25/7/56

Fiction Saint Seiya : Shaka in Wonderland (end)


Pairing : เหมียวเรีย” กับ “อลิช่า(กะ)”

Intro : อลิซต้นฉบับวิ่งตามกระต่าย แต่อลิช่าของเรา...วิ่งตามแมวววววววว!!! ^^” ปล. ท่านช่ารับบทอลิซ ...อลิซคือสาวน้อย โอเค๊...5555+

-----------------------------------------------------------------------

ทางเหนือสุดของป่าเป็นเนินสูง มีปราสาทสีขาวสะอาดเหมือนในเทพนิยายตั้งอยู่ รอบล้อมด้วยทิวสนสูงใหญ่สีเขียวเข้มจัด แนวไม้พุ่มเตี้ยๆ ที่ผลิดอกสีหวานพราวไปทั้งต้น และไอหมอกบางเบาที่ปกคลุมอยู่แทบจะทั่วทุกแห่ง

เพราะตัวใหญ่จึงก้าวได้ยาว เลยช่วยประหยัดเวลาแถมย่นระยะทางเดินไปได้มาก แต่พออีกสักนิดจะถึงหน้าประตูวังชากะก็ดื่มน้ำสีฟ้าที่ตักใส่ขวดเก็บติดตัวมาด้วยจนมีความสูงเท่าเดิม

ระหว่างกำลังด้อมๆ มองๆ คิดหาวิธีเข้าไปข้างใน แกะสีชมพูในชุดสาวใช้สีดำทับด้วยผ้ากันเปื้อนลูกไม้สีขาวเข้ากับที่คลุมผมก็วิ่งถลาพรวดพราดผ่านมา ในมือถือถาดเงินขนาดใหญ่มีฝาครอบปิดไว้

“แย่แล้วๆๆๆ” เจ้าแกะลนลานหน้าตื่น “ทำยังไงดีๆ อาหารยังไม่เสร็จ ที่เสร็จก็ยังไม่ได้ส่ง กิกิหายไปไหน แย่แล้วๆๆๆๆ ....เธอแน่ะ

“ฉันเหรอ” ชากะเลิกคิ้วมองแกะขนฟูตรงหน้าสลับกับถาดเงินที่ถูกอีกฝ่ายยัดใส่มือไปมา

“รีบเอาเข้าไปถวายราชาไอโอรอสด่วนเลยนะ ด่วนสุดๆ ฉันต้องกลับไปทำอาหารต่อแล้ว ขอบจายยยยย.....” พอออกปากใช้งานเสร็จเจ้าแกะก็ฉีกยิ้มส่งให้หนึ่งทีแล้ววิ่งขนกระเจิงกลับไปทางเดิมที่ออกมา ปล่อยให้ชากะมอง วีซ่า ในมืออย่างพออกพอใจ



ภายในปราสาทหินอ่อนสีขาวตกแต่งอย่างโอ่อ่าหรูหราอลังการ บนเพดานและตามผนังมีโคมไฟคริสตัลสวยงามห้อยระย้าอยู่เป็นระยะ ตามทางเดินปูด้วยพรมสีแดงขลิบทอง สองข้างทางก็ประดับด้วยดอกไม้สดส่งกลิ่นหอมระรวย เสียงดนตรีไพเราะที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนก็ดังคลออยู่แผ่วๆ

หลังจากยื่นถาดเงินให้มหาดเล็กรับใช้ก็ไม่มีใครสนใจ เด็กส่งของ(ซะเมื่อไหร่) อีก ชากะเลยเดินดูโน่นดูนี่ไปเรื่อยๆ...จากห้องโถงกลางขนาดใหญ่ก็แบ่งออกเป็นห้องเล็กห้องน้อยอีกนับไม่ถ้วน สักพักใหญ่ๆ ก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายคล้ายๆ แมวใกล้ถูกเชือดเต็มทีดังออกมาจากห้องๆ หนึ่งบนชั้นสอง


พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่คร้าบบบบบ... ช่วยเรียน้อยๆ ด้วยยยยยยยย พี่สะใภ้ใหญ่”


บนระเบียงชั้นสอง ชายสองคนเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างหน้าต่าง เล่นเอาชากะที่วิ่งขึ้นบันไดมาต้องรีบหมุนตัวหลบหลังผ้าม่านผืนใหญ่ของหน้าต่างบานใกล้ๆ

“ไอโอเรียๆ โอย...” ชายคนแรกทำท่าเหมือนจะเป็นลมแหล่มิเป็นลมแหล่

“เอาน่า นายทำดีที่สุดแล้วล่ะ” ชายอีกคนที่เหมือนกันเปี๊ยบปลอบใจก่อนบ่นพึม “อุตส่าห์ช่วยให้หนีไปได้แล้วแท้ๆ แต่ก็ยังพลาดท่าโดนจับกลับมาได้อีกเนี่ย”

“อโฟรดิตี้น่ะไม่เท่าไหร่ แต่นี่ชูร่า....” ชายคนแรกถอนใจยาว “รายนี้ทำตามคำสั่งไอโอรอสเท่านั้น...และยังไม่เคยทำงานพลาด”

“แล้วจะทำยังไงต่อไป” ชายอีกคนถอนใจบ้าง “คราวนี้ไอโอรอสใจแข็งกว่าทุกที ขนาดไม่ยอมให้นายเข้าไปพบแบบนี้”

“ในเมื่อพูดกันดีๆ ไม่รู้เรื่องก็ต้องเจ็บตัวกันบ้าง” นัยน์ตาสีน้ำเงินจัดของคนพูดเป็นประกายวาววับ เส้นผมสีเดียวกันกับสีตาก็ค่อยๆ ซีดลงๆ จนเกือบเป็นสีเทาจางๆ “เดี๋ยวค่อยเอาคืนคืนนี้”

ชายทั้งสองเดินลงบันไดไป เป็นโอกาสให้ชากะแอบเปิดประตูย่องเข้าไปในห้องที่หมายตาไว้ได้สำเร็จ

ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าคนที่หลบอยู่หลังรูปปั้นเทพีวีนัสขนาดใหญ่มุมห้อง...ไอโอเรียถูกจับมัดมือมัดเท้าให้นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ ใกล้กันเป็นชายร่างสูง ผมสีน้ำตาล ตาสีเขียว ในชุดหลุยส์แบบเต็มยศที่ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็รู้ว่าเป็น พี่ชาย ได้โดยไม่ต้องพูด

“อ้า...อ้าปากกว้างๆ เร็วเข้า เร็ว...เอ้า......อ้ำ....” พี่ชายที่แสนไม่ดี...มือหนึ่งพยายามง้างปากน้องชายให้อ้าออกให้ได้ ส่วนอีกมือก็ถือส้อมคันใหญ่พยายามจะป้อนอะไรสักอย่างใส่ปากน้องชายที่พยายามหุบปากให้สนิทแล้วหันหน้าหนีอย่างเอาเป็นเอาตายเหมือนกัน

บนโต๊ะตัวเล็กใกล้ๆ มีจานใส่ปลาย่างตัวโตวางอยู่ พร้อมถาดเงินและฝาครอบ

...เป็นอันรู้ว่าในถาดมีอะไร

“เฮ้อ!” เสียงถอนใจแบบไม่ปิดบังดังลั่นตามมาด้วยเสียงโยนส้อมกลับลงในจาน “โตแล้วนะ ไอโอเรีย รู้ไปถึงไหนอายเค้าไปถึงนั่น...เป็นเจ้าชายประสาอะไร ไอที่ควรจะกินไม่กิน วันๆ กินแต่ขนม ไม่อายคนอื่นมั่งเรอะ”

เจ้าชาย ส่ายหัวไปมา หน้าตางี้บอกชัดแจ๋วว่าเจ้าตัวไม่รู้จักคำว่า อาย เลยสักนิด

“เอาน่า....ไอโอเรียน้องรัก” พอเห็นว่าใช้ไม้แข็งแล้วไม่ได้ผล คุณพี่ก็หันมาใช้ไม้อ้อนด้วยการหยิบส้อมจิ้มเนื้อปลาในจานเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ ให้ดูเป็นตัวอย่างพลางโฆษณาชวนเชื่อหลอกน้องไปด้วย “เนื้อสัตว์น่ะอร่อยนะ เนื้อปลาน่ะยิ่งอร่อยใหญ่เลย ลองชิมดูสักคำก่อนมั้ย คำเดียว...น่านะ แค่คำเดียวเอง เร็ว ”

น้องรัก กลับเมินหน้าไปซะอีกทาง จนคุณพี่ชายทนหงุดหงิดไม่ไหว มือใหญ่ล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อทักซิโดแล้วดึงถุงที่ใส่คุกกี้ไว้เต็มออกมา

“พี่รอส อย่านะ” ไอโอเรียตาโตหูตั้งหางชี้ ร่ำๆ จะกระโจนเข้าไปแย่งคืนมาแต่ติดว่าถูกมัดไว้ “นั่นถุงสุดท้าย หมดแล้วหมดเลย ไม่มีกินแล้ว”

“ก็ให้มันรู้กันไป” ราชาไอโอรอสทำเสียงเย็นขณะขยำคุกกี้ทั้งถุงแหลกคามือ “ถ้าหิวจนท้องกิ่ว แล้วไม่มีอะไรจะกิน น้องรักของพี่จะ....โอ๊ยยยยยยยย!!!!!!!!

เสียงร้องลั่นดังตามหลังเสียงของแข็งกระทบศีรษะ จากนั้นไอโอรอสก็ล้มตึง.....

ชากะที่โมโหจัดจนลืมตัวเพราะเห็นคุกกี้ที่บรรจงทำสุดฝีมือกลายเป็นเศษผงร่วงลงเกลื่อนพื้นต่อหน้าต่อตาพยายามสงบสติอารมณ์สุดความสามารถ ค่อยๆ วางถาดเงินในมือลง แล้วแก้เชือกให้แมวที่ตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก

“มะ..มาทางนี้ เร็ว...เร็วเข้า” ไอโอเรียที่พอหาเสียงตัวเองเจอก็รีบสะบัดเชือกให้หลุดแล้วฉวยข้อมือชากะออกวิ่ง “ถ้าพวกพี่สะใภ้มาเจอเข้าตอนนี้ล่ะก็ เรื่องใหญ่แน่”

“แต่พี่ชายนาย...” ชากะที่สติกลับคืนมาแล้วละล้าละลัง    

...ถ้าถูกจับได้...ข้อหา ทำร้ายร่างกายยังไงก็น่าจะดีกว่าฆาตกรรม

“พี่รอสหัวแข็ง ตายยาก...” น้องเรียว่าเข้านั่นพลางทำหน้าเสียวสยอง “แต่ถ้าตอนนี้เราหนีไม่ทันแล้วโดน 3 คนนั่นรุมสกรัมเอาด้วยท่าไม้ตายคนละทีสองทีล่ะก็...มีหวังได้ตายจริงๆ”

...ทำไงได้ ว่าไงก็ว่าตามกัน

ชากะทิ้งเสียงกรีดร้องของใครสักคนที่เข้ามาในห้องแล้วเห็นไอโอรอสนอนขึ้นอืดอยู่ไว้ข้างหลังแล้วตามไอโอเรียที่พาวิ่งเข้าไปในทางลับที่อยู่หลังกระจกบานใหญ่ก่อนลัดเลาะออกมาทางหอคอยคู่ติดกับสวนดอกไม้ด้านหลัง พอชักรอกสะพานไม้ขนาดเล็กลงไปให้เชื่อมกับทางเดินอีกด้านนึงแล้วข้ามฝั่งไปได้...ก็รู้สึกราวกับหลุดออกมาอยู่อีกโลก

รอบตัวตอนนี้เต็มไปด้วยแผ่นน้ำแข็งและกองหิมะขาวโพลนไกลสุดลูกหูลูกตา ลมพายุเย็นจัดสะท้านหัวใจกระหน่ำกระโชกรุนแรงหอบพาเอาหิมะโปรยปรายปลิวกระจายไปทั่ว พัดพาความหนาวเหน็บให้กรีดลึกเข้าไปถึงกระดูก

“คามิวยังไม่หายโกรธมิโร่ อ้อ! มิโร่ที่เธอเคยเจอเป็นผู้ดูแลป่าฤดูร้อนทางใต้ ส่วนคามิวเป็นผู้ดูแลทุ่งน้ำแข็งทางเหนือ” ไอโอเรียถอดเสื้อนอกออกคลุมให้คนตัวเล็กกว่าเบามือพลางพยายามเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า “จะค่ำแล้วเราคงต้องหาที่หลบพายุหิมะกันก่อน”

ไกลออกไปอีกนิดมีกระท่อมเล็กๆ มืดๆ ที่แทบจะถูกหิมะกลบมิด ข้างหน้าปักป้ายไว้ว่า บ้านขนมหวานอันแสนสุขของไอโอเรีย---ห้ามเข้ามาก่อนได้รับอนุญาต

เจ้าของบ้านเดินนำเข้าไปก่อนกุลีกุจอจุดเตาผิง สักพักในกระท่อมก็เต็มไปด้วยแสงสว่างและความอบอุ่นจนชากะที่แทบจะแข็งตายอยู่รอมร่อถอนใจเฮือกแล้วหันซ้ายหันขวามองหาที่นั่ง

“รกหน่อยนะ” ไอโอเรียหัวเราะแหะๆ ก่อนเดินไปเปิดประตู “เดี๋ยวฉันไปหาฟืนกับน้ำมาให้

“เสื้อ” คนไม่อยากเอาเปรียบแมวตะโกนตอบทำท่าจะถอดเสื้อนอกตัวโตที่คลุมอยู่ออก แต่สายลมเย็นเฉียบที่พัดเข้ามาทางช่องประตูที่เปิดออกกว้างก็ทำเอาชากะหน้าเบ้ มือกระชับเสื้อแน่นเข้าโดยไม่รู้ตัว จนอีกฝ่ายต้องรีบเดินออกไปแล้วปิดประตูให้สนิท

“แค่นี้สบายมาก เธอใส่ไว้เถอะ”

บ้านขนมหวานแต่เอาเข้าจริงก็ไม่อะไรเหมือนขนมหวานสักอย่าง...ดูข้างนอกเหมือนจะเล็ก แต่ข้างในกลับกว้างพอใช้ พื้นปูด้วยขนสัตว์นุ่มๆ มุมห้องด้านหนึ่งเป็นเตาผิง อีกมุมเป็นเตาอบพร้อมอุปกรณ์การครัว มุมถัดมาเป็นชั้นหนังสือ มีหนังสือนิทานเด็กเก่ารุ่งริ่งกับของเล่นสภาพไม่ค่อยสมประกอบวางอยู่เต็ม ข้างๆ กันเป็นกองหมอน ผ้าห่ม

...ภาพ ลูกแมวลายเสือสีส้มนอนกลิ้งอ่านนิทานไปพลางกินขนมไปพลาง ผุดขึ้นมาในจินตนาการ

...เอา ช่วยไม่ได้

...อยู่บ้านแมวอย่านิ่งดูดาย อบคุกกี้ไว้ให้แมวกิน

คิดแล้วก็ลงมือผสมแป้ง...สักพักกลิ่นคุกกี้น้ำตาลหวานหอมก็อวลกรุ่นไปทั่ว

“จ๊อกกกก....โครกกกก”

เสียงท้องร้องลั่นปานฟ้าร้อง ทำให้แมวที่หลังจากหอบฟืนหิ้วถังน้ำกลับเข้ามาก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาซนฟืนในเตาผิงก้มหน้างุดด้วยความเขิน จนคนที่กำลังยกถาดขนมออกจากเตาอบขมวดคิ้ว

“ฉันก็เป็นแบบนี้แหละ” ไอโอเรียยิ้มแหะๆ พลางทำหูลู่ไปข้างหลัง แล้วรีบพูดเร็วปรื๋ออออ.... “ขนมอร่อยกว่าพวกปลาหรือเนื้อเหม็นคาวนั่นตั้งเยอะ แต่พี่รอสกลับดุว่าแมวไม่กินขนม จากนั้นก็พยายามบังคับให้กินปลาให้ได้ มูที่เป็นแม่ครัวก็ทำขนมไม่เป็น ฉันเลยต้องออกไปข้างนอก พอเจอเค้กกับคุกกี้ของเธอเข้าก็เลย....ขอโทษนะ”

“เอ้า” 

ท่าทางคำสารภาพกับคำขอโทษง่ายๆ แต่จริงใจชะมัดจะทำให้คู่กรณีใจอ่อน ยอมยกคุกกี้จานโตมาตั้งให้ตรงหน้าแล้วลงมือชงชา

“กินได้แน่นะ” หนูเรียยังไม่ค่อยไว้ใจ ยิ่งติดหิมะอยู่ในบ้านด้วยกันแบบนี้ จะหนีไปไหนเป็นไม่รอด

“ได้”

“หมดนี่เลยนะ” เสียงเลียบๆ เคียงๆ ขอคอนเฟิร์มคำตอบอีกสักครั้งเพื่อความแน่ใจ

“ในเตาอบยังมีอีกถาด กินได้เท่าไหร่กินไป”

“จริงนะ”

“เอ๊....” คนอบคุกกี้ชักมีน้ำโห แต่พอเห็นท่าทางเคี้ยวคุกกี้กร้วมๆ กินเอาๆ แบบแมวตายอดตายอยากแล้วก็อดสงสารไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องเลื่อนถ้วยน้ำชาส่งไปให้อีกถ้วยนึง

ตกดึก...พายุหิมะยิ่งแรง ขนาดนอนขดกลมห่มผ้าห่มหนาๆ อยู่หน้าเตาผิงก็ยังหนาวจนนอนไม่หลับ

...ร้อนหนอ ไม่หนาวหนอ ร้อนหนอ ไม่หนาวหนอ

...หนาวหนอ หนาวจริงๆ หนอ หนาวสุดๆ หนอ

ลงท้ายก็ต้องขยับๆ เข้าไปใกล้แมวที่นอนหันหลังให้อีกหน่อย และถึงแม้จะยกผ้าห่มทั้งหมดให้ชากะแต่ไอโอเรียก็ยังหลับสนิทได้อย่างน่าอิจฉา...พอเห็นอีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าจะตื่นก็อดจะขยับๆๆๆ เข้าไปใกล้อีกนิดไม่ได้

“หนาวเหรอ”

เสียงถามเบาๆ บอกให้รู้ว่าเจ้าตัวไม่ได้หลับอย่างที่คิด

“ฉันไม่มีเฟอร์หนาๆ แบบนายนี่”

“มนุษย์นี่ขี้หนาวจังนะ” แมวทำหน้ายุ่ง “เอาผ้าห่มไปอีกผืนแล้วกัน”

ยังไม่ทันจะได้บอกขอบอกขอบใจอะไร เฟอร์หนาๆ ก็ห่มทับลงมา...ลมหายใจอุ่นๆ กระทบข้างแก้มแผ่วเบาแต่ร้อนวาบจนเกือบลืมตัวสะบัดออก

“ชู่ว์ อยู่นิ่งๆ” ผ้าห่มที่พลิกตัวกลับมากอดอีกฝ่ายไว้หลวมๆ เอาปลายนิ้วลูบเส้นผมสีทองเบาๆ ก่อนถอนใจยาวแล้วหลับตาลง “มีประตูมิติอีกบานอยู่ในทุ่งหิมะหลังบ้านคามิว แต่ต้องหาวิธีให้เจ้าตัวหายโกรธซะก่อน ไม่งั้นเรามีหวังแข็งตายก่อนไปถึงหน้าประตู นี่...ถ้าต้องง้อใครสักคน เธอจะทำยังไง”

“หาอะไรที่เค้าชอบไปให้สิ...ของกิน ดอกไม้ก็ได้” คนอยู่ใต้ผ้าห่มตอบเสียงอู้อี้

...อึดอัด แต่อยู่แบบนี้ก็อุ่นดีเหมือนกัน

“ดอกไม้...ดอกไม้....เสียงแมวพึมพำเบาๆ “ดอกไม้...โอเค...”

จากนั้นแค่ไม่กี่นาที หนึ่งคนกับหนึ่งตัวก็หลับสนิท


รุ่งเช้า...หลังจากเก็บกวาดคุกกี้ที่เหลือจากเมื่อวานหมด ไอโอเรียก็หายจ้อย...จนเกือบบ่ายแก่ๆ แล้วนั่นแหละถึงกลับมาพร้อมดอกไม้ช่อโตเต็มอ้อมแขน

...ดอกไม้เล็กๆ แสนบอบบาง กลีบดอกสีม่วงอ่อนตัดกันกับเกสรสีเหลือง   

“ดอกชิออนน่ะ” ไอโอเรียยิ้มแป้น ท่าทางดีอกดีใจผิดปรกติ “แบบนี้คามิวจะไม่หายโกรธก็เกินไปล่ะ”

ชากะพยักหน้าหงึกๆ แม้จะยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าดอกไม้ช่อเบ้อเริ่มจะช่วยให้พายุหิมะสงบได้ยังไง...อยู่ๆ ดอกชิออนช่อเล็กก็ยื่นมาตรงหน้า

“เอ้า”

“ให้ฉันเหรอ” ชากะมองดูดอกไม้ในมือ แล้วหันไปถามคนให้ที่เอาแต่ยืนหันข้างแล้วเมินหน้าไปอีกทางตลอดเวลา

“ใครถือก็ของคนนั้นแหละ” ไอโอเรียก้มหน้างุด เดินจ้ำพรวดๆ ไปที่ประตูก่อนออกปากเร่งแก้เขิน “รีบๆ ตามมาเร็วเข้า”

“ขอบใจ”

“ชอบมั้ย”

“ชอบสิ”

“ว่าไงนะ” แมวเหมียวเลิกคิ้วแล้วเหลียวกลับมามองอีกครั้งเพราะอยากได้ยินอีกที

“ชอบ...ชอบมากด้วย” ชากะยิ้มจางๆ “ฉันชอบดอกไม้ ไม่มีที่ยังเป็นต้นเหรอ จะได้เอากลับไปปลูกที่บ้าน”

คราวนี้ไอโอเรียเดินออกประตูไปโดยไม่รอ เพราะทำยังไงก็คงซ่อนหูแดงๆ ไว้ไม่มิด

“เดี๋ยวหาให้”


กลับมาที่ทุ่งน้ำแข็งอีกครั้ง พายุหิมะเย็นจัดยังพัดเป็นระยะ

“คามิว” ไอโอเรียตะเบ็งเสียงลั่นๆ “มิโร่ฝากบอกมาว่าคิดถึง...นี่ดอกไม้ รับไป”

ดอกไม้สีม่วงทั้งช่อถูกโยนขึ้นสูงแล้วปลิวกระจายไปในสายลมเย็นยะเยือกจนน่ากลัวว่ากลีบดอกแสนบอบบางนั่นจะช้ำเสียหมด แต่แล้วอึดใจต่อมาพายุก็เริ่มสงบ แผ่นน้ำแข็งและกองหิมะค่อยๆ ละลาย อากาศก็อุ่นขึ้นๆๆๆ พร้อมกับดอกไม้ที่โยนออกไปเมื่อกี้ถูกสายลมบางเบาพัดรวมเป็นช่อตามเดิมแล้วปรากฏอยู่ในมือชายผมยาวสีน้ำทะเลในชุดสูทสีขาวสะอาด

“พวกนายงอนอะไรกัน” พอเจอหน้าปุ๊บ แมวก็รีบชิงความได้เปรียบด้วยการป้อนคำถามปั๊บ

“เจ้าบ้านั่นมีโทรศัพท์อีกเบอร์ แต่ไม่ยอมบอกฉัน แถมเป็นเบอร์พิเศษ...limited edition ป้องกันการดักฟังได้ทุกรูปแบบ มันน่าโมโหมั้ยล่ะ” คามิวทำหน้ามุ่ยแต่ยังกอดช่อดอกไม้ไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

“ใช่เบอร์กระต่าย แมว นก ม้า กระรอก นก นก ปลา กระต่าย กระต่าย รึเปล่า” ไอโอเรียขมวดคิ้วพลางทวนหมายเลขตัวปัญหาได้ตรงเป๊ะ “เบอร์นั่นพี่สะใภ้ใหญ่ให้คาน่อนไปเอามาจากราด้าแล้วเอามาให้ฉันอีกที แต่ถ้าโทรเองพี่รอสต้องรู้ เลยเอาไปฝากไว้ให้เจ้ามี่ช่วยโทรให้”  

“หา?...” คามิวอ้าปากค้าง “มิโร่เป็นเอเย่นต์ซื้อขนมให้นาย”

“เออสิ” แมวทำหน้าขึงขัง “พอโดนนายโกรธเข้า เจ้ามี่มันเลยไม่ยอมโทรไปสั่งขนมให้อีก ฉันเลยต้องออกไปหาขนมกินข้างนอก แล้วก็เลย...เลย...เลย...เอ่อ....เจอชากะเนี่ยแหละ”

เสียงพูดอึกๆ อักๆ ติดๆ ขัดๆ ยังไงชอบกล แถมนัยน์ตาสีใบไม้ก็คอยเหลือบมองมาเป็นระยะๆ อย่างน่าสงสัย
                                                                                                               
“ชากะ?” คามิวที่เพิ่งสังเกตเห็นบุคคลที่สามในวงสนทนาหันขวับ “ใช่ชากะที่ปู่โดพูดถึง...”

“เออ”

“งั้นก็” คามิวตาโต “ใช่ชากะที่เค้าลือกันหึ่งว่า....อี๋อามอายอาใอ้อั๊ย”

ท้ายประโยคฟังไม่รู้เรื่องเพราะถูกแมวกระโดดเข้าตะครุบปากซะก่อน

“นายรีบไปเคลียร์กับมิโร่ให้เรียบร้อยดีกว่า” ไอโอเรียออกอาการโวยวายเสียงดังโดยไม่จำเป็นแถมยังไม่ยอมปล่อยมือ “มันจ๋อยสนิทมาหลายวันแล้ว ส่วนชากะเดี๋ยวฉันพากลับออกไป โอเค๊...”

“เออๆ รู้แล้ว” คามิวพยักหน้าพลางปัดมือแมวที่ปิดปากออกไป หันมาขมวดคิ้วมองชากะอีกที แต่พอเห็นช่อดอกชิออนอีกช่อที่อีกฝ่ายถือไว้ก็หัวเราะออกมาเบาๆ แล้วโบกมือให้ “ไปนะ”

“แล้วอย่าทะเลาะกันอีกล่ะ” ไอโอเรียตะโกนไล่หลังคามิวที่ค่อยๆ หายตัวไปพลางถอนใจโล่งอก แต่พอหันมาเห็นชากะยืนมองอยู่ก็สะดุ้งโหยง

“ตกใจอะไร” ชากะที่รู้สึกแปลกๆ ยังไงบอกไม่ถูกถามขึ้น

“เปล่า...อ่า...” แมวเรียติดอ่างไปชั่วขณะก่อนจะทำท่านึกอะไรได้แล้วรีบออกเดิน “ประตูๆ ประตูอยู่ทางนี้ ตามมาเลย”

...แต่              

ที่หน้าซุ้มประตูดอกลิลลีสีขาว มีคน 2 คนยืนคอยอยู่ ขนาดเห็นจากระยะไกลยังรู้ว่าเป็น...

...

...

“พี่รอส พี่สะใภ้ใหญ่”

ไอโอเรียกลืนน้ำลายเอื้อก เอาตัวบังชากะไว้ แล้วฉีกยิ้มที่ดูยังไงก็เป็นยิ้มแหยๆ ส่งไปให้

ไอโอรอสที่ยืนหันหลังให้ค่อยๆ หมุนตัวกลับมาเผชิญหน้า

ใบหน้าตึงสนิท แววตาแห้งแล้งเย็นชา ริมฝีปากเม้มแน่น แล้วยังจะคอสโม่แบบไร้ความเวทนานั่นอีก มันช่างแตกต่างสุดขั้วกับอิมเมจ พี่ชายแสนดีสุดที่เลิฟที่เห็นเป็นประจำจนน้องชายชักอยากจะร้องไห้ขึ้นมา

...แต่แล้ว       

......

....

“เหวอ...พี่รอส”

“ฮะ.....ฮึก.....ไอโอเรียน้องรักของพี่” ไอโอรอสปล่อยโฮออกมาเต็มเหนี่ยวก่อนถลาเข้ามาเบียดชากะที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ออกไปให้พ้นทางแล้วกอดไอโอเรียไว้ ส่วนซางะที่จ้องชากะเขม็งมาตั้งแต่ต้น พอเห็นช่อดอกชิออนเท่านั้นก็ยิ้มกว้าง เอามือตบบ่าคนข้างๆ แบบไม่เบานัก

“ไอโอรอส อย่าเว่อร์ ขายหน้าคนอื่นเค้า”

“ช่างคนอื่นสิ” ไอโอรอสเมินหน้าพลางเอาชายเสื้อหลุยส์เช็ดน้ำตาป้อยๆ “อยู่ๆ ก็มีข่าวลือกันให้แซ่ดว่ามีใครที่ไหนไม่รู้หนีตามน้องชายที่น่ารักของฉันมาที่นี่ แล้วตอนเนี้ย..ไอโอเรียก็จะหนีตามเจ้านั่นกลับไปบ้าง แบบนี้ฉันยอมไม่ได้”   

“มะ...ไม่ใช่นะพี่ คือ...คือ...แบบว่า คือ” น้องชายสุดที่รักรีบละล่ำละลักปฏิเสธ ยิ่งเห็นชากะทำหน้านิ่งๆ ยิ้มๆ มองมาที่สองพี่น้องก็ยิ่งเสียวไส้ขึ้นเป็นกำลัง

“อย่ามาหลอกกันให้ซะให้ยาก” ไอโอรอสหันขวับไปแยกเขี้ยวใส่ชากะ “ดอกชิออนยังคามืออยู่แท้ๆ”

“ดอกไม้นี่ทำไมเหรอ” ชากะหันไปถามซางะที่ดูท่าว่าจะเป็นคนที่พูดรู้เรื่องที่สุด

“ภาษาดอกไม้...ดอกชิออน แปลว่า คิดถึงเธอที่อยู่ไกลหรือ จะไม่ลืมเธอเลยก็ได้” ซางะตอบพลางพยายามกลั้นหัวเราะสุดความสามารถ “แล้วนั่นเป็นของที่ไอโอเรียให้มารึเปล่าล่ะ...”

“อ้อ” ชากะพยักหน้ารับแต่ไม่ตอบคำถาม

...มิน่า ท่าทางเจ้าแมวตัวร้ายตอนให้ดอกไม้ถึงได้ประหลาดๆ ชอบกล ส่วนคนอื่นๆ พอเห็นเข้าก็ฉีกยิ้มกันเป็นแถว

“อย่าคิดนะว่าฉันจะยกไอโอเรียให้เธอง่ายๆ” ไอโอรอสที่ยังกอดไอโอเรียไว้แน่นขู่ฟ่อ “ไม่มีทาง...อย่าหวังซะให้ยาก”         

“ไอโอรอส” ซางะทำเสียงแข็งเป็นเชิงปราม

แต่อีกฝ่ายกลับไม่หยุด

“มาพนันกันมั้ยล่ะ” พี่ชายจงใจหาเรื่องท้าทาย “ถ้าเธอชนะฉันได้...ฉันจะยกไอโอเรียให้ แต่ถ้าแพ้ก็คืนน้องชายฉันมาแล้วไม่ต้องมาให้เห็นหน้าอีก”

“ก็ได้” ชากะยิ้มบางแต่นัยน์ตาสีฟ้าเป็นประกายวาวไม่ได้ยิ้มตามไปด้วย “จะพนันอะไรล่ะ”

“โปกเกอร์” ราชาแห่งดินแดนมหัศจรรย์ดีดนิ้วเปาะเดียว โต๊ะ เก้าอี้ พร้อมสำรับไพ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า

“ตกลง” ชากะรับคำท้ามันง่ายๆ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม วางช่อดอกชิออนไว้บนตัก “แจกไพ่ได้เลย”

“ลืมบอกไปอย่าง...” ไอโอรอสยิ้มร้าย “ฉันเป็นมือหนึ่งของอาณาจักรนี้ แม้แต่มหาเทพเซอุสหรืออาเธน่าก็ยังแพ้ฉันมาแล้ว”

แต่.....

ก่อนวงไพ่จะเริ่มต้น...เสียงโวยวายก็ดังขึ้นเดี่ยวๆ

“เดี๋ยวสิ ฉันไม่ใช่ของรางวัล”

“เงียบ” เสียตวาด 3 เสียงดังพร้อมกัน

และแล้วการดวลไพ่ระหว่างไอโอรอสและชากะ โดยมีซางะเป็นกรรมการ และไอโอเรียเป้นของรางวัลก็เริ่มขึ้น

…Poker start…..

.....

.....

.....

.....



เช้าวันอากาศแสนจะสดใส.....

ในหมู่บ้านเล็กๆ เงียบสงบและแวดล้อมไปด้วยธรรมชาติแสนงาม

ชากะกำลังยกถาดใส่คุกกี้ออกจากเตาอบ พลางฮัมเพลงในคอเบาๆ

ใกล้ๆ กันมีแมวลายเสือสีส้มตัวเบ้อเริ่มกำลังกินเค้กอย่างมีความสุข

ต้นชิออนพุ่มใหญ่ออกดอกบานอยู่ข้างหน้าต่าง......

                                        
                                                                                              fin
                
                                                                                      เรีย-ช่า จงเจริญ...เฮ^^
                                                                                     
                                                                                           25/07/56

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ11/24/2556

    ไชโยกับคู่เรียช่าที่แสนหายาก ชอบมากจริงๆ ขอบคุณมากค่ะ
    ช่วงนี้ไม่ค่อยมีฟิคใหม่ๆ ของเซนต์เซย่าเลยค่ะ ดีใจที่ไรเตอร์ยังเขียนออกมาให้อ่านได้เรื่อยๆ นะคะ

    ตอบลบ