26/7/54

FF7 (AU) advent children: Once upon a time in our memory

*** เรื่องนี้เป็น side story ควรอ่าน “ตามหาพี่ชาย” ก่อนเพื่อความเข้าใจ

Author : jes

Pairing :
เซฟจัง+คลาวด์คุง เพราะฟิคนี้มันมีกันอยู่แค่ 2 คน ^^

Disclaimer :
ตัวละครเป็นลิขสิทธิ์ของ square enix ค่ะ ไอเดียนี้เกิดขึ้นเพราะเขียนฟิคตามหาพี่ชาย ไปๆ มาๆ ชักอยากเขียนเรื่องสมัยเซฟจังกับคลาวด์คุงยังเด็กบ้าง เผื่อบางคนจะยังสงสัยว่าเซฟไปเก็บคลาวด์มาเป็นลูกกระจ๊อกประจำตัวได้ยังไง

ปล. ฟิคนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อน ตามหาพี่ชาย 14 ปีนะคะ คลาวด์คุงอายุ 3 ขวบ เซฟจังก็ 12 ปี ส่วน 3 หนุ่มผมเงินยังเป็นโคลนอยู่เลยค่ะ

Intro : เขียนตามใจอยาก เนื้อหาเลยไม่ตรงเนื้อเรื่องหลักและค่อนข้างไร้สาระ คิดว่าอ่านเอาสนุกแล้วกันนะเจ้าคะ

ฟิคนี้โบกมือลาแก๊ง 3 หนุ่มผมเงิน รับบทหนักมา 2 ฟิค ได้เวลาโดนดองเก็บบ้างแล้ว

-----------------------------------------------------------------------

เซฟิรอธลืมตาขึ้นช้าๆ.....ก่อนจะรีบหลับตาลงเพื่อซ่อนนัยน์ตาสีใบไม้ที่ฉายแววเจ็บปวด

เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง นัยน์ตาคู่นั้นก็มีแค่ความเย็นชา กร้าวกระด้าง ไม่ต่างอะไรกับหัวใจที่ว่างเปล่าและปิดตาย

ปลายเข็มแหลมค่อยๆ แทงลงไปบนผิวเนื้อบริเวณไหล่ ตัวยาใสค่อยๆ เดินเข้าสู่เส้นเลือดแล้วค่อยๆ กระจายไปทั่วร่าง ประสาทสัมผัสที่เครียดเขม็ง หัวใจที่เต้นรัวแรง ลมหายใจที่อัดแน่นจนแทบระเบิดในอก แขนขาที่แข็งจนกระตุกเกร็ง เริ่มค่อยๆ คลายออกอย่างช้าๆ แต่คงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่จึงจะอ่อนตัวลงจนกลับเป็นปรกติ เด็กหนุ่มถอนใจยาวแล้วหลับตาลงอีกทีคล้ายไม่อยากรับรู้เรื่องราวอะไรทั้งสิ้น

อาการช็อกหลังจากการเผชิญหน้ากับอันตรายสินะเสียงห้าวระคายหูของชายวัยกลางคนดังขึ้นพร้อมกับเสียงปากกาขีดเขียนลงบนกระดาษอย่างรวดเร็ว

“เขาอายุแค่ 12 ปีเองนะคะ ยังเด็กอยู่เลย” เสียงแย้งเบาๆ ของผู้หญิงดังขึ้นบ้าง คงเป็นคนเดียวกับที่ฉีดยาให้เขาเมื่อกี้และตอนนี้กำลังปลดหน้ากากออกซิเจนและสายระโยงระยางนับสิบสายที่เชื่อมต่อกับระบบคอมพิวเตอร์ออกจากร่างที่นอนอยู่บนเตียง

แต่ผลทดลองที่ได้ก็ไม่เลวนี่...เด็กอายุ 12 แต่ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีเคลียร์ไอตัวประหลาดฝูงเบ้อเร่อแบบนั้นจนเกลี้ยง อาการบาดเจ็บก็แค่รอยขีดข่วนนิดหน่อย เหลือแต่ไออาการช็อกนี่ล่ะที่ยังแก้ไม่ตกสักที  

เสียงประตูเลื่อนเปิดออกแล้วปิดลงพร้อมฝีเท้าหนักๆ ที่เดินตรงไปยังห้องทำงานของโฮโจ ....คงไปรายงานผล

สักพักมือนุ่มเย็นก็แตะลงเบาๆ ที่หน้าผาก พร้อมเสียงกระซิบแผ่วเบา เศร้าสร้อย


ขอโทษนะ ขอโทษที่ฉันช่วยอะไรเธอไม่ได้เลย


.............................................


“คฤหาสน์ชินระ”

เป็นชื่อของคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ตั้งอยู่ไกลออกไปจากชานเมืองมิดการ์หลายไมล์

ภายในแบ่งออกเป็นส่วนๆ อย่างเป็นระเบียบ ตัวตึกประกอบไปด้วยห้องพักธรรมดา ห้องรับรองสำหรับแขกพิเศษ ห้องอาหาร ห้องออกกำลังกาย หรือแม้แต่สระว่ายน้ำเหมือนบ้านพักปรกติ สนามหญ้าด้านหน้าจัดเป็นสวนหย่อมขนาดกลางที่มีต้นไม้ใหญ่น้อยร่มรื่นและดอกไม้บานสะพรั่งตลอดปี ถัดออกไปด้านข้างเป็นซุ้มไม้เลื้อยที่ปลูกไว้เป็นทางวงกตขนาดใหญ่สลับซับซ้อนแปลกตา

....ใครจะรู้...ใต้พื้นดินลึกลงไปหลายสิบฟุตของ ที่นี่จะมีความลับซุกซ่อนอยู่

แค่ลงบันไดเวียนเล็กๆ ในห้องเก็บไวน์ชั้นใต้ดินไปไม่กี่อึดใจก็จะพบลิฟท์ที่เชื่อมต่อเข้ากับห้องทดลองขนาดใหญ่ ภายในเพียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์ทดลองทางวิทยาศาสตร์ทันสมัยและเครื่องมือแพทย์ชั้นเยี่ยมครบครัน แม้จะมีนักวิจัยและทีมผู้ช่วยไม่ถึง 10 คน แต่ทุกคนล้วนผ่านการคัดเลือกมาแล้วอย่างเข้มงวด เพื่อวัตถุประสงค์เพียงอย่างเดียว คือ การสร้าง “นักรบที่สมบูรณ์แบบทุกประการ”

พื้นที่ทดลองข้างในแบ่งออกเป็นส่วนๆ ตามระดับความสำคัญ แต่แน่นอนว่า ห้องทดลองชั้นใน ถือเป็นส่วนสำคัญสูงสุด ถึงขนาดที่ว่าชินระต้องใช้ระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสุดยอดเพื่อระวังไม่ให้เกิดเหตุผิดพลาดร้ายแรงที่ไม่คาดฝันและป้องกันไม่ให้ข้อมูลการทดลองรั่วไหล

....ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้

....ก็เพราะมีสัตว์ทดลองหายาก ราคาแพงลิบอย่าง เขาอยู่ไงล่ะ

นี่คือ...เหตุผลที่ทำให้ตลอด 12 ปีที่ผ่านมา นับแต่วินาทีแรกที่เริ่มต้นชีวิตจนถึงวินาทีนี้ แม้จะได้รับรู้ความเป็นไปของโลกภายนอกผ่านสื่อต่างๆ แต่โลกอันแท้จริงที่เซฟิรอธรู้จักและได้รับอนุญาตให้อาศัยอยู่ก็มีเพียง ห้องทดลองสี่เหลี่ยมสีขาวขนาดใหญ่ที่มีข้าวของเครื่องใช้ทุกชิ้นสะอาดเอี่ยมและกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อจางๆ อวลอยู่ในทุกอณูของบรรยากาศ ผนังรอบด้านเป็นกระจกใสที่ด้านหนึ่งเป็นเมนเฟรมคอมพิวเตอร์ขนาดย่อมและเครื่องมือแพทย์มากมาย

ทุกๆ วัน รอบตัวเด็กหนุ่มจะรายล้อมไปด้วยบรรดานักวิจัยในชุดกาวน์ตัวยาวสีขาว และการทดลองสารพัดสารพันรูปแบบที่มีเขาเป็นตัวทดลองและไม่สิทธิจะปฏิเสธ


...ตลอดเวลา


...สิ่งที่รับรู้และเข้าใจจึงมีเพียง คำสั่งและ หน้าที่


...เซฟิรอธไม่เคยรู้จัก ความรัก หรือแม้จะสะกดคำๆ นั้นเป็น

 
วันนี้....ก็เหมือนทุกๆ วัน ใน ห้องทดลองวุ่นวายสับสนแต่เช้าเป็นสัญญาณบอกใบ้ว่าจะต้องมีการทดลองพิเศษ หลังจากเจาะเลือดตามที่เคยทำเป็นประจำทุกเช้า พวกนักวิจัยก็พากันเลี่ยงออกจากห้องทดลองไปรวมตัวกันอยู่ในห้องสังเกตการณ์ข้างๆ จากนั้นกระจกแผ่นบางใสแต่ความแข็งแรงไม่ต่างอะไรจากแผ่นเหล็กก็เลื่อนลงมากั้นไว้ ทิ้งให้เซฟิรอธเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ความดุร้ายระดับกลางฝูงใหญ่ที่ถูกปล่อยเข้ามา

ใบหน้าและท่าทางตกใจของพวกนักวิจัยทำให้เด็กหนุ่มชะงัก แต่เพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่มอนเตอร์แสนอันตรายจะเข้าถึงตัว เซฟิรอธก็คว้าดาบยาวที่วางอยู่มุมห้องขึ้นป้องกันแล้วเริ่มลงมือ จัดการ

...ความกลัว ดูจะเป็นความรู้สึกเดียวที่บังคับให้ร่างกายมีปฏิกิริยาตอบสนองและลุกขึ้นต่อสู้

...แต่การเรียนรู้ที่จะ กลัว นี้เอง ที่เป็นที่มาของความทรมานจากอาการช็อกหลังจากผ่านเหตุการณ์ที่แทบเอาชีวิตไม่รอดมาได้

ทุกครั้งหลังจากตวัดดาบครั้งสุดท้ายและตรวจดูจนมั่นใจว่ารอบตัวมีเพียงร่างไร้วิญญาณของมอนสเตอร์ที่นอนตายทับกันระเกะระกะเท่านั้น ร่างกายเด็กหนุ่มก็จะเริ่มมีปฏิกิริยาต่อต้านทันที และเมื่อเขาทนต่ออาการผิดปรกติเหล่านั้นไม่ไหวจนทรุดลงไปกองกับพื้นห้อง พวกผู้ช่วยวิจัยก็จะกรูกันเข้ามาให้ความช่วยเหลือตามคำสั่งที่ได้รับ เมื่อหมดหน้าที่แล้วก็ผละจากไปเงียบๆ

นอกเสียจาก....มือนุ่มเย็นที่แตะลงเบาๆ บริเวณหน้าผากคล้ายจะปลอบใจ ตามด้วยเสียงกระซิบแผ่วเบา เศร้าสร้อย


ขอโทษนะ ขอโทษที่ฉันช่วยอะไรเธอไม่ได้เลย


เจ้าของมือเป็นหญิงผู้ช่วยวิจัยตัวเล็กๆ นัยน์ตาโตสีอ่อน ผิวขาวจัด ผมสีบลอนด์ยาวขมวดรวบไว้เป็นมวยหลวมๆ กลางศีรษะ เธอคนนี้ค่อนข้างแตกต่างจากคนอื่นๆ นิดหน่อย ตรงที่ยังคอยดูแลปลอบโยนสัตว์ทดลองหลังจากที่ทดลองเสร็จแล้วเสมอ แต่....การดูแลไม่ให้สัตว์ทดลองชิงตายไปเสียก่อนจะสรุปผลทดลองได้ก็เป็นหน้าที่หนึ่งที่พวกผู้ช่วยวิจัยต้องทำอยู่แล้วนี่นะ

รอจนเสียงเปิดปิดประตูเลื่อนดังขึ้นอีกครั้ง เด็กหนุ่มจึงค่อยๆ ขยับตัวเปลี่ยนท่าเพื่อให้นอนสบายขึ้น แต่แล้วก็ขมวดคิ้วมุ่น ควานมือเข้าไปใต้หมอนใบโตหยิบอะไรสักอย่างที่แอบซุกอยู่ในนั้นออกมา

...ช็อกโกแลตชิ้นเล็กๆ สองสามชิ้นกับลูกอม

เซฟิรอธถอนใจยาว

...วันนี้เจ้าเด็กนั่น มาที่นี่สินะ

เด็กชายตัวเล็กนิดเดียว อายุคงไม่เกิน 3 ขวบ ผิวขาวจัดและผมสีบลอนด์สว่างเหมือนแม่ แต่นัยน์ตากลมโตกลับเป็นสีฟ้าสดทอประกายใสแจ๋ว

ทุกครั้งที่แม่พามาที่นี่และเขาหลับ...เจ้าเด็กตัวยุ่งจะต้องหาโอกาสปลอดคนแอบลอดช่องสำหรับส่งของตรงมุมห้องเอาขนมมาให้เขาเกือบทุกครั้ง แต่ถ้าเขาตื่นอยู่เจ้าตัวเล็กจะเอาแต่ยืนเกาะชายเสื้อกาวน์แม่ไว้ไม่ก็เกาะกระจกห้องสังเกตการณ์แล้วจ้องมองมาที่เขาไม่วางตา

...แรกๆ อยากตะโกนบอกเหลือเกินว่า เขาไม่ใช่สัตว์เลี้ยงในสวนสัตว์ ไม่จำเป็นต้องให้อาหาร แต่ไม่รู้ทำไม พอเห็นความจริงใจอันแสนจะไร้เดียงสาในลูกแก้วสีฟ้าคู่นั้นก็ต้องสลัดความคิดอันเลวร้ายทิ้งไปทุกครั้ง

เซฟิรอธมองช็อกโกแลตที่เริ่มบิดเบี้ยวผิดรูปไปบ้างกับลูกอมสีสันสดใสในมือนิ่งๆ ถอนใจยาวอีกครั้ง แล้วเอาไปวางแอบไว้ใต้ปลอกหมอนเหมือนเดิม

...แม้จะไม่กิน แต่ก็ตัดใจทิ้งไม่ลง

...คงต้องรอให้ ของขวัญ ที่ได้มาอยู่ในสภาพเละเทะเกินกว่าจะเก็บไว้ได้เสียก่อนนั่นล่ะ ถึงจะแอบทิ้งไปได้โดยไม่ให้ใครเห็น

......................................


...ใคร


...อะไร


เสียงสิ่งของกระทบกันดังกุกกักเบาๆ กับเงาที่เคลื่อนไหววูบวาบอยู่ใกล้ๆ ทำให้เปลือกตาที่หลับสนิทค่อยๆ ฝืนลืมขึ้นก่อนเคลื่อนสายตาไปมาอย่างเชื่องช้าและเลื่อนลอย แม้จะพยายามกระพริบตาถี่ๆ แต่ภาพที่ได้ก็ยังพร่าเบลอจนแทบมองไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร ที่สำคัญ...ตอนนี้เขาไม่มีเรี่ยวแรงเหลือพอจะขยับเขยื้อนร่างกายสักส่วนหรือแม้แต่จะยกนิ้วสักนิ้วขึ้นได้

เมื่อ 5 วันก่อนโฮโจที่เป็นหัวหน้าทีมวิจัยลงมากำกับการทดลองด้วยตัวเองเพราะทนไม่ไหวกับผลการทดลองที่ไม่มีอะไรคืบหน้า...เป็นเวลากว่า 3 เดือนเต็มที่แม้ระดับการพัฒนาทักษะการต่อสู้ของเซฟิรอธจะเพิ่มขึ้นจนอยู่ในระดับที่ยิ่งกว่าน่าพอใจ แต่เขายังคงมีอาการช็อกทุกครั้งหลังจากที่การทดลองต่อสู้กับมอนสเตอร์เสร็จสิ้น

นี่.....ไม่ใช่ “นักรบที่สมบูรณ์แบบทุกประการ” ตามที่โฮโจและชินระต้องการ

คราวนี้โฮโจเลือกมอนสเตอร์ระดับสูงอย่าง มังกรแดง ให้เป็นคู่มือ ผลก็คือเจ้ามังกรเคราะห์ร้ายชะตาขาดในเวลาไม่ถึง 5 นาที แต่ชัยชนะครั้งนี้แลกมาด้วยบาดแผลขนาดใหญ่ที่เกิดจากเขี้ยวพิษที่ต้นขาขวาและ...อาการช็อกหลังการต่อสู้ที่รุนแรงกว่าทุกครั้ง

3 วันต่อมาผ่านไปด้วยความทรมานแสนสาหัส ประสาทสัมผัสที่รับความรู้สึกได้ไวเกินไปบอกให้รู้ว่าร่างทั้งร่างกำลังสั่นระริกด้วยความเจ็บปวดซึ่งร้าวระบมไปทั่ว ทั้งจากพิษร้ายบางส่วนที่ยังคั่งค้างและต้องรอให้ค่อยๆ สลายไปเอง จากบาดแผลอักเสบที่บวมเป่งและมีเลือดไหลซึมออกมาเป็นระยะ และ..จากอาการช็อกรุนแรงที่ไม่เคยคุ้นแม้จะประสบอยู่บ่อยครั้ง ทั้งหมดนั่นรวมกันทำให้เซฟิรอธได้สัมผัส ความตาย อย่างใกล้ชิดมากที่สุดเป็นครั้งแรก

โชคดี...ที่เมื่อวานเด็กหนุ่มอาการดีขึ้นจนพวกนักวิจัยพากันโล่งอกและเริ่มคิดถึงการทดลองขั้นต่อไปอีกครั้ง หลังจากนั้นก็ไม่ค่อยมีใครเข้ามาป้วนเปี้ยนในห้องทดลองให้เป็นที่รบกวนการพักฟื้นของเขาบ่อยนัก

จากสติที่ยังมึนงงและการมองเห็นที่พร่าเลือน นัยน์ตาสีฟ้าสดกับเส้นผมสีบลอนด์สว่างกลับเด่นชัด เซฟิรอธผ่อนลมหายใจแล้วหลับตาลงอีกครั้ง ปล่อยให้มือเล็กๆ นุ่มๆ แตะลงที่หน้าผากก่อนจะย้ายลงมาที่ข้างแก้มคล้ายๆ จะวัดไข้

สักพักเจ้าตัวยุ่งก็เดินห่างออกไป...เซฟิรอธนิ่วหน้าเมื่อนิ้วเล็กๆ แตะลงตรงปากแผลที่ต้นขา แม้ไม่ได้เจ็บปวดอะไร แต่ความไม่พอใจกลับพลุ่งพล่านเหมือนถูกตอกย้ำความผิดพลาดของตัวเอง แต่วินาทีต่อมาทั่วทั้งร่างก็ชาวูบราวถูกราดด้วยน้ำเย็นจัด

สัมผัสนุ่มนวลของริมฝีปากเล็กๆ บางๆ ที่จรดลงมาแผ่วๆ ตามมาด้วยลมอุ่นที่เป่าผ่านเบาๆ อย่างอ่อนโยน

...หายเจ็บแล้วนะ เพี้ยง

ความทรมานที่เป็นอยู่เลือนหายไปกว่าครึ่ง กระแสอะไรสักอย่างที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนไหลปราดจากบาดแผลเข้าสู่หัวใจ จนขอบตาร้อนผ่าว


“คลาวด์ อย่าลูก...”

นัยน์ตาสีเขียวลืมขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงร้องห้าม แต่ก็ทันได้เห็นแค่ด้านหลังของหญิงสาวที่รีบอุ้มเด็กชายเดินออกไปเท่านั้น

เซฟิรอธค่อยๆ หลับตาลงอีกครั้ง

...ปล่อยความรู้สึกแปลกๆ นั่นให้อัดแน่นอยู่เต็มอก


..........................................


ปิ๊บ...ปิ๊บ.....ปี๊บบบบบบ...บ..บ.........

เสียงหวีดแหลมลากยาวของระบบคอมพิวเตอร์ที่เข้ารหัสป้องกันฉุกเฉินดังสะท้อนไปทั่วห้องทดลอง แสงไฟสีแดงของการสับเปลี่ยนไปใช้พลังงานสำรองกระพริบวูบวาบบาดตา ละอองน้ำเย็นเฉียบจากระบบป้องกันเพลิงไหม้สาดกระจายไปทั่ว ระบบไฟฟ้าถูกตัด อีกสักพักระบบระบายอากาศและระบบปรับอุณหภูมิภายในก็จะหยุดทำงานตามไปด้วย

...เมื่อครู่มีเสียงระเบิดดังสนั่นมาจากที่ไหนสักแห่งใกล้ๆ ห้องทดลอง จากนั้นระบบรักษาความปลอดภัยก็ปิดล็อคตัวเองอัตโนมัติ ส่งผลให้ภายในห้องทดลองตัดขาดการเชื่อมต่อจากทุกสิ่งภายนอก

ในความมืด...เซฟิรอธที่อยู่ในท่าระวังตัวพยายามเคลื่อนไหวให้เงียบที่สุด นัยน์ตาคมกริบกวาดมองไปรอบๆ พร้อมกับเงี่ยหูฟังเสียง มือเรียวกระชับดาบเล่มยาวแน่น เตรียมพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นด้วยอาการสงบนิ่งและเยือกเย็น...หรือจะเรียกว่า เลือดเย็น ก็คงไม่ผิด

หลังจากการต่อสู้กับมังกรแดง อาการช็อกหลังการต่อสู้ของเด็กหนุ่มก็ลดน้อยลงเรื่อยๆ จนไม่ปรากฏอาการใดๆ อีก โฮโจจึงให้เปลี่ยนวิธีการทดลองใหม่ จากการต่อสู้กับมอนสเตอร์แบบซึ่งหน้าไปเป็นการลอบซุ่มโจมตี เพื่อตรวจสอบทักษะการต่อสู้ ความว่องไว การเอาชีวิตรอด และการตัดสินใจ เพราะฉะนั้น...เป็นไปได้สูงว่าในความมืดมิดที่ห้อมล้อมอยู่ขณะนี้อาจมีฝูงสัตว์ประหลาดกระโจนเข้ามาจู่โจมได้ทุกเมื่อ

แต่...

เวลาผ่านไปแล้วเกือบ 15 นาที ทุกอย่างก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ผิดวิสัยของการทดลองที่ผ่านมาที่ไม่เคยให้เขามีเวลาเตรียมตัวเลยสักครั้ง

ฉับพลัน...รอยยิ้มเย็นเยียบก็ผุดขึ้นบนใบหน้าเฉยชาพร้อมกับการพุ่งตัวไปด้านข้างอย่างรวดเร็วแล้วกระแทกด้ามดาบในมือเข้าใส่กระจกห้องสังเกตการณ์ที่อยู่ติดกันจนแตกเป็นเสี่ยงๆ ก่อนจะสะบัดส่วนปลายเข้าใส่ เงา ของอะไรสักอย่างที่เคลื่อนไหววูบวาบอยู่ข้างใน

วินาทีนั้น...ระบบไฟสำรองก็เริ่มทำงาน แม้เป็นแค่แสงนวลเลือนลาง แต่ก็สว่างพอให้เห็นว่าเจ้าของเงาที่ตอนนี้อยู่ห่างจากปลายดาบของเขาไปไม่ถึง 1 เซนติเมตรดีก็คือเด็กชายผมบลอนด์ที่ยืนหน้าตื่น นัยน์ตาสีฟ้าเบิกกว้างจ้องตรงมาที่เขา แต่กลับไม่มีเสียงร้องเลยสักแอะ

...จากผมเผ้ายุ่งเหยิงชี้ไม่เป็นทรงกับผ้าห่มผืนเล็กที่กำแน่นในมือซ้ายทำให้รู้ว่าเจ้าตัวเล็กเพิ่งตื่นจากนอนกลางวัน คงเพราะเสียงระเบิดเมื่อกี้ ทีนี้พอตื่นมาแล้วไม่เจอใคร..ก็เลยทำอะไรไม่ถูก

เซฟิรอธลดดาบในมือลง ผ่อนลมหายใจช้าๆ เพื่อควบคุมสติ พลางนึกขอบคุณอะไรก็ตามที่ดลใจไม่ให้เขาตัดสินใจลงดาบในทันที ไม่อย่างนั้นแล้ว.....ไม่อยากจะคิด

เด็กหนุ่มหันหลังกลับ แต่แค่ออกเดินไปไม่กี่ก้าว เศษกระจกที่ยังพอเหลือติดอยู่กับกรอบประตูเลื่อนก็สะท้อนภาพเด็กชายที่ทำหน้าเหยเกก่อนจะสะอื้นออกมาด้วยความหวาดกลัว

“แม่...แม่....แม่....”

เสียงร้องเรียกหาแม่ทำให้เซฟิรอธที่เดินออกไปจนเกือบถึงบริเวณที่พักของตัวเองชะงักเท้า นิ่วหน้าด้วยความขัดใจ ก่อนตัดใจยอมเดินกลับมายืนหน้าประตูห้องสังเกตุการณ์อีกครั้ง แล้วส่งเสียงเรียก

“มานี่....”

...อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นการชดเชยความผิดที่เขาทำให้เด็กนั่นตกใจเมื่อกี้

“มานี่....เร็ว” เซฟิรอธเรียกอีกครั้งแล้วทำเสียงดุ “บอกให้มาไงล่ะ”

เท่านั้นเอง เจ้าเด็กตัวยุ่งไม่ใช่แค่สะอื้น แต่กลับปล่อยโฮออกมาชนิดเต็มเหนี่ยว จนเซฟิรอธถึงกับกุมขมับ

“โอเค โอเค” เด็กหนุ่มยอมรอมชอมด้วยการเดินเข้าไปหาก่อน ย่อตัวลงแล้วส่งมือให้ ขณะเดียวกันก็ยกมืออีกข้างขึ้นปาดหยาดน้ำตาที่ไหลพรูอาบผิวแก้มนุ่มเบาๆ “นาย...คลาวด์...ถ้าหยุดร้องไห้ เราจะไปนั่งรอแม่นายกันในห้องโน้น ตกลงมั้ย”

เสียงร้องไห้ค่อยๆ ผ่อนลง แม้จะยังติดสะอื้นอยู่บ้าง แต่คลาวด์ก็พยักหน้า ยอมยื่นมือเล็กๆ ออกมาจับมือเขาไว้อย่างกล้าๆ กลัวๆ

เซฟิรอธรู้สึกเหมือนหายใจติดขัดเล็กน้อย แต่ก็ไม่นึกใส่ใจจะหาเหตุผล ได้แต่จูงมือพาคลาวด์ออกเดินช้าๆ กลับเข้าไปในห้องทดลอง

...ในเมื่อไม่มีมอนสเตอร์ นี่ก็ไม่ใช่การทดลองตามที่เขาคิด

...เพราะฉะนั้น ต้องเกิดเหตุผิดพลาดอะไรบางอย่างที่ทำให้ระบบรักษาความปลอดภัยปิดล็อคตัวเอง ในสภาพแบบนี้ไม่ว่าใครก็ไม่มีทางจะใช้กำลังฝ่าออกไปได้

...คงต้อง “รอ” อยู่ในนี้ รอจนกระทั่งระบบจะเปิดการเชื่อมต่ออีกครั้ง


เซฟิรอธอุ้มคลาวด์ที่หยุดร้องไห้แล้วแต่ใบหน้ายังชื้นไปด้วยรอยน้ำตาขึ้นวางลงที่ปลายเตียงเบาๆ พลางคว้าทิชชูกำใหญ่ยัดใส่มืออีกฝ่าย แต่แล้วก็ต้องนิ่วหน้าอีกครั้งเมื่อปลายนิ้วแตะเข้ากับมือเล็กๆ ที่เย็นเฉียบ

ในห้องทดลองขณะนี้มีเพียงแสงไฟริบหรี่อ่อนจางที่ไม่รู้ว่าจะดับเมื่อไหร่เพียงดวงเดียว ระบบระบายอากาศกับระบบปรับอุณหภูมิหยุดทำงานไปแล้วพักใหญ่เพราะพลังงานสำรองไม่เพียงพอ อากาศข้างในจึงไม่หมุนเวียนและเริ่มอับทึบ ส่วนอุณหภูมิที่ลดต่ำลงเรื่อยๆ เมื่อรวมเข้ากับละอองน้ำจากระบบป้องกันเพลิงไหม้ก็ยิ่งทำให้อากาศชื้นและเย็นยะเยือกมากขึ้นไปอีก สำหรับคนที่ถูกฝึกมาเพื่อเป็นนักรบ สถานการณ์แบบนี้ไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร แต่กับเด็กเล็กๆ อย่างคลาวด์แล้วนับว่า “น่าเป็นห่วง”

ลงท้าย..หลังจากคลุมผ้าห่มให้กระชับตัวคลาวด์ที่เริ่มสั่นน้อยๆ เซฟิรอธก็ตัดสินใจเดินไปท้ายห้องที่มีเมนเฟรมระบบรักษาความปลอดภัยขนาดเล็กที่สามารถควบคุมและสั่งการทุกระบบในห้องทดลองใต้ดินนี้ได้ทั้งหมด แล้วรัวนิ้วออกคำสั่ง

...ตามปรกติ เมนเฟรมจะไม่ยอมรับคำสั่งจากเขา เพราะโฮโจล็อกคำสั่งไว้เป็นการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาสัตว์ทดลองคิดหนีหรือเกิดบ้าคลั่งอาละวาดขึ้นมา

...แต่ พวกนักวิจัยกลับไม่ระวังสักนิด จึงไม่แปลกที่เขาจะรู้รหัสของบางคน

....น่าจะดีกว่า ถ้าเขาจะปลดล็อกระบบบางส่วนจากข้างในแล้วพาคลาวด์ออกไป เด็กนั่นคงทนความหนาวเย็นแบบนี้ได้อีกไม่นาน...หรือไม่..ก็ต้องทำอะไรสักอย่างไม่ให้อุณหภูมิลดต่ำมากไปกว่านี้ ถ้าเพียงแต่...


เปรี๊ยะ!

กระแสไฟฟ้ากำลังไม่เบานักไหลปราดเข้าหา เซฟิรอธสะดุ้งสุดตัวแล้วทรุดลงนั่งกับพื้น รู้สึกชาที่นิ้วมือก่อนจะไล่ลามไปตามแขนจนถึงหัวไหล่ จากนั้นอาการชาก็เปลี่ยนเป็นปวดแปลบร้าวระบมไปทั้งแขน

... เมนเฟรมปฏิเสธทุกคำสั่งในสถานการณ์ไม่ปรกติตามที่คิดไว้

เด็กหนุ่มได้แต่นั่งนิ่ง พยายามอดทนกับความเจ็บปวดที่แล่นเป็นริ้วๆ ไปทั่วร่าง หากแต่แรงกระตุกเบาๆ ที่ชายเสื้อก็ทำให้เขาก้มลงมองเด็กน้อยที่ไม่รู้ว่าเข้ามานั่งอยู่ข้างตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ ดวงตาสีฟ้าคู่สวยที่เงยขึ้นมองสบเต็มไปด้วยความกังวล

“เจ็บมากมั้ย”

คลาวด์จับมือเขาไว้ก่อนจะทำหน้าเบ้เหมือนเจ้าตัวจะเจ็บเสียเอง

“เจ็บสิ”

คำที่ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยพูดเลยสักครั้งกลับหลุดออกจากปากได้อย่างง่ายดาย นัยน์ตาสีเขียวใบไม้ที่แอบซ่อนร่องรอยแห่งความคาดหวังไว้ไม่มิดจับจ้องแต่ร่างเล็กๆ ที่เอาปลายนิ้วไล้ไปตามท่อนแขนของเขาเหมือนจะค้นหาตำแหน่งที่เจ็บ สักพักก็...ค่อยๆ แตะริมฝีปากลงไปเบาๆ

...ไม่เจ็บแล้วนะ เพี้ยง

เซฟิรอธหลับตาลง..ซึมซับความอบอุ่นอันแสนนุ่มนวลตรงหน้าขณะเอื้อมแขนโอบแล้วดึงรั้งเอาร่างเล็กๆ นั้นเข้ามาหาตัว

แม้จะยังไม่เข้าใจว่าความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้นขณะนี้เรียกว่าอะไร แต่เด็กหนุ่มแน่ใจว่า...สิ่งนี้เองที่ทำให้เขาเข้มแข็งขึ้นและพร้อมจะเผชิญหน้ากับอะไรก็ตาม เพราะหลังจากที่ผ่านเหตุการณ์ร้ายๆ พวกนั้นไปได้ เขาจะยังมีคนคอยดูแลเอาใจใส่ มีช็อกโกแลตและลูกอมซ่อนอยู่ใต้หมอน หรือบางครั้งก็มีเด็กจอมป่วนที่ชอบมาป้วนๆ เปี้ยนๆ อยู่ใกล้ๆ  

.....ความปรารถนาของเขา ความสุขของเขา

ที่แท้..ก็อยู่ใกล้แค่เอื้อมแค่นี้เอง

เซฟิรอธคลายอ้อมกอดออกเล็กน้อยแล้วลืมตาขึ้นเมื่อคลาวด์เอาแต่ขยับตัวยุกยิกไม่อยู่นิ่ง ก่อนจะรู้สึกถึงผ้าห่มที่เจ้าของแบ่งให้ แม้ขนาดของผืนผ้าจะคลุมได้ไม่ถึงครึ่งตัว แต่ก็....อุ่น

“ไม่หนาวแล้วนะ” เจ้าตัวยุ่งยิ้มแฉ่ง ท่าทางจะพออกพอใจกับผลงานของตัวเองเต็มที่ก่อนจะทำตาปรือด้วยความง่วง แล้วค่อยๆ เอนตัวลงซบในอ้อมแขนอย่างว่าง่าย

“หลับซะ” เซฟิรอธกระซิบบอกร่างที่นอนหลับขดกลมอยู่บนตัก มือแข็งแรงลูบศีรษะเล็กเบาๆ แล้วพันปลายนิ้วเข้ากับเส้นผมสีบลอนด์นุ่มๆ เล่น “ฉันจะคอยปกป้องไม่ให้นายฝันร้าย”

เวลา...ผ่านไปอีกพักใหญ่ ก่อนจะมีเสียงดังมาจากอีกด้านหนึ่งของประตูและแสงไฟสว่างจ้าที่ลอดเข้ามา

หัวใจของเด็กหนุ่มเจ็บแปลบพลางกระชับร่างเล็กที่ยังหลับสนิทในอ้อมกอดแน่นขึ้น


...ความฝันของเซฟิรอธช่างแสนสั้นนัก


............................................................


นับแต่วันนั้นหญิงผมบลอนด์และเด็กชายนัยน์ตาสีฟ้าก็หายไป


...ไม่มีมือที่ลูบศีรษะอย่างอ่อนโยนเหมือนเคย


...ไม่มีช็อกโกแลตหรือลูกอมที่แอบซ่อนอยู่ใต้หมอน


...ไม่มี แม้สักคนจะคอยปลอบโยนยามได้รับบาดเจ็บ


แต่เซฟิรอธที่ก้าวพ้นความกลัวมาได้ก็ยังก้าวเดินต่อไปข้างหน้า จนในที่สุดชินระก็ได้ “นักรบที่สมบูรณ์แบบทุกประการ" ตามที่ต้องการจนได้


ตลอด 12 ปีที่ผ่านมา...

แม้จะได้ออกมาสู่โลกภายนอกในฐานะ “โซลเยอร์ที่ดีที่สุดขณะนี้และที่เคยมีมา” ของชินระ

แม้ว่าจะมีผู้คนมากมายห้อมล้อมและไม่มีใครไม่รู้จัก “เซฟิรอธ เดอะ เกรธ”


แต่...


...สิ่งที่ชายหนุ่มรับรู้และเข้าใจก็ยังคงมีเพียง คำสั่งและ หน้าที่ ไม่ต่างจากเดิม


จนกระทั่ง....วันนี้

วันที่การ์ดรุ่นใหม่ต้องมารายงานตัวเพื่อเข้าประจำการ ในบรรดาการ์ดที่ยืนตั้งแถวเรียงหน้ากระดานในสนามฝึก การ์ดตัวเล็กๆ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าคนนึงเงยหน้าขึ้นมองเขาชั่วแวบก่อนจะก้มหลบแล้วเดินเลี่ยงออกไปพร้อมกับการ์ดคนอื่นๆ

วินาทีนั้นความรู้สึกบางอย่างที่น่าจะลืมเลือนไปหมดแล้วกลับหวนคืนมา

แม้บางเบา แต่ก็แจ่มชัด

เซฟิรอธผ่อนลมหายใจช้าๆ หลับตานิ่ง ก่อนจะแย้มรอยยิ้มบางที่หาได้ยากยิ่งออกมา


...คลาวด์ เจ้าเด็กตัวยุ่งที่หายไป


...หมอนั่นกลับมาแล้ว



                                                                                                                        Fin
                                                                                                                25/07/2011


ง่า....เรื่องนี้กว่าจะเขียนเสร็จก็แทบกรี๊ดค่ะ ยากมาก..จริงๆ นะ เพราะมีเหตุการณ์ในตามหาพี่ชายเป็นตัวบังคับ ต้องคอยระวังไม่เขียนให้ผิด แล้วที่แย่ที่สุดคือ...ดันเขียนในมุมมองของเซฟจังน่ะสิ แล้วเซฟจังก็...นิ่งสนิท ยิ่งเขียนลำบากใหญ่เลย ไม่รู้ทำเซฟจังมาดหลุดไปมั่งรึเปล่า เพราะไม่รู้ว่าเซฟจังตัวเป็นๆ ตอนยังปรกติจะเป็นยังไงมั่ง เพราะไม่เคยเล่นไครซิสคอร์ (เห็นว่ามีกล่าวถึงเซฟจังตอนอยู่ที่ชินระด้วย ถ้าใครเคยเห็นก็เล่าสู่กันฟังเป็นข้อมูลปั่นฟิคต่อไปหน่อยเถอะค่ะ)

หวังว่าอ่านเรื่องนี้แล้วจะชอบกันนะคะ (ถ้าแป้กก็ต้องขอโทษด้วย) ยังไงซะทั้ง 2 คนก็ยังเด็กกันอยู่จะเขียนให้หวานเจี๊ยบมันก็จะแปลกๆ เลยได้แค่หวานปะแล่มๆ แค่นี้ ไว้เรื่องหน้าค่อยเติมน้ำตาลมากกว่านี้แล้วกัน ^^



3 ความคิดเห็น:

  1. คราวด์คุงหยุดโมเอ้สัก 2 วิจะตายมั้ย7/28/2554

    โฮะๆๆ

    ตามมาอ่านแล้วจ้า

    คลาวด์ 3ขวบ เซฟี่ 12 โอ้ยเกือบรอบ

    สรุปนายโลลิค่อนจริงๆใช่มั้ยเซฟี่ กร๊ากกกกกกกกกกกกก

    คิดภาพคลาวด์ตัวน้อย น่าร้ากกกกกกกก

    เอาช็อกโกแล็ตกับลูกอมมาให้ด้วยแต่เซฟี่ไม่กิน

    แต่ก็ยังอุตส่าห์เก็บไว้ หุหุ แอบหวั่นไหวใช่ม่ะ

    เราชอบตอนคลาวด์มาปลอบเซฟี่ตอนบาดเจ็บอยู่

    อั้ง...อ่านแล้วรู้สึกอบอุ่น ความรู้สึกที่เซฟี่ไม่เคยได้รับ

    ตอนนี้นี่เองที่แม่ของคลาวด์พาแก็งเด็กติดพี่หนีไป

    ที่ว่าโดนขังอยู่นี่ โดนขังแบบนี้เองเรอะ หุหุ

    สุดท้ายแม้จะแยกกันไปแต่ก็เจอกันจนได้

    ปล.เรากำลังเล่นอยู่นะ ไครซีสอ่ะ

    แต่ยังเล่นไม่จบ มัวแต่ดิสสิเดียอยู่

    อยากบอกว่าเซฟี่ในไครซีสอ่ะ

    น่ารักโครต เวลาอยู่กับเพื่อนแล้วยิ้มง่ายสุดๆ

    ยิ้มแบบไม่ใช่แสยะยิ้มอ่ะน่ะ แถมยังยอมปฏิเสธภารกิจ

    ที่ต้องสู้กับเจเนซิสด้วย ให้แซ็คไปทำแทน

    เพราะหวังว่าแซ็คจะพาเพื่อนทั้งสองคนของตัวเองกลับมาได้

    เรียกว่าตอนนั้นเป็นคนดีสุดๆเลย ที่มาเป็นแบบนี้ส่วนหนึ่งก็เพราะเจเนซิสแหละตัวดี

    คลาวด์ตอนนั้นก็โมเอ้มาก ไม่ซึนเหมือนตอนปัจจุบัน

    ปล2.พล่ามยาวมาก ว่าแต่เรื่องนี่เพิ่งจบอินโทรใช่มั้ย

    ปล3.อยากอ่านตอนไปส่งเด็กแล้วก็ตอนไปทำภารกิจกันสองคนอ่ะ

    ขอบคุณจ้า

    ตอบลบ
  2. ขอ3คำ ละมุนมาก!!!!

    ตอบลบ
  3. ขอ3คำ ละมุนมาก!!!!

    ตอบลบ