20/5/55

FF7’s AU fic : กระรอกตาสีฟ้ากับหมาป่าขนสีเงิน


Author : jes

Pairing :
หมาป่า x กระรอก (ชื่อเรื่องก็บอกอยู่โต้งๆ ^^)

Disclaimer :
ตัวละครเป็นลิขสิทธิ์ของ square enix ค่ะ ที่เขียนเพราะอยากเขียน ไม่มีเหตุผลหรือแรงบันดาลใจอื่นทั้งนั้น คิดว่าเป็นฟิคที่หลุดโลกที่สุดแล้วล่ะ

ปล. ขอโทษที่หายไปนานนะคะ โดนเกณฑ์ไปราชการต่างประเทศ 2 อาทิตย์ค่ะ TT^TT ในที่สุดก็ได้กลับบ้านสักที คิดถึงคอมแทบใจจะขาด 

Intro :  อ่านเอาเองเหอะ ท่านผู้โช้มมมมม.....

-----------------------------------------------------------------------
                              

...ถ้าการพบกันครั้งแรก เป็นเพียง “ความบังเอิญ” 

...พบกันครั้งที่สองเรียกว่า “โชคชะตา”

แล้ว

....ถ้ายังพบกันอีกเป็นครั้งที่สามล่ะ มันคืออะไร......... 



บ่ายวันหนึ่ง.....

ท้องฟ้าเป็นประกายสีครามใสกระจ่าง แลเห็นปุยเมฆสีขาวสะอาดแต่งแต้มอยู่เป็นระยะๆ แสงแดดอุ่นๆ ยามบ่ายและสายลมเย็นที่พัดพลิ้วไปมาพาให้หมาป่าสีเงินเพลิดเพลินไปกับการนอนกลางวันอันแสนสุขใต้ต้นไม้ใหญ่

...ไร้วี่แววเจ้าเม่นจอมป่วนที่ชอบหาเรื่องวุ่นวายมาให้ปวดหัวอยู่เสมอ

...ช่างดีเหลือเกิน



มันควรจะเป็นอย่างนั้นไปจนถึงเวลาเย็น ถ้าไม่มีเสียงอะไรสักอย่างดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ตามมาด้วยเสียงร้องแหลมๆ ด้วยความตื่นตกใจ

ใบหูสามเหลี่ยมเรียวแหลมขยับไหวเล็กน้อยเป็นเชิงรับรู้ หมาป่าหนุ่มเหยียดยิ้มนิดๆ ค่อยๆ ลืมตาขึ้นก่อนจะบิดตัวอย่างเกียจคร้าน แล้วออกเดินลัดเลาะไปยังแนวไม้หนาทึบที่อยู่ถัดออกไปไม่ไกลนัก

บนกิ่งไม้ใหญ่ สิ่งมีชีวิตเล็กๆ ตัวหนึ่งดิ้นขลุกขลักอยู่ในถุงตาข่าย ขนสีน้ำตาลอ่อนนุ่มน่าสัมผัสเริ่มยุ่งเป็นกระเซิงจากความพยายามหาทางหนีเอาชีวิตรอด หางที่เคยฟูเป็นพวงสวยงามตอนนี้ตกลู่ด้วยความหวาดกลัว ส่วนบนพื้นมีลูกนัทป่ากระจายเกลื่อน


“กระรอก?”


คิ้วเรียวสีเงินเลิกขึ้นด้วยความประหลาดใจ นึกไม่ถึงว่าจะมีตัวอะไรเซ่อซ่าหลงมาติดกับดักงี่เง่าที่เขาทำขึ้นเล่นๆ แก้เซ็งนี่ได้ ...แต่นึกไปนึกมาอีกที โอเค! มันก็เป็นไปได้มากที่เจ้ากระรอกจอมยุ่งที่เที่ยววิ่งไปวิ่งมาพลางสอดส่ายสายตาหาลูกนัทของโปรดตามต้นไม้ไปเก็บสะสมไว้เป็นเสบียงช่วงฤดูหนาวจะมาลงเอยในกับดัก เพราะความบ้าลูกนัทขึ้นสมองน่ะแหละทำให้ไม่ดูตาม้าตาเรือ พอเห็น เหยื่อกองโตที่เขาเก็บมาวางล่อแถมยังบรรจงปักป้าย ลูกนัทแสนอร่อยจ้ะ บอกไว้ข้างๆ ก็รีบกระโจนเข้าใส่ทันที ทีนี้พอหยิบลูกนัทออกไปเชือกที่ผูกเงื่อนไว้ก็คลายออกดีดตัวรวบผืนตาข่ายที่ปูรองไว้ขึ้นตลบคลุมตัวทันที 

“ฮืออออ แง......” พอหันมาเห็นหมาป่าดุๆ อย่างเขาเข้า ใบหน้าอ่อนเยาว์ของเจ้าตัวเล็กก็ซีดเผือด แข้งขาพานอ่อนยวบจนหมดแรงดิ้นเอาดื้อๆ ก่อนจะปล่อยโฮออกมาเต็มเหนี่ยวทั้งยังอยู่ในสภาพห้อยต่องแต่งนั่นแหละ

“อย่ากิน....อย่ากินผมเลย”

หยาดน้ำใสๆ ที่ไหลพรากๆ ออกมาจากนัยน์ตากลมโตสีฟ้าสดใสแจ๋วนั่นทำให้หัวใจหมาป่าอย่างเขาอ่อนลง...แต่ก็แค่นิดหน่อยน่ะนะ

...เรื่องอาหาร ไม่เคยเป็นปัญหามาแต่ไหนแต่ไร

แต่ ...

....การ เล่นกับเหยื่อตัวเล็กๆ ที่เพิ่งจับได้ต่างหาก มันช่างพลิดเพลินเจริญใจดีใช่น้อย


“ไม่เลว มื้อเย็นวันนี้เป็นกระรอก? หืมมมม์...”

หมาป่าแสยะยิ้มโชว์เขี้ยวขาววาววับ ก่อนอดใจไม่ไหวยื่นมือลอดช่องว่างของตาข่ายเข้าไปลูบไล้ขนฟูๆ นั่นเล่น โดยไม่สนใจอาการสะดุ้งสุดตัวของอีกฝ่าย

....อืมมมมมม นุ่มดีจริงๆ ด้วย

“ฮือออออออ” เจ้ากระรอกสีน้ำตาลตัวสั่นสะท้าน กลัวจนแทบจะขาดใจตาย แต่ก็จนปัญญาจะทำอะไรได้

“อย่า...อย่ากินผมเลย ได้โปรด........”

....ยิ่งกลัว ก็ยิ่งแกล้ง.....ยิ่งสนุกเข้าไปใหญ่

“เอ....”  หมาป่าคว้าหมับเข้าที่ข้อมือบางก่อนจะปลดผืนตาข่ายออกโยนทิ้งไปแล้วรั้งร่างเล็กๆ บางๆ เข้ามากอดไว้แน่น ไล้มือไปตามขนนุ่มนิ่มตามอำเภอใจ แล้วแตะริมฝีปากลงเบาๆ ที่ข้างแก้ม “รู้สึกจะผอมไปหน่อยนะ กินไปกระดูกติดคอไปคงไม่ค่อยดี ยังไงขุนให้อ้วนกว่านี้อีกสักนิดแล้วค่อยกินท่าจะอร่อยกว่า นายว่ามั้ย”

“ไม่...ไม่” เจ้าตัวเล็กส่ายหน้าไปมา หลับตาปี๋ น้ำตายังไหลเป็นทาง “กระรอกไม่อร่อยหรอกฮะ กินแล้วท้องเสียด้วย จริงๆ นะ”

“แต่ฉันเคยกินกระรอกนะ” หมาป่าซ่อนรอยยิ้มแนบเนียนขณะลากปลายลิ้นแผ่วๆ ไปตามผิวเนื้ออุ่นๆ “จำได้ว่าเนื้อกระรอกทั้งหอมทั้งหวาน นุ่มลิ้นสุดๆ จนอดใจไม่ไหวต้องกินทีเดียวหมดทั้งตัวเลยล่ะ แล้วคราวนี้จะเริ่มต้นกินจากตรงไหนดีน้า...นายอยากให้ฉันชิมตรงไหนก่อน หูดีมั้ย หรือว่าหาง หรือจะตัวก่อนดี”

“ไม่ ไม่ ไม่เอา ฮึกกกกกก......” เจ้ากระรอกที่ยังสะอึกสะอื้นไม่เลิกทำหูลีบ หางหด พยายามทำตัวให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ หารู้ไม่ว่ายิ่งเป็นการทำให้อ้อมแขนแข็งแรงตวัดรัดแน่นมากขึ้น ริมฝีปากอุ่นๆ ก็ยิ่งรุมเร้าหนักข้อขึ้นเพราะเห็นท่าทางน่ารักๆ นั่นแล้วชักมันเขี้ยวขึ้นมา “จะแบบไหนก็ไม่เอาทั้งนั้น มันต้องเจ็บ...เจ็บมากๆ แน่เลย เลือดจะไหลออกมาเยอะแยะ แล้ว...แล้วก็ต้องตายด้วย ไม่เอา ฮือออออ”


...ให้ตาย พวกกระรอกมันไร้เดียงสาแล้วก็น่ารักน่ากอดอย่างนี้ทุกตัวรึเปล่าเนี่ย

...เห็นแบบนี้แล้วทั้งแกล้งทั้งกินไม่ลงเลยจริงๆ


กระรอกทำตาโตเมื่อได้ยินหมาป่าหัวเราะพรืด ก่อนจะค่อยๆ คลายอ้อมแขนออกแล้วหยิบเอาลูกนัทสองสามลูกที่ตกอยู่บนพื้นแถวๆ นั้นยัดใส่มือให้ง่ายๆ

“เอาไปเท่านี้ก่อน เดี๋ยวค่อยมาเอาที่เหลือ ฉันจะรวบรวมไอที่หล่นเกลื่อนอยู่แถวนี้ไว้ให้ ทีหน้าทีหลังจำไว้เลยว่าจะหยิบอะไรให้ดูดีๆ ก่อน อย่าไปซี้ซั้วหยิบของที่เค้าวางกับดักล่อไว้อีกล่ะ”

ท่าทางเจ้ากระรอกจะเป็นงงเอามากๆ เพราะไม่คิดว่าจะถูกปล่อยตัวง่ายๆ แต่แทนที่จะรีบวิ่งหนีกลับแบมือรับลูกนัทอีกลูกที่หมาป่าส่งให้แต่โดยดี

“คุณไม่กินผมแล้ว?”

“หมาป่าเลิกคิ้วนิดๆ พยักหน้าเบาๆ แล้วแกล้งฉีกยิ้มโหด “อ้อ! ที่จริงนายอยากถูกฉันกินมากกว่าใช่มั้ยล่ะ งั้นเปลี่ยนใจกินก็ได้ เข้ามาใกล้ๆ นี่มา”

เสียงหัวเราะลั่นดังขึ้นไล่หลังเมื่อกระรอกน้อยกระโจนแผล็วหนีขึ้นต้นไม้ วิ่งอ้าวหายไป

....................................................


หลายวันต่อมา

“ไม่ล่ะ ฉันอยู่ตรงนี้ดีแล้ว” หมาป่าที่กำลังนอนขดตัวผึ่งแดดอุ่นๆ สบายๆ ส่ายหน้าดิก เล่นเอาอีกฝ่ายที่อุตส่าห์ดั้นด้นมาหาชักสีหน้าหงิกๆ เข้าใส่

“มันจะดีได้ไง ทั้งเล็กทั้งแคบ” เจ้าเม่นขนตั้งทำเสียงโอดครวญพลางส่งสายตาลูกเม่นถูกทิ้งมาให้ “เดี๋ยวก็จะฤดูหนาวแล้ว ลองไปดูโพรงใหม่ที่ฉันเล็งไว้ให้ดีกว่า ถ้าชอบจะได้ย้ายไปอยู่ซะเลย น่า นะ นะ นะ น้า”

หมาป่าสีเงินมองหน้าเจ้าเม่นสีดำ พอเห็นประกายวิบวับในดวงตาสีดำสนิทก็ถอนใจเฮือก เดาได้เลยว่าเจ้าเพื่อนซี้ตัวแสบต้องมีปัญหาอะไรสักอย่างแล้วก็กำลังหลอกใช้เขาให้ไปช่วยเก็บกวาดปัญหาให้

“บอกมาเลยดีกว่าว่านายมีปัญหาอะไร”

“แหม...ตัวเองก็ อย่าทำหน้าเซ็งอย่างนั้นสิ” เจ้าเม่นทำตาค้อนปะหลับปะเหลือกแต่ปากกลับฉีกยิ้มกว้างจนหุบไม่ลง “คือ...นายจำโพรงใต้ต้นไม้ริมลำธารของเจ้าแร็กคูนได้มั้ย ตอนนี้มันว่างแล้ว”

“อือฮึ” หมาป่าพยักหน้า “ก็อยู่ใกล้ๆ กับโพรงของนายนี่”

“นั่นล่ะ” เม่นทำหน้าย่น “มันใหญ่แล้วก็มั่นคงแข็งแรงกว่าโพรงของฉันตั้งเยอะ ฉันเลยกะจะย้ายไปอยู่โพรงนั้นแทน แต่จู่ๆ ก็มีตัวอะไรไม่รู้แอบมาอยู่ตัดหน้าฉันเฉยเลย พอจะกลับมาที่โพรงเดิมก็มีกระรอ..เอ้ย! มีตัวอื่นมาอยู่แทนซะแล้ว”

“งั้น ฉันจะไปบอกให้ตัวอะไรนั่นย้ายออกไปจากโพรงของนายซะ” ดูท่าหมาป่าจะเข้าใจอะไรง่ายกว่าที่คิดเลยยอมลุกขึ้นยืนแล้วตั้งท่าจะออกเดิน

“ไม่ใช่อย่างง้านนนน” เจ้าเม่นร้องเสียงหลงพลางวิ่งปรู๊ดมาดักหน้า พอเห็นหมาป่าขมวดคิ้วใส่ก็หัวเราะแหะๆ “ฉันอยากให้นายช่วยเจรจา บังคับ ข่มขู่ จะใช้วิธีไหนยังไงก็ได้ให้เจ้าตัวอะไรไม่รู้ในโพรงแร็กคูนย้ายมาอยู่โพรงเก่าของฉันแทนน่ะ”

“แล้วอีกตัวที่มาอยู่ใหม่ล่ะ” หมาป่ากำลังพยายามทำความเข้าใจ


“ก็... ถ้าเป็นเจ้านั่น...จะอยู่ด้วยกันกับฉันก็ได้ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นโพรงเดิมมันก็จะเล็กแล้วก็คับแคบเกินไปสำหรับสองตัว ฉันเลยอยากย้ายไปอยู่โพรงข้างๆ ที่กว้างกว่าหลังจากนายไล่ตะเพิดเจ้าตัวประหลาดนั่นออกไปแล้วไง”

แม้คำอธิบายที่ได้รับจะอ้ำอึ้งอึกอักผิดวิสัยเจ้าเม่นที่ลื่นไถลไปได้ทุกเรื่อง แต่หมาป่าก็พยักหน้ารับแล้วออกเดินตามเจ้าตัวปัญหาไปอย่างว่าง่าย แต่ระหว่างทางก็อดสอดส่ายสายตาหาอะไรสักอย่างตามต้นไม้ใบไม้ไม่ได้

สักพักก็มายืนอยู่หน้าโพรงไม้ขนาดใหญ่ริมลำธาร ข้างในมีเสียงกุกๆ กักๆ ดังอยู่เป็นระยะ

“ฉันจะไปเตรียมเก็บของที่โพรงเดิมก่อนนะ”

เจ้าเม่นที่หน้าบานเป็นไข่นกกระจอกเทศยักษ์แฝดรีบบอกเสียงใสก่อนถอยฉากหนีเอาตัวรอด วิ่งพลางกระโดดพลางไปทางโพรงไม้ขนาดกลางแถวๆ นั้น ทิ้งให้หมาป่าถอนใจยาวขณะให้อุ้งเท้าเคาะประตู ในขณะเดียวกันก็เตรียมตัวให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าถ้าจะต้องออกแรงต่อสู้ขึ้นมา

“ใครครับ?” เสียงใสๆ ดังขึ้นขณะบานประตูค่อยๆ เปิดออกกว้าง แล้วกระรอกตาสีฟ้าตัวหนึ่งก็ค่อยๆ เยี่ยมหน้าออกมา

ภาพที่เห็นเล่นเอาหมาป่าสีเงินยิ้มกริ่มพลางยื่นมือออกไปดันประตูไว้

...ที่แท้ก็มาอยู่ซะที่นี่


“เราเจอกันอีกแล้วนะ”

......................


ผ่านไปอีกเกือบเดือน...

ใกล้จะเข้าสู่ฤดูหนาวเต็มทน ท้องฟ้าเป็นสีเทาหม่นมัว แสงอาทิตย์อ่อนจาง อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ ต้นไม้เริ่มผลัดใบร่วงหล่นลงสู่พื้น ส่วนผืนหญ้าที่เคยเขียวขจีเริ่มเหี่ยวแห้งและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลไหม้ สัตว์ป่าที่เคยเดินสวนกันขวักไขว่ก็เริ่มบางตา

...หมาป่าเกลียดฤดูหนาว

...แม้จะรักความสันโดษเป็นชีวิตจิตใจ แต่ก็ชิงชังความอ้างว้าง โดดเดี่ยว ที่ไม่ต่างอะไรกับการถูกทิ้งไว้เพียงลำพังท่ามกลางกองหิมะขาวโพลน


“เอ่อ...คือ คุณหมาป่า คุณหมาป่าฮะ”

เสียงกระซิบเบาๆ ตรงข้างหูกับมือเล็กๆ แสนนุ่มนวลที่แตะลงแผ่วๆ ที่ข้างแก้มปลุกให้หมาป่าที่นอนกลางวันเพลินค่อยๆ ลืมตาขึ้นก่อนนิ่วหน้าน้อยๆ


....นัยน์ตาสีฟ้าสดเป็นประกาย ขนฟูนุ่มฟูสีน้ำตาลอ่อน หางเป็นพวงยาวสวย

เจ้ากระรอกตัวเล็กๆ ที่ชอบมาป่วนความคิดทั้งยามหลับและยามตื่นกำลังยืนอยู่ตรงหน้า ในระยะห่างแค่เอื้อมมือคว้าแต่เจ้าตัวคงคิดว่าปลอดภัยแล้ว

“คือ...ผมมีเรื่องจะขอให้คุณช่วยฮะ” เสียงสั่นสะท้านของเจ้าตัวยุ่งบอกชัดว่าพยายามรวบรวมความกล้าทำใจดีสู้หมาป่าอย่างสุดชีวิต “คือ..ผมไม่อยากอยู่ในโพรงของคุณแร็กคูนครับ มันใหญ่แล้วก็กว้างเกินไป”

“แล้วไง” หมาป่าพยักหน้ารับพลางนึกสงสัยว่าเขากลายเป็นที่ปรึกษาของเจ้าพวกตัวเล็กตัวน้อยแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่

ที่แท้ก็เป็นเจ้ากระรอกที่ย้ายมาอยู่ในโพรงเม่นโดยไม่รู้ว่าเป็นโพรงมีเจ้าของ เข้าทางเม่นเจ้าเล่ห์ที่พออกพอใจเจ้าตัวเล็กอยู่ก่อนหน้าเลยทำเนียนปล่อยให้อยู่ต่อไป กะว่ารอให้เขาไล่หมีแคระที่มายึดครองโพรงแร็กคูนออกไปได้ก่อนค่อยทำทีมาชวนให้เจ้ากระรอกย้ายไปอยู่โพรงใหม่ด้วยกัน แต่ทุกอย่างมีอันผิดแผนที่วางไว้เพราะเช้าวันนั้นหมีแคระเกิดมาขอแลกโพรง เขาเลยได้เจอเจ้ากระรอกที่โพรงแร็กคูนแทน ส่วนเจ้าเม่น...เห็นว่าต้องทะเลาะตบตีแย่งชิงโพรงเดิมกับเจ้าหมีแคระอยู่หลายวัน

“ตอนนี้คุณหมีแคระกลับไปอยู่ที่โพรงแร็กคูนแล้วครับ คุณเม่นก็คงอยู่โพรงเดิม”

“แล้วนายล่ะ จะไปอยู่ที่ไหน” หมาป่าค่อยๆ ขยับตัวช้าๆ พอเห็นอีกฝ่ายไม่มีทีท่าจะถอยหนีก็ค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง

“คือ....ผมเห็นว่าบนกิ่งไม้เหนือโพรงของคุณมีโพรงเล็กๆ ที่ยังไม่มีเจ้าของอยู่ คุณจะให้ผมย้ายเข้าไปอยู่ได้มั้ยฮะ”

“หืมมมม” หมาป่าเลิกคิ้วพลางเงยหน้าขึ้นมองคาคบไม้ที่อยู่สูงขึ้นไป


...มีโพรงเล็กๆ ที่เขาไม่เคยสังเกตอยู่โพรงหนึ่งจริงๆ ด้วย

...เกิดมาเพิ่งจะเคยมีกระรอกมาขออยู่ในโพรงต้นไม้ต้นเดียวกับที่มีโพรงหมาป่าอยู่ข้างใต้นี่แหละ

...ไม่รู้จะเรียกว่า “ช่างกล้า” หรือว่า “บ้าบิ่น” ดี


“ไม่กลัวโดนฉันจับกินรึไง”

“ก็...” กระรอกฉีกยิ้มน่าเอ็นดู “ถ้าคุณจะกินผมจริงๆ คงกินไปตั้งนานแล้วล่ะ แล้วเนื้อกระรอกก็ไม่อร่อยหรอกนะครับ”

“งั้นเหรอ” หมาป่าหัวเราะในลำคอเบาๆ อย่างอารมณ์ดีสุดๆ ขณะเอื้อมแขนออกตวัดรวบเอาเจ้าตัวน้อยที่ยืนตัวแข็งทื่อ พูดอะไรไม่ออก เหมือนกระรอกจนมุมและกำลังจะเป็นเหยื่อของหมาป่าเข้ามากอดไว้แน่นแล้วออกแรงบังคับให้ลงไปนอนราบกับพื้น นัยน์ตาคมสีเขียวกระจ่างทอดมอง'เหยื่อ' ซึ่งบัดนี้นิ่งสนิทไปแล้วอย่างถูกอกถูกใจ เล็บคมยาวค่อยๆ สะกิดด้ายเย็บกระดุมเสื้อหนาฟูของอีกฝ่ายให้ขาดออกจากกันอย่างช้าๆ

“ต้องลองชิมดูก่อน ถ้าอร่อย ฉันจะยอมให้อยู่ด้วยกันที่โพรงข้างล่างนี่เลยก็ได้นะ”



...พบกันครั้งแรก เป็น “ความบังเอิญ” 

...พบกันครั้งที่สอง เป็น “โชคชะตา”

....การพบกันครั้งที่สามจะเป็นอะไรได้

นอกจาก

... “จงใจ” 


จงใจไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายหลุดมือไปอีก


ข้างนอกขาวโพลน หิมะโปรยปรายไปทั่ว สายลมเย็นเฉียบพัดไปมา

ฤดูหนาวอันแสนทารุณเริ่มต้นขึ้น

แต่ในโพรงไม้เล็กๆ กลับอบอุ่น กระรอกสีน้ำตาลตัวน้อยนอนหลับอยู่กับขนสีเงินหนานุ่ม สักพักก็เริ่มซุกตัวเข้าหาเหมือนจะขอแบ่งไออุ่นก่อนจะหลับต่อไปอย่างสบายใจเมื่อรู้สึกถึงนิ้วเรียวยาวที่ลูบไล้ตามตัวไปมาอย่างเบามือ

หมาป่ายิ้มน้อยๆ ค่อยๆ ก้มตัวลงแตะริมฝีปากเบาๆ บนหน้าผาก “กระรอกแสนอร่อย” ของเขา อย่างอ่อนโยน

......ฤดูหนาวปีนี้ช่างอบอุ่นและเต็มไปด้วยความสุข

...........................................................


อ่ะ อันนี้ของแถม...

กระรอกน้อยตาสีฟ้าเดินหงุดหงิดงุ่นง่านไปมาอยู่ในโพรงเล็กๆ บนคาคบไม้สูง นัยน์ตาสีฟ้าสดได้แต่แลมองไปข้างในโพรงหมาป่าที่อยู่ข้างใต้

...เปล่า ไม่ได้คอยคุณหมาป่าที่ออกไปหาอาหารสองสามวันหนนึงหรอก

แต่...เป็นสตรอเบอร์รี่สุกจัดลูกโตหลายลูกที่ส่งกลิ่นหวานฉ่ำหอมฟุ้งไปทั่วโพรงไม้นั่นต่างหาก...ในฤดูหนาวที่อากาศเย็นจัดขนาดนี้จะหาลูกนัทดิบลูกเล็กๆ สักลูกยังยากแสนยาก นับประสาอะไรกับสตรอเบอร์รี่ สตรอเบอร์รี่สุกสีแดงสดเชียวนะ!

ในโพรงไม้เล็กๆ นี่ก็มีแต่ลูกนัทแห้งๆ ที่เก็บสะสมไว้เท่านั้น รสชาติเทียบไม่ได้เลยกับผลไม้สดที่พวกกระรอกอย่างเขาแสนจะโปรดปราน

...อยากกินจัง ทำไงดี

...ที่จริงก็ไม่เห็นคุณหมาป่ามาตั้งแต่เช้า บางทีอาจจะออกไปหาอาหารข้างนอกแล้วก็ได้

...อยากกิน ทนไม่ไหวแล้ว

หลังจากจดๆ จ้องๆ อยู่เป็นนานสองนานก็ไม่เห็นแม้เงาเจ้าของโพรง กระรอกน้อยก็ตัดสินใจวิ่งปรู๊ดเข้าไปในโพรงข้างใต้ ตรงรี่ไปยังผลไม้ลูกที่หมายตาไว้ เมื่อได้กัดเนื้อสตรอเบอร์รี่หวานฉ่ำคำแรกเข้าปาก ค่อยๆ เคี้ยวช้าๆ แล้วกลืนลงคอไป อารมณ์ที่ขุ่นมัวมาตลอดหลายวันก็เริ่มแจ่มใสขึ้น

เขามาอยู่กับคุณหมาป่าที่โพรงนี้ได้พักใหญ่ๆ ...เกือบทุกอย่างไม่มีปัญหา...ในโพรงกว้างขวางอุ่นสบาย อาหารที่เก็บสะสมไว้ก็มีมากมายเหลือเฟือ แล้วยังไม่ต้องคอยหลบพวกสัตว์กินเนื้อตัวอื่นๆ ด้วย

แต่ที่แย่ก็คือ...คุณหมาป่าชอบ กิน กระรอกนี่สิ อยากกินขึ้นมาเมื่อไหร่ก็กิน ไม่เคยสนใจถามความสมัครใจของเขาก่อนเลยสักครั้งว่าอยาก ถูกกินรึเปล่า อย่างเมื่อคราวที่แล้วเขาถูกกินเกือบตลอดทั้งคืน แม้จะบ่นประท้วงว่าเหนื่อย ง่วง ไม่ไหวแล้วยังไงคุณหมาป่าก็ไม่ยอมฟังกันบ้าง เอาแต่กิน กิน กิน กินจนเขาหมดแรงหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ แล้วแบบนี้จะไม่ให้โกรธได้ยังไงกัน

แต่.....สัมผัสอ่อนโยนของอ้อมกอดแข็งแกร่งที่กอดเขาไว้ราวกับเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ริมฝีปากบางอุ่นจัดที่แนบลงแผ่วๆ บนผิวนุ่มสลับกับนิ้วเรียวยาวที่ลูบไล้ไปทั่วๆ ร่างที่ยังคงอ้อยอิ่งอยู่ในหัวใจก็ทำให้กระรอกอดหน้าแดงขึ้นมาไม่ได้

หมดลูกที่หนึ่งเจ้ากระรอกก็ผ่อนลมหายใจยาวเหยียดพลางขยับไปนั่งแปะลงกลางโพรงพร้อมกับกัดสตรอเบอร์รี่อีกลูกที่หยิบติดมือไปด้วย

...สตรอเบอร์รี่พวกนี้คงเป็นคำขอโทษกลายๆ

...ในเมื่อคุณหมาป่าเอาใจเขาขนาดนี้ บางที เขาอาจจะยอมยกโทษให้ก็ได้


หารู้ไม่ว่า ข้างนอก...มือแข็งแรงของหมาป่าสีเงินกำลังเลื่อนก้อนหินขนาดใหญ่ปิดปากโพรงไว้

เพราะเจ้าตัวเล็กงอนไม่ยอมเลิก หนีไปอยู่ในโพรงเล็กที่สูงเกินกว่าเขาจะตามขึ้นไปได้เสียหลายวัน ในที่สุดก็ต้องยอมลงทุนไปหาผลไม้สดมาเป็นของขวัญแล้วก็แอบหลบอยู่ข้างนอกนี่แหละ

ภาพกระรอกนั่งแทะสตรอเบอร์รี่สดอย่างสบายอารมณ์เล่นเอาหมาป่าส่ายหน้า

...บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าอย่าซี้ซั้วหยิบ “เหยื่อ” ที่เขาวางล่อเอาไว้

...ช่วยไม่ได้

...คืนนี้แหละ เขาจะ กินกระรอกให้สมกับที่หิวโหยมาหลายวัน



                                                                                      Fin
                                                                                      18/05/55



จบจ้ะ ไร้สาระไปหน่อย แต่หวังว่าทุกท่านคงชอบใจ ...ที่เหลือก็จิ้นเอาเองตามใจชอบนะคะ

ใครจิ้นต่อยังไงแอบบอกกันหน่อยก็ดีนา ^^


3 ความคิดเห็น:

  1. อรั๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย หวานนนนนนนเจี๊ยบบบบบบบบบบบบ

    เล่นเอาอยากกินสตอเบอรี่ขึ้นมาเลยค่ะ

    น้องกระรอกเอ๋ย คืนนี้ลุกไม่ขึ้นแหงๆ

    นั่งจิ้นฉากกระรอกน้อยถูกกินแล้สมันช่าง....

    คงจะเป็นแบบ

    เจ้ากระรอกพยายามดิ้นรน บิดตัวหลบฝ่ามืออุ่นที่ลูบไล้ปลุกเร้าร่างกายให้ร้อนรุ่ม หากก็ไม่เป็นผล เสีนงครางหวานผะแผ่วหวีดดังขึ้นเมื่อปลายนิ้วเรียวยาวปิดผ่านเชอรี่เม็ดน้อยสีสดบนแผ่นอก ทำให้เจ้าหมาป่ายิ่งได้ใจ จงใจสัมผัสลงบนบริเวณนั้นซ้ำๆ

    "อยะ อย่าครับ"

    "ทำไมล่ะ เธอออกจะชอบนี่" ไม่พูดเปล่ายังใช้เรียวลิ้นเละเล็มชิมรสชาตืเชอรี่ผลน้อยที่บัดนี้แดงก่ำ

    *q* พรวดดดด!!! จิ้นเองเลือดไหลเอง อร๊ายยยยยยยยยยยย

    พอดีกว่าเน๊าะ

    ชอบคู่นี้มากๆเหมือนกันเลยค่ะ ดีใจมากเลยที่เจอฟิคน่ารักๆของคู่นี้ซะที ปกติเจอแต่เซฟี่วินเซนต์ กระซิก

    ถึงน้องโบะจะดูพึ่งพาไม่ได้สักเท่าไหร่ แต่น้องโบะก็โมเอะนะ!!!

    ที่น้องโบะดูปวกเปียก ก็เพราะน้องโบะ เกิดมาเพื่อถูกรักต่่างหากล่ะ!!!

    ขอบคุณมากๆเลยค่ะที่แต่งฟิคคู่นี้มาให้เสพ><

    ปล.อ่า เม้นไร้สาระไปหน่อยขอโทษนะคะ แหะๆ

    ตอบลบ
  2. 555+ ขำคุณเม่น...

    เป็นฟิคที่น่ารักดีค่ะ อ่านไปยิ้มไป

    หมาป่าเจ้าเล่ห์เอาสตอเบอรี่มาล่อเลยเหรอ อย่างนี้กระรอกน้อยก็เสร็จพี่หมาเลยน่ะสิ(?)

    น่ารักขนาดนี้ยังกินได้ลงอีกเหรอเซฟจัง...(เพราะน่ารักน่ะสิถึงกิน แล้วก็กินอีกความหมายด้วย)


    เสียดายที่ไม่ได้ตั้งกล้องถ่ายฉากกระรอกถูกกิน 555 (เผ่น)

    หนุกมากมายค่ะ ยิ้มแก้มปริกันเลยทีเดียว...

    ตอบลบ
  3. น่ารักจริงๆคลาวด์จัง >w< อยากอ่านฉาก"กระรอกถูกกิน"นะนี่ ฮิฮิ

    สนุกมากจริงๆ หมาป่า&กระรอกน้อย คู่นี้แหละใช่เลย!!!

    ตอบลบ