Author : jes
Pairing : LL
ระดับ : ปลอดภัยไร้กังวล
Disclaimer : ตัวละครทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของคุณ rabbit ค่ะ
-----------------------------------------------------------------------
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วววววววววววว........
ณ อาณาจักรทริสทอร์ที่สวยงามและน่าอยู่ ได้เกิดเรื่องเศร้าขึ้น....
ก็พระราชา (ชื่ออะไรก็ช่างเถอะ ไม่เห็นอยากรู้) ได้สูญเสียพระราชินีคู่พระทัยไปอย่างไม่มีวันกลับ (ก็ตายน่ะแหละ) โดยทิ้งลูกสาวคนเดียว คือ เจ้าหญิงสโลคัสไว้ให้ดูต่างหน้า พระราชาเศร้าโศกเสียใจแทบขาดใจตายตามไปด้วย แต่ไม่รู้ทำไมไปๆมาๆกลับอภิเษกราชินีคนใหม่ซะงั้น
ไม่นานนัก....โรริน่า...ราชินีคนใหม่ผู้มีผมสีชา นัยน์ตาสีเขียวก็สามารถยึดอำนาจการปกครองมาเป็นของตนได้สำเร็จและบังคับให้พระราชาลาออกจากตำแหน่งโดยที่ประชาชนในอาณาจักรไม่ได้รวมกลุ่มประท้วงแต่ประการใด
เพราะอะไรน่ะเหรอ....
ไม่มีใครรู้หรอกว่าราชินีโรริน่าแท้จริงแล้วเป็นแม่มดที่แสนจะใจร้าย เธอมีกระจกวิเศษบานใหญ่ที่รู้ไปหมดซะทุกเรื่องตั้งไว้ในห้องส่วนตัว ทุกๆวันก็จะไปยืนหน้ากระจกแล้วถามคำถามซ้ำๆว่า
“กระจกวิเศษบอกข้าเถิดดดดดดด....ใครฉลาดล้ำเลิศในแผ่นดินนี้”
ทุกครั้ง..กระจกจะยิ้มแย้มแล้วตอบมาอย่างที่เคย
“ก็ต้องห้องสมุดเคลื่อนที่โรริน่าน่ะสิ.....ทั้งแผ่นดินนี้ไม่มีใครฉลาดเทียม”
อ๊ะ ! ไหงวันนี้คำตอบมันแหม่งๆชอบกลแฮะ
“กระจกวิเศษบอกข้าเถิดดดดดดด....ใครฉลาดล้ำเลิศในแผ่นดินนี้”
“ก็ต้องเจ้าหญิงสโลคัสน่ะสิ.....ทั้งแผ่นดินนี้ไม่มีใครฉลาดเทียม”
“ว๊ากกกกกกกกกก เป็นไปม่ายยยยยยยยย....ด้ายยยยยยยยยยยยยยยยย……..”
ราชินีโรริน่าร้องลั่นด้วยความเจ็บใจและรับความจริงไม่ได้ว่าอยู่ดีๆเจ้าหญิงผมดำตาดำ...นามสโลคัสที่ถูกส่งไปเลี้ยงดูอย่างทิ้งๆขว้างๆที่ห้องเครื่องมาตลอดหลายปีจะกลายเป็นอัจฉริยะเกินหน้าเกินตาตัวเอง
“ไม่ได้ๆ ต้องรีบจัดการเก็บ อาชูร่า..รีบไปตามคิลมาพบฉันเดี๋ยวนี้” โรริน่าสั่งนางกำนัลคู่ใจพร้อมส่งถุงคุ๊กกี้ช็อกโกแลตชิพให้เป็นค่าปิดปาก
“เร็วๆเข้าล่ะ ไม่งั้นฉันจะใช้เธอเป็นหนูลองสูตรยาลดอายุที่เพิ่งปรุงขึ้นใหม่...” โรริน่าตะโกนไล่หลังอาชูร่าไปอย่างใจร้อน
ระหว่างทางไปเข้าเฝ้า
“ควีนโรริน่ามีธุระอะไรกับฉันเหรอ” นักฆ่าผมดำ ตาสีม่วง กระซิบกระซาบถามอาชูร่าจังที่เอาแต่เคี้ยวคุกกี้กร้วมๆไปตลอดทางอย่างมีความสุข”
“หรือควีนไม่พอใจที่ฉันจัดการเลโมธี..มหาปราชญ์ราชครูNo.1 ไม่สำเร็จ แต่รายนั้นถึงไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตน่า ออกแก่ปานนั้นแล้ว” (หะเหย..ชิชะ พูดอะไรแสลงหัวใจวัยรุ่น(เดอะ) – เลโมธี) คิลกล่าวอย่างกังวล เพราะเมื่อวาน...ตอนไปรายงานว่าเลโมธีไม่ตายแต่กลายเป็นเจ้าชายนิทรานั้นระหว่างนั่งรอดันซุ่มซ่ามทำให้กระจกเงาบานใหญ่สุดโปรดของควีนล้มลงกับพื้นโครมใหญ่ โชคดีไปที่ไม่แตกไม่ร้าว เจ้าตัวเลยทำเฉยไม่รู้ไม่ชี้ หารู้ไม่ว่าเพราะแรงกระแทกทำให้เกิดรอยร้าวเล็กๆที่ไม่สังกตดีๆจะไม่เห็นขึ้นมา...เป็นเหตุให้กระจกวิเศษออกอาการเอ๋อและตอบแต่ชื่อคนเป๋อที่สุดในอาณาจักรแทน
“นายหญิงเจ้าคะ นักฆ่าหมายเลขหนึ่งแห่งซาเรสมาแล้ว” อาชูร่ารายงาน
“ขอให้ท่านอัจฉริยะเกินใครไปอีกพันปีหมื่นปี” คิลคำนับราชินีโรริน่าที่นั่งหน้าบึ้งท่องไวยากรณ์อักษรรูนโบราณอยู่อย่างเอาเป็นเอาตาย
“มาช้าจริง...คิลมัส ฟิลมัส..พรุ่งนี้รีบไปจัดการเก็บยัยสโลคัสซะแล้วเอาแว่นตามันมาเป็นหลักฐานว่ามันตายแน่แล้ว เข้าใจมั้ย ไปได้”
บรรยากาศที่ห้องเครื่อง เช้าวันรุ่งขึ้น
“ว้าย...เจ้าหญิง นั่นเกลือเพคะ ใช่น้ำตาล” เรซังกุง (เรน่อน) ร้องลั่นเมื่อสโลคัสอาสาช่วยปรุงซุปให้
“ว้า..ลงไปหมดโถเลย” เจ้าหญิงหน้าจ๋อย มองกระปุกเกลือป่นที่เปิดฝาลอยอ้าซ่าอยู่ในหม้อซุปใบใหญ่อย่างไม่รู้จะทำยังไงดี ก็เพราะเสียงแสบแก้วหูของเรซังกุงน่ะแหละ สโลคัสเลยตกใจมือไม้อ่อนจนเกิดเรื่อง
“ไม่เป็นไรค่ะเจ้าหญิง มาทางนี้ มาช่วยมาทิลด้าล้างผักดีกว่า” มาซังกุงยิ้มหวานโบกมือเชื้อเชิญ
“ได้เลย” สโลคัสที่เริ่มยิ้มออกรับคำแล้วตั้งท่าจะเข้าไปช่วย แต่โชคร้าย....สะดุดผ้าขี้ริ้วเจ้ากรรมที่ตัวเองทำหล่นไว้จนหัวคะมำไปข้างหน้า...ขาพลาดไปเตะเอากะละมังผักของมาซังกุงจนทั้งน้ำทั้งผักกระจายเกลื่อนไปทั่วทั้งห้องเครื่อง ยังโชคดีอยู่หน่อยที่คว้าเอาแขนแองซังกุงที่อยู่ข้างๆไว้ได้ทัน ผลก็คือจาน “ไก่อบฟาง” ในมือแองจี้บินไปกระแทกกำแพงแตกกระจายกลายเป็น “ไก่อบฝุ่น” ไปในพริบตา
“เอ่อ....ขอโทษนะ” สโลคัสไม่รู้จะพูดอะไรให้มันดีกว่านี้
“ฮึ่มมมมมมมมม......” 3 ซังกุงแห่งวังหลวงถึงกับพูดอะไรไม่ออก (ดีนะที่เค้าเป็นเจ้าหญิง ไม่งั้นนนนน.....สยองอ่ะ - สโลคัส)
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ” เสียงหัวเราะดังขึ้นจากผู้สังเกตการณ์ที่ยืนอยู่หน้าห้องเครื่อง (ชัดไม่ค่อยแน่ใจระดับไอคิวของยัยเจ้าหญิงนี่แล้วแฮะ - คิล)
“หัวเราะ ‘ไรไม่ทราบ” สโลคัสสวมวิญญาณเจ้าหญิงตวาดแว้ดเข้าให้
คิลกลั้นหัวเราะแล้วเริ่มต้น “ยุทธวิธีพิชิตซาตาน” ทันที
“ดูท่าเจ้าหญิงจะไม่ค่อยถนัดทำกับข้าวนะ (ก็ไม่ได้ชื่อแดจังกึมนี่หว่า – เจ้าหญิงสโลคัส) เอางี้...ไปเก็บแอปเปิ้ลกันมั้ย ในป่าหลังวังหลวงมีแอปเปิ้ลเยอะแยะเลย เอามาทำกับข้าว ทำขนม หรือกินสดๆก็อร่อยนะ ดีต่อสุขภาพด้วย สนใจมั้ย” คิลเอาของกินเข้าล่อ
“ไม่ แม่สอนไว้ว่าไม่ให้ไปไหนกับคนแปลกหน้า” สโลคัสสะบัดหน้าพรืดแล้วตอบอย่างไร้เยื่อใย
“ไปเถอะเพคะ ถ้าเจ้าหญิงช่วยเก็บแอปเปิ้ลมาเยอะๆ มาทิลด้าจะได้ทำพายแอบเปิ้ลให้ทาน ดีออก”
“ไก่อบซอสแอปเปิ้ลก็ไม่เลวนะ” แองจี้ที่ยังฝังใจกับไก่อบฟางที่ต้องโยนทิ้งไปเมื่อกี๊..ได้โอกาสขับไสไล่ส่งเจ้าหญิงจอมก่อเรื่อง
“แอปเปิ้ลเชื่อม แอปเปิ้ลหวาน แอปเปิ้ลเคลือบน้ำตาล แอปเปิ้ลคาราเมล แอปเปิ้ลฟรุตสลัด แอปเปิ้ลเค้ก แอปเปิ้ลทาร์ต” เรน่อนเสแสร้งทำท่าฝันหวานได้อย่างสมจริงสมจัง
“งั้น...ถ้าทุกคนว่าดี สโลคัสไปเก็บแอปเปิ้ลมาให้ก็ได้”
สโลคัสฉวยตะกร้าหวายใบใหญ่แล้ววิ่งตามคิลออกไป
“เฮ้อ...ตกหลุมพรางเราจริงๆด้วย” เรน่อนทำท่าโล่งใจ
“ถ้าเรา 3 คนทำไม่สำเร็จ กล่อมให้เจ้าหญิงไปกับคิลมัสไม่ได้มีหวังโดนยัยโรริน่าถลกหนังทอดกรอบแน่” แองจี้พึมพำ
“ขอโทษนะเพคะเจ้าหญิง พวกเรา 3 คนทำไปเพราะถูกราชินีโรริน่าบังคับ โปรดอโหสิให้พวกเราด้วยเถอะ” มาทิลด้าประสานมือทำท่าอ้อนวอนต่อพระผู้เป็นเจ้า
ที่หน้าประตูวัง...สโลคัสเดินเข้าไปในป่าอย่างไม่เฉลียวใจเลยสักนิดว่า...ช่วงนี้ไม่ใช่หน้าแอปเปิ้ล ! ”
..............
ในป่าจ้า
“ลัล ลัล ลัลลา ลัลล้า ๆ ๆ ๆ ๆ” สโลคัสเดินร้องเพลงพลางเต้นระบำไปด้วยอย่างอารมณ์ดีสุดๆก่อนจะหยุดกึก
“ไหน...ไม่เห็นมีแอปเปิ้ลสักลูก” สโลคัสเท้าสะเอวมองหน้าหาเรื่องคิล
“ก็ใครว่ามีล่ะ” คิลคว้าดาบเลเซอร์คู่มือออกมา “ถ้าอยากได้นัก ฉันจะส่งตามไปให้ในน.ร.กแล้วกัน ย๊ากกกกกกกก...................”
“เหวออออออออ....ไม่นะ ช่วยด้วยยยยยยยยยย ใครก็ได้ช่วยที Help me please” สโลคัสของเราวิ่งหลบดาบเลเซอร์ไปมา ปากก็ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือไปด้วยก่อนจะสะดุดรากไม้ล้มลง
“ช่วยด้วยค่าาาาา....ใครก็ได้ช่วยที ฮึ่มมมมมมมม....ถ้าแกฆ่าตาย รับรองฉันจะไม่ยอมไปผุดไปเกิด..จะตามไปหลอกหลอนแกทุกวันจนแกตายตาไม่หลับ” สโลคัสอาฆาตทั้งน้ำตา
“ตายซะเถอะ แล้วก็ตามไปหลอกยัยโรริน่าโน่น ฉันแค่ทำตามคำสั่ง เข้าใจ๋ ว้ากกกกกก.....”
ขณะที่คิลเงื้อดาบขึ้น มีดบินนับสิบเล่มก็พุ่งเข้ามาสะกัด คิลล้มลงไปกับพื้นหญ้า
สโลคัสมาทางนี้ ทางนี้ เร็ว.....มา......
เสียงใครก็ไม่รู้ เบาๆ แต่ฟังแล้วอบอุ่นนักลอยมาจากในป่าลึก สโลคัสหยุดร้องไห้แล้วตัดสินใจก้าวเท้าออกเดินตามเสียงนั้นไป.....
สักพัก คิลก็ฟื้น
“อูยยยยยยย เจ็บชะมัด ดีนะที่ใส่เสื้อกันกระสุนไว้ข้างใน ไม่งั้นโดนมีดบินตัดขั้วหัวใจไปแล้ว...สโลคัส ๆ ๆ อยู่ไหน....ช่างเถอะ..... รอยเท้าบอกว่าเข้าไปในป่า เดี๋ยวต้นไม้กินคนกับสัตว์ป่ากระหายเลือดคงช่วยจัดการแทน” คิลยักไหล่เลิกคิดมากแล้วแวะเข้าร้านแว่นช็อปเจริญก่อนจะกลับไปเข้าเฝ้าควีนโรริน่า
.........
เสียงเรียกหายไปแล้ว สโลคัสที่เดินตามเสียงมาเรื่อยๆเริ่มเหลียวซ้ายแลขวา
เอ...ตรงข้างๆน้ำตกเล็กๆใกล้ๆกันมีคนยืนหันหลังให้อยู่.....
ชายผมทอง ในชุดเสื้อผ้าสีดำสนิทยาวจรดพื้น มือเรียวได้รูปกำลังควงมีดบินห้าหกเล่มไปมาอย่างชำนาญ
“นั่นใคร”
ชายผู้นั้นหันมายิ้มให้ นัยน์ตาสีม่วงเป็นประกายเช่นเดียวกับริมฝีปากที่ยิ้มแย้ม...ทำให้บรรยากาศรอบตัวกลายเป็นสีชมพูได้ง่ายๆ
“ฉันเหรอ...ฉันชื่อลอเรนซ์ เรียก “ลอรี่” ก็ได้ เป็นปิศาจที่คอยปกป้องคุ้มครองเธอไง สโลคัส”
“ทำไมถึงรู้ชื่อฉัน ? ”
“รู้สิ..รู้ตั้งแต่เธอเกิดแล้ว..ก็ท่านแม่ของเธอเป็นคนทำสัญญากับฉันให้คอยคุ้มครองดูแลเธอนี่นะ”
“ล้อเล่นรึเปล่า” สโลคัสกลายเป็นคนขี้ระแวงไปแล้ว
“ไม่ล้อเล่นหรอก...เนี่ยยยยย! มันเป็นจุดด่างพร้อยในชีวิตปิศาจของฉันเลย รู้มั้ยว่า.. วันๆฉันต้องคอยตามติดเธอชนิดไม่ให้คลาดสายตา สมัยเธอเด็กๆนะเผลอแป๊บเดียวก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรบ้าง อย่างทำตัวเป็นยอดมนุษย์กระโดดลงมาจากหอคอยงี้...ฉันแทบคว้าตัวเอาไว้ไม่ทัน เอาลูกแก้วใส่เข้าไปในจมูกจนหายใจไม่ออกงี้...ถ้าไม่ได้ฉันช่วยตบหลังแรงๆป่านนี้มีหวังเธออยู่ในหลุมแล้ว ว่ายน้ำไม่คล่องแล้วยังทำเก่งอาสาดำน้ำลงไปเก็บของให้เรซังกุง...ฉันก็ต้องคอยพยุงเธอไว้ไม่ให้ลงไปนอนก้นบ่อ ....โตมานี่ค่อยดีขึ้น สติสตังมีมากขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย แต่เรื่องเอ๋อกับซุ่มซ่ามนี่แก้ไม่หายสักที อย่างที่สะดุดล้มในห้องเครื่องเมื่อเช้านี้ ถ้าฉันไม่จับมือเธอคล้องเข้ากับแขนแองซังกุงได้ทันคงล้มหัวน็อกพื้นเดี้ยงคาวังหลวง...เฮ้อ...ทำไมปิศาจชั้นสูงอย่างฉันต้องมาทำอะไรสุดแสนจะไร้สาระแบบนี้ด้วยนะ” ปิศาจผมทองเผลอตัวระบายความในใจที่ต้องอดทนอดกลั้นมานานยืดยาว
“เหรอ..แล้วจะยกเลิกสัญญาได้ยังไงล่ะ”
“ไม่ยากหรอก..แค่ฉันรอจังหวะเธอเผลอๆส่งแว่นตาให้ฉันแค่นี้ก็เรียบร้อย...ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ อุ๊บ !” ลอเรนซ์ตาโตยกมือขึ้นตะครุบปากตัวเองทันควัน
สายไปเสียแล้ว…….
“งั้น..ฉันแค่ระวังไม่ให้ตัวเองยื่นแว่นตาส่งให้นายเท่านั้นก็สิ้นเรื่องใช่มะ ดี...อยู่เป็นปิศาจของสโลคัสแบบนี้ต่อไปเถอะย่ะ เชอะ!”
“สโลคัสผลักลอเรนซ์ออกไปให้พ้นทางแล้วเริ่มเดินลุยเข้าไปในป่าลึก
“นี่จะไปไหน....รู้มั้ยว่าในป่าน่ะมันอันตราย…เฮ้อ...เปียกหมดเลย” ลอเรนซ์ที่เซถลาหล่นลงไปในน้ำตกบ่นบู้บี้
…………………………………..
จะมืดแล้ว....อากาศก็เริ่มเย็นลงทุกทีๆ
“อ๊ะ...นั่นบ้านคนนี่ ว้าววววววววว.....บ้านจริงๆด้วย บ้านนนนนนนนนนนน......”
ไม่น่าเชื่อเลยนะว่ากลางป่าลึก (ลึกมากๆน่ะ) ขนาดนี้จะมีบ้านหลังเล็กๆตั้งอยู่หนึ่งหลัง แต่ถ้าสังเกตดูดีๆก็จะรู้ว่าเพดานมันเตี้ยเกินกว่าจะเป็นบ้านคนธรรมดา
“ขอรบกวนหน่อยนะค้าาาาา โห! ในบ้านมืดตึ๊ดตื๋อเลย สงสัยเจ้าบ้านบ้านยังไม่กลับมาแน่เลย..ลอเรนซ์”
โป๊ก!
“โอ๊ย”
“เดินดีๆสิ เดาไม่ผิดเลยว่าอีกเดี๋ยวเธอต้อง... อ๊ะ”
โครมมมม...ป๊องงง......แป๊งงงงง........
“ลอเรนซ์ทำอะไรล้ม” สโลคัสได้ทีเอาคืนบ้าง
“หยวนๆน่า อ่ะ เทียน..ถือดีๆล่ะ ระวังอย่าวางเพลิงบ้านคนอื่นเขา แล้วเรียกลอเรนซ์ทำไม...บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียก “ลอรี่” น่ะ”
“เอ๊....ฉันจะเรียกอะไรมันก็เรื่องของฉัน อ๊ะ! มีอาหารด้วยล่ะ สโลคัสหิวจัง ขอหม่ำก่อนล่ะน๊า”
พอหนังท้องตึง หนังตาของสโลคัสที่บุกป่าฝ่าดงมาทั้งวันก็เริ่มลืมไม่ขึ้นก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียงเล็กๆ 7 เตียงที่เรียงกันอยู่เป็นแถวแล้วหลับปุ๋ยไปแทบจะทันที
…………………………………
ตื่น ๆ ๆ ๆ ตื่นได้แล้ว บอกให้ตื่น ตื่นเซ่ ตื่นๆๆๆๆๆๆๆ
“อือออออออ.....ง่วงจัง สโลคัสเพิ่งนอนได้แป๊บเดียวเอง เหวอออออ....พวกนายเป็นใครเนี่ย ลอเรนซ์ ลอเรนซ์อยู่ไหน มาช่วยสโลคัสที่น่าสงสารหน่อย ลอเรนนนนนนนนนซ์ อยู่หนายยยยยยย”
ตอนนี้มีคน 7 คนยืนล้อมรอบเตียงที่สโลคัสยึดเป็นที่นอนชั่วคราว ทุกคนตัวสูงแค่เอวได้มั้ง
“เราตะหากที่ต้องเป็นฝ่ายถามเธอ...อยู่ๆก็เสียมารยาทเข้ามาในบ้าน กินอาหารจนเกลี้ยงแล้วก็นอนบนเตียงคนอื่นเขาน่ะห๊า เรากลับมาจากทำงานเหนื่อยๆแทนที่จะได้กินข้าวแล้วก็นอน..กลับต้องมาเจอผู้หญิงประหลาดอย่างเธอ ฮึ่มมมมมมม...มันน่าเจ็บใจจริงๆ” ชายร่างเล็กบาง ผมสีเงิน ตาสีเขียวโวยวายโว๊กเว๊ก
“โอ๊ย! หิว เหนื่อย...ซวยจริงๆ” ชายผมสีน้ำตาล ตาสีเดียวกันกระทืบเท้าโครมๆด้วยความหงุดหงิดพร้อมๆกับกระแทกชามอาหารเปล่าๆลงกับโต๊ะด้วยความไม่พอใจ
“กัส ซีบิล พวกนายเงียบๆก่อน ลองฟังเขาพูดก่อนดีกว่า” ชายผมสีน้ำตาลไหม้ มีผ้าปิดตาข้างนึงเข้ามาห้ามทัพ
“พวกนายเป็นคนแคระสินะ” ลอเรนซ์ปรากฏตัวขึ้นเจรจาก่อนที่ยายเจ้าหญิงตัวป่วนจะทำให้เรื่องยุ่งยากมากไปกว่าเดิม
“โอ้! นี่ท่านเป็นปิศาจใช่มั้ย” คนแคระผมสีน้ำตาลที่ตั้งแต่กลับมาถึงบ้านก็สนใจแต่ตำรากองเบ้อเริ่มตรงหน้าเดินเข้ามาจับๆแตะๆลอเรนซ์อย่างสนอกสนใจก่อนที่คนแคระผมเงินตาฟ้าท่าทางขี้อ้อนจะเข้ามากระตุกชายเสื้อให้เพื่อนซี้ถอยกลับออกมา
“ไม่เอาเฟริน...ใครก็ไม่รู้น่ากลัวออก อย่าไปยุ่งกับเขาเลยน้า นะ นะ นะ นะ” คนแคระผมสีดำเข้ามาร่วมแจมด้วย รายนี้ยิ่งร้ายใหญ่เพราะใบหน้าเหยเก..น้ำตาจวนจะหยดอยู่รอมร่อ
“ปิศาจที่ไหนผมทอง...ยัยคนนี้ยังเหมาะจะเป็นปิศาจมากกว่าอีก” ชายคนที่มีผมกับตาสีน้ำเงินท่าทางมั่นใจในตัวเองสั่นหน้าแล้วชี้มาที่สโลคัส
“กรี๊ดดดดดดดดด นี่หาว่าสโลคัสเหมือนปิศาจเรอะ” สโลคัสสติแตกเตรียมวีนเต็มที่แต่พอลอเรนซ์สั่งให้เงียบก็สะบัดหน้าพรืดไปอีกทางอย่างน่ากลัวคอเคล็ดแทน
“ปิศาจลูกผสมน่ะโรเวน...นี่ไง...ในตำราบอกว่าทั้งแดนปิศาจมีอยู่คนเดียว เป็นเจ้าชายด้วยนะเพราะจ้าวปิศาจดันไปปิ๊งกับนางฟ้าน่ะ” เฟรินยกหนังสือเล่มใหญ่เท่าแผ่นกระเบื้องมุงหลังคาหนาขนาดคัมภีร์ไบเบิลให้ดู
“เอางี้...เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า” ลอเรนซ์ตัดบทแล้วเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พวกคนแคระฟังคร่าวๆ
แน่นอนว่าพวกคนแคระก็ยอมให้สโลคัสอาศัยอยู่ที่บ้านเพื่อหลบภัยจากราชินีโรริน่าได้ตามสะดวก แต่ต้องสัญญาว่าทุกๆวันเธอต้องออกไปช่วยทำไร่ทำสวนในที่ดินระหว่างหุบเขาใกล้ๆ พอกลับมาถึงบ้านก็ต้องดูแลทำความสะอาด ปัด กวาด เช็ด ถู ซักเสื้อผ้าและปรุงอาหาร 3 มื้อให้พวกเขาเป็นการแลกเปลี่ยน (ฮ่า ๆ ๆ ตำแหน่งนี้ให้ชื่อว่า“แจ๋วกิตติมศักดิ์” - โรเวน / เห็นกงจักรเป็นดอกบัวแท้ๆ เหล่าคนแคระที่น่าสงสาร ไม่รู้อะไรซะแล้ว – ลอเรนซ์ / ลอเรนซ์เงียบๆไปเลย - สโลคัส)
“ยินดีต้อนรับสมาชิกคนใหม่ของบ้านนะเจ้าหญิงสโลคัส ท่านเจ้าชายปิศาจ ตามสบายนะ แล้วอย่าลืมว่าสัญญามีผลพรุ่งนี้ล่ะ….. อาเธอร์ อาเธอร์อยู่ไหน ฉันหิวแล้ว รีบๆเข้าครัวทำกับข้าวซะที โอ๊ะ..ฉันไม่ชอบกินข้าว ซีบิลไม่ชอบกินผัก เฟรินไม่กินเนื้อสัตว์ กัสก็แพ้อาหารทะเล คาโลเป็นมังสวิรัติ ครี๊ดก็ไม่ชอบอะไรหวานๆ นายช่วยทำอาหารจานเดียวที่พวกเราทุกคนกินด้วยกันได้มาสักอย่างเถอะนะ” โรเวนลากคนแคระผมดำเข้าไปในครัว (แล้วมันจะกินอะไรด้วยกันได้ฟะนี่ อาตี้เอ๊ย ให้อภัยเจสเถอะ - เจส)
“โรเวนแกล้งอาเธอร์อีกแล้ว ไม่ไหวเลยจริงๆ......เอ่อ.....เธอตัวสูง นอนหน้าเตาผิงแล้วกันนะครับ อุ่นดีออก ผมชื่อครี๊ด ดีใจที่ได้รู้จักนะฮะ” คนแคระตาเดียวที่ท่าทางเป็นคนสุภาพเรียบร้อยและพูดเพราะที่สุดในกลุ่มยิ้มให้แล้วกระวีกระวาดเข้ามาช่วยสโลคัสปูที่นอน (หมอนี่...หน้าตากับท่าทางไม่ได้เข้ากันเล้ยยย..- สโลคัส / ฮื่ออออ...ฉันก็ว่างั้น - ลอเรนซ์)
“ทุกคนยอมให้สโลคัสอยู่ด้วยได้จริงเหรอ”
“ฮิ ๆ จริงสิ ไม่ต้องไปสนใจกัสกับซีบิลหรอกนะครับ ไม่เป็นไรหรอก...กัสน่ะชอบโวยวาย มีอะไรก็ขอส่งเสียงดังไว้ก่อน ส่วนซีบิลก็เห็นโมโหได้ตลอด 24 ชั่วโมงเป็นเรื่องปรกติ เฟรินน่ะยังไงก็ได้ แต่อย่าไปแย่งเขาอ่านหนังสือก็แล้วกัน ยิ่งคาโลกับอาเธอร์แล้วยิ่งไม่มีปัญหา สบายใจเถอะนะ” ครี๊ดยิ้มให้อีกทีก่อนจะขอตัวไปช่วยอาเธอร์ที่สะอื้นฮึกๆจัดโต๊ะอาหาร
.....................
เช้าวันใหม่...วันนี้สินะที่โรริน่าคนเดิมจะกลับมาเป็นผู้ที่เฉลียวฉลาดที่สุดในโลกอีกครั้ง
นางกำนัลคนโปรดรีบยกถาดใบใหญ่เข้ามาวางให้ตรงหน้าอย่างรู้หน้าที่ เพราะสิ่งนี้สำคัญกับควีนโรริน่ามากกกก....ชนิดที่ว่า...พอลืมตาตื่นปุ๊บ มือก็ต้องจับปั๊บ
ป๊อก ๆ ๆ ๆ ๆ ฟึ้บ...ฟั้บ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
แกร๊ก...
“อาชูร่า เอาใบเซียมซีเบอร์ 5 มาให้ที” เสียงราชินีโรริน่าตะโกนสั่งหลังจากเสี่ยงเซียมซีเสร็จ
อืมมมมม.....
คนได้เบอร์ห้า โชคชะตาไม่หยุดนิ่ง สิ่งที่มุ่งมาดปรารถนาจะไม่เป็นผล จะเดือดเนื้อร้อนใจก็เพราะคนรู้จัก แต่ไม่นานนักจะได้รับสิ่งดีๆในเร็ววัน
เอ.... ไม่ได้สิ่งที่อยากได้ เดือดร้อนเพราะคนรู้จัก.....หรือว่า.....ไม่นะ....สโลคัส
โรริน่าถลาพรวดไปหน้ากระจกวิเศษ
……………………………
“พระนางรับสั่งให้เข้าเฝ้ามีเรื่องอะไรให้ข้ารับใช้” คิลมัส ฟิลมัส ถามเสียงหวาดๆเมื่อถูกราชินีจอมโหดตามตัวด่วน
“ไม่มีอะไร แค่อยากขอบใจเรื่องเมื่อวาน ขอโทษด้วยที่เรียกมาแต่เช้า คงเหนื่อยแย่ ดื่มชาก่อนสิ” ราชินีโรริน่ายิ้มหวานก่อนจะส่งถ้วยชาร้อนให้แล้วหยิบแว่นตาที่น่าจะเป็นของสโลคัสขึ้นมา
“มันใหม่ๆยังไงไม่รู้เนอะ...ดูยังไงก็เหมือนแว่นตาที่ร้านแว่นช็อปเจริญกำลังเซลล์อยู่ตอนนี้เปี๊ยบเลย”
เฮือก ! นักฆ่าใจหายวาบ เหงื่อเจ้ากรรมไหลพลั่กๆทั่วตัวอย่างกับอาบน้ำ
นี่มันอาการของคนที่กลัวอะไรมากๆแน่เหรอ......
“ยัยสโลคัสยังไม่ตายไม่มั้ย แล้วตอนนี้มันอยู่ไหนหา...บอกมาซะดีๆ จะบอกหรือไม่บอก” ราชินีโรริน่ากระชากเสียงถามด้วยความโกรธพร้อมกับทุบโต๊ะดังเปรี้ยง
“เจ้า...เจ้า...เจ้าหญิง..หนะ...หนี....หนีเข้าไป....เข้าไปในป่า” พอพูดจบประโยคคิลก็ล้มลง
ถ้วยชาที่ถืออยู่ในมือตกแตกกระจาย น้ำชากระเซ็นลงบนพรมผืนหนาและกลายเป็นรอยไหม้เกรียม......
.....................................................
เช้านี้ก็เป็นปรกติดังเช่น 7 วันที่ผ่านมา
นั่นคือ......
สโลคัสอยู่เฝ้าบ้าน
ก็นะ...ทุกอย่างมันเป็นไปตามที่ลอเรนซ์ของเราทำนายไว้
เช้าวันแรกที่สโลคัสต้องกลายเป็นเจ้าหญิงตกยาก...ถ้าไม่ได้ลอเรนซ์ช่วยสาดน้ำปลุก สโลคัสคงตื่นขึ้นมาทำอาหารเช้ากับเตรียมอาหารกลางวันให้คนแคระไม่ทัน แต่ไปๆมาๆอาหารเช้าวันนั้นก็มีขนมปังอบร้อนๆ ซุปข้นและสลัดผักฝีมือลอเรนซ์...ถือเป็นโชคดีของคนแคระที่รอดตายไม่ต้องกินไข่ดาวไหม้เกรียมๆ ข้าวผัดเค็มปี๋และเบค่อนสุกๆดิบๆของสโลคัส
พอกินข้าวเช้าเสร็จ...พวกคนแคระก็ถือจอบแบกเสียมเตรียมตัวเข้าแถวเดินขบวน เอ๊ย เดินไปทำไร่ทำสวนในหุบเข้าใกล้ๆกันเหมือนทุกวัน สโลคัสก็รีบคว้าตะกร้าอาหารกลางวัน (ที่บังคับให้ลอเรนซ์ทำ) เดินตามไปอย่างร่าเริง
ภายใต้แสงตะวันอันสดใส...ครี๊ดเอาสำลีอุดหูก่อนเดินไปเอาเมล็ดพืชหย่อนใส่ในหลุมที่กัสขุดไปโวยวายไปอย่างใจเย็น ข้างๆกันเป็นซีบิลที่โกรธลมโกรธแล้งอะไรก็ไม่รู้..ถอนหญ้าในแปลงผักที่ยังโตไม่เต็มที่ไปเตะก้อนหินไปจนมด หนูวิ่งหนีกันกระเจิง ที่ริมลำธารเล็กๆเฟรินกำลังคำนวณสูตรความเร็วของกังหันวิดน้ำอยู่อย่างขะมักเขม้น..มีคาโลจอมอ้อนคอยปิดเปิดน้ำให้ตามคำสั่ง...อีกด้านนึงอาเธอร์ก็ตั้งหน้าตั้งตาล้างผักที่โรเวนเก็บมากองไว้...
โครมมมมมมมมม !
กองกะหล่ำปลีที่สุมๆอยู่ข้างหลังถล่มลงมาทับคนแคระผู้โชคร้าย (ฝีมือใครก็น่าจะรู้)
“อาตี้! เป็นไงมั่งงงงงงงงงง...” โรเวนวิ่งเข้าไปดูผลงานตัวเองแล้วเสแสร้งทำสีหน้าตื่นตกใจสุดขีด (O_O!)
“อะ...อะ...อะไรอ้ะ” อาเธอร์ชะงักค้าง...ไม่กล้าขยับตัว
“บะ บะ บะ ...บน...บนนั้น มะ มะ มะ มี มี” โรเวนชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปแถวๆตัวอาเธอร์
“ฮืออออออ....ช่วยด้วยยยย ใครก็ได้ช่วยอาตี้ที แง….” อาเธอร์ต่อมน้ำตาแตกลงไหลพรากๆ ดูแล้วช่างน่าสงสารเป็นที่สุด
“เปล่า....ฉันแค่จะบอกว่ามีใบกะหล่ำปลีติดอยู่บนหัวนายก็เท่านั้น ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ” โรเวนลงไปหัวเราะชักดิ้นชักงอกับพื้น...ดีใจที่แกล้งเพื่อนสำเร็จ
“โฮ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ” อาตี้ผู้ไร้เดียงสาระเบิดเสียงร้องไห้ออกมาแบบไม่อายใคร ร้อนถึงสโลคัสผู้แสนดีต้องเข้ามาให้ความช่วยเหลือ
“มามะ อาตี้อยู่นิ่งๆนะ เดี๋ยวสโลคัสเอาผักออกให้”
เพียงแค่ยื่นมือออกไปเท่านั้น......เจ้าสิ่งมีชีวิตตัวน้อยๆก็โผล่หน้าออกมายิ้มเผล่ทักทาย
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด...หนอน หนอน หนอน ยี้ !”
สโลคัสกรีดร้องลั่นทุ่ง ผลักคนแคระตรงหน้าให้ถอยห่างออกไปอย่างแรงจนทำให้กะหล่ำที่อาเธอร์ถือค้างไว้ในมือลอยละลิ่วไปโหม่งหัวคาโลสลบไสลเป็นเหตุให้เฟรินร้องลั่น
“ไอคาโล...อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะเว้ย..เปิดช่องระบายน้ำออกให้ฉันก่อน เดี๋ยวกังหันพัง” (นายไม่ได้ห่วงฉันเลยใช่มั้ยเนี่ย มันน่าน้อยใจจริงๆ - คาโล)
ช้าไปแล้ว... เพราะน้ำมากไปทำให้แกนกังหันหัก น้ำเลยล้นทะลักออกมาท่วมแปลงผักที่ซีบิลถอนหญ้าอยู่เสียหายแถมพัดเอาดินกับทรายที่เจ้าคนแคระขี้โมโหเตะกระจายไปกลบหลุมที่กัสขุดไว้จนเต็ม ส่วนเมล็ดพืชที่ปลูกไปแล้วก็มีหวังเน่าก่อนจะงอกเป็นต้นอ่อนชัวร์ๆ
สรุปแล้ว....สวนผักที่คนแคระทั้งเจ็ดอุตส่าห์ลงทุนลงแรงปลูกกันมาร่วมเดือนก็กลายเป็นแหล่งน้ำตื้นขนาดใหญ่ด้วยฝีมือสโลคัสเจ้าเก่า
“เอ่อ...สะ สะ สโลคัสกลับบ้านก่อนนะ” ยัยเจ้าหญิงตัวดีฉีกยิ้มแหยๆให้แล้วรีบชิ่งกลับบ้านไปหลบภัยในบังเกอร์ลอเรนซ์ทันที
เย็นวันนั้น...พวกคนแคระสมัครสมานสามัคคีรวมตัวกันขอร้องจนแทบจะลงคุกเข่าอ้อนวอนขอทำสัญญาใหม่ที่มีข้อตกลงเพียงบรรทัดเดียวว่า...ต่อไปนี้ถ้าเจ้าหญิงช่วยอยู่เฉยๆไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวทำอะไรเลยล่ะก็...จะเป็นความกรุณาอย่างสุดสุด
...............................
“เฮ้อ....สโลคัสถอนใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ลืมนับ การอยู่คนเดียวนี่มันเหงาเกินทน พวกคนแคระออกไปทำสวนกันตามปรกติ ลอเรนซ์ก็หายไปไหนก็ไม่รู้ไม่เห็นหน้าค่าตามาตั้งแต่เช้าแล้ว
ก๊อก ๆ ๆ ๆ
“ใครค้า”
“ยายเองจ้ะ พอดีเดินทางผ่านมาทางนี้ หิวน้ำเหลือเกิน แม่หนูใจดีมีน้ำเย็นๆให้ยายดื่มสักแก้วมั้ยจ๊ะ”
ที่หน้าประตูบ้านมีหญิงชราหลังค่อมผมหงอกขาวโพลนแถมหน้าตายังอัปลักษณ์ในเสื้อคลุมเก่าขาดถือไม้เท้าหงิกๆงอๆยืนอยู่ด้วยท่าทางอ่อนเพลีย แต่นัยน์ตาสีเขียวคู่นั้นดูสดใสเจ้าเล่ห์ผิดคนแก่ทั่วไป
“ยายเข้ามานังพักในบ้านก่อนสิคะ เดี๋ยวสโลคัสหาน้ำมาให้” (แม่เธอไม่เคยสอนรึไงว่าห้ามไว้ใจคนแปลกหน้าน่ะ – ลอรี่)
“ขอบใจนะจ๊ะ....อ๊ากก” หญิงชราที่ลืมตัวซดน้ำเย็นที่สโลคัสเอามาให้อึกใหญ่พ่นน้ำพรวดออกมาแทบไม่ทัน
“อ้าว! ตายจริง สโลคัสขอโทษนะคะยาย สงสัยหยิบขวดผิดน่ะ นี่มันน้ำส้มสายชูเข้มข้นแบบไม่มีกลิ่นต่างหาก รอเดี๋ยวนะ เดี๋ยวสโลคัสไปตักน้ำในบ่อน้ำมาให้ดีกว่า กินได้แน่ๆ” สโลคัสฉวยถังน้ำเตรียมจะออกไปที่บ่อน้ำหลังบ้านแต่ก็ถูกหญิงชราคว้าแขนเอาไว้เสียก่อน (ไม่ไหว...เดี๋ยวมันเอาอะไรประหลาดๆมาให้กินอีก กลัวตาย – หญิงชราล่ะมั้ง)
“แค้ก ๆ ๆ ๆ มะ ไม่เป็นไรจ้ะแม่หนู ยายหายหิวน้ำแล้วล่ะ เอ้านี่! ยายให้แอปเปิ้ลพันธุ์พิเศษหนูลูกนึง รสชาติหวาน กรอบ อร่อยที่สุดเลย ทานให้อร่อยนะ ยายไปล่ะ” (ฮึ่มมมม..มันฉลาดจริงๆด้วย นี่ยัยสโลคัสเกิดรู้ทันว่าเป็นเราปลอมตัวมารึเปล่านะถึงแกล้งเอาของบ้าๆมาให้กิน – โรริน่าที่ยังหลงผิดไม่เลิก)
“แอปเปิ้ล...ของโปรดของสโลคัสด้วย หูยยยยยย....น่ากินจังเลย เก็บไว้แบ่งให้ทุกคนกินดีกว่า แต่..ลูกเล็กนิดเดียวเองอ่ะ ไม่พอหรอก ทำไงดี ๆ ๆ ๆ ๆ” สโลคัสเริ่มใช้ความคิดอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
....................
ปิ๊งงงงงงงง!
“สโลคัส ลอรี่กลับมาแล้ว วันนี้ก่อเรื่องอะไรอีกรึเปล่า” เจ้าชายปิศาจลอเรนซ์ปรากฏตัวขึ้น
“เจ้าชาย ไปหลังบ้านเร็ว ทางนี้ ๆ ๆ” โรเวนวิ่งหน้าตื่นเข้ามาพอดี
ข้างๆบ่อน้ำหลังบ้าน คนแคระอีก 6 คนที่เหลือต่างก็ทิ้งจอบทิ้งเสียม (เฟรินยังทิ้งหนังสือเลย) ช่วยกันพยุงคนๆนึง แต่ด้วยความสูงของคนแคระหรือจะทานน้ำหนักของคนปรกติไหว
“สโลคัสทำใจดีๆไว้” ลอเรนซ์ตกใจ
“ว้าว ดีใจจัง นึกว่าจะไม่ได้เจอ “ลอรี่” ก่อนตายซะแล้ว” สโลคัสเรียกชื่อที่อีกฝ่ายต้องการให้เรียกเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายก่อนจะส่งยิ้มให้แล้วล้มลง
ตึง!
“โอ้....เย้! ในที่สุดฉันก็ได้แว่นตามาอยู่ในมือ ฉัน...ฉันเป็นอิสระแล้ว” ลอเรนซ์ไชโยโห่ร้องหลังจากตะครุบแว่นตาที่เลื่อนหลุดออกจากใบหน้าของสโลคัสที่กำลังล้มลงได้ทันก่อนจะตกแตก...ทิ้งให้เจ้าของแว่นล้มลงหน้ากระแทกพื้นแทน
“เอ่อ....แล้วเจ้าหญิงล่ะครับ” ครี๊ดที่อึ้งกิมกี่ถามขึ้น
“ใคร...อ๋อ...ไม่เป็นไรหรอก ฉันไปสืบที่วังหลวงมาแล้วเมื่อกี๊...คงกินแอปเปิ้ลอาบยาพิษของราชินีโรริน่าเข้าไป เฮอะ..ถ้าเดาไม่ผิด..เจ้าตัวคงแอบมาที่นี่เพราะกะจะกินคนเดียว..ไม่แบ่งคนอื่นล่ะสิ หลักฐานอยู่โน่นไง” เจ้าชายลอเรนซ์ชี้ไปที่พื้นข้างๆที่มีกากแอปเปิ้ลถูกโยนทิ้งไว้ด้วยท่าทางไม่วิตกกังวลทุกข์ร้อนแต่อย่างใด
“แล้ว..สโลคัสจะ จะ จะต้องตายใช่มั้ย” คาโลทำหน้าเศร้าแล้วหันไปกอดเฟรินไว้เป็นที่พึ่งถามขึ้น
“ไม่หรอก...แค่สลบไปสักสี่ห้าวันเท่านั้นแหละ แต่ฉันว่า..ก่อนอื่นเราต้องช่วยกันเอาไข่ดิบสักกาละมังกรอกใส่ปาก..ให้สโลคัสอาเจียนเอาแอปเปิ้ลพิษออกมาให้หมดดีกว่า ถ้าช้าอาจได้ตายจริงๆ”
.........................
จ๋อมมมมมม.......
ที่วังหลวงจ้ะ
นี่สินะ กระจกวิเศษของควีน ไม่สิ แม่มดโรริน่า
โอมมมมมมมม.......เพี้ยงงงงงงงงงงงง........!!!!!!!!!!!!!!!
เท่านี้ก็เรียบร้อย ไม่ว่าจะอีกร้อยวันพันปี กระจกบานนี้จะตอบแต่ชื่อโรริน่าตลอดไป..... นี่ถ้าไม่เห็นแก่ประชาชนตาดำๆกับประเทศที่คงพินาศล่มจมเป็นแน่แท้ถ้าเกิดมีราชินีคนใหม่ชื่อสโลคัสนะ..ฮึ....ยกประโยชน์ให้ยัยแม่มดนี่ไปแล้วกัน ให้เป็นราชินี่ต่อไปแหละดีแล้ว.... เพราะซดน้ำส้มสายชูเข้าไปตอนนี้ยังเจ็บคอพูดไม่ได้ อีกสัก 2-3 วันคงหายดี มีเสียงมาถามคำถามซ้ำๆซากๆนั่น พอได้คำตอบที่ต้องการจากกระจกก็คงเลิกตามรังควานสโลคัสไปเอง
จ๋อมมมมมมมม......
อืมมมม.....ยัยยุ่งนั่น...ป่านนี้คงอยู่กับพ่อที่ขอลี้ภัยในอาณาจักรเพื่อนบ้านอย่างมีความสุขแล้วล่ะนะ ไม่รู้จะสงสารหรือดีใจแทนอดีตคิงริชาร์ดดีที่มีลูกสาวแบบนี้
จ๋อมมมมมมมม.......
เจ้าคนแคระ 7 คนนั่นคงดีใจแทบตายที่ได้ชีวิตอันสงบสุขคืนมา แถมด้วยบทเรียนที่ว่า....เจ้าหญิงไม่ได้เพอเฟกท์เสมอไปทุกคน
จ๋อมมมมมมมม.......
จ๋อมมมมมมมม.......
จ๋อมมมมมมมม.......
ที่น้ำตกเล็กๆในป่า ที่ๆเจ้าชายและเจ้าหญิงคู่นึงได้พบหน้ากันเป็นครั้งแรก....ลอเรนซ์นั่งนึกถึงความหลังไปปาก้อนหินลงน้ำไปอย่างมีความสุขที่เรื่องยุ่งๆทั้งหมดจบลงได้ด้วยดี
“เฮ้อ....กลับบ้านดีกว่า ท่านพ่อวิลเลี่ยมกับท่านแม่ลูน่าร์คงคิดถึงแย่แล้ว” (จ้าวปิศาจวิลเลี่ยมกับเทพธิดาลูน่าร์เรอะ – เจส / เธอแต่งเองไม่ใช่เรอะ จะตกใจทำไม – ลอรี่)
ชั่วเวลาลุกขึ้นยืนและหันหลังกลับมา...รอยยิ้มของเจ้าชายลอรี่ก็หดหายเมื่อเห็นใบหน้าคุ้นๆลอยมาอยู่ใกล้ๆ พร้อมๆกับลางหายนะส่อเค้ามาแต่ไกล
“ไง...ลอรี่...สโลคัสว่าแล้วเชียวว่าต้องได้เจอลอรี่ที่นี่”
“มีธุระอะไร”
“มาทำสัญญาน่ะ แทนที่จะลงชื่อกับเจ้าชายแปลกหน้า...สโลคัสเลยคิดว่า ทำสัญญากับลอรี่ดีกว่า”
“ลองว่ามาก่อน”
“สโลคัสอยากได้บอดี้การ์ดตลอดชีพ”
“ของแลกเปลี่ยนล่ะ”
“เอาเป็นวิญญาณของเค้าดีมั้ย”
“ที่โลกปิศาจน่ะมืดมิด..ไม่มีแสงอาทิตย์ส่องลงมาถึง”
“เค้าอยู่ได้”
“หนาวเย็น”
“เค้าชอบ”
“มีพวกงู ตะขาบเยอะไปหมด”
“ดีเลย...น่ารักดีออก”
“มีแต่คนเกลียดนะ”
“แค่ลอรี่ไม่เกลียดสโลคัสคนเดียวก็พอแล้วนี่ ถ้ามีลอรี่อยู่ข้างๆล่ะก็...จะยังไงก็ได้ อยู่ที่ไหนก็ได้”
“แล้วอย่ามาบ่นล่ะ”
จ๋อมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
เสียงก้อนหินกระทบผิวน้ำแว่วหายไป.....
พร้อมๆกับเจ้าชายและเจ้าหญิงคู่นั้น.....
เชื่อเถอะว่า....ทั้งสองคนจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข(ละมั้ง)ตลอดไป........
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น