พักร้อนๆๆๆ”
มูรีบเอาตัวรอดก่อนใครด้วยการเอาสีข้างเข้าถูแล้วค่อยยึดเอาบารมีอาจารย์เป็นที่พึ่ง
“‘จารย์ค้าบ เย็นแล้ว กลับไปกินข้าวกันดีกว่า”
“นั่นสินะ เย็นแล้วจริงด้วย”
โดโกก็แกล้งทำไก๋ รีบเฉไฉไปเรื่องอื่นหน้าตาเฉยเหมือนกัน
“นานๆจะกลับมาซะที เย็นนี้ทำอาหารจีนเลี้ยงหลานๆดีมั้ยน้า...ชิออนจ๋า เย็นนี้อยากกินอะไรจ๊ะ”
(เงียบ)
“‘จารย์ค้าบบบบ?” ศิษย์รักส่งเสียงเข้าไปก่อน
(ยังเงียบอยู่)
“ชิออนจ๋า...?” เพื่อนซี้ตั้งแต่ 200 ปีที่แล้วเรียกบ้าง
(เงียบบบบบบกริบ)
“ท่านชิออนครับ?” ซางะร่วมด้วยช่วยเรียกอีกคนนึง
หลังจากยืนรอกันอยู่สักพัก เคียวโกคนปัจจุบันในฐานะเจ้าของวิหารก็ตัดสินใจเดินนำเข้าไปในห้องด้านในก่อน
บนโต๊ะทำงานตัวใหญ่กลางห้องมีกระดาษโน้ตแผ่นเบ้อเริ่มแปะติดไว้ว่า
“มีธุระนิดหน่อย กลับก่อนนะ”
...................................
เช้าวันต่อมา...
ก็มีเรื่องอีกนั่นแหละ เพราะมีแขกไม่ได้รับเชิญมาปรากฏตัวที่แซงค์ทัวรี่อีกแล้ว
แต่คราวนี้ เป้าหมายอยู่ที่วิหารแกะขาว
“ท่านมู~~~~” เสียงร้องลั่นดังมาก่อนจะเห็นตัวด้วยซ้ำ ตามด้วยร่างเล็กๆที่กระโดดพรวดเข้ามาใกล้
“กิกิ?” มูงงเต้กเมื่อเห็นหน้าลูกศิษย์ที่หลังจากแซงค์ทัวรี่กลับเข้าสู่ภาวะปรกติก็เอาแต่ติดหนึบอยู่กับพวกบรอนเซนต์ทั้งห้า เลยไม่ค่อยได้เห็นหน้าค่าตากันเท่าไหร่
“ท่านมูจะเริ่มสอนรึยัง” น้ำเสียงเจ้าแกะจิ๋วแสนจะเริงร่าขณะเข้ามากอดเอวคนเป็นอาจารย์ไว้ย่างประจบเต็มที่
“สอน?” มูยิ่งงงหนักกว่าเก่า
“ก็ที่ส่งจดหมายไปตามที่บ้านคิโดะไง” กิกิคว้าซองจดหมายที่เอาติดตัวมาจากญี่ปุ่นออกมาส่งให้ “ว่าถึงเวลาเรียนวิธีซ่อมคลอธแล้ว ให้รีบมาที่แซงค์ทัวรี่ให้เร็วที่สุด”
.... จดหมาย?
.... ซ่อมคลอธ?
.... มันเกิดอะไรขึ้น
“ว่าแต่..ท่านมู” ดูท่ากิกิจะยังไม่หมดปัญหา “ไม่เห็นต้องส่งจดหมายเลยนี่นา แค่โทรจิตมาบอกนิดเดียวก็รู้เรื่องละ”
“นั่นสินะ” มูที่หาคำตอบให้ตัวเองได้แล้วถึงกับกัดฟันกรอด
.... ชิ! เจ้าซางะ...ไอคนเจ้าเล่ห์ แกใช่มั้ยที่บังอาจปลอมลายมือฉันไปตามกิกิมา หนอย! คิดจะใช้กิกิเป็นเครืองมือดึงฉันไว้ไม่ให้มีเวลาไปคอยกันท่าแกกับท่านอาจารย์ล่ะเซ่
ดี....วันนี้ฉันกับแกคงต้องเอาให้รู้ดำรู้แดงกันไปข้าง
“ท่านมู?” เจ้าแกะกิกิชักทำอะไรไม่ถูกขึ้นมามั่งเมื่อเห็นมูทำหน้าเครียดแล้วตั้งท่าเตรียมบุกวิหารเคียวโกซะเอง
“ตามมาเงียบๆ ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น”
........................................................
ตอนนี้ที่วิหารเคียวโกเองก็เดือดไม่แพ้กัน
“ฮื่ออออออออออออ....... แฮ่........”
“แง่งงงงงงงงงง..........”
ไม่ใช่เสียงหมาแมวแถวไหนกัดกันหรอก แต่เป็นโกลด์เซนต์ 2 คนที่ยืนประจันหน้าหาเรื่องกันอย่างไม่มีใครคิดจะยอมลงให้ก่อนอยู่กลางห้องต่างหาก
.... เจมินี่ ซางะ ที่ถือว่าตัวเองเป็นเคียวโกผู้มีอำนาจเหนือเหล่าเซนต์ทั้งหมด
กับ
.... ไลบร้า โดโก ที่มั่นใจเหลือเกินว่าตัวเองไม่เป็นสองรองใครเรื่องความอาวุโส (ว่าแต่ระหว่างโดโกกับชิออน ใครแก่กว่ากันเนี่ย...)
“ถ้ายังไม่กลับไปโกโรโฮเองดีๆ ฉันจะลงโทษที่ขัดคำสั่ง” ซางะขู่ฟ่อ
“ฉันก็จะฟ้องอาเธน่าให้ปลดแกออกจากทุกตำแหน่งโทษฐานใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ชอบเหมือนกัน” ปู่โดก็สู้ยิบตา ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
“เอาเล้ย!” เคียวโกสง่าไม่มีทีท่าว่าจะกลัวสักนิดแถมยังมีหน้าท้าทายซะอีก “ฉันทำผิดอะไรก็ว่ามา ขอเตือนว่าก่อนฟ้องช่วยคิดให้ดีๆด้วยล่ะ โกลด์เซนต์ที่ขึ้นว่ายุติธรรมที่สุดน่ะ..พูดพล่อยๆไม่ได้หรอกบอกให้”
.... จริงของเจ้าสง่ามัน ไม่รู้จะปรักปรำมันข้อหาไหนได้
“แต่ถ้าฉันคิดจะฟ้องกลับล่ะก็...อะไรดีน้า... ละทิ้งหน้าที่ บุกรุกแซงค์ทัวรี่ เอ....หรือจะขัดคำสั่งเคียวโกดี” เคียวโกซางะทำท่าคิดได้ยียวนกวนประสาทเป็นที่สุดก่อนจะวกกลับมาถามหน้าซื่อ “ท่านโดโกชอบข้อไหนมากกว่ากันล่ะ จะได้บอกอาเธน่าถูก”
.... เจ็บใจว้อย เล่นงานมันไม่ได้อีกแล้ว
หนอย! ยิ่งคิดยิ่งแค้น พอทำอะไรไม่ได้ก็ยิ่งหงุดหงิด อย่ากระนั้นเลย ขอด่าให้หายเจ็บใจหน่อยเถอะ!
“แก....ไอคนตัวแสบ ไอคนสติสตังไม่อยู่กับร่องกับรอย แก.... แกกะแย่งชิออนของฉันแน่ใช่มั้ย หา”
“ใครแย่ง ก็ฉัน....”
พอซางะตั้งท่าจะเถียง มูที่ยืนแอบดูอยู่หลังประตูก็ตกลงใจแสดงตัวเป็นผู้ช่วยให้โดโกทันที
“เงียบไปเลยเจ้าสง่า ปู่โดรู้จักท่านชิออนตั้งแต่ร้อยกว่าปีก่อนโน่น งานนี้ชัดเลย ใครแย่งใครกันแน่”
‘หมัดแกะน้อยพิฆาต’ ของมูเล่นเอาซางะชะงักกึกเพราะเถียงไม่ขึ้น ก่อนจะเบนเข็มไปเล่นงานคนมาใหม่ทันที
“เข้าใจล่ะ! ที่แท้ก็เจ็บใจที่คราวก่อนเถียงสู้ฉันไม่ได้ แกเลยไปตามเจ้าตาชั่งสนิมขึ้นนี่ให้มาเป็น ก.ข.ค.งั้นสิ ใช่มั้ยเจ้าแกะเมื่อวานซืน”
“ใครบอก” โดโกได้ทีรีบโดดเข้าปกป้องผู้ช่วยยามยาก “ถ้าพวกเจ้าเซนต์ฝึกหัดมันไม่เม้าท์กันให้แซ่ด ฉันก็ไม่รู้ว่าแกบังอาจมาเจ๊าะแจ๊ะเกาะแกะชิออนของฉันแบบนี้หรอกเฟ้ย”
“แล้วพวกเซนต์ฝึกหัดจะรู้ได้ยังไง ถ้าไม่มีใครปากโป้งคาบข่าวไปบอก” นัยน์ตาสีน้ำเงินคมกริบของซางะยังจ้องมูเขม็ง
“จะไปรู้เรอะ” มูสั่นหัวไปมาพลางโวยวายลั่นก่อนจะยื่นจดหมายในมือสวนกลับไปมั่ง “แกก็เหมือนกัน แกล้งปลอมลายมือฉันไปตามกิกิมาที่นี่ หวังจะให้ฉันไม่มีเวลามาเป็นแกะขวางคอแกใช่มั้ยล่ะ รู้ทันหรอกน่า”
“ฉันเปล่า” ซางะเสียงแข็ง “ฉันไม่ใช้วิธีสกปรกแบบเด็กๆเหมือนแกหรอก”
“งั้นใคร ใครจะเขียนจดหมายนี่ถ้าไม่ใช่แก” มูที่ถูกแกล้ง หวิดจะถูกแย่งอาจารย์ แล้วยังจะถูกใส่ร้ายในสิ่งที่ไม่ได้ทำอีกตวาดแว้ดอย่างเหลือทน “แล้วฉันก็ไม่ได้ส่งข่าวไปบอกท่านโดโกด้วย โตป่านนี้ยังฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องรึไง”
“ถ้าไม่ใช่แกแล้วจะเป็นใคร แล้วฉันไม่เคยเขียนจดหมายนั่น” ซางะยังไม่ยอมเชื่อง่ายๆพร้อมยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง
“อยากรู้เหรอ” เสียงถามดังมาจากที่ไกลๆที่ไหนสักที่
“เออสิ” เสียง 3 เสียงดังประสานกันทั้งๆที่แต่ละคนยังไม่ยอมละสายตาจากใบหน้าคู่กรณีที่เหลือ
“บอกให้เอามั้ย...ว่าฝีมือใคร”
“ใคร บอกมา” โดโกที่จัดแจงสำรวจบรรดาอาวุธในชุดคลอธของตัวเองว่าชิ้นไหนดูท่าจะเหมาะมือที่สุดถามขึ้นก่อน “ฉันจะได้ไปตั๊นหน้ามันด้วยหมัดร้อยมังกรสักเปรี้ยง”
“อย่าให้รู้นะ” ดาร์กซางะขบเคี้ยวเขี้ยวฟันพร้อมแสยะยิ้มชั่วร้ายเกินพิกัด “ฉันจะส่งมันลงนรกชนิดไม่ต้องคิดว่าจะได้ผุดได้เกิดกันเลย คอยดู”
“รู้ก็บอกมาเร็วๆ” มูที่กำลังหงุดหงิดสุดๆกระชากเสียงถามบ้าง “จะได้ตามไปด่ามันถูกคน”
เจ้าของเสียงปริศนาเงียบไป 3 วินาทีก่อนจะ.......
“ฉันเองแหละ”
“ห๊า”
ทั้งคน แกะ และตาชั่งต่างชะงักกึกแล้วหันขวับกลับมามองต้นเสียงเป็นตาเดียวกันด้วยความช็อกสุดขีดตามด้วยการทรุดลงไปกองกับพื้นเพราะเข่าอ่อนจนยืนไม่ไหว เมื่อเห็นแอเรียส ชิออน เดินออกมาจากห้องชั้นในพลางส่งรอยยิ้มอ่อนโยนตามสไตล์มาให้
“ท่านชิออน?”
“อาจารย์?”
“ชิออนจ๋า?”
“อาจารย์...ต้องเป็นอาจารย์ปู่แน่ๆเลย เย้! ได้เจออาจารย์ปู่แล้ว” คงมีแต่เจ้ากิกิที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเขาด้วยเท่านั้นที่ออกอาการดีอกดีใจเกินเหตุ
“ฉันเองที่ขอให้เซนต์ฝึกหัดสองสามคนที่เพิ่งกลับจากการฝึกที่โกโรโฮช่วยเอาเอกสารไปส่งตามวิหารทั้งสิบสอง หวังว่าเด็กพวกนั้นจะรู้เรื่องของซางะกับมูผ่านทางพวกโกลด์เซนต์คนอื่นแล้วเอากลับไปเล่าที่โกโรโฮ ทีนี้โดโกก็จะกลับมาที่แซงค์ทัวรี่เพื่อช่วยฉันคิดหาวิธีเอาศิษย์รักคืนมา”
“เราสองคนเนี่ยนะ” มูกับซางะร้องเสียงหลงขณะมองหน้ากันแล้วทำหน้าเบ้ตามด้วยการสะบัดหน้าพรืดกันไปคนละทาง
.... แค่คิดก็สยองแล้ว บรื๋ออออออ
“ใช่...สงสัยว่าฉันจะเข้าใจอะไรผิดไปหน่อยน่ะ” ชิออนพยักหน้าหงึกหงัก “ถึงจะผิดแผนไปนิดแต่ก็ถือว่าสำเร็จพอใช้ เพราะโดโกก็มาจริงๆแล้วก็มีปัญหาเรื่องขัดคำสั่งกับซางะอย่างที่คิด”
“ส่วนจดหมายนั่น” นิ้วเรียวของชิออนชี้ไปที่จดหมายที่มูยังถือค้างไว้ในมือ “ฉันก็เขียนเองอีกเหมือนกัน เพราะถ้าโดโกช่วยแยกซางะออกไปทางนึงแล้ว ทางมูเองหากมีกิกิมาให้ช่วยดูแลอีกคน เท่านี้ฉันก็ไม่ต้องห่วงอะไรอีก เพราะสายตระกูลแกะจะกลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง”
.... เพราะเข้าใจผิดเลยคิดจะแยกซางะออกจากมู ท่านชิออนลงทุนทำถึงขนาดนี้เลยเรอะ!
“อาจารย์” มูที่น้ำตาใกล้จะร่วงเต็มทีเป็นฝ่ายส่งเสียงขึ้นก่อนด้วยความซาบซึ้ง
“ยังไงอาจารย์ก็ต้องเห็นแก่ลูกศิษย์ตัวเองก่อนคนอื่นเสมอล่ะ จริงมั้ย” ชิออนที่ยังยิ้มเรื่อยๆเดินเข้ามาพยุงมูที่เริ่มยิ้มออกให้ลุกขึ้นยืนพลางกวักมือเรียกกิกิที่เอาแต่กระโดดโลดเต้นไปมาเพื่อเทเลพอตกลับจามิล แต่ยังไม่วายหันมาส่งยิ้มปลอบใจอีก 2 คนที่เหลือที่เริ่มอยากกลั้นใจตายไปให้รู้แล้วรู้รอด
“ฉันลางานสักอาทิตย์นะซางะ แล้วค่อยเจอกันนะโดโก”
ว่าแล้วชิออนก็พากิกิเทเลพอตหายไป เหลือแต่มูที่ยังรีๆรอๆรั้งท้ายจนคอสโม่ของผู้เป็นอาจารย์ค่อยจางหายไปบ้างค่อยหันมายักคิ้วส่งให้ศัตรูหัวใจทั้งสองที่ช็อกจนเกินทำใจเป็นทำนองให้รู้ว่า
.... และแล้วฉันก็เป็นผู้ชนะ I am No.1 (ว้อย) โฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น