16/5/54

FF7 (AU) advent children: ตามหาพี่ชาย....ยยยยยยย! (P9)


Shonen ai Warning : รังสีอัลตราไวโอเล็ตรุนแรงเล็กน้อย (คิดว่านะ) แต่รับรองว่ายังปลอดภัยต่อสุขภาพ


Title : ตามหาพี่ชาย....ยยยยยยย!


Author : jes

Pairing :
ไม่มี๊...ไม่มี อีกอะแหละ

Disclaimer :
ตัวละครเป็นลิขสิทธิ์ของ square enix ค่ะ ไอเดียนี้เกิดขึ้นเพราะความเซ็งตอนฟังสัมมนา เพื่อถ่วงหนังตาไว้ไม่ให้หลับคาโต๊ะเลยขีดๆ เขียนๆ ฟิคมันแก้เบื่อ เลยได้ฟิคนี้ออกมา

Intro : เขียนตามใจอยากค่ะ เนื้อหาเลยไม่ตรงเนื้อเรื่องหลักและค่อนข้างไร้สาระ คิดว่าอ่านเอาสนุกแล้วกันนะเจ้าคะ ตามพล็อตเรื่องคราวนี้ตัวละครหลักจะเป็นฝ่ายชินระทั้งหมด เซฟจัง แซคกี้ แองจีล และเจเนซิสเลยได้มีบทกะเค้าบ้างหลังโดนเจสดองเก็บไว้ไม่เห็นหน้าค่าตาในฟิค brother เลยสักคน (เปลี่ยนมาดองบทเอริธ ทีฟ่า แบร์เร็ต และพวกพ้องคนอื่นๆ แทน -*-)  

แต่แค่อ่านชื่อเรื่องก็รู้แล้วใช่มะว่า...หนีไม่พ้นคลาวด์คุงกับแก๊ง 3 หนุ่มผมเงินตามเคย

ปล. เจสเป็นแม่ยกคลาวด์ค่ะ (หรือจะพูดให้ถูกคือ เซฟี่คลาวด์) อย่าว่าคลาวด์กันเลยนะ ถึงจะยอมรับว่าหมอนี่พึ่งไม่ค่อยได้จริงๆ ก็เหอะ!

-----------------------------------------------------------------------


แจ้งขอปรับเนื้อเรื่องนิดนึงค่ะ

เดิมจากเนื้อเรื่องตอนที่คลาวด์ไปรายงานภารกิจให้เซฟิรอธตอนเช้าก่อนพาพวกเด็กๆ ไปเที่ยว (ที่เซฟให้ยาดมกับมือถือสำรองมาน่ะค่ะ) ตอนที่เซฟยื่นมาซามุเนะให้แล้วบอกว่า

“เอาไปเช็กสภาพ แล้วคอยรับกลับมาด้วย”

ขอแก้เป็น

“เอาไปเช็กสภาพ แล้วฉันจะไปเอากลับมาเอง” นะคะ

คือ...ตอนแรกว่าจะให้คลาวด์พาเที่ยว 2 วัน เลยผูกเรื่องไว้ให้เช้าวันแรกเอาดาบไปซ่อม เช้าวันที่สองเอามาคืน แต่..เรื่องมันยืดค่ะ พอรวบให้คลาวด์ไปเที่ยววันเดียว มันก็จะไม่มีเวลาไปเอาดาบมาคืนเซฟ แล้วเซฟจะใช้แก้เผ็ดโฮโจในตอนนี้ได้ไงล่ะนั่น จะให้ใช้อาวุธอื่นมันก็ไม่ใช่เซฟ เพราะงั้น...ขอแก้เนื้อเรื่องนะคะ

......................



กว่าจะกลับมาถึงชินระก็เย็นเกือบค่ำ

พอขึ้นลิฟต์มาหยุดยืนที่หน้าห้องรองประธานฯ ประตูก็เปิดออกกว้างจากข้างในพร้อมรอยยิ้มโยยวนกวนหัวใจสไตล์เรโน่ ถ้าเป็นเวลาปรกติคงได้เปิดฉากสงครามน้ำลายระหว่างยาซูกับเรโนไปแล้ว แต่เมื่อเห็นคู่กรณีคนอื่นๆ รูฟัส เส็ง ไม่เว้นแม้แต่เซฟิรอธที่นั่งเรียงแถวกันเต็มห้องแถมยังจ้องตรงมาที่ตัวเองเป็นจุดเดียว ผู้มาใหม่ทั้ง 4 คนเลยได้แต่ทำหน้าแหยๆ แล้วก้าวเข้าไปข้างในเงียบๆ

“เอ่อ..” คลาวด์อึกอักขณะกวาดสายตาไปรอบห้อง “ขออภัยที่....”

คำพูดที่เหลือถอยกลับเข้าลำคอโดยอัตโนมัติ เมื่อนัยน์ตาสีฟ้ามองสบเข้ากับดวงตาสีเขียวเยียบเย็นที่ออกคำสั่งให้ หยุดพูดได้โดยไม่ต้องปริปาก จากนั้นนิ้วแข็งๆ ก็เอื้อมมาดึงข้อมือเล็กไว้แล้วดันให้ไปยืนอยู่ด้านหลังเก้าอี้ที่ตัวเองนั่งอยู่ ในขณะเดียวกันร่างสูงใหญ่แปลกตาที่เดิมยืนหันหหน้าเข้าหาหน้าต่างก็หมุนตัวกลับแล้วเดินตรงดิ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็วจนเสื้อกาวน์ตัวยาวสีขาวสะอาดที่สวมอยู่สะบัดพลิ้ว

....โฮโจ ! ! !

สุดยอดนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง (ฟั่นเฟือน) ในตำนานของชินระ

...ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้

“ไหน นี่ใช่มั้ย หนุ่มน้อยผมเงินที่เธอบอกว่าจะพามาให้รู้จัก แต่แล้วก็เหลวจนฉันต้องถ่อมาเองถึงที่นี่”

มือใหญ่แข็งแรงราวปลอกเหล็กคว้าหมับเข้าที่แขนของคาดาจ อีกข้างหนึ่งก็ตะครุบบ่ายาซูไว้แน่น นัยน์ตาสีดำสนิทแฝงประกายเลือดเย็นจ้องเขม็งไปที่ลอซซึ่งยืนอยู่ข้างหลัง ทำเอาเด็กหนุ่มทั้งสามใจหายวาบเพราะยังจับต้นชนปลายอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ แต่ในวินาทีถัดมาที่ตั้งสติได้ แต่ละคนก็เริ่มมีปฏิกิริยาต่อต้าน

เล็บที่ไม่ยาวนักแต่คมใช้ได้ของยาซูจิกลงไปที่ท่อนแขนภายใต้เสื้อกาวน์แล้วกระชากเต็มแรงพร้อมๆ กับคาดาจที่บิดแขนไปในทางตรงข้ามแล้วสะบัดออกรวดเร็ว เมื่อหลุดจากที่ถูกยึดตัวไว้ทั้งสองก็ย่อตัวลงต่ำเปิดทางให้ลอซสวนกลับบ้าง

“อย่านะ”

เสียงคลาวด์ร้องห้ามดังลั่นมาก่อน แต่พอจะขยับตัว ปลายมาซามุเนะก็ยื่นออกมาขวางทางข้างหน้าไว้จนเจ้าตัวจนใจที่จะเข้าไปช่วยอะไรได้

“อยู่นิ่งๆ อย่าทำอะไร...หมอนี่..ชอบลอบกัดทีเผลอ พวกเธอจะบาดเจ็บ”

ไม่รู้เพราะเป็นคำเตือนของคลาวด์ในฐานะพี่ หรือวิสัยของน้องที่ดีที่ต้องเชื่อฟังพี่ชาย คาดาจกับยาซูที่เตรียมพร้อมลงมือโจมตีต่อจากลอซชะงักกึกแล้วยอมถอยมาตั้งหลักข้างหลังพร้อมๆ กับลอซที่กระโดดหนีให้พ้นจากรัศมีมือเอื้อมถึงของโฮโจ

“โฮ่..” คนช่อบลอบกัดทีเผลอที่เอี้ยวตัวหลบหมัดขวาของลอซที่พุ่งเข้าใส่ไปได้แบบสบายๆ เหลือบตามองต้นเสียงที่ยืนหน้าบึ้งก่อนยิ้มแสยะ

“ไม่ได้ยินใครชมตรงๆ แบบนี้มานานแล้วสินะ นับแต่...ใช่...ฉันจำเธอได้ เจ้าเด็กเกะกะไร้ประโยชน์ที่ถูกลืมทิ้งไว้เมื่อ 14 ปีก่อน”

เสียงหัวเราะต่ำๆ ดังขึ้นแผ่วๆ ในลำคอเหมือนจะเยาะหยันก่อนทิ้งตัวลงเอนอิงพิงโซฟาแล้วหันไปเลิกคิ้วใส่รูฟัส

“ก็เห็นชัดๆ อยู่แล้วว่า ใช่ ยังจะถามทำไมอีก”

“อยากคอนเฟิร์มให้มั่นใจ..ก็เท่านั้น” รูฟัสถอนใจยาวแล้วยักไหล่ “ทีนี้จะเอายังไงกันดีล่ะ”

“ก็แล้วแต่สิ ดาบดีแต่ไม่เคยลับให้คมมันก็เป็นแค่ดาบทื่อๆ เล่มนึง ไม่เสียดายก็ทิ้งไป หรือคิดว่าจะเก็บเอาไว้ใช้แบบพอถูๆ ไถๆ ไปได้ก็แล้วแต่”

“นี่มันอะไร พวกนายพูดเรื่องอะไรกัน ฉันไม่รู้เรื่อง” คาดาจที่ความอดทนต่ำเป็นทุนเดิมเริ่มหัวเสียขึ้นมาบ้าง ในเมื่อฟังคนโน้นพูดนิดคนนี้พูดหน่อยแต่ไม่เข้าใจอะไรสักอย่างก็เปลี่ยนเป้าหมายเป็นพุ่งเข้าใส่รูฟัสแทน แต่อีกแค่ไม่กี่ก้าวก็จะเอื้อมมือไปขยุ้มอกเสื้อสูทสีขาวนั่นได้ เด็กหนุ่มก็ถูกเส็งที่ยืนประกบติดอยู่ข้างหลังล็อกตัวเอาไว้แน่นจนขยับเขยื้อนไม่ได้ แขนเล็กๆ ถูกกระชากไปรวบไพล่หลังไว้จนต้องสูดหายใจเข้าลึกๆ ด้วยความเจ็บ

รูฟัสยิ้มเย็นก่อนจะยกมือเสยผมด้วยท่าประจำ

“ก็กำลังช่วยเธอหา พี่ชายตัวจริงตามที่สัญญาไว้ไงล่ะ”

นัยน์ตาสีเขียว 3 คู่เบิกกว้าง ในหูได้ยินแต่คำๆ เดียวดังซ้ำๆ ไปมา


...พี่ชาย...


...ตัวจริง...


...พี่ชายตัวจริง


...หมายความว่ายังไง


“ไม่จริง”

คาดาจที่ยังโดนเส็งล็อกตัวไว้ไม่ยอมปล่อยออกแรงอาละวาดทั้งดิ้นทั้งสะบัดกรีดเสียงโวยวายดังลั่น “พี่ชายฉันอยู่นั่น พี่ที่ฉันตามหามาหลายปียืนอยู่ตรงนั้น อย่ามามั่ว”

รูฟัสวางกระดาษ 4 ใบลงบนโต๊ะรับแขกเล็กๆ ที่อยู่ตรงกลางระหว่างเก้าอี้ทุกตัว

3 ใบมีรายละเอียดเหมือนกันเปี๊ยบ แต่ใบที่ 4 ต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัด

“ดีเอ็นเอของพวกเธอ 3 คนกับของคลาวด์ สไตรฟ์”

“ไม่นะ” ยาซูที่ปราดเข้ามาคว้าเอากระดาษแต่ละใบมาวางเทียบกันอุทานเสียงแผ่วพลางหันไปหาลอซที่ตะลึงจนทรุดลงไปนั่งอึ้งกับพื้น ส่วนคาดาจก็นิ่งสนิทเหมือนปิดสวิตช์หมดฤทธิ์จะอาละวาดกะทันหันจนเส็งยอมคลายแขนที่ยึดไว้แน่นง่ายๆ แล้วปล่อยให้นั่งแหมะลงบนพื้นด้วยอีกคน


“พี่ชาย”

ลงท้ายเสียงที่สั่นสะท้าน 3 เสียงก็ประสานกันเรียกหา

...ตอนนี้เหมือนโลกทั้งโลกพลิกคว่ำ ทุกอย่างกลับตาลปัตรจนไม่รู้ว่าอะไรคือความจริงกันแน่

“คาดาจ ยาซู ลอซ” คลาวด์ที่ละล้าละลังได้แต่เรียกชื่อของแต่ละคน นัยน์ตาสีฟ้าสดสะท้อนเงาคนที่ยังนั่งเฉย มือเล็กแตะลงบนท่อนแขนแข็งแรงที่ควบคุมมาซามุเนะแล้วขอร้องเบาๆ “เก็บดาบก่อนเถอะครับ”

นัยน์ตาสีเขียวที่แข็งกระด้างอยู่เสมอวูบไหว ริมฝีปากบางเม้มแน่น แต่ก็ยังไม่ลดดาบกลับไป

“และนี่...” รูฟัสถอนใจยาว “ดีเอ็นเอของเซฟิรอธ”

กระดาษใบที่ 5 ถูกวางลงบนโต๊ะ

...รายละเอียดที่ปรากฏไม่ผิดเพี้ยนไปจากทั้ง 3 ใบที่วางอยู่ก่อนแม้แต่น้อย

“พวกเธอ 3 คนมาตามหาพี่ชายที่นี่น่ะถูกแล้ว เพียงแต่...ไม่ใช่คลาวด์ สไตรฟ์ แต่เป็น “เซฟิรอธ” ที่นั่งอยู่ตรงนั้นต่างหาก”

“โกหก เป็นไปไม่ได้ ก็แม่...แม่...” ลอซที่ตัวโตที่สุด แต่ก็ดูเหมือนจะต่อมน้ำตาตื้นที่สุดด้วย

“แม่ ? ของแบบนั้นไม่เห็นจำเป็น จริงมั้ย หืม..” โฮโจทำเสียงเยาะแล้วพยักหน้าล้อเลียนให้เซฟิรอธ “ก็แค่ตัวโคลนในแล็บทดลองที่ถูก...โทษทีฉันไม่เคยจำชื่อพวกผู้ช่วย...ขโมยออกไปเมื่อ 14 ปีก่อนก็เท่านั้น ”

นัยน์ตาสีฟ้าวาววับ มือเล็กๆ กำแน่น เมื่อดวงตาสีดำปรายมองมาแล้วยักยิ้ม

“กลับไปก่อนนะ วันนี้ขอบคุณมาก”

ก่อนที่บรรยากาศในห้องจะเข้าขั้นหมดทางเยียวยา รองประธานฯ ก็ส่งเสียงดังขัดจังหวะพลางส่งรอยยิ้มบางๆ ที่แสนจะขัดกับแววตาแข็งกร้าวให้นักวิทยาศาสตร์ “เรโนจะไปส่งที่ห้องทดลอง”

“ก็ได้” น้ำเสียงไม่ยี่หระดังขึ้นแล้วลุกยืน “ฉันก็ไม่อยากทนนั่งดูละครน้ำเน่า การพบกันของพี่น้องที่พลัดพราก มากนักหรอก”

อีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงหน้าประตูแท้ๆ แต่รู้สึกเหมือนมีลมเบาๆ พัดผ่าน โฮโจยืนนิ่งแล้วหรี่ตามองชายเสื้อด้านหลังที่ขาดเป็นริ้วกับมาซามุเนะที่ขยับเปลี่ยนทิศทางปุบปับ

“พลาดไปหน่อย คราวหน้าจะไม่ใช่แค่เสื้อ”

เซฟิรอธพูดเบาๆ ไม่หันหน้ามามองผลงานเลยด้วยซ้ำ

คลาวด์อมยิ้มน้อยๆ แบบไม่ปิดบังก่อนจะรู้สึกถึงร่างอุ่นๆ ที่โถมถลาเข้าหาพร้อมๆ กันจาก 3 ทิศทาง

“พี่ชาย ไม่จริง ไม่จริงใช่มั้ย”

“อยู่ๆ จะมามั่วว่าพวกฉัน 3 คนเป็นโคลนอะไรนั่นได้ยังไง”

“กระดาษพวกนั้นก็ไม่แน่ว่าของจริง อย่างชินระ..จะทำขึ้นมากี่ใบก็ได้...เนอะ”

เจ้าของเสียงทั้งสามจ้องเป๋งมาคล้ายจะคาดคั้นเอาคำตอบที่ตัวเองพอใจเท่านั้น เล่นเอา พี่ชาย (รึเปล่าก็ไม่รู้) พูดอะไรไม่ออก

“คือ...คือว่า”

“30 กว่าปีก่อน ชินระเริ่มพัฒนา “อาวุธมีชีวิต” มีโฮโจเป็นหัวหน้าโปรเจกท์” เสียงคนกุมความลับของชินระดังขึ้นเนิบๆ เรื่อยๆ เหมือนเล่าไปงั้นๆ แต่กลับได้รับความสนใจจากทุกคนในห้อง

“เมื่อ 15 ปีที่แล้ว โปรเจกท์ก็สร้าง นักรบที่สมบูรณ์แบบทุกประการขึ้นมาได้สำเร็จ แต่เปอร์เซนต์ที่จะสร้างนักรบคนถัดไปได้สำเร็จมีต่ำมาก ผู้บริหารตอนนั้นเลยตกลงให้ทดลองผลิตนักรบที่สมบูรณ์แบบเพียงด้านเดียว ที่น่าจะมีเปอร์เซ็นต์ความสำเร็จมากกว่าออกมาแทน โครงการระยะที่ 2 จึงเริ่มต้นขึ้นด้วยการแยกโคลนที่สมบูรณ์แบบ 1 เซลล์ออกเป็น 3 ส่วน...กำลัง ปัญญา และผู้นำ นั่นก็คือพวกเธอ 3 คน”

รูฟัสเงียบไปนิดแล้วเลิกคิ้วให้ชายหนุ่มผมเงินที่ยังนั่งทำหน้าเฉยกับหนุ่มน้อยผมบลอนด์ที่ยืนก้มหน้านิ่งอยู่ในวงล้อมของเด็กๆ ผมเงิน

“จะเล่าต่อมั้ย เธอ 2 คนก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วยนี่”

เซฟิรอธยังคงนั่งเฉย ส่วนคลาวด์ส่ายหน้า รูฟัสไหวไหล่น้อยๆ ยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้เส็งพูดบ้าง

“จากรายงานของทาส์กรุ่นที่แล้ว” เส็งเปิดแฟ้มขนาดใหญ่ในมือ “..อยู่ๆ ระบบรักษาความปลอดภัยของห้องทดลองก็ปิดล็อกตัวเองอัตโนมัติเพราะเกิดเหตุระเบิดจากการทดลองผิดพลาดขึ้น พอมีคำสั่งปลดล็อกระบบรักษาความปลอดภัยแล้วให้พวกโซลเยอร์เข้าไปสำรวจก็พบศพผู้ช่วยวิจัยเพศหญิงนอนตายจมกองเลือดอยู่ในทางเชื่อมระหว่างห้องทดลอง ในมือมีซีลบรรจุโคลนที่ถูกทำลายเสียหาย สภาพศพไม่สามารถระบุตัวตนได้ แต่โคลนในที่เกิดเหตุภายหลังตรวจสอบได้ว่าเป็นแค่โคลนที่ทดลองผิดพลาดแล้วยังไม่ได้ทำลายทิ้งเท่านั้น ทาส์กไม่ได้รับคำสั่งให้ออกตามหา เพราะผู้บริหารเปลี่ยนไปให้ความสำคัญกับการผลิตมาเทเรียมากกว่า”

“ชินระถูกแม่เธอต้มซะสุก” รูฟัสหันไปยิ้มๆ ให้คลาวด์แล้วถอนใจยาว “คิดว่า แม่เธอกับหัวขโมยคงไม่รู้จักกัน ถึงจะหลอกระบบรักษาความปลอดภัยแล้วใช้รหัสนักวิจัยที่ขโมยมาแทรกแซงระบบควบคุมอีกทีเพื่อเอาโคลนที่แบ่งตัวสำเร็จแล้วออกไปได้ แต่ก็อย่างที่รู้... ไม่รอดจากสารพัดสารพันกับดักของโฮโจ แม่เธอคงมาเจอเข้าก่อนทาส์กจะเข้ามาสำรวจเลยสวมรอยถอดเสื้อกาวน์สวมให้ศพ เอาโคลนที่ตายแล้วยัดใส่มือ ส่วนตัวเองก็เอาโคลนออกไป”

เด็กหนุ่มผมบลอนด์ยังคงก้มหน้า ลูกแก้วสีฟ้าหมองจัด ริมฝีปากเม้มแน่นจนเกือบเป็นเส้นตรง

...เป็นใครก็ต้องเสียใจ ที่คนสำคัญที่สุดในชีวิตตัดสินใจเลือกคนอื่น ..ไม่ใช่ตัวเอง

คาดาจละมือที่กอดแขนคลาวด์ไว้ หายใจเข้าลึกๆ เพื่อเดิมพันกับคำถามสุดท้าย แต่ลอซกลับเป็นฝ่ายถามตัดหน้าขึ้นมาก่อน

“ตอนนั้นพี่ชายอยู่ไหน ทำไมแม่ไม่พาพี่มาด้วย”

ทั้งๆ ที่คนตอบพยายามยิ้มแล้วแท้ๆ ไม่รู้ทำไมคนมองถึงรู้สึกว่ามันเหยเกเหมือนใกล้จะร้องไห้เต็มทน

“ติดอยู่ข้างในห้องทดลองน่ะ ออกมาไม่ได้”

...แน่แล้ว แท้จริง..พี่ชายรู้มาตลอดว่าพวกเขาเป็นใคร

...ไม่ใช่น้อง แต่เป็น...........


“วันนี้...พอแค่นี้ก่อนได้มั้ย” คาดาจก้มหน้า พยายามซ่อนน้ำตากับบังคับเสียงให้นิ่งที่สุด “ไว้พรุ่งนี้.. พรุ่งนี้ค่อยคุยต่อเถอะนะ”

ว่าแล้วก็ลุกขึ้นเดินออกไปเงียบๆ มียาซูกับลอซที่ซึมลงไปพอกันเดินตามหลัง


คล้อยหลังพวกคาดาจ รูฟัสก็ลุกขึ้นไปคุยโทรศัพท์ที่ระเบียงด้านนอก เส็งเอาแฟ้มบันทึกไปเก็บ พอในห้องไม่เหลือใคร เสียงคนที่แทบจะไม่พูดอะไรเลยก็ดังขึ้นใกล้ๆ

“ถ้าอยากคุย ก็ตามเด็กพวกนั้นไป”

คลาวด์กะพริบตาปริบเมื่อน้ำหนักจากมือใหญ่อุ่นจัดกดลงบนเส้นผมนิ่ม แม้แค่ไม่กี่วินาทีแต่ก็อุ่นวาบขึ้นมาในอกอย่างน่าประหลาด

“เดี๋ยวค่อยตามไปรายงานภารกิจของวันพรุ่งนี้ตอนค่ำๆ นะครับ”

“ไม่ต้องก็ได้ ฉันมีเรื่องคุยกับรองประธานนิดหน่อย อีกอย่าง...” สีหน้าของเซฟิรอธละมุนขึ้นเล็กน้อย “ฉันไม่มีแม่ อะไรที่ ไม่เคยมีมันน่าจะดีกว่า เคยมีแล้วกลายเป็นไม่มี เหมือนเธอกับเด็กพวกนั้น”  

คลาวด์ยิ้มกว้างพลางเดินเข้ามาด้านข้างเก้าอี้ ย่อตัวลงไปใกล้ๆ แล้วกระซิบแผ่วเบา

“ขอบคุณครับ...วันนี้คุณใจดีจริงๆ ด้วย

...กล้าพูดแค่ประโยคแรกเท่านั้นแหละ ส่วนประโยคหลัง....เก็บเป็นความลับ


..................................................................

อัพรับวันวิสาขบูชาตามสัญญาค่ะ ตอนนี้พยายามแก้ปมทั้งหลายที่ผูกไว้ในเรื่องออกไปได้เยอะ (แม้ว่าบางปมมันจะมารัดคอคนเขียนซะเองก็เหอะ) ถ้าอ่านแล้วงงหรือไม่เข้าใจตรงไหนก็คอมเมนต์บอกไว้ได้นะคะ จะได้ปรับแก้ให้อ่านรู้เรื่องขึ้น

ตอนหน้านี่จะเป็นตอนจบแล้ว (คิดว่านะ) แล้วจะแถมท้ายด้วย side story ตอนเดียวจบอีกเรื่อง

คุณคนรักคลาวด์ : แหะๆ หายเคืองยังคะ อัพตั้ง 2 ตอนแล้วน้า....



3 ความคิดเห็น:

  1. คลาวด์ผู้โมเอ้6/06/2554

    มาแย้วววววว...

    เม้นแรกกะเม้นนี้ระยะห่างกันนานมากกกกกกกกกก

    งื้อ...แป้นพิมพ์เจ๊งเพิ่งซื้อใหม่จ้า T^T

    ...................

    ความจริงเผยออกมาแล้ว

    คลาวด์จ๋าตามน้องๆไปเร็ว T^T

    ว่าแต่นายพี่ชายตัวจริงนี้ก็ยืนดูอยู่เฉยๆเลยนะ

    เราว่ายกให้คลาวด์เป็นพี่ชายตัวจริงเลยเถอะ

    แต่คงไม่ต้องถึงขนาดนั้นเพราะตอนนี้ก็จองตำแหน่งว่าที่พี่สะใภ้ไว้เเล้ว หุหุ

    รอตอนต่อไปอยู่น้า ตอนหน้าขอยายๆแบบนี้นะ หุหุ

    แล้วถ้าเรื่องนี้จบอย่าลืมเรื่องที่ว่าจะแต่งด้วยนะ

    จะรออ่านจ้า...ขอบคุณสำหรับฟิคจ้า

    ปล.รู้สึกเม้นเนื้อเรื่องสั้นไปหน่อยอย่าว่ากันน้า เม้นไปสัปงกไปจะหลับมิหลับแหล่ เม้นผิดเม้นถูก มึน...TT^TT

    ตอบลบ
  2. ชีวิตมาม่าเสียจริง....

    ตอบลบ
  3. ชีวิตมาม่าเสียจริง....

    ตอบลบ