7/4/55

FF7 ‘s AU Fic : Blue Bonding (p4)


Chap 4 : Tifa


เซฟิรอธกระชับผ้าห่มให้แนบตัวอีกนิด...

เสียงฝักบัวในห้องน้ำที่ดังแว่วๆ กลายเป็นเสียงนาฬิกาปลุกรุ่นล่าสุดที่บอกเขาว่าถึงเวลาเริ่มต้นเช้าวันใหม่

สักพักเสียงน้ำก็ค่อยๆ เบาลง ตามด้วยเสียงกุกกักหยิบโน่นจัดนี่อีกนิดหน่อยก่อนจะเงียบไปพักใหญ่ๆ จากนั้นอีกชั่วอึดใจเสียงเปิดปิดตู้เย็น เสียงกระทะ จาน ชาม ช้อน กระทบกันเบาๆ ก็พร้อมบรรเลง

แม้มีนิสัยตื่นแต่เช้าเป็นทุนเดิม...และเมื่อตื่นแล้วก็จะลุกจากเตียงทันทีก็ตาม แต่เกือบอาทิตย์ที่ผ่านมา..หลังจากตื่นตามเวลาปรกติ เซฟิรอธกลับยังนอนหลับตาเหมือนแมวหนุ่มจอมขี้เกียจที่เพลินเพลินกับการคอยเงี่ยหูฟังว่าเจ้าหนูตัวน้อยจอมวุ่นวายข้างนอกห้องกำลังทำอะไรอยู่

...เสียงมีดกับเขียงกระทบกัน คงหั่นอะไรสักอย่าง

...เสียงตั้งกระทะบนเตา

...เสียงน้ำเดือด

ชายหนุ่มยิ้มจางๆ สนุกสนานไปกับจินตนาการยามเช้า

...กลิ่นนี้....อืมมมมม......ข้าวต้มเครื่อง

รอจนได้ยินเสียงหยิบถ้วยชาม ช้อน แก้วน้ำ ดังกรุ๊กกริ๊กนั่นล่ะถึงค่อยลุกขึ้นไปอาบน้ำ พอแต่งตัวเสร็จออกมากาแฟหอมๆ ที่ส่งกลิ่นอวลไปทั่วห้องก็พร้อมเสิร์ฟ...ช่างเป็นยามเช้าที่แสนดีอีกวัน

...อะไรบางอย่างย้ำเตือนว่าระเบียบชีวิตของเขากำลังจะเปลี่ยนไป แต่เซฟิรอธกลับไม่คิดว่ามันจะสร้าง ปัญหาตรงไหน

…………………………….


“วันนี้มีงานถ่ายโฆษณาที่สตูดิโอ A ตอนสิบโมงเช้าแค่งานเดียวครับ แต่รูปแบบกับรายละเอียดของงานยังไม่ลงตัว คงต้องไปตกลงกันที่นั่นอีกที”

หลังจบมื้อเช้า ผู้ดูแลมือใหม่ที่คอยเช็คตารางงานของเขาล่วงหน้าก็จะเริ่มรายงานสิ่งที่ต้องทำประจำวัน

“โฆษณาอะไร” นายแบบหมายเลขหนึ่งถอนใจยาวอย่างไม่ค่อยจะสบอารมณ์เท่าไหร่

“เครื่องเพชรฮะ ชิ้นหลักคือแหวนเพชรสีชมพูหนักสิบกะรัตที่ผมว่าสวยดี แต่คุณว่าก็อย่างงั้นๆ ไง”



เซฟิรอธรู้ดีว่ารูปลักษณ์ภายนอกของตนเป็นเวทมนตร์วิเศษและรู้วิธีเอามันมาใช้ให้เกิดประโยชน์แบบเต็มประสิทธิภาพ แต่ถึงแม้จะเกลียดความวุ่นวายจับใจและไร้ปัญหาเรื่องเงินๆ ทองๆ ก็ตาม ชายหนุ่มกลับจำต้องยอมทนสภาพน่ารำคาญนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะ.....

ยินดีต้อนรับค่ะ

เสียงเอเลน่า ผู้จัดการสตูดิโอกล่าวต้อนรับเหมือนทุกที

วันนี้ก็ขอความกรุณาด้วยเหมือนทุกครั้งนะคะ สตาฟอยู่ไหน? พาคุณเซฟิรอธไปห้องแต่งตัวด้วย ช่างแต่งหน้าพร้อมนะ แล้วฝ่ายคอสตูมล่ะ.......

คลาวด์ที่เพิ่งเคยมาที่สตูดิโอเป็นครั้งแรกได้แต่เดินตามหลังเซฟิรอธต้อยๆ พลางมองโน่นดูนี่ด้วยความสนใจ แต่พอชายหนุ่มถูกกลุ่มสตาฟรุมล้อมหน้าล้อมหลัง ก็ตัดสินใจค่อยๆ เดินเลี่ยงออกมา

ภายในสตูดิโอกำลังยุ่งวุ่นวาย เพราะมีงานถ่ายแบบก่อนหน้าและคงช้าเกินกว่าเวลาที่กำหนด อุปกรณ์และฉากหลังจึงยังไม่เข้าที่ เสียงตะโกนสั่งงานจากผู้กำกับจึงดังโหวกเหวก เล่นเอาฝ่ายเทคนิควิ่งกันวุ่นวาย

“ฉากที่ออกแบบไว้หายไปไหน แบบนี้ใช้ไม่ได้”

“แสง รีเฟลกท์ เช็คดูอีกที”

“กล้องล่ะพร้อมรึยัง ช่างกล้องหายไปไหน”

ขณะที่เด็กหนุ่มมองภาพแสนชุลมุนตรงหน้าสลับกับคอยมองเซฟิรอธที่กำลังจะออกมาจากห้องแต่งตัวไปพร้อมๆ กัน อะไรบางอย่างก็ดึงดูดสายตาให้มองตรงไปยังสาวน้อยผมดำที่ยืนหันรีหันขวางอยู่ไม่ไกล จำได้ว่าเป็นนางแบบที่เพิ่งถ่ายแฟชั่นเสร็จไปเมื่อกี้นี้

พอเห็นเขาหันมา เธอก็ส่งยิ้มกว้างพลางเดินตรงเข้ามาหา

“คลาวด์ คลาวด์ใช่มั้ย ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ดีใจจัง” 

“เอ่อ...” คนถูกทักยืนงง นึกไม่ออกว่าไปรู้จักคนน่ารักขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

“จำฉันไม่ได้ล่ะสิ” อีกฝ่ายหัวเราะคิกคัก “แต่ยังจำค็อกเทลสูตรเด็ดที่ฉันบังคับให้นายกินจนเมากลิ้ง...แล้วเลยโดนทำโทษด้วยกันทั้งคู่ได้มั้ยล่ะ”

คลาวด์ตาโต ยังจำวีรกรรมสมัยอายุยังไม่ถึงสิบขวบ...ที่เพื่อนสนิทชงเครื่องดื่มเลียนแบบพวกผู้ใหญ่แล้วเอามาหลอกให้เขาดื่มได้แม่น

...น้ำสีสวยกลิ่นแปลกๆ ที่แค่จิบนิดๆ ก็แทบไม่ไหว แต่คนชงก็ยังบังคับให้เขาดื่มเข้าไปจนหมดแก้ว

...ลงท้าย คลาวด์ก็เมาหัวหมุน แถมพอสร่างแล้วยังปวดหัวต่ออีกเป็นวันๆ แต่ที่ร้ายที่สุดคือโดนทำโทษที่เป็นเด็กเป็นเล็กแต่ริอ่านดื่มเหล้า

...เข็ดจนตาย


“ทิฟ่า?” 

“ใช่ๆ ดีใจจังที่ได้เจอกันอีก” ทิฟ่าคว้าแขนคลาวด์มาเขย่าแรงๆ “ตั้งแต่ฉันย้ายมาเรียนในเมือง เราก็ไม่ได้เจอกันเลย พอฉันกลับไปเยี่ยมพ่อกับแม่ที่บ้านเมื่อปีที่แล้ว คุณยายข้างบ้านบอกว่าคลาวด์ก็มาเรียนเหมือนกัน แต่ไม่มีเบอร์ติดต่อ”

“ทิฟ่า ไม่ได้นะ” เสียงหญิงสาวอีกคนดังขึ้น “ถ้านักข่าวเห็นเข้าแล้วเอาไปเขียนซุบซิบ หรือใครถ่ายรูปเก็บไว้ล่ะก็..แย่แน่”

“ถ้าเป็นคลาวด์ล่ะก็ไม่มีปัญหาค่ะ” ทิฟ่ายังหัวเราะได้แถมยังจงใจอัพเกรดจากแค่จับมือถือแขนมาเป็นโอบไหล่อีกต่างหาก “คุณลูเครเซียเป็นผู้จัดการส่วนตัวฉัน ว่าแต่คลาวด์มาที่นี่.....”

ถามยังไม่ทันจบประโยคแท้ๆ แต่เสียงทิฟ่ากลับขาดหาย พร้อมๆ กับสารพัดสำเนียงในสตูดิโอที่ดูเหมือนจะเบาลงถนัดใจ สายตาเกือบทุกคู่จับจ้องไปทางประตู...ก่อนที่เสียงเรียกชื่อผู้มาใหม่จะดังขึ้นเดี่ยวๆ

“วินซ์”

ชายหนุ่มผมยาวในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงยีนเข้ารูปสีเข้มก้าวฉับๆ เข้ามา ปรกติเจ้าตัวก็เข้ากับคนอื่นไม่ค่อยจะได้อยู่แล้ว ยิ่งเพิ่มหน้าตาไม่สบอารมณ์กับคิ้วขมวดมุ่นและริมฝีปากเม้มสนิทแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้เข้าไปอีก...ยิ่งเป็นการส่งสัญญาณอันตรายเตือนให้รู้ว่า อย่าเข้าใกล้ จะปลอดภัยกว่า

...แล้วใคร ช่างกล้า เรียกชื่อ วินเซนต์ วาเลนไทน์ หัวหน้าฝ่ายการเงินจอมโหดได้แบบเต็มปากเต็มคำ

...ไม่ใช่แค่ชื่อเฉยๆ ด้วยนะ แต่เป็น ชื่อเล่น อีกต่างหาก


“ว่าไง ท่าทางจะไปได้สวยนะเรา พยายามเข้าล่ะ”

นอกจากไม่โกรธแล้ว วินเซนต์ที่แม้จะยังหน้าตึงอยู่บ้างยังดูอารมณ์ดีขึ้นด้วยอีกต่างหาก มือได้รูปตบลงบนหลังเด็กหนุ่มที่ส่งยิ้มกว้างพลางโบกไม้โบกมือมาให้เบาๆ แล้วเบี่ยงตัวหันไปหาคนที่ยืนอยู่แถวๆ นั้น
         
“ฉันขอคุยเรื่องคอนเซปต์งานคราวนี้หน่อย”

คลาวด์ชะงักกึกก่อนกลืนน้ำลายเอื้อกแล้วค่อยๆ หมุนตัวกลับมาช้าๆ

...เซฟิรอธออกมาจากห้องแต่งตัวเมื่อไหร่ไม่รู้ และกำลังมองมาด้วยใบหน้านิ่งสนิท



ร้านเครื่องดื่มเล็กๆ ข้างในสตูดิโอ

“เอ๋ คลาวด์คุงเป็นผู้ดูแลคนใหม่ของ เจ้าชายงั้นเหรอจ๊ะ” น้ำเสียงของลูเครเซียบอกชัดว่าทั้งทึ่งทั้งแปลกใจ

“ก็แค่ชั่วคราวน่ะครับ” คลาวด์ยิ้มเขินๆ พลางเอาหลอดในมือคนเกล็ดน้ำแข็งในแก้วน้ำหวานตรงหน้าไปมา “เพิ่งเริ่มงานได้ยังไม่ถึงอาทิตย์ดีเลยด้วย”

“นั่นก็สุดยอดแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวคนที่อยู่ได้นานที่สุดน่ะแค่ 4 วันเท่านั้นเอง”

“ก็แหม...คนเอาใจยาก...อุ๊ย! ไม่สิ” ทิฟ่าหัวเราะคิกคักพลางตบไหล่เพื่อนสนิทป้าบใหญ่ “คนที่ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงถึงจะถูกพระทัยท่านแบบนั้นน่ะ...คงจะหาคนมาทนแล้วก็มาแทนยากส์ แรกๆ นะ ไม่ว่าใครก็แทบจะฆ่ากันตายเพื่อชิงตำแหน่งผู้จัดการส่วนตัว แต่ไม่เท่าไหร่ก็ส่ายหน้าขอบายกันเป็นแถว ฉันล่ะนึกว่าเจ้าชายต้องโซโล่เดี่ยวทำงานคนเดียวซะแล้ว”

“เจ้าชาย?” คลาวด์ทวนคำขณะทำหน้าพิกล

“อ๋อ...เป็นชื่อที่พวกสตาฟแอบใช้เรียกเซฟิรอธน่ะ” ทิฟ่าจิบน้ำผลไม้อีกอึกใหญ่ก่อนทำเสียงกระซิบกระซาบ “ก็ท่านเล่นเปล่งออร่า ข้าพเจ้าผู้นี้ยิ่งใหญ่เหนือผู้ใดออกมาแทบจะตลอดเวลาแบบนั้น คนในวงการเลยเรียกกันล้อๆ ว่า เจ้าชายบ้างไม่ก็ เทวทูตไร้หัวใจ บ้างยังไงล่ะ แต่พวกฉันสองฉันชอบเรียกว่า เจ้าชาย มากกว่า”

“ไม่เอาน่า” ลูเครเซียยิ้มจืดๆ “เดี๋ยวคลาวด์ก็ถอดใจลาออกจากงานกันพอดี”

“ไม่หรอกฮะ” คลาวด์กลับเป็นฝ่ายยิ้มกว้าง “เซฟิรอธไม่ได้เอาแต่ใจขนาดนั้นซะหน่อย ที่จริงเขาออกจะใจดีอยู่เหมือนกันนะ”

“จริงน่ะ...” ทิฟ่าทำหน้าไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อเห็นผู้กำกับโฆษณากับตากล้องที่ท่าทางหัวเสียหนักเดินออกมาจากบริเวณถ่ายทำ

“สงสัย เจ้าชาย คนดีของนายจะมีปัญหาแล้วล่ะ”


ในห้องพัก

ร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีขาวสะอาดหันหลังให้ประตู แต่เงาสะท้อนในกระจกช่วยให้เห็นว่าเจ้าตัวนั่งหน้าตึง ตัวตรงแหน่ว แล้วก็กำลังพยายามสงบจิตสงบใจอยู่อย่างสุดความสามารถ บนโต๊ะข้างตัวมีกล่องกำมะหยี่สีแดงเล็กๆ วางอยู่...คงเป็นกล่องใส่แหวนเพชรที่เป็นตัวอย่างสินค้า

เสียงฝีเท้าเบาๆ เดินเข้ามาใกล้ เซฟิรอธถอนใจยาว ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใคร ในเวลาแบบนี้ไม่ค่อยมีใครอยากเฉียดเข้ามาใกล้เขานักหรอก

“เกิดอะไรขึ้นครับ” เสียงถามเบาๆ ดังขึ้นพร้อมน้ำหวานแก้วเล็กที่วางลงบนโต๊ะแล้วเลื่อนมาให้ตรงหน้าก่อนที่ร่างเล็กๆ จะนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่อยู่ข้างๆ

...เงียบ

“เผื่อผมจะพอช่วยคุณได้บ้างไง”

...เงียบกริบ

“หรือคอนเซปต์โฆษณาจะมีปัญหา”

...เงียบ เงียบ เงียบ เงียบ

“โอเค ถ้าคุณไม่อยากเล่า งั้นผมก็ไม่อยากฟัง” เจ้าตัวเล็กลุกขึ้นยืนแล้วยักไหล่ เอื้อมมือออกไปคว้าแก้วน้ำหวานขึ้นมาถือไว้ “จะกลับเมื่อไหร่ค่อยเรียกผมแล้วกัน”

ได้ผล...

นัยน์ตาคมกริบตวัดมองค้อน มือใหญ่คว้าแขนคนตรงหน้าแล้วรั้งไว้ไม่ให้ไปไหนขณะใช้อีกมือดึงแก้วน้ำออกมาซดทีเดียวครึ่งแก้ว


“ฉันไม่รู้ว่าจะขอผู้หญิงแต่งงานยังไง”


“หา???” นัยน์ตาสีฟ้าเบิกกว้างขณะยอมทรุดตัวลงนั่งอีกหน

...บทจะโยกโย้โยเยก็ไม่พูดกันให้รู้เรื่อง พอจะเข้าเรื่องก็ตรงเผงเสียจนจับต้นชนปลายอะไรไม่ถูก

“ฮึ” เจ้าชาย ที่ รมณ์บ่จอยเต็มขั้นทำเสียงขึ้นจมูก “คอนเซปต์ของโฆษณาคราวนี้คือสื่ออารมณ์ของคนที่มาซื้อแหวนเพื่อจะไปขอคนรักแต่งงาน”

“อ๋อ” คลาวด์ที่พอจะเข้าใจขึ้นมาบ้างพยักหน้าหงึกหงัก “ไม่เห็นยากนี่ฮะ ในละครทีวีก็มีให้เห็นออกเยอะแยะ”  

...แค่จินตนาการว่ามีคนหน้าตาอย่างเซฟิรอธมาขอแต่งงาน ไม่ว่าสาวน้อยสาวใหญ่คงได้หัวใจละลายกลายเป็นน้ำเชื่อมเข้มข้นกันเป็นแถว แล้วทีนี้หนุ่มๆ ทั้งหลายที่จ้องจะขอพวกเธอแต่งงานก็ต้องพากันมาซื้อแหวนเพชรตามแบบในโฆษณา...ทำประหนึ่งว่าตัวเองเป็นเซฟิรอธกันยกใหญ่

“ฉันไม่เคยดูละคร” เสียงกดต่ำคล้ายกัดฟันพูดของเซฟิรอธดังขึ้นดับความฝันอันงดงามในความคิดของเด็กหนุ่ม “ที่ร้ายที่สุดคือในโฆษณาจะมีแค่ฉันกับเจ้าแหวนนั่น แล้วบริษัทผู้ว่าจ้างก็ไม่ต้องการซีนขอแต่งงานแบบธรรมดาๆ ที่พรีเซนเตอร์ทำท่าเหมือนจะขอผู้ชมแต่งงานผ่านหน้าจอทีวี...แต่ก็ไม่ได้บอกมาชัดๆ ว่าอยากได้แบบไหน ผู้กำกับเองก็นึกอะไรไม่ออก เอาแต่บอกว่ายังไงก็ได้แล้วแต่ฉัน แล้วอย่างนี้จะให้ทำยังไง”

“เอ่อ...นั่นสินะฮะ” ถึงตอนนี้คลาวด์ชักเข้าใจความรู้สึกของคนตรงหน้าขึ้นมาหน่อยๆ

...อยากถามจังว่าเซฟิรอธเคยขอใครแต่งงานมาก่อนมั้ย แต่ให้ตายก็คงไม่กล้า

...คิดอีกที ถ้าอีกฝ่ายเคยขอใครแต่งงานมาก่อนจริง คงไม่มานั่งหงุดหงิดแบบนี้

“เอาเป็น” ผู้ดูแลที่พยายามยกระดับตัวเองเป็นที่ปรึกษาพยายามนึก “ลองสมมุติดูสิฮะว่าคุณกำลังจะเอาแหวนไปให้คนรักน่ะ”

“ไม่มี” เสียงตอบแบบมะนาวไม่มีน้ำ “ฉันยังไม่เคยรักใครมากถึงขนาดจะให้แหวนได้”

“งั้น...คิดว่าแหวนเป็นของขวัญ คุณกำลังจะเอาของขวัญไปให้คุณแม่ พี่สาว หรือน้องสาวก็ได้”

“ฉันมีแต่น้องชาย แล้วเจ้าพวกนั้นก็ไม่น่ารักพอจะเอามาจินตนาการถึง”

“พวกนางแบบล่ะ” อีกฝ่ายยังไม่ยอมแพ้ “คุณถ่ายรูปคู่กับนางแบบสวยๆ ตั้งหลายคน ลองนึกถึงสักคนสิฮะ แล้วติ๊ต่างเอาว่าเป็นคนรัก”

“ไม่เคยจำ นึกหน้าไม่ออกสักคน”

“ถ้างั้น” คนคิดหาวิธีเริ่มหัวหมุน “สัตว์เลี้ยงก็ได้ฮะ คุณกำลังเอาของกินอร่อยๆ กลับไปฝากน้องหมาน้องเหมียวที่บ้าน อย่าบอกอีกนะว่าคุณไม่เคยเลี้ยงอะไรเลยน่ะ”

“ฉันไม่...อืมมมม” เซฟิรอธกะพริบตาปริบ นิ่งมองคนนั่งข้างๆ ที่เอื้อมมือไปหยิบกล่องใส่แหวนมาเปิดออกดู ก่อนจะหรี่ตาลงอย่างใช้ความคิด วินาทีต่อมารอยยิ้มกระจ่างก็ค่อยๆ ปรากฏ....บรรยากาศภายในห้องสดใสขึ้นมาทันตาเห็น

คลาวด์ส่งกล่องใส่แหวนคืนให้ มือใหญ่ยื่นออกมารับแต่กลับรวบกำไว้ทั้งแหวนทั้งมือ อึดใจใหญ่ๆ ก็ปล่อยออกแล้วค่อยๆ หลับตาลงรวบรวมสมาธิ

“บอกผู้กำกับให้ด้วยว่าฉันจะพร้อมในอีก 15 นาที”

“ครับ” คลาวด์รับคำงงๆ แล้วเดินออกจากห้องไป


แต่แล้ว...

“หืมมมมม?” พรีเซนเตอร์ที่บิวด์อารมณ์จนเข้าที่เข้าทางแล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถามเมื่อเดินออกมาถึงบริเวณที่ถ่ายทำโฆษณาแล้วเห็น หัวหน้าฝ่ายการเงิน มายืนประจำที่ผู้กำกับ

“เปลี่ยนตัวผู้กำกับกระทันหันฮะ” คลาวด์เดินเข้ามาส่งเอกสารบอกรายละเอียดแสง สี เสียง ที่ปรับใหม่ให้ “ผมหาผู้กำกับคนเดิมไม่เจอ ไม่รู้ว่าหายไปไหน แล้วคุณก็บอกเองว่าเขาไม่เข้าใจคอนเซปต์งาน ผมเลยไปขอให้คนที่เข้าใจมาช่วยกำกับให้แทน”

“เพราะนายขอหรอกนะ เจ้าเด็กจอมยุ่ง” วินเซนต์ที่ง่วนกับการเช็คเลนส์กล้องหันมาแยกเขี้ยวใส่พลางยื่นมือมาขยี้ผมเด็กหนุ่มเล่นอย่างมันเขี้ยว “แล้วอย่าลืมที่สัญญาไว้เชียว”

“อย่าห่วงน่าวินซ์” เจ้าของผมสีบลอนด์ที่ตอนนี้ยุ่งเป็นกระเซิงพยายามเอี้ยวตัวหลบพลางปัดไม้ปัดมืออีกฝ่ายออกไป “ขอแบบแจ่มๆ เลยนะวินซ์นะ...นะ....นะ..”

“รู้น่า คิดว่าฉันเป็นใครกัน หา...” วินเซนต์สะบัดหน้าใส่แล้วชี้นิ้วไปยังเก้าอี้มุมห้อง “ไปอยู่ตรงโน้นเลยไป แล้วเตรียมกาแฟเอาไว้ให้หลังถ่ายเสร็จด้วย ไม่เอาของร้านข้างๆ นี่นะ”

“อะแฮ่ม...เอาล่ะ ถ้าพร้อมแล้วก็เริ่มเลย”

พอไล่ เจ้าเด็กจอมยุ่ง ออกไปให้พ้นได้ หัวหน้าฝ่ายการเงินที่อยู่ๆ ก็กลายร่างเป็น ผู้กำกับ ก็เริ่มลงมือถ่ายทำ

...ทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์ในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง


“เฮ้อ!

เสียงถอนใจยาวเหยียดทำให้อีกคนที่เดินเข้าครัวมารินกาแฟให้ตัวเองหันไปมองนิ่งๆ

“เพราะคุณดันไปบอกวินซ์ว่าอยากรับงานแบบเบาๆ บ้างแท้ๆ พายุงานเลยพัดเข้าใส่โครมเบ้อเริ่ม” คลาวด์ที่กำลังเทผงวุ้นลงในชามแก้วใบใหญ่แล้วค่อยๆ ใส่เจลาตินลงไปผสมเข้าด้วยกันอยู่ตรงเคาท์เตอร์บาร์ข้างอ่างล้างจานบ่นพึมพำเบาๆ “ขนาดตัดบางงานออกไปแล้ว ตารางงานช่วง 2-3 เดือนนี้ยังแน่นเอี้ยด ผมน่ะไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่คุณเถอะ...กะจะกินจะนอนอย่างคนอื่นเขาบ้างมั้ยน่ะ”

คนมักรู้จักเซฟิรอธในฐานะนายแบบชื่อดังไม่ก็พรีเซนเตอร์สินค้าแบรนด์เนมประเภทแพงระยับจับไม่ติดมาตลอด อย่างโฆษณาแหวนเพชรนั่นก็เหมือนกัน..เพียงแต่คอนเซปต์ที่แปลกออกไปคราวนั้นไม่รู้ทำให้เจ้าตัวเกิดติดใจอะไรขึ้นมาถึงได้บอกวินเซนต์ไปว่าอยากรับงานแบบธรรมดาๆ ดูบ้าง

“ฉันเบื่องานแบบเดิมๆ เต็มทน” เซฟิรอธเดินมานั่งจิบกาแฟบนเก้าอี้ใกล้ๆ “ถ่ายแบบยังพอทนเพราะเลือกแนวเสื้อผ้าเองได้ แต่โฆษณา...เธอเคยเห็นฉันใส่ชุดอื่นที่ไม่ใช่สูทบ้างมั้ยล่ะ แล้วงานเล็กๆ แบบนั้นน่ะไม่ได้ใช้เวลามากอย่างที่คิดหรอก” 

“พวกแบรนด์เล็กๆ เลยตื่นเต้นกันใหญ่” คลาวด์ค่อยๆ รินน้ำผลไม้ลงไปในชามผสมแล้วคนเบาๆ “เดี๋ยวพวกสื่อต้องประโคมฉายา เจ้าพ่อโฆษณา ให้คุณแหง”

เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นแล้วตามด้วยคำถาม

“ทำอะไรอยู่”

นัยน์ตาสีฟ้าเงยขึ้นมองสบกับนัยน์ตาสีใบไม้ชั่วแวบก่อนจะก้มหลบ ทำท่าอิดๆ ออดๆ เหมือนไม่ค่อยอยากบอกเท่าไหร่

“ว่าไง”

“มัน....เป็นความลับสุดยอดของวินซ์ คุณต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่บอกใคร”

“หือ?”

“ถ้าไม่สัญญา ผมไม่บอกเด็ดขาดเลย”

เซฟิรอธนิ่วหน้า แต่เพราะความอยากรู้มีมากกว่าเลยต้องยอมทำเฉย

“ตกลง ฉันสัญญา”

ลมหายใจสะดุดเล็กน้อยเมื่อเจ้าตัวเล็กโน้มตัวเข้ามากระซิบเบาๆ ที่ข้างหู แต่สิ่งที่ได้ยินก็น่าสนใจจนพอจะทำเป็นลืมๆ ความรู้สึกเหมือนหัวใจเต้นผิดจังหวะนิดหน่อยนั่นได้

“งั้นเหรอ หมอนั่นน่ะนะ” เซฟิรอธหัวเราะพรืด “รสนิยมไม่ได้เข้ากับหน้าตาเลย”

“ผมถึงต้องให้คุณสัญญาว่าจะไม่บอกใครไง” คลาวด์ยิ้มแห้งๆ “ถ้าโดนใครเอาไปล้อเข้าล่ะก็ วินซ์ฆ่าผมตายแน่ ว่าแต่...สัตว์เลี้ยงของคุณน่ะ คุณเลี้ยงตัวอะไรไว้เหรอฮะ ผมไม่ยักเคยเห็น”

“ฉันเลี้ยงกระรอกไม่ก็แฮมสเตอร์ตัวเล็กๆ เอาไว้”

“เหรอฮะ” คลาวด์นึกภาพเซฟิรอธกำลังยื่นเมล็ดพืชให้เจ้าตัวที่ว่าแล้วก็ยิ้มออกมา “มันต้องน่ารักมากๆ แน่เลย”

“แน่นอน” เซฟิรอธจิบกาแฟอึกใหญ่ รอยยิ้มละมุนฉาบบางๆ บนใบหน้า นัยน์ตาสีเขียวใบไม้จับจ้องไปยังเงาสะท้อนของ กระรอก ไม่ก็ แฮมสเตอร์ ที่ปรากฏบนก้นหม้อก้นกระทะที่แขวนไว้บนผนัง

“มันน่ารักมากๆ เลยล่ะ”

............................................

ขอแปะก่อน เดี๋ยวค่อยมาตอบเมนต์นะคะ



2 ความคิดเห็น:

  1. หนูคลาวด์ก็คือสัตว์เลี้ยงของเซฟจังงั้นเหรอคะ 555+

    ว่าแต่แอบสงสัยว่าเจ้าชายท่านได้รู้ความลับอะไรของวินซ์กันหนอ(ตอนวินซ์ออกมาเราแอบนึกว่าวินซ์จะกลายเป็นคู่แข่งของเซฟจังซะอีก แต่ท่านเซฟแอบหึงนี่นา หึๆ)

    อยากเห็นภาพท่านเซฟขอหนูคลาวด์แต่งงานจัง มันต้องน่าดูมากแน่ๆเลย

    อย่างที่ผู้แต่งเขียน เราว่าโฆษณานั่นคงมีหนุ่มๆตามไปซื้อเป็นแถวๆแหงเลย ขำประโยคที่ว่า "ทำประหนึ่งว่าตัวเองเป็นเซฟิรอธ" มาก 55 หนุ่มๆไม่ว่าคนไหนๆก็อยากหล่อร้าย(?)อย่างท่านเซฟจริงๆนั่นแหละ หน้าตาดีไม่ได้อย่างนั้นก็ขอฝันเอา...

    อ้อ! ให้ทิฟาวางยาหนูคลาวด์เหมือนเมื่อตอนเด็กด้วย (?) จะได้เสร็จท่านเซฟไปซะ(โดนเตะ)ท่านเซฟจะได้ไม่ต้องหวั่นไหวกับการที่คลาวด์ยื่นหน้ามากระซิบริมหู >< (โดนเตะอีกรอบ)<--- ล้อเล่นค่ะ ล้อเล่น ^^

    แต่ตอนนี้ลุ้นๆอยู่ ลุ้นว่าใครจะออกมาแสดงตัวเป็นคู่แข่งท่านเซฟบ้าง เท่าที่เห็นก็มีท่านวินซ์ หนูทิฟ่า และสามพี่น้องหัวเงิน(?)ที่เซฟจังบอกว่า "ไม่น่ารักพอจะเอามาจินตนาการถึง" ก๊ากกก ขำอ้ะ ส่งสามคนนี้มาเป็นขู่แข่งเลยค่ะ เซฟจังจะได้รักน้องๆมากขึ้น(?)

    ขอบคุณที่อัพฟิคสนุกๆให้อ่านนะคะ ช่วยลุ้นให้คนมาเม้นท์เพิ่ม เป็นกำลังใจให้ค่ะ ^ ^

    เซฟคลาวด์จงเจริญ~!

    ตอบลบ
  2. บทเปิดเรื่องนี่ยังกับคู่ข้างใหม่ปลามัน เซฟี่นายจะน่าอิจฉาเกินไปแล้วนะ!!! เค้าก็อยากให้น้องโบะมาทำอะไรแบบนี้ให้มั่งเหมือนกันนะ!!!!

    ดูท่าพลพรรคมะรุมมะตุ้มรุมรักน้องคลาวด์จะทยอยตบเท้าออกโรงกันแล้ว ป๋าต้องรีบโกยคะแนนแล้วนะนี่ ไม่แน่ว่าพอแซ็คกี้โผล่มารายนั้นจะกลวดคะแนนไปเรียบวุธ

    อ๋า คลาว์ที่เป็นแฮมๆจะต้องน่ารักมากแน่ๆเลย ><

    แอบอยากให้แฝดสามมีบทบาทเร็วๆ (โดยเฉพาะคนเล็กสุดที่ท่าจะเป็นซัตรูหัวใจพี่ชายแหงๆ)

    ว่าแต่ความลับของวินซ์คืออะไรหนอ? วินซ์ชอบกินของหวาน? อืมถ้าเป็นงั้นคงให้ภาพแวมไพร์นั่งกินพุดดิ้งเลยแฮะ

    ตอบลบ