23/4/54

(Saint Seiya) : Sanc-top !!! (P1)

  
Fiction Saint Seiya : Sanc top !!!  

Author : jes

Pairing : ไม่มี๊...ไม่มี เล่นขนกันมาหมดทั้งแซงค์ มันจะมีได้ไงล่ะ ธ่อ.........

Intro : ฟิคนี้ได้ไอเดียตอนไปงานแสดงสินค้า o-top ที่เมืองทองธานี เลยคิดไปว่าถ้าเหล่าเซนต์ต้องมาหารายได้พิเศษตามคำบัญชาของอาเธน่า แต่ละคนจะทำอะไรกันมั่งนะ

-----------------------------------------------------------------------

ในห้องกว้าง..........ที่ค่อนข้างมืดสลัว

พื้นที่ด้านในครึ่งหนึ่งเป็นยกพื้นสูงกว่าบริเวณอื่นเล็กน้อย  ผนังด้านหลังเป็นจอภาพบางเฉียบขนาดใหญ่ชนิดโรงหนังยังต้องเรียกพี่ ที่มุมซ้ายขวาติดตั้งเครื่องเสียงชั้นดีไว้พร้อม บนเพดานก็ไม่น้อยหน้าเต็มไปด้วยแผงสปอตไลต์สว่างจ้าและหลอดไฟหลากสีสันขนาดใหญ่น้อยแตกต่างกัน ข้างๆ เป็นระบบคอมพิวเตอร์สร้างภาพ 3 มิติ เสมือนจริงและควบคุมอุปกรณ์ทุกอย่างในห้องนี้ ถัดออกมาอีกนิดเป็นโซฟารับแขกตัวใหญ่

ว่าแต่...

...ที่นี่มันที่ไหน

แน่นอนว่าไม่ใช่แซงค์ทัวรี่ผุๆ พังๆ อย่างที่ใช้เป็นฉากประจำแหงๆ


ในเมื่อ...ที่นี่คือ “คิโดะสตูดิโอ”

สตูดิโออเนกประสงค์อันเลิศหรูอลังการประมาณว่าเนรมิตได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะร้องคาราโอเกะ งานถ่ายแบบ แฟชั่น โฆษณา ไปจนถึงมิวสิควิดีโอ 

แล้ว...คิโดะสตูดิโอ มันมาเกี่ยวอะไรกับเหล่าเซนต์แห่งแซงค์ทัวรี่

ถ้าไม่ใช่...


“พร้อมรึยัง”

เสียงเบาๆ ของผู้หญิงคนเดียวในห้องดังขึ้น ทำเอาคนกลุ่มใหญ่ที่กำลังชุลมุนวุ่นวาย ส่งเสียงเอะอะ เอ็ดตะโรลั่นกันอยู่หน้าห้องแต่งตัวและห้องเก็บอุปกรณ์ถึงกับชะงักค้างกันไปเป็นแถบๆ ก่อนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ลงท้าย...ก็ถอนใจเฮือกอย่างปลงแล้วกับชะตากรรมที่หลีกหนีไม่พ้น

...แม้เหล่าเทพจิตผิดปรกติจะพร้อมใจกันอยู่เฉยๆ ไม่เสนอหน้าออกมาอาละวาดให้ปวดประสาทก็ดี

...แม้บัญชีเงินฝากของแซงค์จะอยู่ในสภาพคล่อง เพราะฝีมือนับแบงค์ระดับเซียนอย่างเคียวโกชิออนก็เท่านั้น

...ความฝันที่จะมีชีวิตอยู่อย่างสงบสุขเหมือนชาวบ้านอื่นเมืองอื่นเขาบ้าง มันคงจะยังห่างไกล

ในเมื่อเทพีที่เคารพเกิดจะปิ๊งไอเดียอันสุดแสนจะประเสริฐนี้ขึ้นมา ด้วยการให้เหล่าเซนต์เปิดวิหาร มีกิจการเล็กๆ เป็นของตัวเอง นัยว่าจะได้ช่วยแบ่งเบาภาระค่าเลี้ยงดู (เซนต์ยามไม่มีงานให้ทำ) กับหาทางโกยเงินเข้ากระเป๋า (ตัวเอง) ได้อีกทาง

ในเมื่อ เจ้านาย มีคำสั่งมา ลูกน้อง จะมีปัญญาทำอะไรได้

“พร้อมแล้วก็เริ่มได้เลย” คิโดะ ซาโอริ หรือเทพีอาเธน่าที่นั่งรอนอนรอบนโซฟาจนเบื่อได้ที่ลงมือเปิดการถ่ายทำมันง่ายๆ เพราะยิ่งอยู่นานจะยิ่งเปลืองน้ำ เปลืองไฟ เปลืองค่าอุปกรณ์ถ่ายทำเข้าไปอีก



“วิหารแอเรียส แอค~~~ชั่น”

ทัตสึมิที่นั่งกำกับอยู่หน้าระบบควบคุมอุปกรณ์รีบรับคำสั่งทันที พลางป้อนคำสั่งปรับแสง เสียง และเซตฉากข้างหลังให้เป็นสีขาว ในขณะเดียวกันแอเรียส ชิออนในชุดเสื้อกางเกงสีขาวล้วนเหมือนฉากก็กัดฟันก้าวขึ้นไปบนยกพื้นเป็นคนแรกด้วยสปิริตอันแรงกล้าของคนเป็นเคียวโก

พอกล้องแพนมาจับปุ๊บ วิญญาณนักแสดงก็เข้าสิงปั๊บทันที

เริ่มด้วยการยิ้มใส่ตาผู้ชมแบบจงใจนิดๆ ชนิดใครที่ไม่ทันได้ตั้งตัวเห็นเข้ามีสิทธิหัวใจละลายไปอยู่ปลายเท้าได้ง่ายๆ 1 ที สะบัดผมยาวสลวยให้กระจายแผ่ออกเป็นวงกลม 1 ครั้งก่อนหมุนตัวเอียงข้างแล้วคว้าขวดอะไรสักอย่างบรรจุน้ำสีเขียวข้นๆ ออกมาให้กล้องโคลสภาพชัดๆ

“มีปัญหาผมพันกัน หวีไม่ออกงั้นเหรอ นี่เลย...แชมพู ชิมอน สูตรผมหยิก มีสารสกัดจากลูกบ๊วยเค็ม มะนาวดอง และเม็ดก๋วยจี๊ที่ช่วยให้ผมหยิกฟู จัดทรงยาก กลับลื่นขึ้น หวีง่าย มีน้ำหนัก ไม่พันกัน”

“สำหรับคนผมตรง” กล้องเปลี่ยนมาจับภาพมูในชุดขาวเหมือนกันที่เดินถือขวดสีชมพูเข้ามายืนเคียงข้างชิออนแล้วยกมือสยายผมยาวไปมา “ต้อง แชมพู ชิมอน สูตรผมตรง วิตามินจากขิง ข่า ตะไคร้ และใบมะกรูด จะช่วยบำรุงผมเรียบตรงให้เงางาม เป็นประกาย นุ่มลื่น น่าสัมผัส และจัดทรงง่าย”

ทั้งชิออนและมูสะบัดผมอีกคนละทีแล้วยืนหันหลังชนกัน ต่างคนต่างถือขวดแชมพูประจำตัวไว้อย่างมาดมั่นด้วยท่าทางไม่ต่างกับนายแบบกำลังโพสต์ท่าถ่ายแฟชั่นในนิตยสารก็ไม่ปาน ตามมาด้วยเจ้าแกะกิกิที่ยื่นหน้ามาเข้ากล้องกับเขาด้วยพร้อมกระปุกขนาดย่อมในมือ

“ซื้อแชมพู ชิมอน สูตรไหนก็ได้วันนี้ ครบ 4 ขวด แลกซื้อครีมหมักผมสูตรน้ำเกลือธิเบตได้ในราคาพิเศษจนกว่าของจะหมดนะคร้าบบบบบบบ”

แกะ 3 ตัวโปรยยิ้มพิฆาตใส่กล้องอีกทีก่อนงัดหมัดเด็ดออกไปด้วยการประสานเสียง

“แล้วคุณจะรู้ ทำไมแกะถึง(ผม)สวยได้ทั้งตระกูล”


1 นาทีผ่านไป... ทั่วทั้งห้องเงียบกริบด้วยความอึ้ง ทึ่ง ตะลึงพรึงเพริศไปกับโฆษณาแชมพูสูตรตระกูลแกะที่เพิ่งถ่ายเสร็จไปแบบว่า..ทุ่มสุดตัว

3 นาทีผ่านไป... ขบวนการแกะๆ ยังคงโพสต์ท่าค้างไว้ ไม่ยอมขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวอะไรซะที แต่สีหน้านี่บอกชัดว่า...พวกตูเมื่อยแล้วนะเฟ้ย!

จนกระทั่ง....

“คัท ดีมากเลย” เสียงอาเธน่าที่เพิ่งหาลิ้นเจอเป็นคนแรกดังขึ้นพร้อมตบมือแปะๆ “ต่อเลย อย่าเสียเวลา”

พอพวกแกะๆ ยกขบวนกันออกไป ซิลเวอร์เซนต์ที่โดนเกณฑ์มาเป็นเบ๊ใช้แรงงานก็ช่วยกันยกโต๊ะตัวใหญ่ออกมาตั้งกลางยกพื้นพร้อมถาดใส่ถ้วยขนาดย่อมอีกสิบกว่าใบ ในขณะที่ทัตสึมิจัดการเพิ่มไฟอีกนิด แล้วเปลี่ยนฉากหลังเป็นทุ่งหญ้าสีเขียวขจีกว้างสุดลูกหูลูกตา

...ไม่ใช่ซะหน่อย เปลี่ยนฉากเป็น ฟาร์มวัว ต่างหาก



“วิหารทอรัส แอค~~~ชั่น”

พอเซตอุปกรณ์เรียบร้อย ทัตสึมิก็ให้สัญญาณเดินกล้อง

“ซักวันหนึ่ง เราจะโต๊~~~ เราจะโต”

พอขึ้นเวทีได้ กล้องก็จับภาพอันเดบารันที่ลงทุนใส่ชุดมาสค็อตวัวสีขาวแต้มลายสีกระดำกระด่างเพื่อความสมจริงก็ใช้การแหกปากร้องเพลงเพื่อเรียกความสนใจจากผู้ชมก่อนเป็นอันดับแรก ตามมาด้วยการยกถังบรรจุนมแบบที่ใช้ในฟาร์มถังเบ้อเริ่มขึ้นมาวางบนโต๊ะ

“นมมีประโยชน์ ทำให้ร่างกายแข็งแรง ถ้าคุณรักใคร ต้องให้คนนั้นดื่มนมตรา อันเด บอย เป็นประจำทุกวันนะครับ”

จากนั้นกล้องก็โคลสไปยังถังนมที่มีสติกเกอร์รูป อันเด บอยในชุดมาสค็อตวัวแปะไว้เป็นโลโก้พักใหญ่ โดยมีเสียงอันเดบารันพูดปาวๆ เป็นซาวด์เอฟเฟกท์ประกอบพร้อมบรรยายสรรพคุณไปด้วย

“วิธีดื่มก็ง่ายๆ แค่เทใส่ถ้วยก็ใช้ได้ ไม่ว่าร้อนหรือเย็นก็อร่อยทั้งนั้น ถ้าไม่ชอบนมจืดๆ หรือเบื่อรสชาติแบบเดิมๆ จะลองใส่อย่างอื่นเพิ่มเข้าไปด้วยก็ได้”

ว่าแล้วก็จัดการเทนมออกใส่ถ้วยหลายๆ ใบ เติมน้ำตาล น้ำหวาน ผลไม้ กาแฟไม่ก็ผงโกโก้ลงไป ปิดฝา แล้วออกแรงเขย่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จนส่วนผสมรวมเป็นเนื้อเดียวกัน

ในเวลาไม่ถึง 5 นาทีดี บนโต๊ะก็เต็มไปด้วยถ้วยใส่ของเหลวสารพัดสีที่หน้าตาออกละม้ายคล้ายโยเกิร์ตมากกว่านม ถ้าไม่เพราะบาร์เทนเดอร์ตั้งอกตั้งใจเขย่ามากเกินไปหน่อยก็ลืมตัวออกแรงหนักมือเกินไปนิด นมเลยข้นคลั่กยังกะครีม   

“เห็นมั้ยครับ” เจ้าตัวยิ้มแย้มแก้มป่องเต็มที่ด้วยความภาคภูมิใจในผลงานเมื่อกล้องย้ายกลับมาโคลสอัพใบหน้าแบบเต็มๆ อีกครั้ง ก่อนพูดประโยคเด็ดที่เตรียมไว้

“ดื่มนมไม่ยากเลย...รักใครให้ดื่มนมนะครับ”

“คัท อันเดบารัน โอเคเลย” อาเธน่าพยักหน้าหงึกหงักพลางสั่งให้พอได้

จากนั้น อันเด บอยก็ทำตามสโลแกนที่ตัวเองเพิ่งโฆษณาเสร็จไปหมาดๆ ด้วยการแจกจ่ายถ้วยนมรสต่างๆ ให้กับพลพรรค สุดที่รักของอันเด ทันที  

มู ของนายรสสตรอเบอร์รี..ของท่านชิออนรสชาเขียวนะครับ ซางะกับคาน่อนเป็นรสบลูเบอร์รี่ สองคนกินถ้วยเดียวกัน ใบใหญ่สุดที่มี 2 หูนั่นล่ะ พอดีมีถ้วยไม่พอ กินดีๆ อย่าทะเลาะกันล่ะ..ส่วนอีกถ้วยของแก..เจ้ามี่ กินคนละรสกับคามิวแค่นี้ไม่ตายหรอกน่ะ ส่วนนี่..รสธรรมดาของยัยตี้ ไม่มีน้ำตาล ไม่อ้วน กินเข้าไปให้หมด ห้ามมีปัญหา..เจ้าแช่ม แกก็เอารสธรรมดาไปเหมือนกับยัยตี้แล้วกัน ..ไอโอเรีย นายกินรสช็อกโกแลตแล้วกันนะ แต่ถ้าจะเอารสชาเย็นเหมือนของชากะก็ไปแลกกับไอโอรอสเอาเองโน่น ของปู่เป็นรสกาแฟนะครับ แล้วนี่...รสกล้วยของชูชู่ กับรสมินต์ของมิวมิว ....ครบยังเนี่ย มีใครยังไม่ได้อีกมั้ย (ก็ชั้นไงยะ – เทพีที่โลกลืม)

...ฉันรักพวกนายทุกคนนะ รู้ใช่มะ

หลังจิบนมปั่น (เขย่า) กันได้สักพัก ก็ได้เวลาถ่ายทำต่อ

ตอนนี้บนยกพื้นเปลี่ยนจากโต๊ะตัวยาวไปเป็นอ่างล้างจานขนาดใหญ่ และต้องใช้กล้อง 2 ตัว เพราะต้องถ่ายพรีเซ็นเตอร์ 2 คน ที่ไม่รู้ว่าจะของขึ้นแล้วลุกมาตีกันเองเมื่อไหร่



“วิหารคนคู่ แอค~~~ชั่น”

พอถึงคิว..คู่แฝดประจำแซงค์ในชุดผ้ากันเปื้อนสีชมพูลายคิตตี้หวานแหวว ก็ก้าวไปยืนประจำที่หลังอ่างล้างจานทันที จากนั้นหนูชุนคนสวยก็เดินยกถาดใส่ถ้วยนมเลอะๆ มาให้ คาน่อนที่เห็นชุนถือถาดมาแต่ไกลก็มือไม้กระตุกหมายจะแย่งถาดมาถือไว้เอง แต่แฝดพี่อาศัยว่าอยู่ใกล้กว่าเลยชิงตัดหน้าคว้าถาดที่ยื่นส่งมาได้ก่อน

ภาพแรกที่กล้องจับไว้ได้ทันคือ หนูชุนที่ยืนยิ้มหวานขณะส่งถาดให้ และซางะที่ยิ้มบางๆ ขณะยื่นมือออกไปรับ

...มันแสนจะได้บรรยากาศของคุณแม่บ้านที่กำลังยื่นถาดใส่ถ้วยให้คุณพ่อบ้านช่วยล้างยังไงยังงั้น

พอชุนเดินกลับออกไป คาน่อนที่อารมณ์บูดสนิทก็แย่งถาดจากมือซางะมาเทถ้วยโครมลงในอ่างล้างแบบไม่สนใจว่ามันจะแตก จะหัก จะพัง เป็นการระบายอารมณ์

เท่าที่ดู..ส่วนมากเป็นคราบนมที่กินเหลือกับรอยลิปสติก(ที่ทุกคนรู้ดีว่าของใคร)ที่ขอบถ้วย แต่ของมูนี่แล้วใหญ่ เพราะเจ้าแกะมือเปื้อนครีมบรรเทาปวดที่เอามานวดต้นคอให้อาจารย์สุดรักที่ดูท่าว่าจะสะบัดผมแรงเกินไป คอเลยเคล็ดเล็กน้อย พอถือถ้วย..รอบถ้วยเลยเลอะเทอะไปหมด เท่านั้นยังไม่พอยังทำถ้วยของชิออนเลอะไปอีกใบ เพราะหวังดีอาสายกมาเก็บให้

สองแฝดหันมาประสานสายตาจิกกัดไปยังเจ้าตัวยุ่งเล็กน้อย ก่อนสะบัดหน้าพรืดไปให้ความสนใจกับกองถ้วยในอ่าง

คราวนี้กล้องเอาแต่จับภาพใบหน้าพรีเซนเตอร์เพื่อเรียกเรทติ้งไม่เลิกซะที จนซางะทนรำคาญไม่ไหวต้องรีบหยิบกระปุกลายสีฟ้าเทาขนาดเท่าฝ่ามือที่วางอยู่ข้างอ่างขึ้นมาอยู่ระดับเดียวกับใบหน้าแล้วเปิดฝาออก

“จะคราบสกปรกแค่ไหนก็ไม่หวั่น เมื่อเรามี “ครีมล้างจานเจ๊มีหนี้

เมื่อกล้องแพนลงไปจับที่มือ สง่าคุงก็พับแขนเสื้อขึ้นเล็กน้อยแล้วเริ่มต้นสาธิตวิธีใช้ทันที “แค่ใช้ฟองน้ำแตะครีมเพียงนิด..ก็ล้างความสกปรกออกหมดจด หมดปัญหากลิ่นติดจานอีกด้วย”

ขณะที่ซางะกำลังล้างถ้วยสองสามใบเป็นตัวอย่าง ก็ได้เวลาคาน่อนโฆษณาสินค้าของตัวเองบ้าง

“อีกมิติของทางเลือกใหม่ แค่ลองเปลี่ยนมาใช้ “น้ำยาล้างจานเจ๊มณี” เพียงแค่ไม่กี่หยดก็ล้างจานชามกองโตได้ใสสะอาด ไม่ต่างอะไรจากแบบครีม

น้ำยาสีฟ้าใสในขวดปั๊มสวยหรูผูกโบว์สวยปิ๊งถูกกดปื้ดดดดด...ลงบนฟองน้ำตามด้วยการลงมือล้างถ้วยบ้าง แต่เพราะนางซินประจำวิหารคนคู่ชื่อซางะ ท่าทางของน้องสาวใจร้ายจอมใช้แรงงานพี่เลยไม่ค่อยทะมัดทะแมงเท่า

“เสร็จแล้ว” ซางะที่ล้างเสร็จก่อนยิ้มอย่างมั่นใจแล้วยกถ้วยที่เป็นประกายขึ้นส่องกับแสงไฟแฟลชเพื่อพิสูจน์ความสะอาด แต่สุดท้ายก็นิ่วหน้าพลางยกมือขึ้นปาดฟองบางส่วนที่กระเด็นใส่ผมออกแล้วขยับตัวหนี

“คาน่อน ล้างดีๆ หน่อยได้มั้ย ทั้งน้ำทั้งฟองกระเด็นไปทั่วแล้ว”

“หนวกหูน่า” แฝดน้องที่ยังไม่เลิกงอนแฝดพี่แยกเขี้ยวใส่แม้ทั้งเนื้อทั้งตัวจะมีฟองเลอะเทอะติดเต็มไปหมด “ทำไมยิ่งล้างฟองมันยิ่งเยอะแบบนี้ฟะ”

“ก็นายใช้มากไป” นางซินตัวจริงบ่นพึม “อย่างนี้ใช้แบบครีมซะก็หมดเรื่อง ประหยัดกว่าด้วย” 

“ฉันชอบของฉันแบบนี้ มีอะไรมะ” เพราะอารมณ์น้อยใจที่พี่ชายเห็นน้องคนอื่นดีกว่า น้องน่อนเลยเผลอตวาดแว้ด “แล้วแบบน้ำของฉันมันไม่ประหยัดตรงไหน หา”

แล้วก็คงลืมตัวด้วยว่ากำลังล้างถ้วยอยู่ พอตวัดมือที่แช่อยู่ในอ่างขึ้นหมายจะเท้าสะเอวเตรียมก่อสงครามน้ำลายอย่างเคยก็กลับกลายเป็นว่ากวาดเอาน้ำกับฟองสะบัดใส่คนที่อยู่ข้างๆ เข้าอย่างเต็มเปา

“คุณซางะครับ” หนูชุนคนดีที่อยู่ใกล้ที่สุดคงเห็นท่าว่าสถานการณ์เริ่มเข้าขั้นโคม่า เลยรีบส่งผ้าเช็ดหน้าให้แล้วคว้าแขนคนที่พูดด้วยง่ายกว่าไว้หวังให้ใจเย็นๆ หารู้ไม่ว่านั่นเป็นการโยนระเบิดลูกโตลงกลางเวทีต่างหาก

“ก็คนใช้ใช้ไม่เป็นมันก็เปลืองน่ะสิ” ซะงะคว้าผ้าขนหนูที่ชุนส่งให้เช็ดหน้าเช็ดตาเช็ดผมก่อนยอมใช้สันติวิธีด้วยการตะเบ็งเสียงเข้าสู้แทน “ก็เห็นๆ อยู่ แค่แก้วไม่กี่ใบ ใช้น้ำยายังกับจะล้างจานทั้งงานเลี้ยง”

แม้จะจริงอย่างที่พี่สง่าพูด แต่เรื่องอะไรน้องขนุนจะยอมรับ

“ฮึ่ม...”

แล้วยิ่งเห็นเจ้าเด็กติดพี่ที่ยังไม่ยอมขยับไปไหน แถมยังจับแขนซางะไว้ไม่ยอมปล่อยให้เห็นต่อหน้าต่อหน้ามันยิ่งน่าโมโหเดือด คราวนี้น้ำกับฟองที่สะบัดออกมาอีกครั้งเลยเปลี่ยนองศาเพราะเจ้าตัวจงใจเปลี่ยนเป้าหมาย

ลงท้ายกลับเป็นซางะที่ได้เปียกอีกรอบ เพราะอาศัยความไวดันชุนไปอยู่ข้างหลังแล้วอาตัวบังไว้ได้ทัน

เท่านั้น........กรณีพิพาทระหว่างแฝดเจมินี่ก็ระเบิดตูม

“เก็บไปเลยนะ ไอน้ำยาล้างจานซังกะบ๊วยขวดเนี้ย” น้ำเสียงซางะบอกชัดว่าอารมณ์เสียสุดยอดขณะยืนตั้งท่าเตรียมแถลงไม้ตายประจำสายตระกูล “ถ้าชอบนักก็เก็บไว้อัพเกรดระเบิดกาแล็กเชี่ยนของตัวเองดีกว่า”

...อ่าว พูดงี้ก็สวยสิเพ่ แทงใจดำพอดี

“กาแล็กเชี่ยน เอ็กซ์...”

แต่พอคว้าขวดน้ำยาขึ้นมาเตรียมใช้ท่ากาแล็กเชี่ยนฯ ตามแรงยุ คาน่อนก็โดนมิโร่กับคามิวเข้ามาล็อกแขนทั้ง 2 ข้างเอาไว้ซะก่อน พร้อมกันกับที่ชิออนและมูก็เข้ามายืนประกบซางะไว้เหมือนกัน

แต่นั่นยังไม่แย่ที่สุดนะ เพราะที่แย่ที่สุดกลับเป็น...

“พอเลยนะครับทั้งสองคน” หนูชุนที่เข้าไปยืนหน้าบึ้งคั่นกลางระหว่างสองแฝดดุเสียงดัง “แต่ละคนอายุเท่าไหร่แล้วครับ ทะเลาะกันอยู่ได้ แยกกันไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเลยนะ คุณซางะไปทางซ้าย คุณคาน่อนไปทางขวาเลย”

“เอ่อ...”

รู้สึกซางะจะช็อกอึ้งไปแล้วที่โดนเด็กขึ้นเสียงใส่ เลยยอมเดินตามชิออนไปห้องแต่งตัวแต่โดยดี แต่ทางคาน่อนเหมือนจะยังไม่ยอมหมดฤทธิ์ง่ายๆ นัยน์ตาสีเขียวกับสีน้ำเงินเลยจ้องกันเขม็ง ร้อนถึงอาเธน่าต้องออกโรงห้ามทัพ เพราะทั้งสตูดิโอมีสิทธิ์กระเจิงได้ง่ายๆ ถ้าเกิดศึก กาแล็กเชียนฯปะทะเนบิวล่า เชนขึ้นมาจริงๆ

“วิหารเจมินี่พอแค่นี้” ซาโอริโบกไม้โบกมือ “ที่เหลือให้ทัตสึมิตัดต่อเทปเอา รีบทำความสะอาด แล้วถ่ายวิหารต่อไปเลย”

แค่นั้น...ทั้งชุนและคาน่อนก็สะบัดหน้ากันไปคนละทาง เดินหันหลังจากไปแบบทางใครทางมัน แต่แล้วก็มาเดินชนกันหน้าห้องแต่งตัวอีกที (ฉันจะไปหาพี่ฉัน-คาน่อน / ผมก็จะไปขอโทษคุณซางะเหมือนกัน-ชุน)



“วิหารต่อไป วิหารปูยักษ์ แอค~~~ชั่น”

ฉับพลัน..แสงไฟที่เคยสว่างจ้าในสตูดิโอก็พร้อมใจกันดับพรึ่บ...มีเพียงประกายแสงสีขาวบาดตาคล้ายฟ้าแลบแปลบปลาบเป็นระยะกับแสงริบหรี่ของเทียนไขเล่มเล็กๆ จากมุมห้องที่ช่วยให้พอมองเห็นทุกสิ่งรอบตัวเป็นเงาตะคุ่มๆ เสียงดนตรีแผ่วโหยดังคลอเบาๆ แทรกอยู่ในทุกอณูของบรรยากาศอันชวนหายใจไม่ออก ทันใดนั้น....






“เฮ้ย! ไม่ใช่”





เสียงนายปูแช่มโวยขึ้นมาเดี่ยวๆ ท่ามกลางความมืด “ฉันจะเอาฉากประมาณ..บ้านทรายทองไม่ก็คฤหาสน์แฟนธอมไฮฟ์ ไม่ใช่บ้านผีสิงแบบเน้..วู้”

“อ้าว! เหรอ โทษที” ทัตสึมิตีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ได้เนียนสนิทแล้วรีบเปลี่ยนฉากใหม่ทันที “เห็นนายแล้วนึกว่าฉากนี้มันจะเหมาะกว่า”


เอาใหม่ๆ

“วิหารต่อไป วิหารปูยักษ์ แอค~~~ชั่น”

จากแสงไฟมืดมัวสลัวเลือนเมื่อกี้ค่อยๆ สว่างขึ้นทีละนิดทีละหน่อย เลยพอจะเห็นฉากหลังเป็นห้องรับแขกในคฤหาสน์สุดหรู แสนอลังการงานสร้างด้วยโคมแก้วระย้าขนาดใหญ่บนเพดานและเฟอร์นิเจอร์ยุคหลุยส์ครบชุด สักพักสปอตไลต์ก็สว่างจ้าจนเห็นเดธมาส์กที่หวีผมเรียบกริบ หน้ารองพื้นบางเฉียบในชุดทักซิโดสุดเท่ (แค่ชุด คนไม่เกี่ยว) กำหลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาตัวยาว พลางโพสต์ท่าที่เจ้าตัวใช้ความวิริยะอุตสาหะอยู่เป็นสัปดาห์เพื่อเลียนแบบให้เหมือนพระเอกการ์ตูนสุดฮอตให้จงได้

เดธมาส์กในมาดใหม่บรรจงยิ้มนิดๆ ก่อนยักไหล่แล้วถอดถุงมือสีขาวที่สวมอยู่ออกไปด้วยการใช้ฟันกัดไว้ที่ปลายนิ้วแล้วค่อยๆ ดึงมือออกมา จากนั้นสะบัดมือเบาๆ 1 ทีก็มีซองบางๆ ปรากฏขึ้นราวกับใช้เวทมนตร์

“ได้เวลาหยุดทำตัวโทรมๆ แล้วปฏิวัติตัวเองใหม่ให้ดูดี ด้วย....แผ่นมาส์กหน้า “ love love แช่ม ”

ว่าแล้วก็แกะซองหยิบแผ่นมาส์กบางๆ ใสๆ ที่อยู่ข้างในออกมาคลี่ให้ดูเป็นตัวอย่าง

“บอกลากับการมาสก์หน้าแบบเก่าๆ ด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดเพื่อใบหน้ากระจ่างใสด้วยคุณค่าจากเกล็ดทองคำแท้ (ที่ขูดจากชุดคลอธ) ที่ซึมซาบเข้าสู่ผิวหน้าได้มากถึง 98% รับรองใบหน้าจะขาวใส ชุ่มชื้น ลดริ้วรอยเหี่ยวย่น กระชับรูขุมขน ควบคุมความมัน เห็นผลทันใจใน 30 นาที”

เมื่อกล้องแพนไปที่โต๊ะใกล้ๆ เดธมาส์กก็หยิบแผ่นมาส์กวางคู่กับรูปเยินๆ มอมๆ แมมๆ ของตัวเองที่ถ่ายตอนอยู่ในแซงทัวรี่ เพื่อเทียบให้เห็นความแตกต่างประมาณว่าขอบฟ้าและก้นเหว จากนั้นก็รอให้กล้องเลื่อนมาจับที่ใบหน้าอีกครั้ง

love love แช่ม ของแท้ให้สังเกตโลโก้รูปปูดองในไห ที่สำคัญไม่มีตัวอย่างฟรีให้ทดลองใช้ และถึงไม่พอใจยังไงก็ไม่มีทางคืนเงินเด็ดขาด”

“คัท” อาเธน่ายิ้มกว้างอย่างถูกใจจริงๆ “สโลแกนยอดเยี่ยมมากแช่ม”


“ต่อไปเลย” ทัตสึมิที่เซตฉากใหม่เสร็จเรียบร้อยยกมือให้สัญญาณเดินกล้อง



“วิหารเลโอ แอค~~~ชั่น”

คราวนี้จัดฉากเป็นห้องครัวขนาดกะทัดรัด ผนังด้านหนึ่งเป็นเคาน์เตอร์ตัวยาววางบรรดาจาน ชาม ถ้วย ช้อนส้อม และอุปกรณ์การทำอาหารไว้พร้อม อีกด้านหนึ่งเป็นชั้นวางของขนาดใหญ่ มีอะไรต่อมิอะไรวางไว้เต็ม

พอเสียงดนตรีสบายๆ ดังขึ้น ประตูห้องข้างๆ ก็แง้มน้อยๆ จากนั้นลูกแมวลายเสือสีส้ม ตาสีเขียว ตัวขนาดกำลังน่ารักน่าฟัดก็ค่อยๆ ยื่นหน้าออกมา พอเห็นว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้นเจ้าแมวตัวร้ายก็ทำหน้าเจ้าเล่ห์แล้วจัดแจงกระโดดแผล็วขึ้นไปบนเคาน์เตอร์ก่อนใช้ขาหน้าเขี่ยถุงอะไรสักอย่างตกลงมาที่พื้น จากนั้นก็ทำมันทุกวิถีทางที่จะฉีก ตบ กัด ข่วน กระชาก ถุงให้เปิดออกอย่างเอาเป็นเอาตาย

สุดท้าย..ความพยายามก็ไม่เป็นผล หลังอดทนอยู่ได้พักใหญ่เจ้าเหมียวก็ยอมแพ้ วิ่งแจ้นกลับเข้าไปในห้องที่ออกมา กระโจนขึ้นไปบนเตียง แล้วเดินเหยียบไปย่ำมาตามตัวคนที่นอนหลับหน้าซุกหมอนอย่างมีความสุขก่อนร้องโวยวายดังลั่น

“แม้วววววววว.... เมี้ยววววววววว........แง้วววววววววว”



“อือ...”

เสียงแมวตัวโต เอ้ย ไอโอเรียที่กำลังหลับเพลินงึมงำงัวเงีย มือใหญ่คว้าตัวเจ้าเหมียวไว้แล้วปล่อยลงข้างเตียงก่อนพลิกตัวหนี แต่สัมผัสนุ่มนิ่มของเส้นขนกับปลายจมูกเปียกชื้นที่ซุกไซ้ตามใบหน้าและต้นคอจนรู้สึกจั๊กจี้ของน้องแมวจอมดื้อที่กระโดดกลับขึ้นมาบนเตียงอีกทีก็ปลุกให้ยอมลืมตาตื่นจนได้

“เออๆ ก็ได้”

ในที่สุดลูกพี่แมวที่ใส่เสื้อยืด กางเกงวอร์ม รองเท้าฟองน้ำ ในสภาพอยู่บ้านชิวๆ ก็ยอมลุกจากเตียง เดินหัวยุ่งๆ ฟูๆ เข้ามาในครัว ก้มเก็บถุงที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมาให้กล้องโคลสภาพชัดๆ

อาหารแมว “เนโกะทามะ” ทำจากเนื้อปลาอย่างดีผสมเยลลี่กุ้งสูตรคุณภาพพร้อมเพิ่มความชุ่มฉ่ำด้วยซอสปลาหมึกหอมหวาน รับรองอร่อยจนแมวติดใจ เนอะ....”

“เมี้ยว...”

พอไอโอเรียหันไปยักคิ้วให้ เจ้าเหมียวก็ร้องเสียงแหลมรับรองความถูกต้องพลางกระโดดขึ้นมาบนเคาน์เตอร์ ยกขาหน้า 2 ข้างขึ้นจับมือข้างที่ถือถุงอาหารไว้แล้วเอาหน้าถูไถไปมาเป็นการเร่งปฏิกิริยาว่า อย่าพูดมาก ไม่ก็เร็วๆ หน่อย

ไอโอเรียยิ้มให้พรรคพวกเดียวกันแล้วคว้ากระป๋องบนชั้นออกมาให้กล้องโคลสอีกที

เนโกะทามะ มีทั้งแบบซองและแบบกระป๋อง แค่ฉีกซองหรือเปิดกระป๋องเท่านั้น แมวๆ สุดที่รักของคุณก็อิ่มอร่อยได้ทุกเวลา แถมยังสะดวก ประหยัด คุ้ม”

พี่เหมียวเรียอาจจะยังสาธยายสรรพคุณอาหารแมวต่อไปตามสคริปต์ที่เขียนเอาไว้ ถ้าไม่เพราะน้องแมวความอดทนต่ำชักมีน้ำโหขึ้นมาเรื่อยๆ จากที่เอาหน้ามาถูกับมือก็อัพเกรดเพิ่มเวเวลขึ้นเป็นใช้ฟันซี่เล็กๆ งับเข้าให้ที่นิ้วอีกหลายทีเป็นการกระตุ้น เล่นเอาลูกพี่สะดุ้งโหยง รีบเปิดกระป๋องตักอาหารออกใส่ชามแทบไม่ทัน

แค่ได้กลิ่น..นัยน์ตาเจ้าเหมียวก็เป็นประกายพลางเลียปากแผล็บๆ พอชามมาวางตรงหน้าก็ก้มหน้าก้มตากินเอาๆ อย่างมีความสุข แป๊บเดียวในชามก็ไม่มีอะไรเหลือ จากนั้นก็ค่อยๆ ย้ายจากชามเดินมานัวเนียคลอเคลียออดอ้อนลูกพี่เป็นการขอบคุณที่เลี้ยงข้าว

ไอโอเรียที่ยืนยิ้มไม่หุบอุ้มเจ้าตัวแสบที่เริ่มส่งเสียงครางเบาๆ ในลำคออย่างพอใจเมื่อถูกเกาคางขึ้นมากอดไว้พลางหันหากล้องที่ซูมเข้ามาเพื่อจับภาพทั้งคู่ในระยะใกล้

“เพื่อน้องแมวสุดที่รัก เลือก “เนโกะทามะ” เท่านั้นนะครับ”

“เมี้ยว.....”


“คัท เยี่ยมมาก” อาเธน่าพยักหน้าพอใจแล้วลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย “พักชั่วโมงนึงนะทุกคน แล้วค่อยถ่ายทำกันต่อ”


“เฮ้อ...” เจ้าของกิจการอาหารแมวที่กลับเข้ามานั่งพักในห้องแต่งตัวพลางจิบน้ำเย็นพลางถอนใจเฮือกใหญ่ โล่งใจสุดๆ ที่การถ่ายทำผ่านไปอย่างราบรื่น แต่แล้วอารมณ์ดีๆ ก็มีอันสะดุดเมื่อได้ยินเสียงเจ้าคนที่เข้าคิวรอถ่ายโฆษณาเป็นรายต่อไปดังอยู่ใกล้ๆ

“เรีย...เรีย...ไอโอเรีย... ไอโอเรีย อยู่ไหน....”

“ชากะเรียกนายแน่ะ” เจ้าแมงมี่เพื่อนเลิฟที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ช่วยสะกิดบอกด้วยความหวังดี

“ใช่เมื่อไหร่” หนูเรียหน้าบูดก่อนจะสะบัดพรืด “เรียกแมวตัวนั้นต่างหาก อยู่ๆ ก็ไปเรียกมันชื่อนี้ แล้วไอแมวบ้านั่นก็ดันชอบขึ้นมาซะอีก เชอะ”

“ไอโอเรีย... โม้ะๆ ๆ ๆ ๆ เอ้ย เมี้ยวๆ ๆ ๆ ๆ ๆ มานี่มา” เสียงยั่วยวนกวนประสาทยังดังไม่ยอมเลิก จนไอโอเรียหมดปัญญาจะทำอะไรได้นอกจากนั่งหันหลังให้ไม่ต่างอะไรกับแมวงอนตัวนึง ปล่อยให้หลวงพี่คนสวยเอาชื่อตัวเองไปตั้งชื่อแมวสบายใจเฉิบ

จนใกล้หมดเวลาพักแล้วนั่นล่ะ ชากะถึงบรรจงยัดเยียด ไอโอเรีย ที่กำลังหลับปุ๋ยพร้อมกับถุงใส่อะไรสักอย่างมาให้ ตบไหล่หนาป้าบๆ สองสามทีแล้วกระซิบเบาๆ

“ฝากเจ้าหนูนี่ไว้ก่อน...ส่วนในถุงนี่ของนาย รู้มั้ย....แมวตัวโตๆ น่ะ งอนแล้วไม่น่ารักหรอกนะ”

หน้างอๆ ค่อยคลายออกนิดหน่อย...อย่างน้อยชากะก็ยังรู้ว่าเขาโกรธ

แต่แล้วอารมณ์บูดๆ ที่มีก็หายเป็นปลิดทิ้ง เมื่อเปิดถุงออกดูของที่อยู่ข้างใน

ไอโอเรียส่งยิ้มบางๆ ให้ อาหารแมว “เนโกะทามะ” สูตรสำหรับแมวโตเต็มวัย กับนม “อันเด บอย” ขวดเล็กในมือ

...ขอบใจนะ ชากะ แต่...ฉันเป็นเป็นสิงโต รู้จักมั้ยสิงโตน่ะ  ....ไม่ใช่แมวนะว้อย ! ! !




“วิหารเวอร์โก้ แอค~~~ชั่น”

ตอนนี้ ผู้ใกล้เคียงพระเจ้ามากที่สุดกำลังนั่งสวดมนต์อยู่บนบัลลังก์ดอกบัวคู่บารมี ท่ามกลางบรรยากาศนิ่งสงบ มีรัศมีแห่งธรรมส่องประกายระยิบระยับเป็นฉากหลังได้เองโดยไม่ต้องพึ่งเอฟเฟกท์ให้ยุ่งยาก

...ใครเห็นเข้ามีอันต้องอึ้ง ทึ่ง ตะลึง ไปกับความขรึม ขลัง มีพลัง ศักดิ์สิทธิ์ เต็มไปด้วยแรงศรัทธา (?)

สักพักเสียงสวดมนต์ก็ค่อยๆ เบาลงเมื่อหลวงพี่ลุกออกมายืนบนยกพื้นข้างๆ จากนั้นบัลลังก์ดอกบัวกับแสงสว่างทั้งหลายก็ค่อยๆ เลือนหายไปกลายเป็นชั้นวางของมากมายปรากฏขึ้นแทนที่

ชากะยิ้มน้อยๆ ด้วยท่าทางที่ไม่ต่างอะไรกับเวลาเริ่มต้นเทศนาสั่งสอนบรรดาสาวกในแซงค์ทัวรี่ แต่ธรรมะประจำวันนี้กลับกลายเป็น...

“อยากไปวัด อยากทำบุญให้จิตใจสงบ อยากชะล้างความทุกข์ ความโลภ ความโกรธ ความหลงออกจากใจ แต่ไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่ละล้าละลังทำอะไรไม่ถูก รับรอง... ช่าจังสังฆภัณฑ์ ช่วยคุณได้”

กล้องซูมไปยังสรรพสิ่งบนชั้นตามที่พรีเซนเตอร์ผายมือแนะนำ

“ทางร้านมีบริการทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ชุดสังฆภัณฑ์บรรจุห่อ กล่อง หรือกระป๋องขนาดต่างๆ ธูป เทียน ดอกไม้ พวงมาลัย พานดอกไม้ หมากพลู สายสิญจน์ ชุดขาว ร่ม ย่ามสะพาย ไฟฉาย ยาสามัญประจำบ้าน ตั้งแต่เกรด A ถึง F (?) มีให้เลือกสรร พร้อมผู้เชี่ยวชาญให้คำอธิบายหากงุนงง สงสัย หรือไม่เข้าใจ สนใจติดต่อ 02-xxx-xxxx ได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง นอกจากนี้.....”

หลวงพี่ช่าพยักหน้านิดๆ พลางเดินนำไปที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่มุมห้อง บนโต๊ะมีทั้งคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ มือถือ BB ครบครัน

“เพื่อความสะดวก ผู้สนใจสามารถมาเลือกซื้อสินค้าที่ร้าน สั่งทางโทรศัพท์ แฟกซ์ ติดต่อทางเฟสบุ๊ก ทวิตเตอร์ หรืออีเมลทางอินเทอร์เน็ตก็ได้ ทั้งนี้ทางร้านยังมีบริการสั่งซื้อ บรรจุ และจัดส่งสินค้าถึงบ้านแบบครบวงจร พิเศษ..ช่วงโปรโมชั่น ส่งช้ากว่า 30 นาทีลดราคา 10%

ฉับพลันก็มีเสียงดัง ติ้ด เกิดขึ้น แล้วระบบแฟ็กซ์อัตโนมัติก็เริ่มทำงานโดยการพิมพ์ใบสั่งซื้อสินค้าออกมา

หลวงพี่หยิบใบรายการมาดูนิดนึง คว้าลูกคิดมาคำนวณราคา ตวัดปากกาเขียนลงไปพร้อมเซ็นลายเซ็นตัวเองกำกับ จากนั้นจึงส่งต่อให้อิกกิที่โดนเกณฑ์แรงงานมาเป็นเด็กวัดจำเป็นด้วยท่าทางไม่ต่างอะไรจากเถ้าแก่ (เนี้ย) จอมเอาเปรียบเสี่ยวเอ้อ

“จัดของตามนี้แล้วเอาไปส่งตามที่อยู่ เก็บเงินมาให้ครบด้วยล่ะ”

“ฮึ่ม...แก....หนอย...” เพราะขัดประกาศิตจากอาเธน่าที่สั่งให้มาช่วยงานชากะไม่ได้ อิกกิที่พยายามสงบจิตสงบใจข่มอารมณ์ไม่ให้อาละวาดด้วยการนั่งก้มหน้าก้มตาจัดชุดสังฆทานใส่ถุง ถาด กล่อง กระป๋องมันไปเรื่อยๆ พอโดนบังคับใช้แรงงานโดยไม่เต็มใจเข้า ขันติที่เดิมมีอยู่เพียงน้อยนิดก็ชักเริ่มแตกกระจาย

“อ๊ะ ๆ ๆ ๆ” นายจ้างตัวร้ายกลับชี้นิ้วจิ๊กๆ ใส่หน้าลูกจ้างที่กำลังกัดฟันกรอด ตัวสั่นเทิ้ม กำหมัดแน่น ก่อนหันมาส่งยิ้มให้กล้องอีกที “เพื่อรับประกันความพึงพอใจ หากพนักงานต้อนรับหรือพนักงานส่งของพูดจาไม่สุภาพ มารยาทไม่ดี หรือไม่เต็มใจให้บริการ ติดต่อมิสคิโดะ ซาโอริ ได้ที่ 081-xxx-xxxx ได้ตลอดเวลาเช่นกัน”

กล้องค่อยๆ ซูมห่างออกมาเมื่อบัลลังก์ดอกบัวปรากฏขึ้นพร้อมแสงสว่างเป็นประกายล้อมรอบหลวงพี่อีกครั้ง

“แล้วพบกันที่ ช่าจังสังฆภัณฑ์

“คัท โอเค” อาเธน่าพยักหน้ายิ้มๆ “วิหารต่อไปเลย”


“เอ่อ...คุณชากะครับ”

พอหลวงพี่ลงจากเวที หนูชุนก็เดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าไม่ค่อยสบายใจนัก ในมือถือกระดาษแผ่นนึงไว้

“พี่อิกกิหายตัวไปแล้ว จะทำยังไงกับเจ้านี่ดีครับ”

“ขอบใจนะ”

ชากะยิ้มให้พลางรับใบสั่งสินค้าเจ้าปัญหามาถือไว้ก่อนเดินกลับไปยังห้องแต่งตัว แม้สีหน้าจะเรียบเฉยเป็นปรกติ แต่ใครจะรู้ว่าตอนนี้นัยน์ตาสีฟ้าที่ซ่อนอยู่หลังเปลือกตากำลังเป็นประกายพราวระยับ

...เป็นไปตามที่คิดไว้ ในเมื่อลูกจ้างทิ้งงานกลางคันแบบนี้ นายจ้างก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าจ้างย้อนหลังสินะ หุหุ 

...ต้องรีบรับสมัครพนักงานส่งของใหม่ ตอนนี้คงต้องใช้แรงงานสำรองที่มีอยู่ไปก่อน แน่นอน...ฟรี


“ไอโอเรียล่ะ”

ในห้องแต่งตัวมีเพียงมิโร่กำลังแต่งตัวเตรียมเข้าฉากของตัวเองอยู่ เล่นเอาชากะอึ้งไปนิด

“นั่นไง” มิโร่บุ้ยใบ้ไปทางเบาะรองนั่งใบใหญ่ริมหน้าต่างที่เจ้าเหมียวนอนหลับผึ่งแดดแสนสบาย

“ไม่ใช่ ไอโอเรีย.. ฉันหมายถึง เลโอ ไอโอเรียน่ะ”

“อ๋อ” มิโร่ขมวดคิ้วนิดๆ “ออกไปข้างนอกกับอิกกิเมื่อกี้แน่ะ ไม่รู้มีธุระอะไรเร่งด่วนเหมือนกัน ท่าทางรีบร้อนทั้งคู่เลย”

“อ้อ” ชากะพยักหน้ารับ พยายามซ่อนความมีน้ำโหไว้ภายใต้สีหน้าเรียบสนิทอย่างสุดความสามารถ

...หนอย มันน่า...ไว้กลับมาจะเล่นงานให้หนัก คอยดู



กลับมาที่สตูดิโอกันดีกว่า...

ความที่พรีเซนเตอร์โฆษณาคราวนี้เป็นโกลด์เซนต์อาวุโส ทัตสึมิเลยยอมยุ่งยากเซตฉากใหม่ให้ใกล้เคียงกับบริเวณเขาโกโรโฮให้มากที่สุด ตอนนี้ในห้องถ่ายทำเลยมีภาพจำลอง 3 มิติของน้ำตก ต้นไม้น้อยใหญ่ และเสียงน้ำไหลตกกระทบก้อนหินที่วางระเกะระกะดังแผ่วๆ เป็นดนตรีประกอบ

“วิหารไลบร้า แอค~~~ชั่น”

เปิดกล้องมา... ไลบร้า โดโก ในร่างเฒ่าชะแรแก่ชราสวมหมวกปีกกว้างก็นั่งจุมปุ๊กหลับตากอดไม้เท้าด้วยท่าทางซังกะตายอยู่บนก้อนหินขนาดใหญ่ข้างน้ำตกเหมือนเดิม ไม่ต่างจากยามปรกติ

จากนั้นทัตสึมิก็เปิดเทปที่อัดเสียงเซนต์ผู้เฒ่าไว้แล้วล่วงหน้า

“เกิดมาก็ตั้ง 200 ปีแล้ว มีทั้งสุขมีทั้งเศร้า ชีวิตก็แค่นี้ จะเอาอะไรมากมาย ทุกสิ่งได้มาแล้วก็จากไป ไม่เคยเที่ยงแท้....ไม่ช้า คนรุ่นใหม่ก็ก้าวขึ้นมาทดแทน คนรุ่นเก่าก็ค่อยๆ รอให้เวลาหมดไป...มันทั้งโศก ทั้งเศร้า ทั้งเหงา ทั้งหงอย กินอะไรก็ไม่เห็นจะอร่อย”

ระหว่างที่ปู่โดกำลังปลงอนิจจังกับชีวิต ชิริวศิษย์รักก็ยกถาดเข้ามาวางไว้ตรงหน้า กล้องโคลสเข้าไปจับภาพใกล้ๆ พอให้เห็นว่าเป็นถ้วยกระดาษขนาดใหญ่กับกระติกน้ำร้อน

พอชิริวเดินออกไป โดโกก็ยิ้มนิดๆ คว้าถ้วยกระดาษยกขึ้นให้กล้องถ่ายชัดๆ ก่อนลงมือสาธิตวิธีทำไปด้วย

“นอกจากลูกๆ หลานๆ แล้วก็มี “โดโด้โจ๊กคัพ” นี่แหละที่ช่วยให้ชีวิตคนแก่มีความสุขยิ่งขึ้น แค่ดึงฝาออก เทน้ำร้อนลงไป แล้วปิดฝาอีกครั้ง แค่ 3 นาทีก็จะได้โจ๊กแสนอร่อย กินง่าย คล่องคอ ไม่เปลืองแรง ”

พูดจบปู่ก็ก็เปิดฝาออก หยิบช้อนคนเบาๆ แล้วยกถ้วยโจ๊กอุ่นๆ ที่มีควันลอยขึ้นมาบางๆ ขึ้นดมกลิ่นหอมๆ ด้วยสีหน้าเคลิ้มฝัน จากนั้นค่อยๆ เอียงถ้วยซดโจ๊กคัพเข้าปาก กลืนช้าๆ หลับตาลงประมาณว่ามีความสุขจนแทบน้ำตาไหลพราก

สุดท้าย...พอกล้องโคลสเข้ามาจับภาพใบหน้า โดโกก็ซดโจ๊กคำโตอีกคำแล้วส่งยิ้มกว้างงงง....โชว์ฟันที่หลงเหลือเพียงไม่กี่ซี่นอกนั้นมีแต่เหงือกมาให้

“โดโด้โจ๊กคัพ รับรองความสุข (ของคนแก่) จริงๆ”

อึ้งไปทั้งห้องส่ง ขนาดอาเธน่ายังสั่งคัทไม่ออก ไม่นึกว่าปู่โดแกจะเอาจุดเด่นของตัวเองมาทำเป็นโฆษณาได้เนียนๆ ขนาดนี้

“ฮ.....ฮึก...ฮึก....ฮึก” ท่ามกลางความเงียบ เสียงกระอึกกระอักเบาๆ ของคนที่พยายามกลั้นไว้อย่างสุดความสามารถแต่ก็ทนต่อไปไม่ไหวค่อยๆ ดังขึ้นก่อนจะ....

 “ฮึก..ฮึก...ฮะ.... ฮะ.... ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ” ชิออนลงไปนั่งกดท้องหัวเราะกลิ้งขำก๊ากชนิดสะกดคำว่าเกรงใจไม่เป็นอยู่กับพื้นอย่างหมดมาด เล่นเอาปู่โดที่ยืดตัวกลับมาใช้ร่างวัยละอ่อนอีกครั้งทำหน้าหงิก

“นึกไม่ถึง นึกไม่ถึงเลยจริงๆ” เพื่อนรุ่นเดียวกันที่พยายามหายใจเข้าลึกๆ เพราะยังกลั้นหัวเราะได้ไม่สนิทดียกมือขึ้นป้ายน้ำตาป้อยๆ “ถ้าเหลือฟันมากกว่านี้จะเปลี่ยนไปทำอาหารกระป๋องแทนมั้ยน่ะ หา”

“นั่นสิครับ” เจ้าแกะมูยิ้มแหยๆ ถึงแม้จะเคารพผู้อาวุโสแต่ก็พร้อมช่วยอาจารย์ตัวเองกระหน่ำซ้ำเติมอีกที “นึกว่าปู่จะทำยารักษาโรคกระดูกพรุน เคล็ดขัดยอก ไม่ก็เทปบรรยายเทกนิคการใช้ชีวิตซะอีก”

“มิน่า..ชิริวถึงพยายามเข้าฉากให้น้อยที่สุด แถมยังพยายามก้มๆ เหมือนไม่อยากให้เห็นหน้าอีก” น่าน...เจ้าแกะกิก็เอากับเค้าด้วยอีกตัว

“เฮอะ” โดโกสะบัดหน้าใส่ “เค้าเรียกเปิดตลาดใหม่เอาใจผู้บริโภครุ่นเดอะต่างหากเฟ้ย รับรองขายดิบขายดียิ่งกว่าเทน้ำเทท่า แล้วถ้ายอดขายพุ่งกระฉูดเมื่อไหร่..พ่อจะไปขอ......”

“ขออะไร...” บรรดาเซนต์รุ่นหลานทำตาโต ลุ้นตัวโก่ง (มีแต่เจ้ามูเท่านั้นที่ยืนหน้าเครียด)

...และแล้ววันที่ท่านชิออนจะได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่มีมายาวนานเกือบ 300 ปีของปู่ก็มาถึง

“ขอ..” ปู่ชักอึกอักก่อนจะ.....


“ขอ....


“ขอ...


“ขอซื้อแชมพูชิมอนมาใช้สักลังสองลังจ้ะ”

...ถ้าเป็นแบบนี้ก็รอไปอีก 200 ปีข้างหน้าเถอะปู่โด


TBC


......................................


อ่า...ขอรับผิดทุกกรณีค่ะ ขอโทษที่หายหัวไปนาน ตอนนี้งานเยอะมาก พอเครียดกับงานก็ไม่มีมุข+บิวด์ความรู้สึกไม่ออก ทุกอย่างฝืด+แป้กไปหมด เฮ้อ....

ฟิคนี้ถ้าฝืด แป้ก ยังไงก็ขอโทษล่วงหน้าด้วย

ท่านที่รอ “ตามหาพี่ชาย” ก็รออีกนิดนะคะ คือ...ตอนนี้หมดมุข พล็อตที่วางไว้ก็ไม่ชัดเลยเขียนไม่ออก ที่แย่คือ..ต้องระวังไม่ให้เรื่องส่วนท้ายมันไปขัดกับปมทั้งหลายที่เขียนไว้แรกๆ ด้วย มันเลยพาลยุ่งไปหมด แต่จะพยายามไม่ดองนาน ถ้าคุณคนรักคลาวด์ผ่านมาอ่านเจอก็ขอให้รออีกนิดนะคะ แล้วก็ขอโทษด้วยจริงๆ

3 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ6/14/2554

    ฮามากค่ะ สินค้าเข้ากับแต่ละคนอย่างแรง เราชอบคู่แฝดสุดๆเลยค่ะ น่อนซึนหึงพี่ได้น่ารักดีส่วนหนูชุนก็ช่างขยันสุมไฟ(อย่างไม่ตั้งใจ)ยิ่งนัก ฮ่าๆ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ2/02/2555

    รอตอนต่อไปอยู่นะคะ อยากให้หนูชุนออกมากๆ หน่อย ชอบมากๆ เลยค่ะ

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ4/22/2555

    อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยย ไม่ได้อ่านตั้งนาน คิดถึงฟิคเซย่าของพี่เจสตลอดเลย ยังคงคอนเซ็ปความฮาอย่างเหนียวหนึบหนับ >< ชอบทุกสินค้าเลย โดยเฉพาะของปูแช่ม สโลแกนฮามากกกกกกก 5555 เจ๊อาธีน่าก็ยังคงเหนียวไม่บันยะบันยัง

    หนูชุนออกมาแปปเดียวแต่ก็ขโมยซีนเหมือนกันนะ น่าร้ากกกกอ่ะ >///<

    นิหน่าเอง ^^ (ปีหน้าจะจบ ป ตรีแล้วน้า ^^)

    ตอบลบ