ตอบเม้นต์ก่อน.....
คุณชิน (ไหนๆ ก็รู้ชื่อแล้ว ^^) : ก็..อะนะ อย่างที่บอกแต่แรกแล้วว่าเป็นฟิคสมัย 10 ปีที่แล้วเอามารีไรต์ ตอนนั้นอยู่ ม.ปลายได้มังคะ เลยยังมองโลกเป็นสีชมพูอยู่ อะไรๆ ในเรื่องเลยดูสดใส หวานแหววไปหมด พอมารีไรต์ก็พยายามไม่แก้พล็อต แค่ใส่เนื้อหากับเพิ่มรายละเอียดให้อ่านเข้าใจมากขึ้น (อ่านของเดิมไปบางทียังงงเลยค่ะว่าตัวเองจะเขียนอะไรแน่)
เข้าใจว่าตอนเริ่มเขียนใหม่ๆ จะพยายามหาทางให้คลาวด์คุงสามารถมีปากมีเสียงกับเซฟจังได้บ้าง ไม่ใช่หงอเป็นทหารลูกกระจ๊อกในมือท่านนายพลเหมือนต้นฉบับ แต่ก็นะ...ถึงตอนนี้ก็ยังยากจะอัพเกรดความเข้มของน้องคลาวด์ให้พอฟัดพอเหวี่ยงกับพี่เซฟได้ ก็อีกฝ่ายออกเทพซะขนาด...ยังคิดอยู่เลยว่าชะตากรรมของคลาวด์ก็คงหนีไม่พ้นเป็นลูกเจี๊ยบในกำมือเซฟไปตลอดทุกฟิคแหง
เคยเขียนฟิคแบบกลับด้านนะคะ โซลเยอร์เฟิร์สคลาสคลาวด์กับการ์ดเซฟิรอธ (666+ ทำไปได้) โดยการเอาอายุ+ความเข้มบางส่วนของเซฟโอนไปให้คลาวด์ พอบาลานซ์อิมเมจดีๆ คลาวด์จะดูเข้มแข็งขึ้น เซฟจะอ่อนลง แต่...พล็อตไปพล็อตมาเรื่องมันเหมือนลูกน้องคอยจ้องตะครุบหัวหน้าตัวเองยังไงไม่รู้ เลยเลิกเขียน
งึม... Allxคลาวด์ เหรอคะ อ่า...ฟิคนี้อาจเป็นอย่างนั้นก็ได้ (555+) ถึงพระเอกจะเป็นเซฟจัง แต่ก็ยังมีอีกหลายคนรอแย่งตำแหน่งนะ อย่างน้อยๆ ก็...แซค รูฟัส วินเซนต์ เอริธ ล่ะ แบบนี้ถือเป็น Allxคลาวด์ มั้ยนี่
...................................
Chap 3 : Cloud
“ที่นี้สินะ”
ร่างบางกวาดสายตาไปทั่ว ก่อนจะหยุดลงตรงแมนชันสูงยี่สิบห้าชั้นที่โดดเด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางกลุ่มตึกนับสิบที่กระจายตัวอยู่ทั่วไปในย่านที่พักอาศัยที่ไม่ใช่ว่าใครนึกอยากจะมาอยู่ก็จะได้อยู่ง่ายๆ
ตัวตึกออกแบบอย่างสวยงาม หรูหรา ที่สำคัญราคาไม่ธรรมดาจนคนที่เพิ่งมาจากเมืองชั้นนอกเมื่อปีที่แล้วอย่างคลาวด์ไม่อยากแม้แต่จะรับรู้ นั่นถือเป็นการป่าวประกาศฐานะทางการเงินของผู้คนที่อยู่ที่นี่ได้เป็นอย่างดี
...ที่อยู่ของ ‘เจ้านาย’ ของเขา
จริงๆ จะเรียกว่า ‘เจ้านาย’ โดยตรงก็คงไม่ใช่ แต่เป็นคนสำคัญที่กำชีวิตรวมถึงการเรียนเทอมต่อไปของเขาไว้ในมือ
...เซฟิรอธ นายแบบอันดับหนึ่งของวงการเวลานี้ เจ้าของฉายา “เทวทูตไร้หัวใจ”
...เขาเป็นแค่ ‘เด็กธรรมดา’ อายุ 17 แท้ๆ แต่ริจะข้ามขั้นไปดูแล ‘เทวทูต’ ที่อายุมากกว่าถึง 6 ปี !!!!!!
‘เธอทำได้อยู่แล้ว เชื่อสิ...ไม่มีใครหน้าไหนทนใจแข็งปฏิเสธความจริงใจของเธอได้ลง...เหมือนกับฉัน…’
ถึงวินเซนต์ที่ไม่ได้เจอกันเป็นสิบปี..แล้วบังเอิญมาเจอกันอีกทีวันที่เข้าไปรับงานกับคุณรีฟจะพูดแบบนั้น ตอนได้ยินก็เพิ่มกำลังใจได้หลายเท่าอยู่ แต่พอเอาเข้าจริงมันก็.…เฮ้อ!
‘เอาน่ะ ไม่เป็นไรหรอก...6 ปี คิดซะว่าเป็นรุ่นพี่ปีสุดท้ายที่มหาลัยแล้วกัน’
คลาวด์พึมพำในลำคอที่แห้งผาก พยายามปรับสีหน้าท่าทางให้เป็นปกติ มือเล็กกระชับกระเป๋าใส่สัมภาระใบเล็กในมือแน่นขึ้นขณะก้าวผ่านประตูใหญ่เข้าไปยังเคาท์เตอร์ที่อยู่บริเวณล็อบบี้ด้านหน้า
เอกสารแนะนำตัวจากบริษัทโมเดลลิงที่คุณรีฟเตรียมไว้ช่วยให้ผ่านล็อบบี้ไปยังลิฟท์ได้อย่างรวดเร็ว ...เร็วจนไม่ทันเตรียมตัวเตรียมใจรับมือกับปฏิกิริยาของ “เทวทูตไร้หัวใจ” ที่กำลังจะได้พบ
ไม่ถึง 5 นาทีต่อมา เด็กหนุ่มก็มายืนอยู่หน้าห้องตามที่เขียนบอกไว้ในกระดาษโน้ต
มือเล็กๆ ยื่นปลายนิ้วเย็นเฉียบออกไปแตะที่แป้นตัวเลขข้างประตูบานใหญ่แล้วแข็งใจกดรหัสผ่าน สอดคีย์การ์ดเข้าไป ก่อนจะหายใจลึกๆ ยาวๆ รวบรวมความกล้าที่มีอยู่ทั้งหมดก้าวเท้าเข้าไปข้างในห้องหลังจากได้ยินเสียงปลดล็อกดังขึ้นเบาๆ
ไฟที่โถงด้านหน้าสว่างขึ้นโดยอัตโนมัติ เมื่อมองผ่านเข้าไปข้างในจะเป็นห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ที่มีเพียงโซฟา ทีวี ยกพื้นที่ตั้งโต๊ะทานข้าวขนาดเล็ก แล้วก็ตู้ใส่เอกสารตรงมุมห้อง นอกจากนั้นแล้วก็ไม่มีอะไรอีกเลย ทำให้ดูโล่งกว้างแล้วก็เวิ้งว้างอย่างบอกไม่ถูก
...ท่าทางอีกฝ่ายจะยังไม่ตื่น
...ก็ดีเหมือนกัน
คลาวด์ลอบถอนใจเบาก่อนถอดรองเท้าวางไว้ที่ด้านหน้า แม้จะไม่มีชั้นวางรองเท้าบอกใบ้ แต่พรมหนานุ่มที่ปูทั่วห้องก็ทำให้เกรงใจจนแม้แต่เท้าเปล่าก็แทบไม่กล้าเหยียบ
ทั้งๆ ที่ตอนอยู่หน้าประตู เด็กหนุ่มจะทั้งกลัวทั้งกังวลเสียจนหัวใจแทบหยุดเต้นแท้ๆ แต่พอได้เข้ามาเห็นสภาพแมนชันที่ทุกอย่างช่างแตกต่างจากความเป็นอยู่ของนักศึกษาในหอพักของมหาวิทยาลัยลิบลับ ก็อดเดินสำรวจไปรอบๆ ด้วยความสนอกสนใจไม่ได้
ในห้องนั่งเล่นที่ให้ความรู้สึกว่าโล่งเหลือเกินนั้น มุมในสุดมีบาร์เครื่องดื่มเล็กๆ ภายในมีเหล้าหลายชนิดจนต้องย่นจมูกใส่ ใกล้ๆ กันเป็นหน้าต่างที่คงออกแบบพิเศษให้เป็นกระจกใสสูงจากพื้นจรดเพดาน ทำให้มองเห็นวิวภายนอกได้ชัดเจน ส่วนผนังอีกด้านหนึ่งเชื่อมต่อกับระเบียงเปิดโล่งด้านนอก แต่ตอนนี้ประตูกระจกที่กั้นเอาไว้ปิดล็อค
ถัดจากห้องนั่งเล่นเข้าไปเป็นห้องครัวและห้องน้ำที่แยกออกมาจากห้องนอนที่คงอยู่ด้านในสุด
ห้องนั่งเล่นว่าแย่แล้ว ในครัวยิ่งแย่หนักกว่า เพราะแทบไม่มีวี่แววใช้งาน ถึงจะมีเตาไฟฟ้า เตาอบ และไมโครเวฟรุ่นใหม่ล่าสุด แต่กลับไม่มีเครื่องครัวอะไรสักอย่าง ในตู้เย็นที่ไม่แม้จะเสียบปลั๊กว่างเปล่า ดูท่าว่า...นอกจากเมล็ดกาแฟพันธุ์ดีหลายชนิดบนชั้นวางของกับชุดเครื่องชงกาแฟและแก้วไม่กี่ใบแล้ว เจ้าของห้องคงใช้บริการรูมเซอร์วิสตลอด
...แย่ล่ะสิ
...เมื่อกี้พี่สาวคนสวยที่เคาท์เตอร์ข้างล่างบอกว่าสองสามวันนี้รูมเซอร์วิสงดให้บริการ เพราะจะมีการตรวจสอบความสะอาด
...ทำยังไงดี
หลังจากหันรีหันขวางทำอะไรไม่ถูกอยู่พักใหญ่ คลาวด์ก็ค้นตู้เก็บของแห้งเจอซุปไก่ข้นสองสามกระป๋องที่คงจะเก็บจนลืม...แต่ยังไม่หมดอายุ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แล้วก็ซองน้ำตาล เกลือ พริกไทยที่แจกพร้อมชุดอาหารบนเครื่องบินหลายสิบซองที่ใส่รวมๆ กันในถุงพลาสติกใบใหญ่ แม้จะเสียหน้านิดหน่อยที่ต้องใช้ของสำเร็จรูป..แต่จะทำไงได้ล่ะ
โชคดีอีกอย่างที่เคยทำงานพิเศษในร้านกาแฟเล็กๆ ข้างหอพัก วิธีใช้เครื่องชงที่แสนยุ่งยากจึงไม่เป็นปัญหา แค่เสียเวลานิดหน่อยเลือกเมล็ดกาแฟสองสามชนิดในปริมาณที่แตกต่างมาคั่วผสมกัน อึดใจต่อมากลิ่นกาแฟหอมกรุ่นก็โชยตลบอบอวลไปทั่ว
สักพักสัญชาติญาณก็บอกให้เขาละสายตาจากถ้วยกาแฟแล้วหันไปมองรอบๆ ชายคนหนึ่งยืนมองมาเงียบๆ อยู่ใกล้ขอบประตู
เพราะต้องตั้งสมาธิระดมสมองหาวิธีใช้ของเท่าที่มีอยู่มาดัดแปลงเป็นอาหารเช้าให้ได้ คลาวด์ไม่รู้ตัวเลยว่ามีคนยืนอยู่ตรงนั้นนานเท่าไหร่แล้ว
...ไม่ต้องเดาให้เหนื่อย เพราะตัวจริงเสียงจริงไม่ได้ต่างจากรูปที่เคยเห็นตามป้ายโฆษณาหรือในแมกกาซีนเลยสักนิด
สำหรับคลาวด์แล้ว...จะใช้คำว่า ‘มีสเน่ห์’ ก็คงไม่ผิดนัก ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าแสนจะสมบูรณ์แบบไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหรือรูปร่าง เส้นผมสีเงินยาวสะดุดตาที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีดูอ่อนนุ่มเป็นธรรมชาติ ขนตางอนยาวจนน่าอิจฉาเสริมให้ดวงตาคมกริบเป็นประกายสีเขียวเข้มจัดรับกับสันจมูกโด่งและริมฝีปากบาง รูปร่างโปร่งแต่แข็งแรงแบบคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำเมื่อรวมกับความสูงที่ต้องเงยหน้าขึ้นมองทำให้ยิ่งดูสง่าแม้จะเพิ่งตื่นนอนและอยู่ในชุดเสื้อคลุมก็ตาม
เอาเป็นว่า...สำหรับเซฟิรอธแล้ว...จะมองมุมไหนก็แตกต่างจากคนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงดึงดูดของเพศชายที่สัมผัสได้ชัดเจน
แต่บรรยากาศกดดัน อึมครึม ชวนให้หายใจไม่ออก ที่ห้อมล้อมอยู่รอบตัวนี่สิ...โอย ! ! !
... มันช่างแตกต่างจากรุ่นพี่หรือคนอายุ 23 ที่เคยรู้จักอย่างสิ้นเชิง
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปอีกเท่าไหร่ แต่ทันทีที่รู้สึกตัว หาปากหาลิ้นเจอ ร่างกายก็ขยับไปตามที่สมองร้องสั่ง หากแต่บ่าเล็กๆ กลับตกลู่แถมน้ำเสียงก็สั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุมได้
“คะ..คลาวด์.... คลาวด์ สไตรฟ์ครับ จะมาเป็นผู้ดูแลชั่วคราว ขอ..ขอความกรุณาด้วย”
ร่างสูงนิ่งงัน นัยน์ตาสีเขียวจับจ้องมาที่เขาเงียบๆ แต่ไม่ได้พูดอะไรก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป
คลาวด์จำไม่ได้ว่าพูดอะไรออกไปอีกรึเปล่า เพราะรู้สึกตัวอีกทีก็เข่าอ่อนลงไปนั่งกองกับพื้นพร้อมหัวใจที่เต้นรัวจนแทบหลุดออกมาข้างนอก
เซฟิรอธไม่พูดอะไรตามเคย เมื่อคลาวด์บอกเรื่องรูมเซอร์วิสพร้อมกับเสิร์ฟอาหารเช้าที่มีเพียงซุปไก่ข้นและกาแฟเท่านั้น ก่อนจะหลบไปนั่งเงียบๆ ตรงมุมห้อง ตาคอยมองตามเส้นผมสีเงินยาวสยายกับนิ้วเรียวยาวที่เอาแต่จับช้อนคนซุปในถ้วยไปมาอยู่อย่างนั้น
สักพักเซฟิรอธที่มองเผินๆ เหมือนคิดอะไรอยู่คนเดียวก็เริ่มตักซุปเข้าปาก คลาวด์ลอบถอนใจเบา
... ถึง เทวทูตจะ ‘ไร้หัวใจ’ แต่ก็ไม่ใช่ ‘เทวทูตใจร้าย’ สักหน่อย
... ถึงจะไม่พูดอะไรด้วยหรือถูกทำเย็นชาใส่ก็ยังดีกว่าโดนไล่ซึ่งๆ หน้าเหมือนพวกผู้ดูแลคนก่อนๆ
... แบบนี้ จะเรียกว่า ‘พอมีหวัง’ ได้มั้ยนะ
สักพักเสียงช้อนกระทบก้นถ้วยก็ดังขึ้นเบาๆ พร้อมกับสีหน้าประหลาดใจของเซฟิรอธ แต่พอเขาเดินเข้าครัวไปหยิบหม้อซุปออกมาเติมให้ อีกฝ่ายกลับผุดลุกขึ้น วางการ์ดเงินสดลงบนโต๊ะแล้วคว้ากุญแจรถจากกล่องบนตู้เอกสาร
“ฉันไม่ชอบให้ใครมายุ่งวุ่นวาย ถ้าเป็นเรื่องงานก็แล้วไป นอกนั้นก็ให้ต่างคนต่างอยู่จะดีที่สุด ...ส่วนห้องของผู้ดูแลอยู่ติดกับครัว”
เสียงบอกเรียบๆ โดยไม่หันมามองเลยสักนิดทำให้เท้าที่กำลังจะก้าวตามหยุดชะงัก นัยน์ตาสีฟ้าหม่นแสงได้แต่มองแผ่นหลังของคนที่เดินลิ่วๆ ออกจากห้องไป หัวใจที่เริ่มจะพองโตในตอนแรก ตอนนี้หดลีบแทบไม่เหลือ
หลังเก็บถ้วยกาแฟกับถ้วยซุปไปล้าง คลาวด์ก็มองไปรอบๆ ตัวแล้วถอนใจยาวอย่างคนยอมรับความจริง
แต่.....
...ในเมื่อเซฟิรอธยังไม่ได้ไล่เขาออกอย่างเป็นทางการ
...ก็ลองทำอะไรกับห้องที่แสนจะว่างเปล่านี่ดูแล้วกัน
...ถึงจะได้ทำงานแค่วันเดียว ก็อย่าให้ใครว่าเอาได้ว่า ‘ไม่ได้เรื่องแล้วยังขี้เกียจ’
“ทำอะไรน่ะ”
คนที่กำลังก้มๆ เงยๆ ผูกโครงลวดของรางใส่กระถางต้นไม้ที่เพิ่งซื้อมาอยู่บนแนวคอนกรีตแคบๆ ใต้ระเบียงแมนชันชั้นยี่สิบห้าสะดุ้งสุดตัวแล้วเงยหน้าขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงตะโกนลั่นๆ จากข้างบนระเบียง สูงขึ้นไปใบหน้าของเซฟิรอธที่ชะโงกลงมาจนเส้นผมสีเงินถูกลมตีปลิวกระจายแสดงความตกใจ
แต่แล้ว...คำตอบที่มารวมตัวกันที่ปลายลิ้นถอยกลับเข้าลำคอโดยอัตโนมัติ พร้อมๆ กับร่างกายที่เซเอียงไปข้างหลังทั้งตัว... วินาทีที่สมองไม่สั่งการไม่รับรู้อะไรสักอย่าง...แรงกระตุกแรงจนเจ็บหนึบที่หัวไหล่ขวาก็ช่วยเรียกสติกลับมา จากนั้นกระแสอะไรสักอย่างก็แล่นปราดจากศีรษะลงมาปลายเท้าจนร่างกายสั่นสะท้าน
"มองฉัน อย่ามองข้างล่าง" เซฟิรอธที่คว้าแขนขวาของเขาไว้ได้ส่งเสียงแข่งกับเสียงลมที่พัดเข้ามาปะทะจนหูอื้อ “ไม่เป็นไร ตั้งสติหน่อย พยายามทรงตัวไว้”
ใจชื้นขึ้นนิดนึงว่าพอมีหลักยึด แขนขาที่อ่อนแรงก็พอจะขยับได้บ้าง ขนาดตัวที่ค่อนข้างเล็กบางและแรงลมที่พัดเข้าหาตัวตึกช่วยให้ประคองตัวได้ง่ายขึ้น ไม่นาน..คลาวด์ก็ทรงตัวบนแนวคอนกรีตได้
“ดีมาก” น้ำเสียงนิ่งสนิทของคนที่อยู่บนระเบียงดังต่อมาเรื่อยๆ “ค่อยๆ ขยับมาทางขวาอีกนิด แข็งใจหน่อย เอาล่ะ...ดี...ค่อยๆ ยืดตัวขึ้น ดีมาก อย่างนั้นแหละ”
จังหวะที่ค่อยๆ ยืดตัวขึ้น ท่อนแขนแข็งแรงก็โอบเข้าที่แผ่นหลัง อีกข้างเอื้อมลงไปโอบรอบเอวแล้วกระชากตัวลอยข้ามราวระเบียงขึ้นมา รู้สึกตัวอีกทีทั้งสองคนก็ลงไปกลิ้งกับพื้น
“โอเค ไม่เป็นไร ปลอดภัยแล้ว ยืนไหวไหม หืม...”” เซฟิรอธค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกช้าๆ เสยเส้นผมสีเงินที่กระจายกระจุยรุ่ยร่ายออกจากใบหน้าแล้วพยุงตัวเองและร่างเล็กๆ ที่ยังคงสั่นสะท้านในอ้อมแขนหลวมๆ ให้ลุกขึ้นนั่ง
ริมฝีปากปากสีซีดสั่นระริกจนยากจะบังคับให้มีเสียงเล็ดลอดออกมาเลยได้แต่เงยหน้าขึ้นจ้องลึกเข้าไปในนัยน์ตาสีใบไม้ที่ก้มลงมองสบ ระบายความกลัว ความโกรธ ความตกใจ เสียใจ ที่ผสมกันปนเปจนแยกไม่ออกว่ารู้สึกยังไงกันแน่ให้คนตรงหน้ารับรู้ นี่ถ้าแขนขาไม่อ่อนยวบจนขยับไม่ได้คงมีการระเบิดอารมณ์ทำร้ายร่างกายอีกฝ่ายกันบ้าง
แต่...คงเป็นเพราะ หนึ่ง...ใบหน้าที่อยู่ห่างกันแค่คืบ จนรู้สึกถึงลมหายใจของกันละกัน สอง...ประกายตาสีใบไม้ที่อ่อนไหวเป็นกังวลตอนนี้สามารถละลายภาพแววตาเย็นชาในความทรงจำเมื่อเช้าได้หมด และสาม...ร่างกายของมนุษย์ช่าง..อุ่น
คลาวด์ก้มหน้าหลบตา ยกแขนเล็กๆ ขึ้นโอบรอบคอคนตรงหน้าแล้วซบลงกับไหล่กว้าง จากนั้นหยาดน้ำใสๆ ก็ร่วงพรู...
...รู้ทั้งรู้ว่าร้องไห้แบบนี้มัน ‘เด็ก’ เสียยิ่งกว่า ‘เด็ก’ แต่ช่างมันเถอะ...ยังไงก็ไม่มีอะไรต้องเสียอยู่แล้วนี่
สักพักก็รู้สึกว่าแขนข้างที่โอบแผ่นหลังกระชับแน่นเข้าอีก ข้างเอื้อมลงไปตวัดรองใต้สะโพกแล้วยกช้อนตัวลอยขึ้นมา จากนั้นขายาวๆ ก็ลุกขึ้นเดินกลับเข้าไปในห้องนั่งเล่น
สัมผัสของเบาะนุ่มๆ ช่วยให้สบายใจขึ้น คลาวด์คว้าหมอนอิงใบโตมากอดแล้วใช้ทิชชูที่เซฟิรอธยื่นให้เช็ดหน้า
“เธอคงตกใจเสียงฉัน” คนที่นั่งลงข้างๆ พูดเรียบๆ เหมือนยอมรับผิดพลางไล่นิ้วมือเสยเส้นผมสีบลอนด์ที่ตกลงมาระใบหน้าขึ้นให้ “แล้วลงไปทำอะไรตรงนั้น”
“ไปผูกโครงลวดของรางใส่กระถางต้นไม้ครับ เมื่อเช้าคุณบอกเองว่า ถ้าไม่ใช่เรื่องงานก็ให้ต่างคนต่างอยู่ ใครอยากทำอะไรก็ทำ”
...เซฟิรอธขมวดคิ้ว คงทึ่งกับความเพี้ยนของเขา
“หอในมหาลัยที่ผมอยู่ห้ามปลูกต้นไม้เพราะมันเปลืองที่ พอดีห้องที่คุณให้ผมอยู่อยู่ถัดจากระเบียงพอดี ทีนี้พอไปเห็นรางใส่กระถางเข้าตอนไปซื้อต้นไม้ ดอกไม้มาประดับห้องเลยอดใจซื้อมาด้วยไม่ได้ แล้ว..แล้วก็ คือ...” เริ่มต้นเล่าเรื่องช่วงแรกๆ ด้วยเสียงอ้อมๆ แอ้มๆ พิกลแล้วจึงรีบเปลี่ยนเป็นรัวเร็วช่วงท้าย มือขวารีบหยิบการ์ดเงินสดจากในกระเป๋าเสื้อวางลงบนโต๊ะตัวเล็กใกล้ๆ “ผมใช้เงินของคุณไปมากพอดู แต่ก็..ก็เพราะห้องนี้มันไม่มีของใช้จำเป็นสักอย่าง แล้วผมก็ไม่ได้เข้าไปยุ่มย่ามในห้องคุณเลย จริงๆ นะ”
เซฟิรอธไหวไหล่...ทำให้ยิ่งใจชื้น แล้วคลาวด์ที่เพิ่งนึกอะไรออกตอนนั้นก็ลุกขึ้นพรวดพราด
...เขาลืมปลากับเบค่อนในเตาอบเสียสนิท ป่านนี้คงสุกได้ที แต่ซุปผักในหม้ออาจจะเย็นไปหน่อย
สุดท้ายก็ต้องล้มคว่ำหน้าคะมำลงกับพื้นอีกหน เพราะเจ้าขาทรยศไม่ยอมออกเดินตามคำสั่ง ดีที่มีพรมผืนหนารองรับเลยไม่ค่อยเจ็บตัวเท่าไหร่ เซฟิรอธคงรำคาญสภาพของเขาเต็มทีเลยเข้าครัวไปทำแทน
มื้อเย็นผ่านไปอย่างราบรื่น เหมือนกับความรู้สึกของคลาวด์ที่กลับเป็นปรกติ ขณะกำลังเดินไปเดินมาเก็บจานชามสะอาดเข้าที่ก็ได้ยินเสียงเรียกจากคนที่นั่งเอนอิงพิงโซฟาดูทีวีสบายอยู่ในห้องนั่งเล่น
... ถ้ามีกล้อง คงถ่ายภาพนี้ไปลงปกนิตยสารได้เลยมั้งนี่
“คลาวด์”
“ครับ”
“ผู้ดูแลต้องทำอะไรบ้าง”
...เซฟิรอธจะมาไม้ไหนอีกเนี่ย
“คุณรีฟบอกแค่ว่า ทำยังไงก็ได้ให้คุณทำงานตามตารางเวลาที่กำหนดได้อย่างเป็นปรกติ”
“แล้วเธอคิดว่าไง”
นัยน์ตาสีฟ้ากะพริบปริบอย่างไม่เข้าใจคำถาม
“ก็...ดูแลบ้าน ทำอาหาร จัดการเรื่องเสื้อผ้า เช็กตารางเวลางานกับประสานงานกับทีมงานถ่ายแบบ แต่ผมไม่มีใบอนุญาตขับรถ เลยขับรถให้ไม่ได้”
“ไม่เป็นไร ฉันชอบขับรถเอง แต่เธอไม่คิดว่าทำเหมือนฉันเป็นเด็กไปหน่อยเหรอ”
... งง ! ! !
...ก็ ‘ผู้ดูแล’ ปรกติมันก็ต้องทำแบบไม่ใช่หรือไง หรือเขาเข้าใจอะไรผิด
“ก็...ผมเรียนทางหมอเด็ก” คลาวด์หัวเราะแหะๆ พลางยกมือขึ้นลูบท้ายทอยแก้เก้อ “แต่ถ้าคุณจะให้ทำอะไรเพิ่มก็บอกได้นะฮะ”
“งั้นเหรอ”
ท่าทางเซฟิรอธคงพอใจคำตอบเลยไม่ถามอะไรอีก สักพักก็เดินเข้าไปในห้องนอน
“คลาวด์”
ขณะกำลังเก็บหมอนบนโซฟาเข้าที่ เซฟิรอธก็แง้มประตูห้องนอนออกมาเรียก
“ฮะ”
“บัตรเงินสดนั่นเธอเก็บไว้เลย แล้วก็...”
“อะไรครับ”
“พรุ่งนี้ดูดฝุ่นแล้วจัดห้องให้ฉันด้วย
พอเขาพยักหน้ารับ เซฟิรอธก็ทำหน้าเคร่งแล้วเอ็ดเสียงหนักๆ
“ส่วนรางใส่กระถางต้นไม้นั่น ถ้ายังทำไม่เสร็จก็ให้โทรไปบอกผู้ดูแลแมนชันให้ส่งคนมาทำให้ อย่าแม้แต่จะคิดปีนลงไปทำเองอีก เข้าใจมั้ย...”